Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1000
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1000 การเปลี่ยนแปลงที่เหนือความคาดหมายแปลโดย iPAT อาจารย์ของเขาคือผู้บ่มเพาะสันโดษระดับเจ็ด ม่านอวี๋เซี่ย ตอนนี้เขากำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนเสื่อโดยไม่ไหวติงราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวของลู่ซวนฟง หลังจากนั้นไม่นานผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวก็ส่งเสียงมาจากหน้าปากถ้ำอีกครั้ง “พี่อวี๋เซี่ย ข้ายินดีเพิ่มไข่มุกมังกรสวรรค์อีกสิบเม็ด โปรดช่วยข้าด้วย” ชายชราม่านอวี๋เซี่ยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและกล่าวกับลู่ซวนฟง “ศิษย์ข้า ไปที่ภูเขาอี้เทียนและแก้ปัญหาให้เซียวซาน” ลู่ซวนฟงคุกเข่าลงคำนับม่านอวี๋เซี่ยสามครั้ง “ท่านอาจารย์ ศิษย์ทราบแล้ว” แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้แต่เขาก็ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นและไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะลุกขึ้น ม่านอวี๋เซี่ยเผยรอยยิ้ม “นิสัยเจ้าเล่ห์ของเจ้าไม่เคยเปลี่ยน” หลังกล่าวจบคำ ม่านอวี๋เซี่ยเป่าลมออกจากปาก มวลอากาศเย็นพุ่งเข้าสู่ร่างกายของลู่ซวนฟงและวนเวียนอยู่ที่นั่น “วิญญาณอมตะดวงนี้สามารถปกป้องเจ้า ไปได้แล้ว” ลู่ซวนฟงคำนับอีกสามครั้งและกล่าวอย่างมีความสุข “ข้าไม่สามารถซ่อนสิ่งใดจากท่านอาจารย์ได้จริงๆ ในฐานะศิษย์ ความตายของข้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่หากเป็นเช่นนั้น ท่านอาจารย์ก็จะขาดคนรับใช้ ท่านอาจารย์เมตตาข้า หากข้ายังไม่ได้ตอบแทนพระคุณ ข้าก็ยังไม่สามารถตาย” “เอาล่ะ ไปเถอะ” ม่านอวี๋เซี่ยถอนหายใจและโบกมือไล่ วูเฉิงตงนำฝูงสัตว์อสูรบุกภูเขาอี้เทียน หมู่บ้านอี้เทียนที่พึ่งก่อตั้งจึงถูกทำลายเป็นเหตุให้ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจลดลงขณะที่เซี่ยวซานต้องการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ในเย็นวันนั้นลู่ซวนฟงกลับแทรกซึมเข้าไปในค่ายพักแรมของฝ่ายธรรมะและสังหารวูเฉิงตงก่อนจะนำศีรษะของเขาขึ้นไปสู่ภูเขาอี้เทียน เซียวซานมีความสุขมากกับเรื่องนี้ “น้องลู่ ต้องขอบคุณเจ้ามาก เพราะเจ้า พวกเราทุกคนจึงรอดชีวิต” ลู่ซวนฟงเป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบ เขาป้องหมัดขึ้นและกล่าว “พี่เซียวกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงฉวยโอกาสเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะพี่เซียวและสหายท่านอื่นที่ต่อสู้และทำให้วูเฉิงตงได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าจะสามารถเอาชีวิตเขาได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร? คิดไปแล้วข้ามีส่วนร่วมในเรื่องนี้เพียงสิบส่วนเท่านั้น อีกเก้าสิบส่วนเป็นผลงานของทุกท่านที่อยู่ที่นี่” ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนรู้สึกประทับใจลู่ซวนฟงมากขึ้น หัวใจของเซียวซานจมดิ่งลง เขาไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของลู่ซวนฟงได้โดยการยกย่องเขา ดังนั้นเซี่ยวซานจึงรีบเปลี่ยนคำกล่าวเพื่อรักษาเสถียรภาพและเชิญลู่ซวนฟงไปยังหมู่บ้านอี้เทียน คลื่นลูกแรกของฝ่ายธรรมะถูกทำลายลงภายใต้ความร่วมมือของเซียวซาน ลู่ซวนฟง และคนอื่นๆ ฟางหยวนอยู่ข้างสนามรบโดยไม่สนใจสถานการณ์เหล่านี้ เขาทำตัวราวกับไม่รู้สิ่งใดแต่ลอบคิด ‘ในชีวิตนี้ระหว่างที่วูเฉิงตงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเซี่ยวซานตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวได้ไปขอความช่วยเหลือจากตาแก่ม่านอวี๋เซี่ย’ ‘ตาแก่ม่านอวี๋เซี่ยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ เขามีความขัดแย้งกับตระกูลวู เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวยื่นข้อเสนอที่ดี ม่านอวี๋เซี่ยจึงส่งลู่ซวนฟงเข้าสู่ภูเขาอี้เทียน ผู้อมตะหญิงจากตระกูลวู วูเติ้งจื่อ สูญเสียชิ้นหมากของนางไปเพราะเหตุนี้ แม้นางจะสามารถหลอมรวมเจตจำนงแห่งการต่อสู้ได้มาก แต่นางกลับเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด’ ‘ผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะและปีศาจต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนภูเขาอี้เทียนโดยไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาถูกควบคุมโดยผู้อมตะภาคใต้ มนุษย์ก็เหมือนมดปลวก…’ ‘ปล่อยให้พวกเขาวางแผนการต่อสู้ต่อไป หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เจตจำนงของข้าจะเหนือกว่าเซี่ยวซานและกลายเป็นผู้นำในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!’ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงได้รับโชคอย่างเงียบๆ เจตจำนงของเขาจะค่อยๆเติบโตโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เมื่อเวลาผ่านไป คลื่นลูกที่สองก็มาถึง ในคลื่นลูกแรก ผู้อมตะวูเติ้งจื่อพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้บ่มเพาะสันโดษม่านอวี๋เซี่ยสามารถเพิ่มสิ่งเดิมพัน นี่ทำให้วูเติ้งจื่อไม่สามารถอดทน ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะร่วมมือกับผู้อมตะตระกูลเฉิงและไม่ต่อสู้เพียงลำพังเช่นครั้งก่อน บนภูเขาอี้เทียน ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลวูบุกโจมตีหมู่บ้านอี้เทียนพร้อมกับผู้ใช้วิญญาณของตระกูลเฉิง เฉิงเยี่ยนถู และจูไคเป่ย ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันบริเวณเชิงเขาอี้เทียนและผลักกันแพ้ผลักกันชนะ หลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวัง สองผู้เชี่ยวชาญด้านการบินที่มีชื่อเสียงของภาคใต้เข้าร่วมกับหมู่บ้านอี้เทียน นี่ทำให้ฝ่ายปีศาจมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ฝ่ายธรรมะถูกผลักดันกลับไป เพื่อรับมือหลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวัง ฝ่ายธรรมะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการบินหญิง หงเฟยหยู ให้เข้าร่วม แต่หงเฟยหยูเพียงคนเดียวยังไม่สามารถต่อต้านผู้เชี่ยวชาญด้านการบินสองคนของฝ่ายปีศาจ เมื่อหงเฟยหยูตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน กำลังเสริมจากตระกูลเฉิงก็มาถึง เขาก็คือมือกระบี่แสงเว่ยหยาง เว่ยหยางอยู่ภายใต้การปกครองของเฉิงเยี่ยนเฟย เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ขั้นต้น เขาไม่เพียงสามารถช่วยเหลือหงเฟยหยูแต่ยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง หลังจากหงเฟยหยูล่าถอยออกไป เว่ยหยางต่อต้านหลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังด้วยตัวของเขาเองเพียงลำพังและสามารถถ่วงเวลากระทั่งกำลังเสริมมาถึง หลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังถูกบังคับให้ล่าถอย หลังการต่อสู้ครั้งนี้ เว่ยหยางได้รับการยกย่องจากผู้คนทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจว่าเป็นหนึ่งในสี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินที่ยอดเยี่ยมที่สุดของภาคใต้ ด้วยการคงอยู่ของเว่ยหยาง การต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและปีศาจกลับสู่สภาวะชะงักงันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อราชาผีดิบที่สองเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนและแสดงความสามารถบนเส้นทางแห่งทาสออกมา