Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 623 ปีศาจตะพาบ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 623 ปีศาจตะพาบ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

รัตติกาลมืดมิดราวน้ำหมึก ยิ่งใหญ่ไพศาลและเงียบสงบ นาวาน้อยแล่นเอื่อยเฉื่อย
หลินสวินครุ่นคิด ตลาดนัดโจมเมฆาหรือ นี่มันที่ไหนกัน
ยังมีชุมนุมประมูลสมบัตินั่นอีก ขุมอำนาจระดับไหนจัดขึ้นหรือ
หลินสวินพลันพบปัญหาหนึ่ง เรื่องที่ต้องทำตอนนี้คือต้องแน่ใจให้ได้ว่าน่านน้ำนี้คือที่ไหนกันแน่โดยเร็วที่สุด
หาไม่แล้วอย่าว่าแต่กลับไปยังจักรวรรดิจื่อเย่าเลย อาจต้องระเหเร่ร่อนอยู่ในผืนน้ำไร้ขอบเขตนี้ต่อก็เป็นได้
“จริงด้วย ก่อนนางอสูรมารนั่นจากไปได้พูดไว้ว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการชักนำความวุ่นวายมาให้พวกเรา จึงขอลาไปก่อน นี่ออกจะชอบกลอยู่นะ”
เจ้าคางคกพลันเอ่ยปาก
หลินสวินอึ้งไปแล้วพูดว่า “ออกจะแปลกจริงด้วย”
“นางอสูรมารนั่นมาก็รีบร้อน ไปก็รีบร้อน คงไม่ได้หนีภัยอยู่ใช่ไหม”
เจ้าคางคกสันนิษฐานอย่างมีเจตนาร้าย
ก็ตอนนี้เอง บนท้องฟ้ายามราตรีไกลออกไปพลันบังเกิดแสงไหววูบเจิดจรัสหนึ่งเคลื่อนมาทางนี้ราวสายฟ้าแลบ สะดุดตาหาใดเทียบ
“เหมือนว่า…เจ้าจะเดาถูกแล้ว”
หลินสวินสังเกตได้ทันใดว่าแสงไหววูบนี้ไอสังหารพลุ่งพล่าน ดูแข็งกร้าวนัก
“พวกเจ้าเคยเห็นเด็กสาวสวมชุดกระโปรงเหลืองทั้งตัวไหม”
เสียงสวบดังขึ้น แสงไหววูบนั้นหยุดที่ห้วงอากาศไม่ไกลนัก ฉายให้เห็นร่างผอมบางร่างหนึ่ง
นัยน์ตาของเขาปรากฏแสงสีเขียว ไว้หนวดบริเวณเหนือริมฝีปาก แผ่นหลังโก่งเล็กน้อย สีผิวขาวซีดแทบโปร่งแสง ดูเหมือนอมโรค
แต่ท่าทีของเขากลับร้ายกาจ หยิ่งผยองข่มขู่ ยืนอย่างจองหองกลางห้วงอากาศ ดวงตาราวสายฟ้าเยียบเย็นเหลือบมองลงมายังหลินสวินกับเจ้าคางคกบนเรือลำน้อย เอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา
หลินสวินกับเจ้าคางคกสบตาอีกฝ่าย ดังคาด ยุ่งยากแล้ว
“ไม่เคยเห็น”
เจ้าคางคกขัดเคืองอยู่บ้าง รู้สึกได้ว่าเจ้าหมอนี่ไร้มารยาทไปแล้ว เหมือนไต่สวนนักโทษ วางท่าสูงส่ง วาจาก็แข็งกร้าวนัก
“บังอาจ!”
