The Strongest Hokage ตอนที่ 384
ร่างหุ่นของ ซาโซริ แตกออกจากกัน จากนั้นเขาก็โผล่ออกมาพร้อมกับร่างเดิมของเขา ร่างเดิมที่เขาทำให้กลายเป็นหุ่น เขาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ ในทันใดนั้นเขาก็เปิดช่องที่อกออกมา จากนั้นโยนม้วนคัมภีร์ออกไป ฟึ้ม!! ควันสีขาวปรากฏออกมาเป็นจำนวนมากและภายในนั้นมีเงาหลายร้อยปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นด้ายจักระจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากรูที่หน้าอกของเขาและไปเชื่อมกับหุ่นทุกตัวอย่างแม่นยำ ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจจริง ๆ นี่คือวิชาเชิดหุ่นขั้นสูงของเขา! มีเพียง ซาโซริ ที่สามารถเปลี่ยนร่างกายของเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดได้สำเร็จเท่านั้นที่สามารถใช้วิชานี้ได้ไม่อย่างนั้นขีดจำกัดของนินจาธรรมดาก็คือเชิดหุ่นนิ้วละตัวรวมเป็นหุ่นเชิด 10 ตัว และผู้ที่ทำแบบนี้ได้จะถูกเรียกว่า ปรมาจารย์หุ่นเชิด “ไนโตะ เทพเจ้าแห่งนินจา…” รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ ซาโซริ ขณะที่เขามองไปที่ ไนโตะ เขาดูมั่นใจมาก แม้แต่เทพเจ้าแห่งนินจาก็ไม่สามารถทำให้เขากลัวได้ เพราะเขาเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ซาโซริ ควบคุมหุ่นหลายร้อยตัวพุ่งเข้าโจมตี ไนโตะ อย่างรวดเร็ว ฟิ้ว! ฟิ้ว!! ด้วยจำนวนที่ท่วมท้นเหล่านี้หุ่นจึงเริ่มโจมตี ไนโตะ จากหลายทิศทาง เข็มพิษอาวุธที่ซ่อนอยู่ในใบมีดอันแหลมคม…พายุแห่งการโจมตีพุ่งตรงเข้าหา ไนโตะ แม้แต่ นางาโตะ ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกหวั่นใจเมื่อเห็นภาพนี้ แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าไม่มีอาวุธใดสามารถทำให้เขาเป็นอันตรายได้หากเขาตอบโต้ด้วย ข่ายเทพพิชิตฟ้า ของเขา แต่ภาพที่ได้เห็นก็น่ากลัวมาก อย่างน้อยเมื่อเทียบกับปรมาจารย์หุ่นเชิดคนอื่น ๆ แล้ว ซาโซริ ก็เป็นสุดยอดปรมาจารย์ เขาสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายด้วยวิชานี้ อย่างไรก็ตามนี่คือขีดจำกัดของ ซาโซริ สำหรับนินจาเช่นเขาซึ่งถูกจัดให้เป็นนินจาระดับ คาเงะ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อกรกับนินจาระดับ สุดยอดคาเงะ ได้ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็เหมือนมดเมื่อเทียบกับ เพน ไม่ต้องพูดถึง ไนโตะ ที่ก้าวเข้าสู่ระดับของ เซียน 6 แล้ว! เมื่อมองไปที่ภาพนี้ ไนโตะ ก็อดไม่ได้ที่จะจำช่วงเวลาที่เขาเคยต่อสู้กับ ย่าโจ เมื่อนานมาแล้วใน มหาสงคามโลกนินจาครั้งที่ 2 ขึ้นมาได้ “ซาโซริ คุณอาจจะถึงระดับสูงสุดของนักเชิดหุ่นแล้ว…” ไนโตะ มองขึ้นไปบนฟ้าและพูดต่อว่า “แต่น่าเสียดายที่นี่คือขีดจำกัดของคุณ” ในขณะที่พูด ไนโตะ ก็ยก ดาบคุซานางิ ขึ้น จากนั้นก็ฟันขึ้นไปบนท้องฟ้า เคร๊ก!! รัศมีแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า การโจมตีทั้งหมดและหุ่นเชิดทั้งหมดถูกหยุดอยู่กลางอากาศราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง! การโจมตีครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ดูราวกับว่ามันกลายเป็นกระจกบานใหญ่จากนั้นมันก็เริ่มร้าวและแตกออก จากนั้นก็พังทลายลงภายใต้การโจมตีของดาบของ ไนโตะ ตู้ม!! ในไม่กี่วินาทีพายุอาวุธและหุ่นเชิดทั้งหมดก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ภายใต้แรงสั่นสะเทือนของ ไนโตะ หุ่นบางตัวแตกออกเป็นชิ้น ๆ บางตัวก็แหลกเป็นผุยผง ไม่มีทางที่จะซ้อมแซมกลับมาได้อีกครั้ง พวกมันถูกทำลายอย่างสมบูรณ์! จากนั้นด้ายจักระทั้งหมดที่ออกมาจากอกของ ซาโซริ ก็หายไป เมื่อดูหุ่นของตัวเองถูกทำลายจากการโจมตีด้วยดาบของ ไนโตะ ซาโซริ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่ต่อหน้า ไนโตะ การโจมตีของเขามีช่องโหว่เต็มไปหมด! เขารู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของ ไนโตะ แต่เขาก็ไม่คิดว่าช่องว่างของพลังจะมากขนาดนี้ราวกับระยะห่างระหว่างสวรรค์และโลก! แม้แต่เขาซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่เกือบจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพลัง เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังของเขาน้อยนิดแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้า ไนโตะ! นี่คือพลังของเทพเจ้า! ด้วยสีหน้าตกใจและซับซ้อน ซาโซริ มองไปที่ ไนโตะ จากนั้นก็พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า “แม้ว่าในวันนี้แกจะแข็งแกร่ง แต่ในที่สุดพลังของแกก็จะกลายเป็นฝุ่น ศิลปะที่แท้จริงเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์…” “ผิดแล้ว” ไนโตะ มองไปที่ ซาโซริ จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็นว่า “คุณเข้าใจผิดมาตลอด ไม่มีพลังไหนที่จะอยู่ตลอดไป ต่อให้ชีวิตจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นนิรันดร์ คุณจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นอมตะ เช่นเดียวกับที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ” “มาดูกันว่าพลังของใครจะกลายเป็นผงธุลี เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าพลังที่คุณครอบครองอยู่นั้นมันไม่แน่นอนพลังที่แท้จริงไม่จะไม่ถูกกัดกร่อนได้ตามกาลเวลา…” เมื่อพูดแบบนั้น ไนโตะ ก็เหวี่ยงดาบของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ ซาโซริ จะเสียชีวิตสายตาของเขาลดลงเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังถามตัวเอง “งั้นนี่คือคำตอบที่แท้จริงสินะ…?!” เมื่อหันหน้าไปทางคลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ของ ไนโตะ ซาโซริ ไม่ทันได้คิดหลบมันเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเขากลายเป็นผงและหายไปทันที ไนโตะ จัดการกับ ซาโซริ ด้วยการโจมตี 2 ครั้ง จากนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ นางาโตะ อีกครั้ง ไนโตะ มอง นางาโตะ อย่างเฉยเมย เขาไม่เหลือความห่วงใยใด ๆ ในใจให้กับ นางาโตะ อีกแล้วเพราะสำหรับเขา นางาโตะ ได้ตายไปแล้ว “ดูเหมือนว่าชายที่กลายเป็นเทพเจ้าแห่งนินจาจะไม่ระมัดระวังและสงบนิ่งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว คุณกลายเป็นคนหยิ่งยโสไปแล้วสินะ” นางาโตะ ไม่ได้พยายามที่จะหนีจากการเผชิญหน้านี้ เขาจ้องตรงไปที่ ไนโตะ และด้วย เนตรสังสาระ ของเขา ออร่าอันยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกมาทำให้พื้นสั่นสะเทือนไปทั่ว นี่ไม่ใช่ ข่ายเทพพิชิตฟ้า แต่เป็นเพียงแค่แรงดันจักระของเขาเท่านั้น “คุณคิดว่าคนจะระวังตัวเมื่อเจอมดบนถนนไหมล่ะ?” ไนโตะ รู้สึกได้ถึงแรงดันจักระที่มาจาก เนตรสังสาระ แต่สายตาของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง ไนโตะ ไม่ได้โจมตีทันทีเพราะเขายังคงคิดว่าเขาควรจะรักษา เนตรสังสาระ ไว้หรือไม่ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของ ไนโตะ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังของ เนตรสังสาระ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบพลังของ เพน 6 วิถี โดยพื้นฐานแล้วพลังนี้ถือได้แข็งแกร่งกว่า ไนโตะ ในตอนนี้! ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่า ไนโตะ จะมีโหมดเซียนขึ้นสมบูรณ์และมี กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังแบบย้อนกลับ และยังมี พลังสั่นสะเทือนวิญญาณ แต่เขาก็ยังไม่สามารถปลุกโหมดเซียน 6 วิถีของเขาได้ บางที พลังสั่นสะเทือน เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะ นางาโตะ ได้ อย่างไรก็ตาม จักระและร่างกายของ ไนโตะ ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถปลุก โหมดเซียน 6 วิถี ได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ นางาโตะ ยังไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของ เนตรสังสาระ ได้ ถ้าเป็น อุจิฮะ มาดาระ ในยุครุ่งเรือง เขาจะปลุกพลังที่แท้จริงของ เนตรสังสาระ และใช้ ลิมโบ (ร่างเงาลองหน) ได้อย่างง่ายดาย การใช้วิชานี้ถ้าไม่ใช่นินจาที่มีพลังอยู่ในระดับเดียวกับ เซียน 6 วิถี ก็คงจะไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับเขาได้ เพราะผู้ที่มีพลังของ เซียน 6 วิถี เท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นร่างเงาเหล่านั้นได้! นี่คือช่องว่างของพลังของทั้งสอง แม้แต่ ฮาชิรามะ ที่มีโหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ ก็ยังด้อยกว่าเพราะเขาไม่มีทางต้านทานพลังที่แท้จริงของ เซียน 6 วีถีได้ ร่างเงาลองหน เพียงอย่างเดียวจะทำให้คู่ต่อสู้ลำบากขึ้นมาก มันเป็นร่างเงาที่อยู่อีกมิติหนึ่งและโดยปกติจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจจับพวกมันได้ ไม่ต้องพูดถึงความยากลำบากในการต่อสู้กับการโจมตีจากร่างเงาของ มาดาระ จากมิติอื่น
คอมเม้นต์