Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 763 ผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณที่แทบทรุดทลาย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 763 ผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณที่แทบทรุดทลาย 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

คนหนีไปแล้ว ด่าไปก็ไม่มีประโยชน์
นี่ทำให้พวกโม่เฟิงแค้นจนกัดฟันกรอด ลอบเคืองใจ หากเจอตัวเด็กหนุ่มคนนั้นครั้งหน้า จะต้องให้บทเรียนที่ยากจะลืมไปทั้งชีวิตกับเขาแน่
เห็นเช่นนี้เหวินเฟยหรันอดเตือนไม่ได้ “ศิษย์พี่โม่เฟิง นี่อาจเป็นการแก้แค้นของเด็กหนุ่มคนนั้น และมันเพิ่งจะเริ่มต้น!”
“แก้แค้นหรือ ไอ้ขยะที่กล้าแต่แอบตัดหน้าพวกเรา ก็กล้าอวดอ้างว่าจะแก้แค้นพวกเราหรือ”
โม่เฟิงรู้สึกว่าเหลวไหลมาก พลันพูดเสียงเย็น “ศิษย์น้อง ต่อไปอย่าพูดอะไรไร้ประโยชน์พวกนี้อีก ในแคว้นวิญญาณอัคนี นอกจากพวกเยวี่ยเจี้ยนหมิง ข้าไม่รู้มาเลยว่าจะมีใครใจกล้าคับฟ้าถึงขนาดมาล่วงเกินพวกเรา!”
พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
เหวินเฟยหรันเห็นเช่นนี้ก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้
……
ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น
พวกโม่เฟิงปรากฏตัวตรงตีนเขาลูกหนึ่ง บนหน้าผาของที่นี่มีรังยักษ์สีดำตั้งอยู่
ฝูงอีกาเพลิงเนตรครามที่มีปีกสีแดงดั่งเปลวเพลิงฝูงหนึ่งบินว่อน ส่งเสียงร้องแปลกประหลาด
“อีกาเพลิงเนตรครามโตเต็มวัยสิบหกตัว หากสามารถจับพวกมันได้ในครั้งเดียวก็ถือว่าเป็นผลเก็บเกี่ยวที่ไม่น้อย”
ศิษย์สำนักมุกวิญญาณคนหนึ่งตื่นเต้น
“ลงมือ!”
โม่เฟิงเองก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย กลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
“ฆ่า”
เขาไอสังหารพลุ่งพล่าน เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใกล้ พลันเห็นว่าอีกาเพลิงเนตรครามแต่ละตัวบนหน้าผานั่นราวกับถูกยาพิษ ร่วงจากกลางอากาศลงสู่พื้น
“นี่…”
พวกโม่เฟิงนัยน์ตาหดรัด ใบหน้าเผยความตกใจ นี่คงไม่ใช่เด็กหนุ่มนั่นลงมือตัดหน้าอีกแล้วหรอกนะ
ตามคาด พวกเขาเดาถูกแล้ว
ในสายตาพลันเห็นเงาร่างของหลินสวินเดินออกจากรังยักษ์นั่นอย่างเชื่องช้า ในมือถือมุกควบรวมจิตสีฟ้าที่ส่องประกาย กวาดเบาๆ หนึ่งครา จิตวิญญาณของอีกาเพลิงเนตรครามสิบกว่าตัวก็ถูกสูบออกมา
“แม่งเอ๊ย เขาจริงๆ ด้วย!”
ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งตะโกนอย่างเดือดดาล
แต่โม่เฟิงตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาไม่พูดสักคำ เมื่อเห็นหลินสวินก็พุ่งออกไปอย่างเหี้ยมหาญ ชักดาบศึกทองอร่ามเล่มหนึ่งออกมาและฟาดฟันออกไป
ห้วงอากาศพังทลาย ถูกหนึ่งดาบนี้ฟันจนเกิดรอยแยก ยินเสียงหวีดร้องของอากาศ แค่คิดก็รู้ว่าการโจมตีนี้ดุดันเพียงใด
จากจุดนี้ก็มองออกว่าในใจโม่เฟิงเดือดดาลแค่ไหน
ครั้งแรกที่ถูกตัดหน้า บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาประมาทกันเกินไป แต่หากครั้งที่สองยังถูกอีกฝ่ายตัดหน้าสำเร็จอีกละก็ นั่นไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าพวกเขาสักนิด!
ตูม!
ประกายดาบราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองฟันรังยักษ์ที่ห่างออกไปนั่นเป็นสองซีกโดยพลัน แม้แต่หน้าผายังถูกผ่าออก โขดหินแตกกระจาย ภูเขาทรุดตัว เสียงคำรามดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ฝุ่นควันทะลวงขึ้นฟ้า
เพียงแต่…
เงาร่างของหลินสวินได้หายไปจากตรงนั้นนานแล้ว
นี่ทำให้ศิษย์สำนักมุกวิญญาณเหล่านั้นต่างงงเป็นไก่ตาแตก เด็กนั่นเกิดปีกระต่ายหรืออย่างไร วิ่งไวไม่มีใครเทียบ!