ชายร่างผอมบางสีหน้าถมึงทึง “บนเรือที่พวกเจ้าอยู่มีกลิ่นอายที่นางอสูรมารหลงเหลือไว้ชัดๆ ยังจะกล้าพูดปดตาใสหรือ”
“แหะๆ เจ้าดูออกแล้วจะถามพวกเราทำไมอีก ป่วยหรือไร”
เจ้าคางคกยิ่งไม่ชอบใจคนผู้นี้
เดิมทีเขากำลังคิดว่าหากคนคนนี้ท่าทีดีเสียหน่อย ประนีประนอมผ่อนปรน เขาก็ไม่ขัดข้องที่จะบอกความจริงอีกฝ่าย
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว
หลินสวินก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นสายตาที่มองไปยังชายร่างผอมบางผู้นั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น
“กำเริบ! ที่ข้าถามพวกเจ้าก็เพื่อให้โอกาสพวกเจ้าได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ เห็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าพวกเจ้าก็เป็นพวกเดียวกับนางอสูรมารนั่นล่ะสิ!”
ดวงตาของเขาเย็นชาอึมครึมเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“เจ้าหมอนี่ทำสมองตกน้ำหรือไงนะ”
เจ้าคางคกถามหลินสวิน
“เจ้าให้เขาเขย่าหัวหน่อยสิ ดูซิว่าจะได้ยินเสียงน้ำทะเลหรือไม่ จะได้รู้ว่าสมองตกน้ำไปหรือเปล่า”
หลินสวินเอ่ยแนะนำอย่างจริงจัง
เจ้าคางคกอึ้งไป ทันใดนั้นก็อดหัวเราะท้องคัดท้องแข็งไม่ได้ “วิธีนี้ดียิ่งนัก”
พวกเขาสนทนากันราวกับไม่มีคนอื่น เยาะเย้ยถากถางชายร่างผอมบาง ทำให้ฝ่ายหลังสีหน้าเยียบเย็นหาใดเทียบ โกรธจนหนวดตรงมุมปากกระตุก
“พวกเจ้ารอก่อนเถอะ!”
ชายร่างผอมบางกัดฟัน พูดจบเขากลับสะบัดแขนเสื้อแล้วหันกายจากไป
นี่ทำให้หลินสวินกับเจ้าคางคกล้วนตะลึง เจ้าคนจองหองเช่นนี้ เพียงโยนคำขู่ที่ไม่ระคายเช่นนี้ก็ไปแล้วหรือ
พวกเขาไม่รู้ว่าชายร่างผอมดูเหมือนหยิ่งผยองข่มขู่ แข็งกร้าวถึงที่สุด แท้จริงแล้วไม่ใช่คนโง่เลย
กลับกัน เมื่อสังเกตเห็นท่าทางไม่หวาดหวั่นของหลินสวินกับเจ้าคางคก ในใจเขาก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ออกชอบกล รับรู้ได้ถึงเค้าลางไม่ดี
ด้วยความระแวดระวัง เขาเลือกจากไปโดยไม่ลังเล ไม่กล้าบุ่มบ่ามลองเชิงอีก
“ฮ่าๆๆ ให้ตายสิ เมื่อกี้เกือบถูกมันหลอกแล้ว ที่แท้เป็นแค่เจ้าขี้ขลาดที่ดีแต่เปลือกคนหนึ่ง!”
เจ้าคางคกหัวเราะร่า
“ออกจะไม่ชอบมาพากล จับเขามาก่อนค่อยว่ากัน!”
ยามที่พูดออกมา หลินสวินก็หายไปจากเรือน้อยก่อนแล้ว เงาร่างราวภาพลวงตา ในพริบตาก็ตามชายร่างผอมบางผู้นั้นทัน
“แย่ล่ะ!”
ชายร่างผอมบางผู้นั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ตกใจจนหนีเต็มกำลัง
“สหายยุทธ์ ได้พบกันคือมีวาสนา เหตุใดต้องรีบร้อนจากไปเล่า”
หลินสวินยิ่งรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่มีปัญหาเสียแล้ว
“หึ! ข้ายังมีเรื่องสำคัญ จะมาเสียเวลากับพวกเจ้าได้หรือ รีบถอยไป อย่าขวางทางข้า หาไม่ผลลัพธ์จะเป็นสิ่งที่เจ้าไม่อาจแบกรับไว้ได้!”
ชายร่างผอมตะคอกเสียงดุดัน สีหน้าเย็นชาน่าเกรงขาม
เพี๊ยะ!
