The Strongest Hokage ตอนที่ 388
ไนโตะ ตรวจจับได้ว่า ฮาคุ และ คิมิมาโร่ กำลังจะมาตั้งแต่ไกล แต่เพราะทุกอย่างจบลงแล้วเขาจึงไม่หยุดพวกเขา เมื่อพวกเขามาถึง ไนโตะ ก็หันไปมองพวกเขาข ฟึ๊บ! ทันใดนั้น ไนโตะ ก็เคลื่อนที่ชั่วพริบตาไปอยู่ต่อหน้าพวกเขา ในเวลานี้ในที่สุด ฮาคุ กับ คิมิมาโร่ ก็ตื่นจากภวังค์ การแสดงออกที่น่าอับอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ ฮาคุ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ผมเห็นอุกกาบาตลูกใหญ่บนท้องฟ้า ผมกลัวว่าท่านจะเป็นอะไรไป ผมเลย…” “เด็กดื้อ!” ไนโตะ ยกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของ ฮาคุ จากนั้นเขาก็หันไปหา คิมิมาโร่ และพูดว่า “ฉันคิดอยู่แล้วว่า ฮาคุ จะต้องตามมา แต่นายก็ปล่อยให้เขามาและฝ่าฝืนคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?” คิมิมาโร่ สะดุ้งแล้วมองไปที่ ฮาคุ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่รู้จะพูดอะไร เขาไม่สามารถตำหนิ ฮาคุ ได้ จากนั้น ฮาคุ ก็มองไปที่ ไนโตะ อย่างรู้สึกผิดและพูดเบา ๆ ว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ ท่านไนโตะ ลงโทษผมแทน…” เมื่อมองไปที่เด็กทั้ง 2 คน ไนโตะ ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้ก็แล้วกัน ถ้ามีครั้งหน้าโดนดีแน่” “ครับ!” ฮาคุ และ คิมิมาโร่ พยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ไปกันเถอะ” หลังจากพูดเสร็จ ฮาคุ และ คิมิมาโร่ ก็เดินตาม ไนโตะ ไป หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ไนโตะ ก็หันหลังกลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็กดมือลงบนพื้น ปั้ง!!! เสียงคำรามดังไปทั่วทั้งป่า ภายใต้การจับตามองของ ฮาคุ และ คิมิมาโร่ ภูเขาด้านข้างสนามรบเมื่อสักครู่นี้ก็ถล่มลงมาและถมลงไปบนหลุมขนาดใหญ่กลางสนามรบ ตอนนี้เทือกเขาแห่งนี้ก็ได้รับการปรับระดับอย่างสมบูรณ์ มีเพียงเศษหินและเศษไม้เล็กน้อยเท่านั้นที่เกลื่อนกล่นอยู่บนพื้น ด้วยการตายของ นางาโตะ องค์กรแสงอุษา ก็สิ้นสุดลงในที่สุด เซ็ตสึดำ ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่อย่างนนั้น ไนโตะ คงจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้อีก สำหรับ เซ็ตสึขาว มันมีจำนวนมากเกินไป ถ้าคุณไม่ตัดมันจากรากมันจะไม่มีวันตายอย่างแท้จริง …….. หลังจากฆ่า นางาโตะ แล้ว ไนโตะ ก็เลือกที่จะเก็บ เนตรสังสาระ เอาไว้ชั่วคราว ส่วนเรื่องที่เขาจะปลูกถ่ายมันหรือเปล่านั้น เขายังไม่ได้คิดและไม่ได้รีบร้อนที่จะตัดสินใจ ท้ายที่สุดแล้วเนตรคู่นี้ก็เป็นของ มาดาระ ไม่มีใครรู้ว่าเจตจำนงของ มาดาระ ยังอยู่ในนั้นหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นพลัง เซียน 6 วิถี จิตวิญญาณของ ไนโตะ เริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนรูปแบบ เมื่อเสร็จสิ้น ไนโตะ จะก้าวเข้าสู่ระดับของ เซียน 6 วิถี อย่างแท้จริง เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะมีอะไรผิดปกติกับ เนตรสังสาระ คู่นั้นอีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของเขาให้สมบูรณ์ ในขณะนี้ ในมิติแห่งวิญญาณของ ไนโตะ พลังงานของสายแร่มังกรได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้วและผสานเข้ากับจิตวิญญาณของ ไนโตะ การเปลี่ยนแปลงของวิญญาณไม่สามารถบังคับได้เหมือนการเปิดประตูด่านพลังบานใหม่ มันไม่มีประตูให้ทำลายและในกระบวนการนี้ ไนโตะ ก็จำเป็นต้องใช้ความอดทนเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างจิตวิญญาณของ เซียน 6 วิถี และจิตวิญญาณของนินจาธรรมดานั้นแตกต่างกันมากจริง ๆ ส่วนจิตวิญญาณของนินจาที่กลับมาด้วยวิชา สัมภเวสีคืนชีพ พวกเขาจะไม่สามารถจำเจตจำนงของตนได้ อย่างไรก็ตาม หากนินจาผู้นั้นก้าวเข้าสู่ระดับของ เซียน 6 วิถีและครอบครองพลังนั้นในทางใดทางหนึ่งอย่างเช่น มาดาระ เขาคนนั้นก็จะสามารถควบคุมร่างกายได้ตามต้องการ ในการ์ตูน เมื่อผนึกถูกคลายออก วิญญาณของ มาราดะ ก็ออกจากร่าง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเขา มาดาระ จึงบังคับวิญญาณของเขาให้ยังสถิตอยู่กับร่างใหม่ได้ ในขณะนั้น มาดาระ ได้ควบคุมร่างกายของเขาอย่างเต็มที่ ในเวลานั้นแม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนเป็น โหมดเซียน 6 วิถี แต่คุณสามารถพูดได้ว่าจิตวิญญาณของเขาอยู่ในระดับนั้นแล้ว! โอบิโตะ เองก็สามารถกลับมาจากชีวิตหลังความตายและมอบเนตรของเขาให้กับ คาคาชิ ได้ เพราะเขาเองก็สามารถปลุก โหมดเซียน 6 วิถี ได้ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้น ไนโตะ ก็พา ฮาคุ และ คิมิมาโร่ ออกจาก แคว้นแห่งน้ำ เขาไม่ได้พาพวกเขาบินไป แต่พวกเขาทั้งหมดนั่งเรือข้ามทะเลอย่างปลอดภัย เมื่อพูดถึงการบิน 7 หาง ก็ถูกจับไปแล้วและ ไนโตะ ก็ไม่พบ 7 หาง เขาไม่สามารถเรียก 7 หางมาได้ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกเช่นกัน ไนโตะ คิดว่าเขาอาจจะถูกผนึกเข้าไปใน เทวรูปมารนอกรีต แล้ว คงจะดีไม่น้อยหากใช้ 7 หางเดินทาง ……. ในห้องที่หรูหราและมีเกียรติภายในเรือค้าขนาดใหญ่ ไนโตะ นอนหลับตาอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ฮาคุ และ คิมิมาโร่ กำลังฝึกซ้อมกันอยู่ ซึ้ม!! ท้องฟ้ามีฝนฟ้าคะนองและฝนก็ตกอย่างแรง คลื่นซัดเข้าด้านข้างของเรืออย่างสม่ำเสมอทำให้เรือโคลงขึ้นลง แม้ว่า ไนโตะ จะนอนอยู่ในห้องนั้น แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงห้องอื่น ๆ ในขณะนั้นเขากำลังนึกถึง คิมิมาโร่ อยู่ หลังจากที่เขายอมรับ คิมิมาโร่ เป็นศิษย์ ในขณะที่สอนเขาก็พบว่า คิมิมาโร่ ป่วยเป็นโรคนั้นอยู่แล้ว แม้ว่าจะยังไม่สามารถตรวจพบได้ในตอนนี้ ในการ์ตูน คิมิมาโร่ เสียชีวิตจากโรคนั้นตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะแข็งแกร่งมากกว่านี้มาก แม้แต่ โอโรจิมารุ ก็ยังคิดว่าเขาเป็นภาชนะใหม่ที่ดีกว่า ซาสึเกะ ด้วยซ้ำ วิชากระดูก เป็น ขีดจำกัดสายเลือด ที่ใช้กระดูกในการต่อสู้ได้ ดังนั้นร่างกายจึงทรงพลังเป็นอย่างมากซึ่งอาจจะทรงพลังเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของผนึก เบียคุโก ของ ซึนาเดะ! คิมิมาโร่ สามารถใช้กระดูกจากร่างกายของเขาเป็นอาวุธในการต่อสู้ได้อย่างอิสระ และหลังจากที่เขาสลัดกระดูกออกไป กระดูกในร่างกายของเขาก็จะเติบโตขึ้นอีกครั้งทันที และที่สำคัญกระดูกของเขานั้นแข็งมากจนแทบจะไม่สามารถทำลายได้ ปัญหาเดียวของขีดจำกัดสายเลือดที่สมบูรณ์แบบนี้ก็คือ มันมาพร้อมกับโรคและทุกคนที่ได้ใช้ วิชากระดูก ต้องทนทุกข์ทรมานจากมัน อย่างไรก็ตามมี ตระกูลคางูยะ เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถปลุกขีดจำกัดสายเลือดนี้ขึ้นมาได้ มีน้อยกว่า เนตรวงแหวน ของ ตระกูลอุจิฮะ หรือคาถาน้ำแข็งของ ตระกูลยูกิ เสียอีก และดูเหมือนว่ายิ่งขีดจำกัดสายเลือดของ คิมิมาโร่ แข็งแกร่งแค่ไหน โรคของเขาก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่ โอโรจิมารุ และ คาบูโตะ ก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ไนโตะ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งหนึ่งนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงร่างกายที่เขาใช้กับ อังโกะ และ คุชินะ การเปลี่ยนแปลงที่เขาทำให้กับเธอทำให้พลังของเธอพัฒนาขึ้น และทำให้ร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้นโดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ “ดูเหมือนว่าอักขระสาปที่ โอโรจิมารุ ใช้กับ คิมิมาโร่ เพื่อรักษาโรคของเขาจะไม่ได้ผล แต่กลับทำให้การแพร่กระจายของมันเร็วขึ้นด้วยซ้ำ” ไนโตะ นอนอยู่ที่นั่นอย่างสงบและคิดถึงอักขระสาปของ โอโรจิมารุ อักขระสาปเป็นหนึ่งในโครงการที่ โอโรจิมารุ ทำการศึกษาอย่างหนักเพื่อให้ได้มา มันคล้ายกับพลังของโหมดเซียน ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดอย่างมั่นใจว่าอักขระสาปและ ถ้ำริวจิ มีความสัมพันธ์กัน มันก็ไม่ผิด เพราะถ้าเป็นการฝึกวิชาเซียนกบ หากเกิดความผิดพลาดคุณก็จะกลายเป็นหิน แต่ถ้าเป็นการฝึกวิชาเซียนงู หากคุณผิดพลาด เซียนงูขาวยักษ์ ก็จะกินคุณ โอโรจิมารุ ศึกษาอักขระสาปมานานแล้ว ไนโตะ เคยตรวจสอบงานวิจัยของเขาครั้งหนึ่งและเขาก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว แม้ว่าอักขระสาปจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ผลข้างเคียงของมันก็ร้ายแรงเป็นอย่างมาก
คอมเม้นต์