The Strongest Hokage ตอนที่ 313
เมื่อ ไนโตะ มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็ก้าวขึ้นไปบนอากาศอันว่าเปล่าทันทีฟั๊บ!!ทันใดนั้น ไนโตะ ก็เคลื่อนที่ชั่วพริบตาขึ้นไปบนอากาศ ตอนนี้เขาพัฒนามาจนถึงขั้นที่ว่า ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน ผืนน้ำ หรือแม้แต่อากาศ ความเร็วของเขาก็จะไม่ต่างกันวิชา เหยียบเวหาขั้นสูง ของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นขั้นที่สูงที่สุดในสายวิชาเคลื่อนที่ชั่วพริบตา และมีชื่อใหม่ว่า เดินชมจันทร์ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนไหวในอากาศหรือบนพื้นดิน ความแตกต่างของพื้นผิวจะไม่ส่งผลต่อความเร็วของเขาอีกต่อไป เพียงแต่ย่างก้าวเบา ๆ เขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วและแค่เพียงอึดใจ ไนโตะ ก็พุ่งขึ้นไปถึงกลุ่มเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือสนามรบ ในขณะนั้น กองทัพโคโนฮะ กำลังไล่ต้อนและขับไล่ศัตรูไปยังชายแดนของ แคว้นแห่งไฟ และ กองทัพนินจาคิริ ก็แตกยับเยินจนต้องหนีกลับไปยังแคว้นของตนโคโนฮะ เลือกที่จะไม่ไล่ตามศัตรูไปยัง แคว้นน้ำ พวกเขาแค่ตั้งแนวป้องกันอยู่ที่ขายแดนของ แคว้นแห่งไฟ เท่านั้น ในทางกลับกัน หมู่บ้านคิริ ก็ไม่มีความคิดที่จะโจมตี โคโนฮะ แต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ 3 หาง ถูกกำราบโดยโคโนฮะอย่างไรก็ตาม หมู่บ้านใหญ่อีก 3 หมู่บ้าน ก็ยังอยู่ห่างไกลจากคำว่ายอมแพ้มากนัก ดังนั้นจึงทำให้ หมู่บ้านคิริ จำเป็นต้องปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เพราะพวกเขาจะไม่ยอมเป็นหมู่บ้านแรกที่พ่ายแพ้ในสงครามอย่างแน่นอนแม้ว่า ไนโตะ จะยังอยู่ในสนามรบ แต่เขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับ หมู่บ้านคิริ อีกต่อไป หลังจากที่เขาฆ่า กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ แล้ว ก็ไม่มีใครคู่ควรที่จะได้ต่อสู้กับเขาอีกแล้วไนโตะ ต้องการต่อสู้กับ มาดาระ และฆ่าเขา แม้ว่าเขาจะได้ร่างกายที่สมบูรณ์ของเขากลับมา ไนโตะ ก็เต็มใจที่จะต่อสู้และจบชีวิตของเขาลงให้เร็วที่สุด มันไม่สำคัญว่าเขาจะปรากฏตัวเมื่อไหร่หรืออย่างไร แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาปรากฏตัวออกมา ไนโตะ ก็จะจัดการเขาด้วยหมัดในทันทีอย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ มาดาระ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ระยะของ สัมผัสพิเศษ นั้นกว้างใหญ่มาก แต่มันก็ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับโลกนินจาทั้งใบไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใด มาดาระ หรือว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ไนโตะ ก็ไม่รู้สึกกังวลหรือกลัวเลยแม้แต่น้อย และถ้า มาดาระ ไม่ต้องการที่จะออกมา เขาก็ต้องซ่อนตัวไปตลอดกาลยิ่งไปกว่านั้นในการ์ตูน มาดาระ ได้วางแผนต่าง ๆ และได้ทำตามแผนของเขามากมายใน มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในสนามรบ เขาก็คงจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ไปมากนัก เพราะเขาต้องคอยสังเกตสถานการณ์ในสงครามอยู่อย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากที่ 1 หาง ถูกจับโดย ไนโตะ กองกำลังของซึนะ ก็อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก เพราะแม้ว่า คาเสะคาเงะ รุ่นที่ 4 จะลงสู่สนามรบด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะ ซาคุโมะ และ กองทัพโคโนฮะ ได้เลยมีเพียงแค่ กองทัพอิวะ และ กองทัพคุโมะ เท่านั้น ที่ยังเหลืออยู่ใน แค้วนแห่งไฟ“โอโรจิมารุ เป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองทัพที่เก่งที่สุดของ โคโนฮะ ที่ต่อสู้กับ หมู่บ้านอิวะ ตอนนี้เขาคงจะทำการวิจัยเกี่ยวกับ คาถาสัมภเวสีคืนชีพ และการศึกษาเกี่ยวกับวิญญาณ ไปได้เยอะพอสมควรแล้วละมั้ง”ไนโตะ ยืนอยู่บนเมฆ และคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขามองลงไปที่ด้านล่างไนโตะ ยังคงไม่สนใจใน คาถาสัมภเวสีคืนชีพ แต่การศึกษาด้านวิญญาณของ โอโรจิมารุ นั้น ไนโตะ ยังคงต้องการมันอยู่การฝึกฝนเป็นเหมือนกับการเทน้ำลงไปในขวด เริ่มตั้งแต่ประตูด่านพลังบานแรกถูกเปิดออก จนถึง ประตูด่านพลังบานที่ 6 มันเหมือกับว่า ไนโตะ กำลังเทน้ำลงในร่างกายของเขา แต่อย่างไรก็ตามขวดทุกขวดย่อมมีขีดจำกัด และเมื่อมันเต็มแล้ว