Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 927 ส่งพวกเจ้าไปตาย
เมื่อมาถึงที่นี่ก็ไม่ต้องให้จั๋วขวงหลันใช้เข็มเทพราหูนำทางแล้ว ทุกคนมองดูปราดเดียวก็เห็นหลินสวินที่สุดไหล่เขา ใต้ต้นสนโบราณแข็งแรงต้นหนึ่ง หลินสวินยืนประสานมือไว้ข้างหลัง ลมภูเขาพัดโบกแขนเสื้อของเขาให้ปลิวไสวโดดเด่นเมื่อได้เห็นภาพนี้ทุกคนล้วนอึ้งไป คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะเผยร่องรอยอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้“หลินสวิน นี่เจ้ารู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางหนีได้เลยกำลังรอความตายอยู่หรือ”เซี่ยอวี้ถังตะโกนอย่างฮึกเหิม สายตาเคียดแค้น ยามเขาอยู่ชายฝั่งทะเลปรานแปร ถูกหลินสวินเหยียบย่ำจนอับอายขายหน้า ชื่อเสียงป่นปี้“เปล่า ข้ากำลังรอส่งพวกเจ้าไปตาย”หลินสวินตอบกลับอย่างเรียบเฉย สุขุมเยือกเย็นนัก ทำให้ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างฉงน ออกจะคาดเดาไม่ถูก“เลิกเสแสร้งเล่นลูกไม้เสียที ถ้าไม่กลัวทำไมเมื่อกี้ถึงต้องหนีด้วย” เซี่ยอวี้ถังดูถูก ตะคอกเสียงดังเขารู้สึกสาแก่ใจนัก มั่นใจประหนึ่งจับเต่าในไห กำลังจะได้แก้แค้นครั้งใหญ่ผู้แข็งแกร่งคนอื่นกลับพิจารณาและสำรวจรอบทิศ รอบคอบยิ่งนัก ด้วยกังวลว่าจะถูกหลอก แม้มั่นใจว่าอาศัยพลังของพวกเขาก็สามารถฆ่าหลินสวินได้อย่างง่ายดายก็ตามแต่พวกเขากลับไม่กล้าชะล่าใจ ในเทศกาลโคมกถามรรคหลินสวินลงมือสังหารอย่างร้ายกาจ ทั้งยังมีสมบัติอริยะในมือ ทำให้พวกเขาต้องระมัดระวัง“หลินสวิน รีบให้เด็กสาวผู้นั้นออกมาเถอะ ตอนนี้เจ้าจนมุมแล้ว ถอยจนไร้ทางถอย เหตุใดต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยเล่า”คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งกล่าวเสียงเรียบ“ฆ่าพวกเจ้า ข้าคนเดียวก็พอแล้ว” หลินสวินมองเหยียดหยัน น้ำเสียงยิ่งเยียบเย็น“ผู้อาวุโสทุกท่าน ขอให้พวกท่านลงมือด้วย เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่กำลังหลอกล่อ ตั้งใจถ่วงเวลา” เซี่ยอวี่ถังร้องออกมา“ช้าก่อน ฟังข้าพูดสักหน่อย”ทันใดนั้นคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งก็ลุกขึ้นยืน เขาคือชายชราชุดเทาผู้หนึ่ง สายตาฉลาดเฉลียว มองดูหลินสวินจากไกลๆ “พ่อหนุ่ม ถ้าเจ้ามอบสมบัติที่อยู่ในมือเจ้า ข้ารับรองว่าจะช่วยให้เจ้ามีโอกาสรอดชีวิตได้ครั้งหนึ่ง ไม่ถึงกับตายที่นี่”ทุกคนกระสับกระส่ายทันใด ไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจำฐานะของชายชราได้ ต่างจิตใจสั่นสะท้าน ไม่กล้าพูดอะไรอีกชายผู้นี้เป็นผู้ฝึกปราณอิสระอาวุโสที่มีชื่อเสียงมากในแดนฐิติประจิมผู้หนึ่ง เรียกตัวเองว่าคฤหัสถ์ผาคีรี พลังปราณในกายยากหยั่งถึง บรรลุราชันกึ่งระดับมานานมากแล้ว“หลินสวิน เจ้าเห็นสถานการณ์ตรงหน้าชัดเจนแล้ว อาศัยโอกาสนี้ ถ้าเจ้าส่งสมบัติทุกอย่างที่อยู่กับตัวเจ้ามาเสียดีๆ ข้าก็จะช่วยให้เจ้ามีโอกาสรอดชีวิตเช่นกัน”หญิงชราที่ผมขาวโพลน ใบหน้าซูบตอบผู้หนึ่งก็เอ่ยปากแล้ว ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่เพราะที่มาที่ไปของหญิงชราผู้นี้น่าตกใจกว่าคฤหัสถ์ผาคีรี พวกเขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นไม่พูดจา“เจ้าแก่โง่สองคน จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก” หลินสวินยิ้มหยัน วาจาไม่เกรงใจสักนิดเพียงครู่เดียว คฤหัสถ์ผาคีรีกับหญิงชราผมขาวก็โกรธจนหน้าคล้ำเขียว ไอสังหารแผ่พุ่ง ส่วนผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างสีหน้าแปลกประหลาดมาถึงตอนนี้แล้ว เทพมารหลินนี่กลับยังกล้าแข็งกร้าวและจองหองเช่นนี้ ใครให้ความกล้าเขามากันยิ่งหลินสวินมั่นใจไม่หวาดหวั่น ก็ยิ่งทำให้พวกเขาละล้าละลัง บ้างคิดว่าเขากำลังเล่นลูกไม้ถ่วงเวลา บ้างคิดว่าเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องตายจึงลองเสี่ยงดูกระทั่งยังมีคนสงสัยว่าหลินสวินเสียสติไปแล้วหรือไม่…อย่างไรเสียหากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปสักคน ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่แสดงออกอย่างไม่สนใจเช่นนี้แต่ด้วยเวลาคับขัน พวกเขาไม่อาจคิดมากได้แล้วต่อมาคนบางส่วนเดินไปข้างหน้าหมายจะขึ้นเขา บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นกะทันหัน กลิ่นอายยะเยือกอบอวล ลมฝนกำลังจะมา“น่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว!”ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยอวี่ถัง จั๋วขวงหลันหรือชิงเหลียนเอ๋อร์ ตอนนี้แววตาเหี้ยมเกรียมต่างปะทุออกมา จับจ้องหลินสวินนิ่ง ต้องการดูว่าเขาจะถูกฆ่าตายอย่างไร“พ่อหนุ่ม ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้ากลับไม่เห็นค่า เหตุใดต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วยเล่า” คฤหัสถ์ผาคีรีเยื้องย่าง สีหน้าสุขุมเยือกเย็น มั่นใจในตัวเองยิ่งนัก“หลินสวิน เจ้าไปกับข้าเถอะ เจ้าก็ถือว่าเป็นบุคคลแห่งยุคไม่เป็นสองรองใครในปัจจุบัน ถ้าตายไปเช่นนี้แล้วจะไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ” หญิงชราผมขาวเอ่ยเสียงเรียบ มีอานุภาพอหังการอันไม่อาจเคลือบแคลงได้ น่าหวาดกลัวถึงที่สุดคนใหญ่คนโตอื่นๆ จะมองดูหลินสวินถูกผู้อื่นฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร แต่ละคนต่างเคลื่อนไหว แย่งชิงนำหน้า ด้วยกลัวว่าหากช้าไปก้าวเดียวก็จะถูกผู้อื่นแย่งชิงสมบัติที่อยู่กับตัวหลินสวินไปก่อนเมื่อได้เห็นภาพนี้หลินสวินยังคงเฉยชาดังเดิม ดวงตาสีดำลุ่มลึกเย็นเยียบ ไม่มีความหวั่นไหวแม้สักนิด สายตาที่มองไปยังผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นเหมือนจดจ้องคนตายกลุ่มหนึ่งอยู่…หือ?ในขณะเดียวกัน หลินสวินก็สังเกตเห็นว่ายังมีผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ก้าวมาข้างหน้า มีท่าทีลังเลไม่ว่างเว้นทันใดนั้นหลินสวินก็แสดงสีหน้าระแวดระวังและกังวลใจ ยามผู้ฝึกปราณคนอื่นเห็นเข้า ก็มองเป็นท่าทีตื่นตระหนก ไม่อาจควบคุมได้“ทุกคนดูสิ เจ้าหมอนี่เผยไต๋แล้ว เริ่มกลัวแล้ว!”เซี่ยอวี้ถังหัวเราะร่า เจือความเย้ยหยันลึกซึ้ง “หลินสวิน เจ้าแสร้งทำต่อไปสิ ทำไมจู่ๆ ตอนนี้ถึงกลัวแล้วล่ะ”ชิงเหลียนเอ๋อร์กับจั๋วขวงหลันก็สังเกตได้อย่างเฉียบไวถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินสวิน ในใจพลันสงบขึ้นมาก ไม่กังวลอีกต่อให้เป็นเทพมารหลิน ยามเผชิญหน้ากับความตายก็ไม่พ้นเท่านี้!