Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 998
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 998 การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนแปลโดย iPAT ภาคใต้ ภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าในร่างของชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและหนวดเครา เส้นผมของเขาเป็นสีเหลืองโคลน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง โหนกแก้มของเขายื่นออกมา นิ้วมือนิ้วเท้าของเขาล้วนใหญ่โต จมูกของเขาสั้นและมีขนจำนวนมากพุ่งออกมาจากรูจมูกทั้งสองข้าง แม้รูปลักษณ์ของเขาจะดูน่าขยะแขยงแต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกหลังจากพิจารณามาแล้วอย่างรอบคอบ ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ชายน่าเกลียดผู้นี้มาที่ภูเขาอี้เทียนในช่วงเวลานี้ หลังจากกำเนิดใหม่ ฟางหยวนลอบสังหารคนผู้นี้อย่างลับๆและยึดครองตัวตนของเขาเพื่อเข้าสู่ภูเขาอี้เทียน ดวงอาทิตย์พึ่งขึ้นจากขอบฟ้าขณะที่หมอกบางๆปกคลุมพื้นที่เอาไว้ทั้งหมด ภูเขาอี้เทียนยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วอยู่ในป่าลึก ในช่วงเวลานี้การต่อสู้ครั้งแรกระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจยังไม่เกิดขึ้น ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนหลังจากการต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างดุเดือด แต่ครั้งนี้เขามาก่อนเวลาหลายเดือน เซียวซานพึ่งถูกบังคับให้ออกจากตระกูล เขา จ้าวซิงซิง และซันเพิ่งหูกำลังก่อตั้งหมู่บ้านอี้เทียนอยู่ในเวลานี้ ฟางหยวนไม่เห็นผู้ใดขณะเดินไปข้างหน้า หลังจากเดินขึ้นภูเขา เขาพบหมู่บ้านอี้เทียนในที่สุด หมู่บ้านอี้เทียนยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ “นี่คือผู้ใด? เขาเป็นตัวหมากเบี้ยของผู้อมตะคนใด?” “เขาไม่เหมือนมนุษย์ ดูเหมือนเขาจะเป็นลูกผสมระหว่างเผ่ามนุษย์และมนุษย์ขน” “หือ ผู้ใดเลือกลูกครึ่งตัวนี้มาเป็นตัวหมากเบี้ย ฮ่าฮ่าฮ่า” ไกลออกไป กลุ่มผู้อมตะภาคใต้พูดคุยกันเกี่ยวกับฟางหยวน ฟางหยวนเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆด้วยความมั่นใจ ในชีวิตก่อนหน้าเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครือแต่ไม่ถูกเปิดเผยจากผู้อมตะภาคใต้ ตอนนี้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยโดยมีวิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลาง มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน เขาก้าวขึ้นสู่ยอดเขา ไม่นานหลังจากนั้นบางคนก็ออกมาหยุดเขา คนผู้นี้เป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับสามแต่ฟางหยวนปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาทและเปิดปากถามอย่างจริงจัง “เจ้าคือผู้ใด?” ฟางหยวนป้องหมัดขึ้นและกล่าวด้วยสำเนียงของคนบ้านนอก “ข้าชื่อ ฮวงชา ข้าได้ยินเรื่องของวีรบุรุษเซี่ยวและต้องการเข้าร่วมกับเขา!” ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับสามสั่นสะท้านขึ้น เขาไม่ได้กลัวชื่อฮวงชาแต่ฟางหยวนพูดเสียงดังเกินไป “รู้แล้ว เหตุใดต้องกล่าวเสียงดัง? เมื่อเจ้ารู้จักท่านผู้นำของเรา เช่นนั้นก็ตามข้าไปพบเขา” ผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับสามถูรูหูของตนเองขณะกวาดตามองไปรอบๆ ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะติดตามผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับสามไปอย่างรวดเร็ว เขามีร่างกายที่ใหญ่โต เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็แทบจะแซงหน้าผู้นำทาง ผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับสามยกมือขึ้น “เหตุใดต้องวิ่ง? หากต้องการเข้าร่วมกับหมู่บ้านอี้เทียน เจ้าก็ต้องทำตามกฏ ข้ามาถึงที่นี่ก่อน ดังนั้นตำแหน่งของข้าจึงสูงกว่าเจ้า