Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 960
การตื่นขึ้นของโป้ชิงแปลโดย iPAT ในเวลานี้มีผู้อมตะอย่างน้อยสามสิบคนอยู่ที่น้ำตกสวรรค์ กลุ่มผู้อมตะมองไปยังดวงแสงที่ห่อหุ้มร่างของโป้ชิงด้วยดวงตาที่ร้อนแรงแต่ยังระมังคู่แข่งที่อยู่รอบๆ แน่นอนว่าผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบแข็งแกร่งที่สุด แต่ท่ามกลางผู้คนจากนิกายโบราณ เทพธิดาไป่ชิงเป็นคนที่ถูกคุกคามมากที่สุด เห็นการคุมเชิงกันของผู้คน ฉีหยวนเทียนกล่าวอย่างช้าๆ “เทพธิดาไป่ชิง สถานการณ์นี้ชัดเจนมาก โป้ชิงกลายเป็นผีดิบอมตะแต่ดวงวิญญาณของเขาถูกทำลายไปแล้วในภัยพิบัติ อย่างไรก็ตามยังมีเจตจำนงที่เขาทิ้งไว้ เขายังสามารถป้องกันตัว” “ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราเข้าไปใกล้ ดาบแสงจะถูกยิงออกมาทันที ตอนนี้เราต้องการบางสิ่งที่มีกลิ่นอายของโป้ชิงหรือวิญญาณที่เขาเคยปรับแต่งในอดีต นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เจตจำนงที่เขาทิ้งไว้ ตราบเท่าที่เราสามารถจัดการสถานการณ์นี้ เราจะสามารถเข้าใกล้โป้ชิง” เทพธิดาไป่ชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น “เหตุใดจึงคิดว่าข้ามีสิ่งเหล่านี้? หากข้ามี ข้าคงใช้ไปนานแล้ว” นางไม่มีจริงๆ หลังจากทั้งหมดนางไม่คาดคิดว่าจะพบกับร่างผีดิบอมตะของโป้ชิง ฉีหยวนเทียนเผยรอยยิ้มบาง “เหตุใดเทพธิดาไป่ชิงจึงต้องโกรธ? ท่านมาถึงที่นี่เป็นคนแรก เหตุใดท่านจึงลอบมาที่นี่คนเดียวอย่างเงียบๆ? ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ?” เทพธิดาไป่ชิงเผยรอยยิ้มขมขื่นอีกครั้ง “ข้าไม่ได้มาที่นี่อย่างลับๆ ข้าใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายท่าเรือหมื่นมังกรและมาที่นี่อย่างเปิดเผย ท่านคิดว่าข้าลอบมาที่นี่คนเดียวงั้นหรือ?” นางมาที่นี่เพื่อตรวจสอบน้ำตกสวรรค์จากเบาะแสสุดท้ายที่ฟงจิวเก้อทิ้งไว้ แต่นางไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ นิกายคฤหาสน์วิญญาณต้องเก็บความลับเรื่องการเสียชีวิตของฟงจิวเก้อเอาไว้ให้นานที่สุดเพื่อที่พวกเขาจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น จินลี่หยางขมวดคิ้วลึก “เหตุใดเทพธิดาไป่ชิงจึงต้องปิดบังมันจากพวกเรา? สิ่งนี้จะดึงดูดผู้อมตะให้มาที่นี่มากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปและอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น นิกายโบราณทั้งสิบต้องร่วมมือกัน มิฉะนั้นผู้บ่มเพาะสันโดษบางคนอาจฉกชิงมรดกที่แท้จริงของโป้ชิงไปและทำให้ภาคกลางตกลงสู่ความปั่นป่วน นิกายคฤหาสน์วิญญาณจะเพิกเฉยต่อวิกฤตของภาคกลางเพียงเพราะความโลภของเจ้างั้นหรือ!?” ฉีหยวนเทียนกระตุ้นต่อ “พวกเรานิกายโบราณทั้งสิบมีต้นกำเนิดเดียวกัน เราควรร่วมมือกันและยึดครองร่างของโป้ชิง ข้าสามารถเป็นตัวแทนของนิกายเมฆาวายุและสัญญาว่าเราจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน” เทพธิดาไป่ชิงเงียบแต่ลอบหัวเราะอยู่ภายใน นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจินลี่หยางและฉีหยวนเทียนร่วมมือกันเพื่อบีบบังคับนาง แต่นางยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ขณะที่นิกายคฤหาสน์วิญญาณไม่ได้ส่งกำลังเสริมมา แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เผชิญหน้ากับผู้คนเหล่านี้ นางยังไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร นิกายคฤหาสน์วิญญาณก็ต้องนำร่างของโป้ชิงและวิญญาณอมตะของเขากลับคืน อีกเก้านิกายรู้เรื่องนี้ ในความคิดของผู้อมตะคนอื่นๆ ฟงจิวเก้อน่าจะตายไปแล้ว เมื่อนิกายคฤหาสน์วิญญาณอ่อนแอลง พวกเขาย่อมไม่ยินดีปล่อยผีดิบอมตะโป้ชิงไป