ในขณะเดียวกัน คนใหญ่คนโตที่ชิงเคลื่อนไหวก่อนเหล่านั้นต่างก็เร่งฝีเท้า ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาหวาดกลัวกันเองคงชิงลงมือไปนานแล้ว“หลินสวิน ข้าพูดแล้วไม่คืนคำ เจ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ” หญิงชราผมขาวสีหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน แต่เสียงกลับเจือแววข่มขู่ “แต่ถ้ายังลังเลอีก เช่นนั้นก็กู้สถานการณ์ไม่ได้แล้วจริงๆ”นางก้าวเท้าก้าวเดียวก็ลอยละล่องขึ้นมาบนเขาหลินสวินยิ้มเหี้ยมในใจ ยายเฒ่านี่น่ารังเกียจชะมัด นึกว่าตัวเองสามารถควบคุมเขาอย่างง่ายดาย วาจาหมายขู่ให้กลัว กลับไม่รู้เลยว่านางจนมุมมานานแล้ว!ถ้าไม่คิดจะฆ่าทีเดียวให้สิ้นซาก หลินสวินคงเปิดฉากสังหารไปนานแล้ว“พ่อหนุ่ม โอกาสอยู่เพียงชั่วแล่น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เลอะเลือน หาไม่แล้วจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แน่” คฤหัสถ์ผาคีรีดูสำรวมและมั่นใจในตัวเอง แต่ความจริงแล้วก้าวเท้าเร็วกว่าใครเพื่อน ท่าทางหมายจะเข้าไปฆ่าหลินสวินเป็นคนแรกแม้คนใหญ่คนโตผู้อื่นจะไม่พูดอะไร แต่ต่างเข้าประชิดหลินสวินจากทิศต่างๆ กันส่วนผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่เฝ้าระวังอยู่ที่เดิม ล้วนระงับใจไม่อยู่บ้างแล้ว ไม่อาจทนให้หลินสวินถูกคนอื่นแย่งไปก่อนทันใดนั้นสิงห์อสนีหยกขาวตัวนั้นก็คำรามเสียงดังว่า “ฆ่าสวะตัวจ้อยที่เจ็บหนักทั้งตัวคนเดียวเท่านั้น ทำไมต้องวุ่นวายปานนี้ด้วย หลีกไปให้หมด!”โครม!มันโผนขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งตะปบออกไปอย่างรุนแรง พายุอสนีกรรโชก รวมตัวเป็นรอยกรงเล็บมหึมาบดบังท้องฟ้ารอยหนึ่ง พุ่งตะปบไปยังเขาลูกนั้นอย่างจังฉับพลันฟ้าดินเปลี่ยนสี ห้วงอากาศวิปโยค นี่เป็นถึงการโจมตีของราชันกึ่งระดับ สามารถทำลายภูผาธาราแห่งนี้ให้สลายไปอย่างง่ายดาย!หลินสวินเกร็งเครียดในใจ ถ้าโดนการโจมตีนี้ ค่ายกลใหญ่ที่เขาวางไว้ล่วงหน้าก็จะถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น แผนสังหารให้สิ้นซากก็จะถูกทำลาย“บังอาจ!”“คิดจะชิงสมบัติไปต่อหน้าต่อตาข้าหรือ อย่าหวังเลย!”ทว่ากลับมีคนที่กระวนกระวายใจยิ่งกว่าหลินสวิน ก็เห็นว่าหญิงชราผมขาวกับคฤหัสถ์ผาคีรีล้วนดาลเดือด ชิงลงมือสลายการโจมตีของสิงห์อสนีหยกขาวนี้ก่อน ช่วยหลินสวินครั้งใหญ่โดยไม่รู้ตัวเสียอย่างนั้นในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เร่งฝีเท้าพุ่งมายังไหล่เขาที่ผ่านมาระยะห่างเช่นนี้เพียงชั่วพริบตาพวกเขาก็ไปถึง แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งขึ้นไปบนเขาก็ยิ่งดูห่างไกลออกไปแรกเริ่มเดิมทีพวกเขาไม่ใส่ใจมากนัก ยังคิดว่าหลินสวินใช้วิชาพรางตา แต่ไม่นานนักพวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สังเกตได้ว่าออกจะไม่ชอบมาพากล แต่ตอนนี้ก็ลงจากหลังเสือได้ยากแล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้าอีกทั้งในใจพวกเขาย่อมคิดแน่นอนว่าแม้จะมีการซุ่มโจมตี แต่ด้วยฝีมืออย่างพวกเขาก็สามารถสลายไปได้อย่างง่ายดายส่วนคนใหญ่คนโตที่เดิมยืนเฝ้าระวังอยู่ที่เดิมเหล่านั้นเมื่อเห็นเช่นนี้ต่างไม่รั้งรออีก พุ่งออกไปเต็มกำลัง การโจมตีของสิงห์อสนีหยกขาวถูกผู้อื่นสลายลง เดาได้เลยว่าถ้าไม่กระโจนออกไปก็ไม่มีทางฉกฉวยโอกาสได้“ในที่สุดก็มาแล้ว…” หลินสวินยิ้ม ดวงตาดำฉายแววเย็นเยียบไหววูบ“เจ้าหมอนี่ยัง… ยังยิ้มได้หรือ”เซี่ยอวี่ถังเบิกตากว้าง กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ช่างไม่รู้ดีชั่วเสียจริงนะ ข้ายังไม่เคยเห็นคนจองหองอย่างเขามาก่อน!”