มันก็จะถูกปิดฝาอย่างสมบูรณ์และเป็นไปไม่ได้ที่จะเทน้ำลงในขวดที่ถูกปิดฝาแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจึงกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายสำหรับ ไนโตะสิ่งที่เขาต้องทำคือหาวิธีที่ที่จะทำลายขีดจำกัดหรือฝาของขวดนั้นการทำลายขีดจำกัดเท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถทำได้มากกว่าสิ่งที่เรียกว่าความสมบูรณ์แบบ ความสมบูรณ์แบบนั้นเป็นเพียงแค่ข้อจำกัดสำหรับมนุษย์ การทำลายมันเท่านั้นที่จะทำให้ ไนโตะ ไปได้ไกลกว่านี้ไนโตะ ไม่รู้ว่าเขาจะเปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 ได้อย่างไร เพราะร่างกายของเขาไม่สามารถฝึกฝนให้พัฒนาขึ้นไปได้มากกว่านี้อีกต่อไปแล้ว ถ้าเขาต้องการเปิดประตูด่านพลังบานนั้น ความแข็งแกร่งของร่างกายจะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป มีเพียง 2 อย่างเท่านั้นที่เหลืออยู่หลังจากนี้ นั้นก็คือ จักระ และ วิญญาณจักระ…ไนโตะ รู้คำตอบง่าย ๆ ของเรื่องนี้ คือถ้าเขารวบรวม สัตว์หาง ทั้งหมด และกลายเป็น พลังสถิตร่าง ของ 10 หาง เขาก็จะทำลายขีดจำกัดในเรื่องจักระ และเขาก็จะสามารถเปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 ได้แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ เนตรสังสาระ และการปลุก 10 หาง ก็ไม่ใช่เรื่องดี มันคือกุญแจสำคัญในการเรียก คางูยะ ออกมา ซึ่งเมื่อเธอได้เป็นพลังสถิตร่าง ของ 10 หาง ก็เทียบเท่ากับว่าเธอได้กลายเป็นระเบิดเวลาที่แท้จริงถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับ คางูยะ ได้ เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอจะสามารถควบคุม 10 หางได้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับ มาดาระ ในการ์ตูนมันจึงทำให้เส้นทางที่จะให้ได้มาซึ่งจักระจำนวนมหาศาลนั้นยากมาก ดังนั้นอีกทางหนึ่งที่เหลืออยู่ก็คือ วิญญาณในที่สุด เมื่อ ไนโตะ ได้เรียนรู้ โหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ พลังแห่งวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทันที และอย่างไรก็ตามก็มีความรู้สึกจาง ๆ ในใจของเขาว่าพลังวิญญาณของเขากำลังจะไปถึงระดับใหม่แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความรู้สึก แต่คำตอบเดียวที่จะนำเขาไปสู่หนทางในการเปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 ก็คือ พลังวิญญาณของเขาการพัฒนาพลังวิญญาณของเขา ทำให้ พลังสั่นสะเทือนวิญญาณ ของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตอนนี้ พลังสั่นสะเทือนวิญญาณ ของเขาสามารถทำให้แม้แต่นินจาระดับสูงก็ไม่สามารถต้านทานมันได้ และแม้แต่นินจาระดับ กึ่งคาเงะ ก็ยากที่จะต่อต้านมันมีเพียงแค่ผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างโชคโชนและก้าวไปสู่ระดับสูงสุดอย่าง คาเงะ เท่านั้น ที่จะสามารถต้านทาน พลังสั่นสะเทือนวิญญาณ ของ ไนโตะ ได้พูดง่าย ๆ ว่า หาก ไนโตะ ต้องการทำลายหมู่บ้าน วิชานี้ก็มากเกินพอแล้วที่จะทำแบบนั้นได้เช่นเดียวกับ มาดาระ ในการ์ตูน ไม่ว่าเขาจะใช้อุกกาบาตหรือ ซูซาโนะโอะร่างสมบูรณ์ เขาก็จะสามารถทำลายหมู่บ้านได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งในระดับนี้ พลังของมนุษย์จะไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ แม้แต่นินจาระดับ คาเงะ ก็เปรียบเสมือนมดเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของเขา และแม้แต่นินจาระดับ สุดยอดคาเงะ ก็เป็นแค่มดที่ตัวใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเท่านั้น“ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็คงต้องไปหา โอโรจิมารุ เพื่อดูว่าเขาได้ข้อมูลอะไรใหม่ ๆ มาบ้างสะแล้ว”หลังจากใช้เวลาคิดอยู่นาน ไนโตะ ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ขอบฟ้า จากนั้นเขาก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็วโหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ และการเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ทำให้พลังทางกายภาพของ โนโตะ เพิ่มขึ้นไปถึงจุดที่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้าอีกต่อไปจักระของเขามีอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ความเร็วในการฟื้นฟูนั้นกลับเป็นความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว แม้แต่เมื่อเขาใช้ เดินชมจันทร์ อย่างต่อเนื่อง จักระของเขาก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อยไนโตะ ไม่ได้ใช้ 7 หางในครั้งนี้ เพราะเขาต้องการสัมผัสกับความรู้สึกของการวิ่งบนท้องฟ้า
คอมเม้นต์