Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 966
การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน (2)แปลโดย iPAT ภาคกลาง “บึม!” เสียงระเบิดทำลายความเงียบของหุบเขา แรงระเบิดทำให้ป่าไม้ถูกทำลายเป็นวงกว้าง ผู้อมตะแปดคนจากวังสวรรค์ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น พวกเขายืนเป็นวงกลมด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลแต่สายตายังหยิ่งผยอง โป้ชิงยืนอยู่ตรงกลางด้วยการแสดงออกที่กล้าหาญ ดวงตาของโป้ชิงส่องประกายขึ้นทำให้ผู้อมตะทั้งแปดตกใจกลัวและถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว ในการต่อสู้ก่อนหน้าพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานจากดาบแสงที่พุ่งออกมาจากดวงตาของโป้ชิงอย่างมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้ประกายในดวงตาของโป้ชิงกลับดับแสงลงอย่างรวดเร็วขณะที่ร่างกายของเขาหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน “สำเร็จ!” “ในที่สุดพวกเราก็สามารถทำลายดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างโป้ชิง!” ผู้อมตะทั้งแปดจากวังสวรรค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปราศจากดวงวิญญาณ ผีดิบอมตะโป้ชิงก็ไม่สามารถเคลื่อนไหว “นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้ถึงระดับนี้” “โชคดีที่ผีดิบอมตะโป้ชิงมีจุดอ่อนขนาดใหญ่ มิฉะนั้นหนึ่งในพวกเราอาจจบชีวิตลงที่นี่” “น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถจับกุมเขาในขณะที่มีชีวิต” “หลังจากนำร่างผีดิบอมตะโป้ชิงกลับวังสวรรค์ เราจะเก็บมันไว้อย่างดีและข้าจะเข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง” ก่อนหน้านี้เจ้าวังสวรรค์ เหลียนจิวเฉิง และไป่เฉินเทียนใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะสวนลวงตาต่อสู้กับโป้ชิง แต่พวกเขายังไม่ใช่คู่ของผีดิบอมตะโป้ชิงและต้องร้องขอกำลังเสริมอีกห้าคนจากวังสวรรค์ แปดผู้อมตะจากวังสวรรค์กระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะสายต่อสู้โบราณ หลังจากหนึ่งเดือน พวกเขาสามารถสังหารหยูมู่ฉานและทำลายดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างผีดิบอมตะโป้ชิงได้ในที่สุด เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้อมตะทั้งห้าจึงกลับวังสวรรค์และเข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง อายุขัยของพวกเขาแทบไม่เหลือ พวกเขาต้องเก็บรักษาทุกวินาทีเอาไว้อย่างดีที่สุด ไป่เฉินเทียนและเหลียนจิวเฉิงต้องการจากไปเช่นกัน แต่สถานการณ์ของพวกเขาดีกว่าผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขายังมีเวลาดูแลลูกหลานและนิกาย เจ้าวังมอบภารกิจเก็บกวาดสนามรบให้กับไป่เฉินเทียนและให้เหลียนจิวเฉิงไปสำรวจน้ำตกสวรรค์อีกครั้ง สำหรับเจ้าวัง เขากลับไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์ “แม้เราจะชนะ แต่สังหรณ์ร้ายของข้ายังไม่ลดลง ตรงข้าม ข้ายิ่งรู้สึกกระสับกระส่ายราวกับบางสิ่งกำลังใกล้เข้ามา” เจ้าวังพึมพำต่อหน้าหอคอยดวงตาสวรรค์ เขาก้าวเท้าขึ้นบันไดอีกครั้ง “เกิดสิ่งใดขึ้น?” เจ้าวังขมวดคิ้วลึกด้วยความสับสน เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้เขาก้าวขึ้นบันไดได้อย่างยากลำบาก ในอดีตทุกก้าวที่เขาเดินขึ้นบันได เขาจะใช้พลังงานอมตะระดับแปดหนึ่งผล แต่ครั้งนี้เขากลับต้องใช้พลังงานอมตะมากขึ้นเป็นสองเท่า “ตั้งแต่ข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้” เขาเกิดความตระหนักรู้อย่างกะทันหัน เรื่องของโป้ชิงเป็นเพียงบทนำ ยังมีคนอื่นชักใยอยู่เบื้องหลัง “ดูเหมือนบางคนกำลังขัดขวางข้า…ฮ่าฮ่าฮ่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งต้องการเดินขึ้นไปข้างบนและดูว่าผู้ใดกล้าหลบหนีจากโชคชะตา!” เจ้าวังยังเดินขึ้นไปด้วยการแสดงออกที่มุ่งมั่น แต่หลังจากเขาเดินขึ้นไปถึงขั้นที่หนึ่งร้อย ภาพบนกำแพงก็ดับมืดลง มันราวกับมีหมอกสีดำปกคลุมภาพทั้งหมดเอาไว้ ไม่มีภาพอื่นเพิ่มเติม