หากนิกายคฤหาสน์วิญญาณได้รับร่างผีดิบอมตะของโป้ชิงและสามารถหล่อเลี้ยงบุคคลเช่นฟงจิวเก้อขึ้นมาอีกคน นิกายอื่นจะทำเช่นไร สถานการณ์ที่น้ำตกสวรรค์อันตรายและตึงเครียดมาก ดาบแสงของโป้ชิงดึงดูดผู้อมตะจากทุกทิศทาง คนเหล่านี้ต้องการเห็นความขัดแย้งระหว่างนิกายใหญ่เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ สำหรับนิกายโบราณทั้งสิบ พวกเขาต้องการรักษาเสถียรภาพและไม่ให้คนนอกได้รับประโยชน์ แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างความร่วมมือได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเก้านิกายจึงร่วมมือกันกดดันเทพธิดาไป่ชิงจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ พวกเขาคิดว่าเทพธิดาไป่ชิงมีวิธีการบางอย่างขณะที่นางไม่สามารถอธิบายความโปร่งใสของตนเอง เป็นเพียงเวลานี้ที่กลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดปะทุขึ้น “ผู้อมตะทั้งหมดถอยออกไป พวกเราวังสวรรค์จะจัดการเรื่องนี้เอง” ทุกคนอ้าปากค้างและมองไปยังผู้อมตะหญิงที่กำลังลอยลงมา นางก็คือผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งวารี เพ่ยกังซุ้ย สถานการณ์เปลี่ยนทันที ….. ภาคกลาง วังสวรรค์ หอคอยดวงตาสวรรค์ก่อตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าผู้อมตะสามคน เจ้าวัง ไป่เฉินเทียน และเหลียนจิวเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตั้งแต่หอคอยดวงตาสวรรค์ถูกโจมตี คนทั้งสามทำงานอย่างหนักโดยไม่ได้หยุดพักผ่อน สุดท้ายพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการซ่อมแซม มีบางสิ่งที่ต้องกล่าวถึง นั่นก็คือหอคอยดวงตาสวรรค์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้า! แต่มันยังถูกตัดขาดโดยดาบแสง! โชคดีที่ผู้อมตะทั้งสามเข้าควบคุมมันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นความเสียหายจึงไม่มากนัก หลังจากชั่วครู่เจ้าวังจึงพยุงร่างของตนเองด้วยไม้เท้าและเดินไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์พร้อมกับวิญญาณโชคชะตาที่อยู่ในมือ เหลียนจิวเฉิงถาม “ท่านเจ้าวัง เหตุใดจึงไม่พักผ่อนก่อน? ใยต้องรีบร้อนใช้งานหอคอยดวงตาสวรรค์?” “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยแต่ข้าไม่เป็นไร” เจ้าวังปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่ดาบแสงโจมตีหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังรู้สึกสังหรณ์ร้าย เมื่อเวลาผ่านไปสังหรณ์ร้ายนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้หอคอยดวงตาสวรรค์จะถูกซ่อมแซมแล้วแต่สังหรณ์ร้ายของเขาก็ยังไม่หายไป “ไป!” วิญญาณโชคชะตาส่องประกายก่อนจะบินขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวของเขา เขาต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะระดับแปด กำแพงหอคอยแสดงภาพที่พล่ามัวเพราะวิญญาณโชคชะตาใช้พลังอำนาจได้เพียงครึ่งเดียว หลังจากเดินไปถึงขั้นที่หกสิบ ภาพบนกำแพงพลันกระจ่างชัดขึ้น ฉากเหตุการณ์บนยอดเขาไร้นามทางภาคใต้แสดงขึ้นต่อหน้าเจ้าวัง ภาพการต่อสู้ระหว่างราชันเทพยุทธ์สวรรค์กับผู้อมตะระดับเจ็ดปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของเขา “ผีดิบอมตะระดับแปดราชันเทพยุทธ์สวรรค์…คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล…และนี่…” รอยสักรูปดอกบัวสีแดงบนหน้าผากของผู้อมตะระดับเจ็ดโดดเด่นมาก “มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง!” ดวงตาของเจ้าวังส่องประกายขึ้น ความเสียหายที่เทพปีศาจบัวแดงกระทำต่อวิญญาณโชคชะตาทิ้งความเจ็บปวดไว้ในหัวใจของผู้อมตะวังสวรรรค์มานานนับล้านปี