เพิ่งพูดจบ ฝ่ามือของหลินสวินก็หวดตีหน้าผากเขาจนร้องโหยหวน เงาร่างโซซัดโซเซ แทบจะตกลงมาจากห้วงอากาศ
“เจ้ากล้านัก! เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร เจ้าหนู เจ้าจบสิ้นแล้ว หมางใจกับข้า บนสวรรค์และใต้หล้าไม่มีช่วยเจ้าได้แล้ว!”
เขาคำรามเดือดดาล
“ยังแสร้งทำอีกหรือ ข้าจะดูว่าเจ้าจะเสแสร้งได้ถึงเมื่อไร”
หลินสวินหัวเราะเหี้ยมเกรียม พุ่งออกไปแล้วตบฉาดอย่างแรง
ชายร่างผอมบางร้องเสียงหลงไม่ว่างเว้น ถูกตีจนหน้าผากบวมแดง เดือดดาลจนแทบคลั่ง เสียงร้องน่าหดหู่นั้นดังกระเพื่อมไม่หยุดหย่อนไปทั่วผืนน้ำยามราตรี พาให้ฝูงปลาที่อยู่ในน้ำตกใจว่ายหนีด้วยความตระหนก
สุดท้ายชายร่างผอมบางผู้นั้นก็ยอมแพ้แล้ว ร้องอ้อนวอนขอชีวิต “คุณชายไว้ชีวิตด้วย คุณชายไว้ชีวิตด้วยเถอะ!”
“โธ่ เมื่อครู่ไม่ได้ผยองมากหรอกหรือ เหตุใดตอนนี้กลายเป็นแบบนี้เสียล่ะ”
เจ้าคางคกก็วิ่งมาซ้ำเติม เยาะเย้ยชายร่างผอมบางผู้นั้น
ทันใดนั้นเจ้าคางคกเหมือนค้นพบอะไรเข้า พลันเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา “ให้ตายสิ ที่แท้เจ้าหมอนี่เป็นปีศาจตะพาบตัวหนึ่ง! ทีนี้ก็จัดการง่ายแล้ว ประเดี๋ยวพวกเราต้มน้ำแกงตะพาบกินเสียหม้อหนึ่ง นี่ก็รสดีนะ”
ชายร่างผอมบางสั่นเทาไปทั้งตัว ตกใจจนน้ำตาแทบไหลออกมาแล้ว ท่าทางนั้นช่างอ่อนแอยิ่งนัก ทำให้หลินสวินได้แต่ส่ายหัว
ใครจะไปคิดว่าเจ้าคนที่เพิ่งทำตัวจองหองวางโตเมื่อกี้ จะเป็นคนขี้ขลาดเช่นนี้ได้
……
บนเรือลำน้อย ไม่ทันให้หลินสวินทรมานเพื่อเค้นถาม ชายร่างผอมบางผู้นั้นก็สารภาพหมดเปลือกแล้ว
ที่แท้เขาชื่อว่าอูยั่ง เป็นเต่าพันปีตัวหนึ่งที่ฝึกปราณจนเป็นปีศาจ ตอนนี้รับหน้าที่เป็นผู้ติดตามข้างกายชิงอวิ๋นหยางบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียว
เผ่าตะพาบเขียว!
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลินสวินก็พลันนึกถึง ‘เพื่อนเก่า’ สีหน้าแปลกไปบ้าง
“ด้วยความสามารถนี้ของเจ้า ยังจะไปตามฆ่านางอสูรมารอีกหรือ ช่างน่าขำสิ้นดี!”