ติดตามอยู่ด้านหลังข้า!” “โอ้ โอ้” ฟางหยวนพยักหน้าและแสร้งเป็นคนโง่ “โครงสร้างนี้ต้องสร้างอย่างพิถีพิถัน หากบางคนโจมตีพวกเรา พวกเราจะใช้ที่นี่ต่อต้านพวกเขา เราต้องใช้วิญญาณเถาวัลย์อสรพิษเหล็กอย่างน้อยหนึ่งร้อยดวง” เซียวซานกล่าวกับผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ด้านข้าง เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังขึ้น “ท่านผู้นำ ชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปทั่วภาคใต้ ตอนนี้มีนักรบคนใหม่มาขอเข้าร่วมกับพวกเรา” เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เซียวซานจึงหันหน้าไปทางฟางหยวน ความสุขในใจของเขาจางหายไปเล็กน้อย เขารู้สึกผิดหวัง แต่ภายนอกเขายังเผยรอยยิ้มยินดี เขาเดินไปด้านหน้าและยกมือขึ้นตบไหล่ฟางหยวน “ช่างเป็นชายที่แข็งแกร่งนัก” ฟางหยวนหัวเราะและป้องหมัดขึ้น “ท่านคือเซียวซาน ข้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกับท่าน ท่านเป็นคนกล้าหาญ ท่านกล้าต่อต้านฝ่ายธรรมะบัดซบเหล่านั้น!” ฟางหยวนยกนิ้วโป้งขึ้นและกล่าวต่อ “เพียงเรื่องนี้ก็เพียงพอให้ข้าติดตามท่านแล้วแต่ท่านต้องให้อาหารข้าสามมื้อต่อวัน!” เซียวซานเห็นท่าทีไร้การศึกษาของฟางหยวนและรู้สึกผิดหวังมากขึ้น แต่ภายนอกเขายังชื่นชมและมอบภารกิจให้ฟางหยวนทันที หลังจากฟางหยวนจากไป เซี่ยวซานก็ติดต่อจ้าวซิงซิงเพื่อสอบถามเกี่ยวกับฟางหยวน “ฮวงชามีภูมิหลังอย่างไร? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้” จ้าวซิงซิงหัวเราะ “พี่ใหญ่ ท่านเป็นตัวตนระดับใด? มีตัวละครรองมากมายบนโลกใบนี้ที่ถูกดึงดูดเข้ามาโดยชื่อเสียงของท่าน ข้ารู้จักคนผู้นี้ บิดาของเขาเป็นมนุษย์แต่มารดาของเขาเป็นมนุษย์ขน เขาเกิดมาเป็นทาสที่เก็บหินทรายอยู่บนภูเขา แต่นั่นทำให้เขาได้รับมรดกโดยบังเอิญและกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ ต่อมาเขากับผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีร่วมมือกันและสามารถครอบครองดินแดนบางแห่ง พวกเขาถูกเรียกว่านักรบแฝดไป่ชา หลังจากนั้นพวกเขาถูกกำหราบโดยตระกูลไท่ ไป่เจียงเสียชีวิตขณะที่ฮวงชาสามารถหลบหนี ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะมาหาพี่ใหญ่ที่นี่” “เป็นเช่นนั้น ข้าจำได้แล้ว ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวลือว่านักรบแฝดไป่ชาทำลายขบวนสินค้าของตระกูลไท่” เซี่ยวซานพยักหน้าขณะที่ความหวังของเขาถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ ฮวงชากล้าโจมตีขบวนสินค้าของตระกูลไท่ นี่แสดงให้เห็นถึงความบ้าบิ่งและไร้สมอง ยิ่งไปกว่านั้นฮวงชายังมีสายเลือดของมนุษย์ขน มันยิ่งทำให้เซียวซานดูแคลนเขามากขึ้นไปอีก มนุษย์กลายพันธุ์เป็นทาสของมนุษย์ ผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ไม่เคยปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม หากฮวงชาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่หรือระดับห้า เซียวซานอาจเห็นคุณค่าของเขาอยู่บ้าง แต่ฟางหยวนจงใจปลอมตัวเป็นฮวงชาผู้ใช้วิญญาณระดับสามเท่านั้น แม้ระดับสามจะถือว่าสูงสำหรับคนทั่วไป แต่ในหมู่บ้านอี้เทียน มันไม่ถือเป็นสิ่งใด ในไม่ช้าเซียวซานก็ลืมการคงอยู่ของฮวงชาขณะที่ฟางหยวนอยู่ในสถานที่ทำงานของตน ‘ตอนนี้ข้าเข้าร่วมกับหมู่บ้านอี้เทียนแล้ว เซียวซานส่งข้ามาช่วยสร้างหมู่บ้าน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ให้ความสำคัญกับข้าแม้แต่น้อย แต่นี่เป็นเรื่องดี แผนการของข้าถือว่าประสบความสำเร็จ’ หากฟางหยวนมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่านี้ เขาจะได้รับบทบาทสำคัญและยุ่งอยู่กับภารกิจมากมาย นั่นจะทำให้เขาเสียเวลา หากระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำกว่านี้ เขาจะถูกส่งไปเป็นแนวหน้าและกลายเป็นเครื่องสังเวย