ด้วยเหตุนี้เจ้าวังจึงต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมรดกของเทพปีศาจบัวแดงต้องถูกทำลาย! “ความแข็งแกร่งของผีดิบอมตะราชันเทพยุทธ์สวรรค์ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล…แต่สนามรบแห่งความโกลาหลต้องเป็นของวังสวรรค์! แม้จะมีกำแพงภูมิภาคกีดขวางแต่วังสวรรค์ก็ต้องทุ่มเทความพยายามทั้งหมด!” เพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลอย่างเดียว มันก็คุ้มค่าแล้วที่วังสวรรค์จะเคลื่อนไหว “ปราศจากการปกปิดภาพมายาเหล่านี้ ภาคใต้จะตกลงสู่ความวุ่นวาย ผู้อมตะจำนวนมากจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน หากวังสวรรค์ต้องการเข้าสู่การแข่งขัน เราต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจนี้” เจ้าวังครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายศีรษะปัดเป่าความคิดและเดินขึ้นบันไดต่อไป หกสิบขั้น เจ็ดสิบขั้น แปดสิบขั้น… เมื่อเขาไปถึงขั้นที่แปดสิบสาม ภาพบนกำแพงจึงปรากฏฉากเหตุการณ์สำคัญของภาคกลาง ที่น้ำตกสวรรค์ ผู้อมตะระดับแปดเพ่ยกังซุ้ยกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด นางขยับนิ้วและวางค่ายกลวิญญาณเพื่อปิดผนึกสถานที่แห่งนี้ แต่ในจังหวะที่แสงดาวพุ่งไปยังร่างผีดิบอมตะของโป้ชิง เขากลับเปิดเปลือกตาขึ้น! ทันใดนั้นดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกมาและอาบย้อนพื้นที่ทั้งหมดให้เป็นสีขาว กระทั่งเจ้าวังยังต้องปิดเปลือกตาลง ในเวลาต่อมาเมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นคือฉากนองเลือด ซากศพของผู้อมตะกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ศีรษะของผู้อมตะระดับแปดจากวังสวรรค์เพ่ยกังซุ้ยกลิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาของนางเบิกกว้าง นางเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ! “นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เจ้าวังรู้สึกเจ็บปวด ทันใดนั้นเงาร่างสามสายพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและลอยอยู่เหนือทะเลสาบด้านล่างน้ำตกสวรรค์ ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารายืนอยู่ด้านหน้า ตามมาด้วยซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉาน! “สีคราม เจ้าตื่นขึ้นในที่สุด” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราหัวเราะเสียงดัง ร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดที่ทรงพลังออกมาอย่างชัดเจน เขาเดินเข้าไปหาโป้ชิง ดวงตาของผีดิบอมตะโป้ชิงส่องประกายขึ้นพร้อมกับดาบแสงที่พุ่งออกมา ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราตกใจเพราะไม่คิดว่าผีดิบอมตะโป้ชิงจะโจมตี กระทั่งร่างผีดิบอมตะของเขาก็กลายเป็นไร้ประโยชน์ต่อหน้าดาบแสงและถูกตัดขาดเป็นสองท่อนในเสี้ยวพริบตา ความตายอย่างน่าเวทนาของผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราทำให้ซ่งซื่อซิงกับหยูมู่ฉานตกตะลึง “เกิดสิ่งใดขึ้น สีครามสังหารสีน้ำเงิน!?” “ไม่ เขาไม่ใช่สีคราม จิตใจของเขาถูกแทรกแซงด้วยเจตจำนงสวรรค์ มีคนอื่นอาศัยอยู่ในร่างเขา!” ขณะที่คนทั้งสองกำลังตกใจ โป้ชิงหันหน้ามาทางพวกเขา ร่างกายของซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉานสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง พวกเขาไม่เห็นเจตนาฆ่าฟันในดวงตาของโป้ชิง สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงความว่างเปล่าและเจตจำนงสวรรค์ ทั้งสองต่างเป็นผู้หลบหนีจากโชคชะตาที่สวรรค์ต้องการกำจัด เผชิญหน้ากับสิ่งนี้ ซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉานที่มีชื่อเสียงโด่งดังกลับไม่สามารถเคลื่อนไหวและทำได้เพียงรอคอยความตายเท่านั้น
คอมเม้นต์