เจ้าคางคกเอ่ยดูถูก
“ข้าน้อยเป็นเพียงสายสืบ รับผิดชอบตามรอยนางอสูรมารผู้นั้นเท่านั้น ยามลงมือจริง ย่อมมีคนเบื้องบนออกโรงด้วยตัวเอง”
อูยั่งแจกแจงอย่างร้อนรน
หลินสวินเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “นางอสูรมารผู้นั้นไปผิดใจกับบุตรเทพของพวกเจ้าได้อย่างไร”
อูยั่งกัดฟันกรอด “ผู้หญิงคนนี้ใจกล้าคับฟ้า เมื่อหลายวันก่อนลักเอาสมบัติสำคัญเผ่าตะพาบเขียวของข้าไป หากไม่จับนางฆ่าเสีย เผ่าตะพาบเขียวของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“สมบัติสำคัญอะไรหรือ” เจ้าคางคกตาเป็นประกาย
อูยั่งพลันลังเล อึกๆ อักๆ ไม่กล้าพูดออกมา
เจ้าคางคกหงุดหงิดแล้ว กำลังคิดจะทรมาน ใครจะคิดว่าเมื่ออูยั่งเห็นเช่นนี้ก็สารภาพออกมาอย่างขี้ขลาด ทำให้เจ้าคางคกดูถูกไม่ว่างเว้น
ที่แท้สมบัติสำคัญชิ้นนั้นมีนามว่า ‘ธงพันฤกษ์’ เป็นสมบัติโบราณชิ้นหนึ่ง วิธีใช้ลึกลับยากคาดเดา
เล่าลือกันว่าภายในสมบัตินี้เก็บความลึกลับอันเป็นปริศนา สามารถใช้พัฒนามรรคาของตนได้ ค้นหาข้อบกพร่อง เสริมส่วนที่ตกหล่น คลี่คลายอุปสรรคทั้งหลายยามผู้ฝึกปราณฝึกตน ไม่ให้เดินผิดทาง
“สมบัติชั้นดีนี่นา!”
เจ้าคางคกพลันน้ำลายหกไม่หยุด สมบัติโบราณชั้นนี้ต้องพิเศษและหายาก วิธีใช้ลี้ลับแน่นอน
“ก็ใช่น่ะสิ ในเผ่าตะพาบเขียวของข้า สมบัติสำคัญชั้นนี้ก็มีเพียงบุตรเทพเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ครอบครอง ใครจะไปคิดว่ากลับถูกนางอสูรมารนั่นลักเอาไปได้!”
อูยั่งถอนหายใจ
หลินสวินนึกถึงสาวน้อยงามงดที่นามว่าอาหูผู้นั้น ความจริงจะเป็นอย่างที่อูยั่งพูดหรือไม่
ต่อมาหลินสวินก็ถามเรื่องอื่นอีกสองสามเรื่อง อูยั่งผู้ขี้ขลาดและอ่อนแอร่วมมือเป็นอย่างดี พูดทุกเรื่องที่รู้ออกมาจนหมดสิ้นไม่หมกเม็ด
เดิมทีน่านน้ำนี้มีนามว่า ‘น่านสมุทรทะเลใต้’ ยังคงอยู่ในขอบเขตของทะเลกลืนวิญญาณ ห่างจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หลายหมื่นลี้
ในน่านสมุทรทะเลใต้มีขุมอำนาจชนเผ่ามากมายกระจายอยู่ พวกเขาหากไม่ยึดครองใต้ทะเลลึกก็พำนักอยู่บนเกาะในทะเล
เผ่าตะพาบเขียวก็เป็นหนึ่งในขุมอำนาจชนเผ่าเหล่านี้
เมื่อได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินกับเจ้าคางคกก็มองกันเลิกลั่ก ในใจเริ่มระแวงขึ้นมา
พวกเขาผิดใจกับขุมอำนาจชนเผ่ามากมายนัก ตอนนี้แม้ว่าจะหนีออกมาจากอันตรายได้แล้ว แต่หากยังไม่ออกจากน่านสมุทรทะเลใต้นี้ สถานการณ์ของพวกเขาก็ถูกคุกคามได้ทุกเมื่อ
ต้องรีบออกไป!