ฝ่ายธรรมะที่ขาดวูเฉิงตงจึงถูกบังคับให้ล่าถอยกลับไป การต่อสู้ครั้งที่สองจบลงที่จุดนี้ เบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากแผนการและการสมคบคิดของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ บนภูเขาอี้เทียน ผู้ที่รู้ความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์นี้มีเพียงฟางหยวน ด้วยตัวตนของฮวงชา ฟางหยวนเข้าสู่การต่อสู้และเผชิญหน้ากับเว่ยหยางโดยตรง ภายใต้การดูแลของเฉิงเยี่ยนเฟย เว่ยหยางเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเมื่อครั้งที่ฟางหยวนกับไป่หนิงปิงอาศัยอยู่ในเมืองเฉิง แต่ตอนนี้ฟางหยวนเป็นผู้อมตะไปแล้ว ในการต่อสู้ ฟางหยวนสามารถสร้างเจตจำนงแห่งการต่อสู้ได้มากกว่าผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมดรวมกัน ….. ภาคกลาง นิกายบัวสวรรค์ “บึม บึม บึม…” เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สภาพแวดล้อมกลายเป็นซากปรักหักพังขณะที่ฝุ่นควันลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ บนพื้นเต็มไปด้วยหลุมลึกพร้อมร่องรอยของเปลวเพลิง เศษน้ำแข็ง พลังงานไฟฟ้า และแม่น้ำเลือด การต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปดทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งนิกายบัวสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะมันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติ มันจะยิ่งเลวร้ายกว่านี้ หลังการต่อสู้รอบแรกหยุดลง โป้ชิงนำกลุ่มนิกายเงาถอยออกไประยะหนึ่ง ด้านหน้าของพวกเขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังลอยอยู่ หนึ่งในนั้นคือศาลานกขมิ้นที่งดงามและละเอียดอ่อน อีกหนึ่งคือวังเย่หยางที่ส่องประกายเจิดจรัส อย่างไรก็ตามสายตาของสมาชิกนิกายเงาต่างมองไปที่คฤหาสน์วิญญาณอีกหลัง มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด สระสวรรค์ หากมองจากภายนอก มันดูเหมือนสระน้ำขนาดเล็ก อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นคฤหาสน์วิญญาณที่เล็กที่สุด สระน้ำบ่อนี้เต็มไปด้วยดอกบัวสีเขียว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือดอกบัวทุกดอกล้วนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้เป็นรากฐานของนิกายบัวสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรรค์ ความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมันก็คือการเก็บมิติช่องว่างอมตะ “หากพวกเราไม่สามารถเอาชนะคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระสวรรค์ ความสูญเสียทั้งหมดของพวกเขาก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด” ซ่งซื่อซิงกล่าว “แต่มันยากเกินกว่าที่จะโค่นล้ม เทพอมตะบัวสวรรค์มีความเชี่ยวชาญด้านรักษาและฟื้นฟู สระสวรรค์มีรูปแบบการทำงานและความสามารถไม่ต่างจากตัวเขา หากไม่สามารถทำลายมันในครั้งเดียว มันก็สามารถฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ” หยูมู่ฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราส่ายศีรษะ “ไม่เพียงสระสวรรค์แต่ยังมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลัง พวกมันยากที่จะจัดการเช่นกัน ตอนนี้พวกเขารู้จุดอ่อนของโป้ชิงและกำลังใช้ประโยชน์จากมัน” จุดอ่อนของผีดิบอมตะโป้ชิงก็คือดวงวิญญาณของโม่เหยาที่อยู่ภายใน ครั้งก่อนดวงวิญญาณของโม่เหยาถูกทำลายโดยผู้อมตะจากวังสวรรค์ ครั้งนี้ผีดิบอมตะโป้ชิงยังสูญเสียวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาที่สามารถต่อต้านผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หลังจากสูญเสียวิญญาณอมตะดวงนี้ โป้ชิงต้องระวังตัวมากขึ้น “ไปกันเถอะ พวกเราทำภารกิจถ่วงเวลาสำเร็จแล้ว” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากล่าวก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายรุ้งบินจากไปทันที โป้ชิงกับคนอื่นๆตามไปอย่างรวดเร็ว “หลบหนีจากชะตากรรมและยังบุกโจมตีหนึ่งในสิบนิกายโบราณ ความผิดนี้ไม่สามารถให้อภัย แต่ตอนนี้พวกเจ้ายังคิดว่าสามารถจากไปงั้นหรือ?” จากภายในสระสวรรค์ เสียงของเจ้าวังสวรรค์ดังขึ้น คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามไล่ล่าสมาชิกนิกายเงาไปอย่างไม่ลดละ การแสดงออกของผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดกับสมาชิกคนอื่นๆ “ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องมีบางคนอยู่ด้านหลังและถ่วงเวลาให้คนที่เหลือหลบหนี” “ข้าจะทำมัน!” โป้ชิงเร่งกล่าว “มันจะดีที่สุดหากให้ข้าทำ พวกเจ้ามีพลังการต่อสู้สูงกว่าข้า พวกเจ้าจะมีประโยชน์ต่อแผนการของเรามากกว่าข้า” หยูมู่ฉานอาสาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ดวงตาของคนอื่นๆส่องประกายขึ้น พวกเขาทิ้งหยูมู่ฉานเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่ลังเล “ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป!” “ฮืม ผู้คนบนเส้นทางสายปีศาจล้วนเชี่ยวชาญในการทรยศหักหลัง” “เจ้าคิดว่าสามารถหยุดพวกเรางั้นหรือ? เจ้านำความมั่นใจชนิดนี้มาจากที่ใด?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามพุ่งเข้าโจมตีหยูมู่ฉานอย่างเกรียวกราก หยูมู่ฉานมองความตายที่ใกล้เข้ามาและเผยรอยยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่าพวกเราไม่ได้เตรียมตัวมางั้นหรือ?” หลังกล่าวจบคำ ค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่พลันระเบิดลำแสงขึ้นสู่ท้องฟ้า… ข้อมูลเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถปกปิดจากโลกของผู้อมตะภาคกลาง เมื่อฟางหยวนได้รับข่าวนี้ เขารู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากชีวิตก่อนหน้าของเขาอย่างมาก ครั้งนี้ผีดิบอมตะโป้ชิงยังมีชีวิตอยู่! ด้วยเหตุนี้ผีดิบอมตะโป้ชิงจะต้องเกลียดชังฟางหยวนที่ขโมยวิญญาณอมตะของเขาไป ฟางหยวนเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและตรวจสอบวิญญาณอมตะของโป้ชิง หนึ่งในวิญญาณอมตะของโป้ชิงถูกปรับแต่งโดยฟางหยวน สำหรับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ มันยังเป็นของโป้ชิง ‘ข้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณอมตะเหล่านี้ในการต่อสู้ สำหรับวิญญาณอมตะลึกลับดวงนี้ ข้าพยายามตรวจสอบมันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้สิ่งใดเลย กระทั่งข้าจะขอความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่มันยังไร้ประโยชน์’ ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าผู้อมตะภาคใต้ไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะ แต่ฟางหยวนยังกังวล ‘ข้าปรับแต่งมันมานานแล้ว แต่ยังมีการต่อต้านจากภายใน ข้าอยากรู้นักว่ามันยังเหลืออีกมากเท่าใด? แล้วข้าจะทำได้ทันเวลาหรือไม่?’ ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเป็นกลางคืนที่มืดสลัว ฟางหยวนรู้สึกสงบนิ่ง ความใหญ่โตของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลเหนือความคาดหมายของฟางหยวนไปไกลมาก แผนเดิมของเขาคือการยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้มันกลับดึงให้เขาอยู่ที่นี่จนถึงวันนี้ แล้วเมื่อใดเขาจะประสบความสำเร็จ?
คอมเม้นต์