ด้วยการบ่มเพาะระดับสามที่ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป เขาจะกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มย่อย เขาจะไม่ได้รับภารกิจสำคัญ นอกจากนั้นหากเขารอดชีวิตจากสนามรบ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขตต้องห้ามของผู้อมตะบนภูเขาอี้เทียนจะส่งผลกระทบต่อมิติช่องว่างอมตะแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณอมตะ ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนหาวิธีปิดผนึกมิติช่องว่างอมตะอยู่เป็นเวลานาน แต่ตอนนี้เขามีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้าและสามารถเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนได้ตั้งแต่เริ่มแรก กระทั่งมิติช่องว่างของเขาจะถูกปิดผนึกแต่เขายังมีร่างผีดิบอมตะ ในพื้นที่ก่อสร้าง ฟางหยวนสามารถทำงานใช้แรงงานได้อย่างง่ายดาย ตอนกลางคืนเมื่อทุกคนหลับไหล เขายังสามารถปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้สะดวกสบาย คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลผนึกผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดเอาไว้ แต่มันกลับไม่ปรากฏสัญญาณชีวิตใดๆราวกับดวงวิญญาณของมันสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนไม่กล้าประมาท เขาไม่ได้ตรวจสอบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดแต่ใช้เวลาทั้งหมดในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณ ผู้อมตะภาคใต้ที่ต้องการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลต้องใช้มนุษย์เป็นตัวหมากเบี้ย เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของพวกเขาจะถูกเปลี่ยนเป็นเจตจำนงที่ใช้ในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่ฟางหยวนเข้ามาด้วยตนเองและยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาไม่เป็นต้องทำเช่นนั้น แม้เขาจะไม่ต่อสู้อย่างดุเดือด เขาก็สามารถสร้างเจตจำนงและใช้มันปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้โดยตรง วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีของผู้อมตะภาคใต้หลายเท่า ในการต่อสู้ครั้งนี้จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น ‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา ข้ามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ความเร็วของข้าเหนือกว่าคนอื่นๆ ตราบเท่าที่ข้าทำตามแผนการที่วางไว้ ข้ามั่นใจว่าจะได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล! เว้นเพียงจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น…’ ฟางหยวนครุ่นคิดและเก็บงำความตั้งใจของตนเองเอาไว้ ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเซียวให้ความสำคัญกับการก่อสร้างหมู่บ้านอี้เทียนอย่างมาก เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่แทบไม่สามารถรักษาชีวิตจากภัยพิบัติครั้งล่าสุดขณะที่ภัยพิบัติครั้งต่อไปกำลังใกล้เข้ามา เดิมทีเขาสิ้นหวังไปแล้ว แต่การปรากฏขึ้นของสนามรบแห่งความโกลาหลทำให้เขามองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืด ดังนั้นในการแข่งขันครั้งนี้เขาจึงเดิมพันด้วยทุกสิ่ง ความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาถูกใช้ไป เมื่อเงินเดิมพันของเขาสูงที่สุด เขาจึงสามารถส่งเซียวซานเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนได้เป็นคนแรก ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวกลายเป็นคนแรกที่สามารถปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล ‘ข้าต้องประสบความสำเร็จในการยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ ข้าจะล้มเหลวไม่ได้!’ ‘ปราศจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ข้าจะต้องตายในภัยพิบัติครั้งต่อไป!’
คอมเม้นต์