จั๋วขวงหลันกับชิงเหลียนเอ๋อร์ก็ต่างสีหน้าเหยเกไปบ้าง หลินสวินในตอนนี้จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นไม่สะทกสะท้านอย่างยิ่ง ทั้งรอยยิ้มก็เจิดจ้า ไม่มีความรู้สึกกระวนกระวายอับจนหนทาง หรือสิ้นหวังเลยสักนิด นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่อาจยอมรับได้ รู้สึกอึดอัดใจพวกเขาอยากจะเห็นกระบวนการที่หลินสวินถูกสังหารทั้งหมดกับตาตัวเอง ไม่ได้อยากเห็นเรื่องพวกนี้!“เจ้าหนู ให้โอกาสเจ้าแล้ว น่าเสียดายเจ้าไม่รักษาไว้เอง เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าลงมือโหดเหี้ยมก็แล้วกัน”ในที่สุดหญิงชราก็มาถึงเป็นคนแรก เมื่อนางเอ่ยปากก็กระโจนออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด นิ้วมือว่องไวปานสายฟ้าคว้าไปที่หลินสวินนางไม่รีบร้อนได้หรือ เมื่อเห็นผู้อื่นตามมาติดๆ นางย่อมไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้“ยายแก่โง่เง่า ต้องเป็นข้าส่งพวกเจ้าไปตายสิถึงจะถูก!”และในตอนนี้เอง หลินสวินก็ยื่นสองมือที่ประสานไว้ที่หลังออกมา แผ่นจานกระบวนที่ถือไว้ในมือก่อนนานแล้วส่งเสียงขึ้นมาในตอนนี้โครม!เงามายาของวิหคชาดแดงเพลิงตัวหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ตีปีกสีแดงสด ปลดปล่อยเปลวเพลิงเปล่งประกายโชติช่วงนับหมื่นนับพันลูกพุ่งออกไปปกคลุมหญิงชราผมขาว“อ๊าก…”ด้วยไม่ทันป้องกันตัว หญิงชราผมขาวผู้นั้นร้องโอดโอยออกมา เดิมทีนางมั่นใจในตัวเองและอหังการนัก ผลสุดท้ายตอนนี้กลับเต้นผาง ส่งเสียงร้องน่าหดหู่ราวกับหมูถูกเชือด หมดรูปดูยับเยินในทันใดเงามายาของวิหคชาดตัวนั้นพุ่งกวาด ฝนแสงเปลวเพลิงปลิวว่อน ต่างเป็นสิ่งที่จำแลงมาจากผนึกมรรคราชัน พลังสังหารน่าพรั่นพรึงไร้ที่สิ้นสุดเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น หญิงชราผมขาวผู้นั้นก็ถูกปกคลุมท่ามกลางทะเลเพลิง เต้นเร่าๆ ต้องการจะสลัดให้หลุด แต่กลับหนีไม่ได้ ถูกกักอยู่ภายในนั้น ได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวนราวผีร้องหมาหอนทุกคนต่างตะลึงพรึงเพริด อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก คนผู้นั้นเป็นถึงราชันกึ่งระดับที่ลือชื่อผู้หนึ่ง เหตุใดถึงประสบเคราะห์โดยกะทันหันกันเสียงร้องนั่นก็น่าหดหูเกินไปแล้วกระมังแต่ไม่นานพวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ สังหรณ์ได้ว่าไม่ชอบมาพากล หนาวเยือกไปทั้งตัว หรือว่านี่จะเป็นกับดักที่เตรียมไว้ก่อนแล้วผู้แข็งแกร่งไม่น้อยถอนตัวโดยไม่ลังเล คิดจะถอยหนี เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง แต่ก็ช้าไปแล้วตอนนี้หลินสวินคอยมานานแล้ว ถึงเวลาเก็บแหแล้ว ย่อมไม่ยอมให้มีใครหนีไปได้อีกเขากระตุ้นแผ่นจานกระบวน โคจรกระบวนผนึกมรรคราชันที่ปกคลุมเหนือเขาลูกนี้ชั่วพริบตาฟ้าดินบริเวณนี้พลันแปรเปลี่ยน ไอหมอกบดบังท้องนภา ไอสังหารพลุ่งพล่าน รอยสลักลับต้องห้ามหนาแน่นราวกระแสน้ำผุดขึ้นปกคลุมฟ้าดิน รังสีอันตรายน่าหวาดผวาไหววูบ——
คอมเม้นต์