หัวใจของเจ้าวังจมดิ่งลง “เป็นผู้ใดที่ขัดขวางข้า!? พวกเขาสามารถรบกวนคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์งั้นหรือ?” เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดเจ้าวังก็เดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอย เขาเหนื่อยล้ามาก พลังงานอมตะที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตถูกใช้ไปจนหมด เขามองไปที่กำแพงด้วยความคาดหวัง หลังจากกำแพงกลายเป็นสีดำ เขาก็ไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย แต่พลังอำนาจของวิญญาณโชคชะตาแผ่กระจายไปทั่วโลก สุดท้ายเขาจะสามารถเปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ รูม่านตาของเขาหดเล็กลง ร่างสูงวัยของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กำแพงยังมืดสนิทแต่มันไม่เหมือนก่อนหน้าเพราะมีดวงตาคู่หนึ่งส่องประกายขึ้น มันเป็นดวงตามนุษย์! แต่มันเต็มไปด้วยความเย็นชาและเจตนาสังหาร มันมองมาที่เจ้าวังราวกับสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างอดทนและรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อล่าเหยื่อ “เจ้า…เจ้าคือ…” ร่างของเจ้าวังปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่ออันเย็นเยียบ เขาพยายามสงบจิตใจลงแต่ความหวาดกลัวยังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา “วิกฤต! วิกฤตครั้งใหญ่! หากปล่อยทิ้งไว้ กระทั่งวังสวรรค์ก็อาจถูกทำลาย ผีดิบอมตะโป้ชิงไม่ใช่สิ่งใดสำหรับพวกเขา ข้าต้องปลุกผู้อมตะของวังสวรรค์ให้ตื่นขึ้นอีกจำนวนมาก นี่คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด!” เจ้าวังไม่ลังเลที่จะวิ่งไปยังหน้าผาใบไม้เหิน ที่นี่เป็นที่ตั้งของค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ เจ้าวังกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงและทำให้เสียงระฆังดังกึกก้องไปทั่ว เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ขึ้นทันที ….. ในเวลาเดียวกันที่ภาคใต้ ‘ในที่สุดก็สำเร็จ’ ฟางหยวนก้าวเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนหลังจากปิดผนึกมิติช่องว่างของตน ด้วยมรดกบางส่วนของผู้อมตะเฒ่ากงเจีย การอนุมานของฟางหยวนจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ตอนนี้เขาสามารถปิดผนึกมิติช่องว่างและปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามเข้าสู่ภูเขาอี้เทียน สถานการณ์บนภูเขาอี้เทียนค่อนข้างร้อนแรง ฝ่ายธรรมะบุกโจมตีครั้งที่สามและสี่ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหายอย่างหนัก ราชันผีดิบเรียกกองกำลังผีดิบของเขามาสนับสนุน นี่ทำให้ฝ่ายธรรมะปวดหัวมาก เว่ยหยางกับหงเฟยหยูร่วมมือกันทำให้พวกเขาได้เปรียบหลานเหม่ยอี้กับเฟยหยูหวังำในการต่อสู้กลางอากาศ หมอเทวดาเฉิงซูเดินทางมาสนับสนุนฝ่ายธรรมะ เขาเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดหมอของภาคใต้ การคงอยู่ของเขาช่วยลดการสูญเสียของฝ่ายธรรมะได้มาก เซียวซานรู้ว่าหากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ฝ่ายธรรมะจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นฝ่ายบุกโจมตีในการต่อสู้รอบที่ห้า ฉากหน้า เซียวซาน ซันเพิ่งหู และจ้าวซิงซิงร่วมมือกันบุกโจมตีฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ลู่ซวนฟงได้รับภารกิจลอบเข้าไปในค่ายพักแรมของศัตรูและสังหารหมอเทวดาเฉิงซู แต่ผลลัพธ์คือหมอเทวดาเฉิงซูไม่ตาย ตรงข้ามคนที่ถูกลอบสังหารกลับเป็นราชันผีดิบของฝ่ายปีศาจ เมื่อราชันผีดิบตาย ฝ่ายปีศาจจึงอ่อนแอลง ในช่วงเวลานี้หมอผีซูชิวก็มาถึงภูเขาอี้เทียนและช่วยกอบกู้สถานการณ์ของฝ่ายปีศาจ ซูชิวช่วยชีวิตผู้ใช้วิญญาณปีศาจจำนวนมาก ในที่สุดเขาก็ได้รับตำแหน่งลำดับที่สามของฝ่ายปีศาจ ลู่ซวนฟงเป็นลำดับที่สอง ขณะที่เซียวซานยังเป็นที่หนึ่ง สำหรับซันเพิ่งหูกับจ้าวซิงซิง พวกเขาถูกผลักลงไปในลำดับที่สี่และห้า ผู้ใช้วิญญาณปีศาจดาวรุ่งโม่หวู่เทียนเริ่มท้าทายฝ่ายตรงข้ามในการต่อสู้ตัวต่อตัวและสามารถสังหารผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะหลายคน ตระกูลเฉิงส่งหมอซูโจวมาสนับสนุนหมอเทวดาเฉิงซูทำให้ฝ่ายธรรมะสามารถรักษาเสถียรภาพ นายน้อยตระกูลเยี่ยน เยี่ยนจุน ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีลอบเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนและสังหารหมอผีซูชิวก่อนจะหลบหนีไป ขวัญกำลังใจของฝ่ายธรรมะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามพวกเขากลับตกหลุมพรางของฝ่ายปีศาจ หมอซูชิวยังมีชีวิตอยู่ ตราบเท่าที่ร่างกายของเขาไม่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ เขาก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพ หลังจากเยี่ยนจุนสังหารหมอซูชิว เขาลอบฟื้นคืนชีพอย่างลับๆและปล่อยให้ฝ่ายธรรมะเฉลิมฉลอง ในคลื่นระลอกที่หก โม่หวู่เทียนแสดงความสามารถอันโดดเด่นออกมาอีกครั้งโดยการสังหารผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ถึงสามคน กระทั่งเยี่ยนจุนก็ยังพ่ายแพ้ต่อเขาและได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ที่วุ่นวาย ฝ่ายธรรมะล่าถอยไปด้วยความพ่ายแพ้แต่ฝ่ายปีศาจก็พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจหยุดพักเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งเป็นการชั่วคราว ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนก้าวขึ้นสู่ภูเขาอี้เทียนและเข้าร่วมกับหมู่บ้านอี้เทียน เขาปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม เขาถูกจัดอยู่ในหนึ่งร้อยลำดับแรก หน้าที่ของเขาคือเฝ้าหอยิงธนู ฟางหยวนอดทนรอเป็นเวลาสามวัน เมื่อไม่เห็นการปรากฏตัวของผู้อมตะ เขาจึงเริ่มปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างลับๆ ตอนนี้สมาชิกของหมู่บ้านอี้เทียนมีถึงหกร้อยคนแล้ว ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ บางคนเป็นตัวหมากเบี้ยของผู้อมตะขณะที่บางคนไม่ใช่ ฟางหยวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเขาโดยไม่ทำตัวโดดเด่น ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางหยวนสามารถปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้อย่างรวดเร็ว สำหรับผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาต้องบังคับให้ตัวหมากเบี้ยต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะทางอ้อม ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงไม่สามารถแข่งขันกับฟางหยวน เมื่อเวลาผ่านไป การต่อสู้รอบที่เจ็ดก็เริ่มขึ้น ฝ่ายปีศาจวางแผนตัดเส้นทางการขนส่งเสบียงของฝ่ายธรรมะ แต่อีกด้านหนึ่ง ผู้นำตระกูลเฉิง เฉิงเยี่ยนเฟยก็นำกองกำลังส่วนตัวของเขามาถึง วิญญาณกล่องอาหารของเขาสามารถหล่อเลี้ยงกองทัพทั้งหมดของฝ่ายธรรมะ จากนั้นผู้นำกองกำลังขนาดใหญ่ของภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอี้ ตระกูลลั่ว ตระกูลเหยา และตระกูลเซี่ยก็ตามมาสมทบ การต่อสู้ที่ร้อนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ใช้วิญญาณอย่างช่วยไม่ได้ แต่สำหรับฟางหยวน มันธรรมดามาก การต่อสู้ครั้งนี้อาจดูยิ่งใหญ่แต่มันก็เป็นเพียงการจัดฉากของผู้อมตะเท่านั้น ในช่วงหลายวันหลัง ผู้อมตะเริ่มปะทะกันเอง แม้พวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็พยายามใช้กลอุบายต่างๆอย่างลับๆ หลังจากได้รับข้อมูลข่าวสาร ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกผู้อมตะภาคใต้ของฟางหยวนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาปรับแต่งวิญญาณจำนวนมากแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลไม่ต่างจากหลุมลึก หนึ่งเดือนผ่านไป วันนี้ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อนำผู้อมตะชุดคลุมดำมากกว่าสิบคนเข้ามารอบๆภูเขาอี้เทียน เขาสูดหายใจลึกก่อนกล่าว “วังสวรรค์ค้นพบแล้วและกำลังเตรียมตัวมาที่ภาคใต้ เวลาไม่เคยรอคอยผู้ใด เราต้องเริ่มแผนก่อนกำหนด!” “ฟื้ว…” ผู้อมตะด้านหลังเขากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกไปทุกทิศทาง
คอมเม้นต์