หลังจากหลินสวินตัดสินใจได้ ก็ซักถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดนัดโจมเมฆาต่อ
“คุณชายทั้งสอง เรื่องที่ข้าน้อยรู้ก็ล้วนพูดออกมาหมดแล้ว ยังขอให้ทั้งสองท่านเห็นแก่หน้าของเผ่าตะพาบเขียวของข้า ปล่อยให้ข้าน้อยมีชีวิตต่อไปด้วย”
สุดท้ายอูยั่งขอร้องเสียงเศร้าสร้อย “ตอนนี้บุตรเทพเผ่าข้าอยู่ใกล้ๆ หากถูกเขารู้เข้า…”
“เจ้าขู่พวกข้าหรือ” เจ้าคางคกถาม
อูยั่งตกใจจนรีบร้อนโบกมือ พูดว่า “ข้าน้อยจะกล้าได้อย่างไร เพียงแต่คุณชายทั้งสองน่าจะรู้ดีว่า ด้วยพลังของพวกท่าน เกรงว่า… เกรงว่า….”
หลินสวินจะยิ้มก็ไม่ใช่จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิง “เกรงว่าจะไม่อาจต่อกรกับเผ่าตะพาบเขียวของพวกเจ้าใช่หรือไม่”
อูยั่งยิ้มแหย นับเป็นการยอมรับกลายๆ
“วางใจเถอะ เมื่อได้พบกับบุตรเทพของพวกเจ้า ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปทันที”
หลินสวินไตร่ตรองครู่หนึ่งถึงค่อยพูดออกมา
“เจ้าต้องการพบบุตรเทพเผ่าข้าหรือ”
อูยั่งประหลาดใจไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เจ้าสองคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ จะใจกล้าเกินไปแล้ว ไม่กลัวตายหรือ
……
“เจ้าคิดจะทำเช่นนี้จริงหรือ” เจ้าคางคกก็ประหลาดใจอยู่บ้าง
เวลานี้อูยั่งถูกตีให้สลบ ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขา
“ช่วยไม่ได้ เจ้าก็ได้ยินที่หมอนั่นพูดแล้ว คิดจะเข้าร่วมชุมนุมประมูลสมบัติที่อยู่ในตลาดโจมเมฆาก็ต้องมีคนแนะนำ หาไม่แล้ว ขนาดคุณสมบัติจะเข้าร่วมยังไม่มีเลย”
หลินสวินถอนหายใจ “ถ้าเข้าร่วมไม่ได้ ก็จะไม่ได้ยานขนส่งอวกาศที่ถูกประมูลลำนั้น ไม่มีสมบัติชิ้นนี้ อาศัยเพียงพลังของพวกเราสองคน ย่อมไม่มีทางข้ามทะเลกลืนวิญญาณได้”
เจ้าคางคกนิ่วหน้า “เจ้ายังเชื่อคำโกหกของนางอสูรมารนั่นจริงหรือ”
หลินสวินยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่ว่าจริงหรือเท็จก็ต้องลองดูถึงจะรู้”
เจ้าคางคกเอ่ยอย่างสงสัย “แต่เหตุใดเจ้าต้องไปหาบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียวนั่นด้วยเล่า เจ้าคงไม่ได้เพ้อฝันจะให้อีกฝ่ายแนะนำเจ้าให้เข้าร่วมชุมนุมประมูลสมบัติหรอกนะ”
มุมปากของหลินสวินยกขึ้นอย่างมีเลศนัย “ข้าบอกแล้ว หากไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร”
หนึ่งวันต่อมา
เช้าตรู่ บนผิวน้ำสีครามราวอัญมณี ถูกแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมา ยิ่งใหญ่ไพศาล
หวูดๆๆ!
ไม่นานนักเสียงแตรสัญญาณระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นจากผิวน้ำที่อยู่ไกลโพ้น สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดินรอบทิศ
“มาแล้ว!”
อูยั่งฮึกเหิม ตื่นเต้นไม่ว่างเว้น
“อำนาจใหญ่โตนัก!”
หลินสวินกับเจ้าคางคกเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าผิวน้ำไกลออกไปปรากฏกองทัพที่เกรียงไกรหาใดเทียบ มืดฟ้ามัวดินไปแถบหนึ่ง
____

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด