Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ ตอนที่ 343
ราชันงูรู้สึกผิดอย่างมาก นางมองคนอื่นๆด้วยสีหน้าโศกเศร้า ความจริง สีหน้าของนางคล้ายดั่งอับอาย … ” ค้นหาทุกที่อย่างละเอียด ! ตรวจสอบใบหญ้าทุกใย และซอกไม้ทุกซอก ! ทำเแม้นว่ามันจักเสียเวลาก็ตาม ! “กระเรียนคอยาวยกมือขึ้นขณะที่เขาออกคำสั่งนี้ น้ำเสียงเข้มงวด และ เขาขมวดคิ้ว ราวกับอยู่ในอารมณ์รุนแรง” ที่นี่มีพวกเราอยู่แปดตน เช่นนั้น เราจักรับผิดชอบคนละหนึ่งทิศทาง พวกเราต้องให้ความความสำคัญกับการกระทำของกันและกันและประสานกัน อสูรที่ตั้งแต่ระดับเก้าขึ้นไปต้องเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ พวกเราต้องไม่ปล่อยให้คนผู้นั้นหนีไปได้หากเขาอยู่ที่นี่ ระลึกไว้เสมอว่าคนผู้นี้มีความสามารถและฝีมือขั้นสูง เช่นนั้น ทุกผู้ที่พบสิ่งผิดปกติจักต้องส่งสัญญาณก่อนเป็นอันดับแรก ! “ราชัญอสูรเชวียนตอบรับ พวกเขามีแววตาที่รุงแรงอย่างไร้เหตุผล พวกเขารอคอยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ แห่งเทียนฟามานับร้อยปี และ จักให้มันโดนขโมยไปได้อย่างนั้นหรือ …. ? ผู้ใดจักไม่บ้าคลั่งกัน ?ราชัญอสูรเชวียนกำลังจักเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว …ทันใดนนั้น …แรงกดดันที่น่ากลัวและสะเทือนโลกาสืบสายลงจากฟากฟ้าด้วยเสียงดัง ตู้มม ! ราวกับสวรรค์ทั้งเก้าสำแดงเดชแก่เทียนฟาจากเบื้องบน ความจริง ความกดดันนี้กดมาที่หัวของพวกเขาอย่างหนักหน่วง … ราวกับคนผู้นั้นสามารถยกมือขึ้นสัมผัสไปยังสวรรค์ได้!พลังนี้มหึมา สง่างามและน่าเกรงขาม ราวกับสวรรค์สูงตระหง่านเคลื่อนทับลงมาที่พวกเขา หมีใหญ่ และ ราชัญอสูรเชวียนอื่นๆรู้สึกว่าพวกเขาไม่อาจต้านทางสิ่งนี้ได้ ความจริง ความรู้สึกนี้ถูกส่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงจำต้องหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว และตกตะลึงวรยุทธของราชัญอสูรเชวียนนั้นสมควรแล้วที่หวาดกลัวต่อความกดดันนี้ อย่างไรก็ตาม อสูรเชวียนที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่าพวกเขานั้นหมอบตัวลงกับพื้น จากนั้นพวกเขาก้มหัวลงไปที่พื้นพร้อมเพรียง และไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ! อสูรเชวียนอันดับเก้าแทบไม่กล้ายืนอยู่ได้ แต่ร่างของพวกเขา รวมถึงขาของพวกเขาก็สั่นเครือ และ มันเป็นการแสดงให้เห็นว่า กำลังใจ ในการต่อสู้ของพวกเขานั้นเลือนหายไปแล้วฉากนี้เป็นหมือนกับ สามัญชนที่ได้เผชิญหน้ากับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าผู้นี้สามารถจัดการกับชีวิตของคนผู้นี้ได้ด้วยฝ่ามือเมื่อเขาปรากฏตัว ดังนั้น จึงบอกได้ว่าคนผู้นั้นยอมจำนนต่อเขา และปล่อยให้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทำอันใดได้ทุกสิ่งอย่าง …บางทีคนผู้นั้นอาจเป็นเลิศหรือมีสายเลือดแห่งราชัญ และ บางทอาจมีพลังอำนาจที่เหนือธรรมดา และ สามารถควบคบคนมากมายในดินแดนของเขาได้ แต่ ไม่สำคัญว่าเขาจักน่ากลัวเพียงใด …เป็นเลิศ หรือยิ่งใหญ่สักแค่ใหน ! เขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์สามัญต่อหน้าพระเจ้าผู้สูงส่ง ! ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างพวกเขาจึงเป็นเช่นนั้น … เขามิอาจต้านทานอำนาจของพระเจ้าได้ !แปดราชัญอสูรเชวียนรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ในหัวใจของพวกเขาแม้แต่ความแข็งแกร่งทั้งหมดในเทียนฟาก็ไม่อาจเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้ หากคนผู้นี้เอาไป !ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงของคนผู้นี้ หรือได้เห็นตัวตนของเขาในตอนนี้ … แต่ ความคิดนนี้ได้เกิดขึ้นมาในสมองของเหล่าราชันอสูรเชวียนแล้ว …คนผู้นี้ดูน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าสวรรค์ ! เขาเป็นดั่งพระเจ้า ! พวกเราจักต้องตายหากหุนหันท้าทายเขา !แปดราชันอสูรเชวียนต่อสู้และยกหูของพวกเขาขึ้นไปในอากาศ แต่ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่กล้าทำ …ร่างสีดำลอยอยู่ในอากาศ เขาอยู่ในชุดสีดำ ใบหน้าของเขา … และแม้แต่เท้าของเขาก็ยังถูกคลุมไปด้วยชุดสีดำ อย่างไรก็ตาม เขาปรากฏสงบนิ่งราวกับหุบเขาขณะที่เขาลอยอยู่ในอากาศ เป็นช่วงเวลากลางคืน และคนผู้นี้อยู่ในชุดดำสนิท แต่ มันดูเหมือนกับดวงตะวันที่เจิดจ้าและแผ่รังสีออกมาไม่จบสิ้น ! ร่างนี้ดูเหมือนเปล่งประกาย ที่ไม่อาจจ้องมองไปตรงๆได้ !มีเพียงแค่ กระเรียนคอยาว และ หมีใหญ่ ที่รู้สึกคุ้นเคยอยู่ในใจ …หรือจะเป็นเขา ?” ผลไม้นั้นเป็นของข้า เช่นนั้น ข้าจึงเอามันไป “บุรุษลึกลับ ประกาศด้วยน้ำเสียงสูงวัยและชัดเจน น้ำเสียงของเขาก็เพียงพวที่จักบอกได้ถึงอำนาจที่เขาครอบคองได้ สามารถคิดได้จากน้ำเสียงของเขา เขาอาจจะกำลังคิดว่านี่คือโลกของข้า และเช่นนั้น ข้าจักเอาทุกสิ่งที่ข้าต้องการ นี่คือธรรมชาติที่เป็นไปอย่างไรก็ตาม บุรุษลึกลับก็ได้อธิบายวาจาของเขา” เพราะสิ่งของชั้นเลิศนี้ไร้ค่าในมือของเจ้า “จากนั้นเขาผิวปาก และถอนใจด้วยความโศกเศร้าเป็นเวลานาน จากนั้นเขาเอ่ย” การสูญเสียงสิ่งของนี้ไม่เป็นเป็นปัญหาอันใด พวกเจ้าทั้งแปดนั้นอยู่ในระดับสูงส่ง แต่ไม่สามารถกินและใช้ความสามารถของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างปลอดภัย ข้ากลัวว่า พวกเจ้าแต่ละคนจักประเบิด และตายไปหาเจ้ายังคงดื้อรั้น และ พยายามดูดกลืนผลของมันเข้าไป โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ! “จากนั้นเขาคำรามทางจมูกด้วยความสง่า และท่าทีเยือกเย็น” มันจักเป็นการสะเพร่าสำหรับใครก็ตามที่พยายามกินผลไม้นี้เข้าไป ทั้งที่วรยุทธต้อยต่ำเช่นนี้ คนเช่นนั้น คงเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตอยู่แล้ว เช่นนั้น จักเป็นการดีที่เขาจักเอามีดปากคอตัวเอง หากไม่ต้องการมีชีวิตอีกต่อไป แต่ เหตุใดต้องทำให้สมบัติที่สูงส่งนี้สูญเปล่า ? “แปดอสูรเชวียนมองหน้ากันด้วยความสิ้นหวัง หลังจากพวกมเขาได้ยินวาจาเหล่านั้น พวกเขามีหัวใจที่ดุร้าย พวกเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามนั้นล้ำลึก และพวกเขาไม่เหมาะสมกับเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็รู้ถึงประโยชน์ของผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้น พวกเขาจักฟังความข้างเดียวได้อย่างไร ? ดังนั้นจึงเกิดความงุนงงตอกลับมา ….โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ราชันงู ดวงตาของนางโหมกระหน่ำด้วยเปลวเพลิง และกำมัดแน่น ราวกับนางกำลังจะเคลื่อนไหว … ” นายท่าน … การพบกันที่นครเทียนเชียงนั้นมิได้ทำใหท่านพอใจหรือ ? “กระเรียนคอยาว โบกมือเพื่อหยุดยังการต่อต้านที่กำลังเกิดขึ้นของพี่น้องของเขา ขณะที่เอ่ยคำถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง ดูเหมือนว่าเขาไม่แน่ใจและอดไม่ได้ที่จะสงสัยความรู้สึกนี้คุ้นเคยยิ่งนัก แต่ คนผู้นี้ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันรู้สึกราวกับคนผู้นี้เหนือชั้นยิ่งกว่าผู้ที่เราพี่น้องได้พบในนครเทียนเชียง ความจริง ดูเหมือนว่าเขาทรงพลังยิ่งกว่ามากนัก !หมีใหญ่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน สองพี่น้องรู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่พวกเขายังไม่มั่นใจนัก …หรือว่า บุรุษหน้ากากลึกลับผู้นั้นจักสามารถบรรลุได้ไกลขนาดนี้ในเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น ? นี่เป็นการก้าวหน้าที่รวดเร็วจนน่าหวาดกลัว ! มิใช่เรื่องที่น่าแปลกเกินไปอย่างนั้นหรือ ?แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า จวินโม่เซี่ยได้เผยถึงฝีมือที่แท้จริงของเขาเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นในตอนที่พวกเขาพบกันในนครเทียนเชียง หรือเอ่ยอีกอย่าง เขาปลดปล่อยกลิ่นไขของเจดีย์หงษ์จวินออกมาเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความสามารถและการควบคุมของเขาได้เพิ่มขึ้นมาหลังจากเวลานั้น ยิ่งกว่านั้น สิ่งของนี้ล้ำค่ายิ่งนัก ดังนั้น เขาจึงต้องสร้างความแข็งแกร่งและการกดขี่ที่ส่งผลอย่างมากหากเขาต้องการผลไม้นี้มาครอบครอง ด้วยเหตุนี้ คุณชายน้อยจวินมิได้ออมมือแม้แต่น้อย และ ปลดปล่อยกลิ่นไอของเจดีย์หงษ์จวินออกมามากที่สุดเท่าที่เขาจักทำได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ !ผลลัพธ์มิได้แตกต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความแตกต่างใหญ่หลวงในพลังที่เขาได้รวบรวมมา จักพูดถึงสองเหตุการณ์นี้ด้วยเหตุเดียวกันได้อย่างไร …. ?จวินโม่เซี่ยแสดงตัวออกมาด้วยสองเหตุผล อย่างไรเพื่อทำตามแผนการเดิมของเขา อย่างที่สอง ด้วยสีหน้าอันน่าเวทนาของเหล่าราชันอสูรเชวียนที่เขาได้เห็น ซึ่งเขามิอาจทนเห็นมันได้ ท้ายที่สุดแล้ว ในเวลาหนึ่งร้อยปีพวกเขาต้องใช้คนเพื่อปลูกผลไม้นี้มากมายเท่าไหร่ ? เขาไม่อาจเข้าใจความพยายามและความลำบากที่ถูกใช้ไปเพื่อทำให้เกิดการเติบโตนี้ใช้เวลากี่ช่วงอายุคนเพื่อให้ต้นไม้นี้ออกผล ?มันจักเหมาะสมหรือไม่หากข้าเอามันมาเป็นของตัวเอง ? ข้าควรเอามาเพียงส่วนเล็กๆ บางทีอาจจะครึ่งหนึ่ง ….
จวินโม่เซี่ยรู้สึกผิดชอบในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ทำตัวน่ารังเกียจจนเกินไป จวินโม่เซี่ยไม่ปล่อยให้การทำงานหนักของอสูรมากมายเหล่านั้นสูญเปล่า …อสูรเชวียนที่ซื่อตรงเหล่านี้เป็นมิตรยิ่งกว่ามนุษย์ ในสายตาของจวินโม่เซี่ย ดังนั้น ชัดเจนว่าเขาต้องการใช่วยเหลือพวกเขาหากเขาสามารถข้าจักทนดูเหล่าอสูรเชวียนระดับสูงเหล่านี้ตัวระเบิดตายได้อย่างไร ?ไม่สำคัญว่าจักเกิดอันใดกับแผนการและเป้าหมายของข้าในอนาคต … มันจักเป็นสิ่งที่น่าโศกเศร้ายิ่งนักหากอสูรเหล่านี้ต้องตาย ไม่สำคัญว่าข้าจักใช้งานมันหรือไม่ ข้าทำสิ่งนี้เพื่อกรรมดี และเพราะนี่เป็นการกระทำในสิ่งทีถูกต้อง … แม้นว่าข้าไม่ต้องใช้พวกเขาเหล่านี้ในอนาคตเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจดจำไว้ว่า ทุกคนต้องการได้พบกับอาจารย์แบบนี้ แต่ไม่อาจทำได้ ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอธิบายสถานการณ์นี้ด้วงท่าทีที่ดี และ ข้ออ้างนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด” กระเรียนคอยาว หมีใหญ่ … ฮี่ฮี่… การกระทำของเจ้าทำให้อาวุโสผู้นี้ประหลาดใจยิ่งนัก ! “จวินโม่เซี่ยถอนใจรากับเป็นชายชรา” อาวุโสผู้นี้ไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพับกับการจัดการเรื่องเล็กน้อยของ มณฑลฉือฮั่น เช่นนั้น ข้าจึงมอบมันให้เจ้าทั้งสอง … ฮี่ฮี่ … เป็นเป็นเพียงงานง่ายๆ แต่ พวกเจ้าทั้งสองเปลี่ยนมันให้กลายเป็นการก่อกบฏ ซึ่งเกินกว่าสิ่งที่คาดไว้ นี่เป็นเรื่องไร้เหตุผล แต่ ปัญหานี้ยังคงไม่ถูกแก้ไข ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือเชวียนกว่าครึ่งโลกมารวมตัวกันที่นี่ …. “” นี่คือเรื่องของเจ้า และไม่เกี่ยวข้องกับอาวุโสผู้นี้ มันเกิดขึ้น และมันก็จะเกิดขึ้น แต่ อาวุโสผู้นี้ค่อนข้างอยากรู้ เมื่อใดกันที่ความแข็งแกร่งของเทียนฟาอ่อนแอลงเช่นนี้ ? อาวุโสผู้นี้จำได้ว่าเราได้ตกลงเส้นตายเอาไว้ เป็นเวลาหนึ่งเดือนมิใช่หรือ ? ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ หนึ่งเดือนมีเวลาเจ็ดสิบวันในเทียนฟา ? “” เป็นท่านจริงๆ ท่านผู้อาวุโส … “กระเรียนคอยาวและหมีใหญ่จำเขาได้และโพล่งออกมาพร้อมกัน พวกเขาสบายใจขึ้นในทันที แต่ ก็ถูกลบล้างด้วยโทสะและความอับอาย ใบหน้าของพวกเขาร้อนผ่าวด้วยความอับอาย ความจริง พวกเขาอยากจะขุดหลุมฝังมันเอาวไว้หากทำได้ …น่าอับอายยิ่งนัก ! คนผู้นี้ไม่เว้นช่องให้พวกเรารักษาชื่อเสียงเลยแม้แต่น้อย …และ สำหรับเหตุผลที่ทำให้สบายใจนั้น …มันค่อนข้างง่ายปรมาจารย์ลึกลับที่มีความสามารถเช่นนี้ จักขโมยของดั่งหัวขโมยธรรมดาได้อย่างไรกัน ? เขาอาาจะมีเหตุผลที่ล้ำลึกเกินกว่าที่พวกเราเข้าใจ อย่างไรก็ตาม เรามั่นใจว่าจักไม่ประสบกับผลเสียอันในในเรื่องนี้ …พวกเขารู้ว่า ปรมาจารย์ผู้นี้คุ้นเคยกับการใช้วิธีการดังกล่าวทุกครั้งในทุกการเผชิญหน้า พวกเขารู้ว่าคนผู้นี้มีความสามารถในการโกหกและหลอกลวง อย่างไร้ยางอายและไม่มีสัจจะเพื่อส่งที่ต้องการ เขาจักทำลายสิ่งของ และสิ่งต่างๆ … และจักใช้โปรโยชน์จากสถานการณ์เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ความจริง ความสามารถนี้คนผู้นี้ลึกซึ้งมากจนแทบจะกลายเป็นธรรมชาติของเขา …และ พวกเขาคิดว่าสิ่งนี้ถูกต้อง แทบจะไม่พบข้อบกพร่องในการรู้ผิดชอบชั่วดีในตัวของคุณชายน้อยจวินเลย …” พวกเราละอายใจ และเคารพนายท่าน แต่ ท่านต้องไม่โทษพวกเราพี่น้องในเรื่องนี้ พวกเราได้ไปยัง มณฑลฉือฮั่น แต่ ลีจื้อเทียนมิใช่คนดี และ เขาได้เรียกรวม ยอดฝีมือครึ่ง อาณาจักรเพื่อต่อต้านพวกเรา เช่นนั้น พวกเราจึงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างไร้ทางเลือก และจากนั้น เราได้ก่อกบฏนี้ขึ้นด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของเทียนฟา ความจริง เราได้ลดความพยายามทั้งหมดของเราเพื่อทำให้งานของท่านเสร็จ พวกเราให้คำมั่น เช่นนั้น พวกเราจึงตัดสินใจว่า จักทำตามเป้าหมายนี้แม้นว่ามันเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง อย่างไรก็ดี ผู้ที่น่านับถือได้มอบหมายงานให้เรา เข่นนั้น เราต้องพกยายามอย่างมากเพื่อให้สำเร็จกระเรียนคอยาวมองไปที่เขา และเร่งรีบอธิบายเพื่อแก้ตัวความหมายที่แท้จริงภายใต้วาจาของเขานั้นชัดเจนพวกเราได้รวบรวมกองกำลังมหาศาลมาที่นี่ และ ใช้กองกำลังเพื่องานของท่าน ท่านจักเพิกเฉยได้อย่างไร ? ตอนนี้ ท่านต้องไม่อยู่ข้างมนุษย์เพื่อจัดการกับเรา ตอนนี้ท่านต้องไม่ขัดขวางเรา พวกเราทำทั้งหมดนี้เพื่องานของท่าน และได้รวมกองกำลังทั้งหมดเพื่อให้งานสำเร็จ พวกเราใช้ความพยายามมากมายนักเพื่อท่านคนเดียว แต่ ท่านนั้นเป็นผู้ที่โดดเด่นเป็นเลิศ … เช่นนั้นเราไม่อาจพูดเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผย แต่กระนั้น เรารู้สึกเจ็บปวด ….” เอ๋ … เหตุที่ข้ามอบงานนี้ให้พวกเจ้าทั้งสอง นั้นเพราะว่าตัวตนของข้านั้นสำคัญยิ่งในการจัดการกับ มณฑลฉือฮั่น มันจักเป็นธรรมกับลีจื้อเทียน หรือหากข้าไปรังแกงพวกเขาด้วยตัวเอง ? ตอนนี้ สิ่งนี้ยังคงไม่ชัดเจนสำหรับเจ้าทั้งสองอีกหรือ ? พวกเจ้าทั้งสองนั้นมีความรู้มากเพียงพอรวบรวมกองกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้ แต่เจ้ายังไม่เข้าใจถึงเรื่องง่ายๆในงานที่ข้ามอบหมายอีกหรือ ? “ท้องของจวินโม่เซี่ยเริ่มเป็นตะคริว แต่ น้ำเสียงของเขายังคงมั่นคง แม้นว่ามันจะสื่อความหมายถึงความเสียใจ ….
คอมเม้นต์