แต่โม่เฟิงกลับอัดอั้นจนแทบกระอักเลือดแล้ว เขาลงมืออย่างรวดเร็วที่สุด แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายก็ยังหนีไปได้!
นี่ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ ใบหน้าอึมครึมไม่นิ่งขึ้นมา
อีกแล้ว…
ถูกตัดหน้าอีกแล้ว!
โม่เฟิงไม่ได้โง่ ตระหนักได้ทันทีว่าที่เหวินเฟยหรันพูดไม่ผิด เด็กหนุ่มคนนั้นคงกำลังแก้แค้นพวกเขาอยู่!
คิดถึงตรงนี้โม่เฟิงไม่เพียงไม่ได้สงบ กลับยิ่งเดือดดาล เขาเป็นถึงผู้กล้ามากสามารถของสำนักมุกวิญญาณ และเป็นอัจฉริยะที่ชื่อเสียงเลื่องลือของแคว้นวิญญาณอัคนี เคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“รนหาที่ตายจริงๆ!” โม่เฟิงสายตาเหี้ยมโหดน่ากลัว จิตสังหารพลุ่งพล่าน
“แปลกจริง หากเขาพบอีกาเพลิงเนตรครามก่อนพวกเรา เหตุใดไม่รีบล่าเสีย กลับรอเราปรากฏตัวก่อนค่อยลงมือ นี่มันโง่ชัดๆ”
ใบหน้าของศิษย์สำนักมุกวิญญาณคนหนึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
เพี๊ยะ!
เพิ่งพูดจบเขาก็โดนตบไปฝ่ามือหนึ่ง พลันเห็นโม่เฟิงคำราม “ไอ้โง่ แปลกบ้าอะไร ดูไม่ออกหรือว่าเขาจงใจแก้แค้นพวกเรา”
ศิษย์สำนักมุกวิญญาณคนนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ กุมแก้มที่บวมแดง ไม่กล้าพูดมากอีก
“ไอ้กระจอกที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน กลับกล้าเล่นเล่ห์กับพวกเรา นี่มันเกินกว่าจะทนไหวแล้ว จะต้องลงโทษเขาให้หนัก!”
มีคนเสนออย่างเดือดดาล
“ไม่ผิด ในแคว้นวิญญาณอัคนี ศิษย์สำนักมุกวิญญาณของเราเคยถูกท้าทายซะที่ไหน หากแพร่ออกไปพวกเราก็จะกลายเป็นตัวตลกของแคว้นวิญญาณอัคนีมิใช่หรือ”
“ข้าว่าเจ้าหมอนั่นคงไม่ใช่ศิษย์ของสี่สำนักสามตระกูล มิฉะนั้นเขาย่อมไม่กล้าเหิมเกริมเช่นนี้แน่ เช่นนี้ก็ดี ตอนเราฆ่าเขาจะได้ไม่มีอะไรต้องกังวล”
“ฆ่าหรือ เช่นนั้นง่ายกับเขาเกินไปแล้ว ข้าจะป่นกระดูกและกระจายเถ้าถ่าน ถลกหนังดึงเอ็นมัน เพื่อไม่ให้สำนักอื่นๆ ในแคว้นวิญญาณอัคนีเย้ยหยันว่าสำนักมุกวิญญาณของเราไม่มีความสามารถ!”
ศิษย์สำนักมุกวิญญาณคนอื่นๆ เองก็พูดขึ้น ล้วนต่างหัวเสีย ถูกคู่แข่งช่วงชิงเหยื่อไปถึงสองครั้งติด ทั้งยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา นี่มันท้าทายกันชัดๆ!
“ศิษย์น้องเหวิน เจ้าคิดอย่างไร” จู่ๆ โม่เฟิงก็ถามขึ้น
“ที่คนๆ นี้แก้แค้น ก็เพราะแค้นเคืองที่ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราสู้กับแรดทองทลายเกราะ เกือบทำให้เขากับซย่าเสี่ยวฉงโดนลูกหลงไปด้วย ที่เขาทำเช่นนี้คงต้องการเพียงคำขอโทษ ข้าคิดว่าหากพวกเรา…”
เหวินเฟยหรันเพิ่งพูดถึงตรงนี้ โม่เฟิงก็เข้าใจแล้วว่านางจะพูดอะไร พลันมุ่นคิ้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าจะให้พวกเราขอโทษหรือ อย่าแม้แต่จะคิด!”
พูดเป็นเล่น!
เด็กหนุ่มที่มีที่มาไม่ชัดเจนคนหนึ่ง ท้าทายพวกเขาถึงสองครั้งติด แย่งเหยื่อต่อหน้าพวกเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะให้พวกเขาไปขอโทษงั้นหรือ
นี่หากแพร่ออกไป พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ศิษย์พี่เหวิน ผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณของเราเคยกลัวใครซะที่ไหน ไอ้หนูนั่นท้าทายพวกเราถึงเพียงนี้ ต้องเอาคืนด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด มิฉะนั้นไม่เพียงแค่พวกเรา เกียรติของสำนักมุกวิญญาณก็จะได้รับความอับอายไปด้วย!”
“ไม่ผิด ศิษย์พี่เหวิน ท่านคงไม่ได้กลัวหรอกกระมัง”
ศิษย์สำนักมุกวิญญาณคนอื่นๆ ไม่พอใจอย่างมาก คิดว่าเหวินเฟยหรันระวังมากเกินไป ซึ่งไม่สมควรเลย
เหวินเฟยหรันเม้มปากแน่น ในใจกลับมีความรู้สึกจนปัญญาที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ต่อให้แคว้นวิญญาณอัคนีจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็เป็นเพียงแคว้นหนึ่งในแดนฐิติประจิมเท่านั้น หากคิดว่าด้วยฐานะผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณของตน ก็จะสามารถดูถูกคนทั้งใต้หล้าได้ นั่น… ต่างอะไรกับกบในกะลา
ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนั้นแม้จะมีที่มาไม่แน่ชัด แต่การที่สามารถแย่งเหยื่อไปภายใต้สายตาของพวกเขาได้สองครั้งติดแล้วลอยนวลจากไป นี่ใช่ความสามารถที่คนธรรมดาเทียบได้ที่ไหนกัน
เพียงแต่เหวินเฟยหรันหมดกำลังใจไปแล้ว คร้านจะอธิบายอีก
นางถึงขั้นมีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่า ในการเดินทางหลังจากนี้ต้องไม่สงบแน่!
……
ตามคาด ความเป็นจริงถูกเหวินเฟยหรันคาดเดาได้อย่างแม่นยำ
หลายวันหลังจากนั้น พวกเขาทำทุกวิถีทางหาเหยื่อได้อย่างยากลำบาก แต่กลับถูกเด็กหนุ่มคนนั้นแย่งไปทั้งหมด
และทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นภายใต้สายตาพวกเขา!
ผลกระทบต่อเนื่องนี้ทำให้พวกโม่เฟิงต่างอารมณ์เสียถึงขีดสุด สีหน้าก็ดูแย่มาก
แก้แค้นสินะ!
สิ่งที่ทำให้พวกเขาอัดอั้นที่สุดคือ ในทุกๆ ครั้งพวกเขาล้วนไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ได้เลย ได้แต่มองเขาจากไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้พวกเขาแทบคลั่งแล้ว
“เจ้าหมอนี่… เก่งมากจริงๆ อย่างน้อยในเรื่องการหนีก็เรียกได้ว่าตะลึงโลก”
มีคนพูดเสียดสี
แค่หนีเก่งเท่านั้นหรือ
โม่เฟิงว้าวุ่นใจ ถึงขนาดนี้แล้วต่อให้เขาโง่เขลาแค่ไหนก็ตระหนักได้ว่า ครั้งนี้ล่วงเกินคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเข้าแล้ว!
คิดถึงตรงนี้ในใจเขาก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ตอนนั้นเพียงแค่เกือบทำให้เจ้าหมอนั่นโดนลูกหลงขณะต่อสู้โดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ใครจะคิดว่าเรื่องจะเลวร้ายถึงขั้นนี้
“ศิษย์พี่ พวกเราล่าจิตวิญญาณสัตว์ปีศาจไม่ได้มาสี่วันติดต่อกันแล้ว อีกเพียงหกวันเท่านั้นการทดสอบครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดลง ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป อันดับในการทดสอบของเราในครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะรั้งท้าย”
มีคนกังวล
โม่เฟิงได้ยินแล้วสภาพจิตใจย่ำแย่มาก ตอนแรกด้วยศักยภาพของพวกเขา แม้จะแย่เพียงใดก็ยังได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างลูกศิษย์รุ่นเยาว์ของเจ็ดขุมอำนาจ
อีกอย่างคนที่สามารถทำให้พวกเขาหวาดหวั่นและกดดันได้ ก็มีเพียงพวกของเยวี่ยเจี้ยนหมิงแห่งสำนักยุทธ์พันเวทเท่านั้น
แต่ตอนนี้เพราะการแก้แค้นของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!
“ศิษย์พี่ สองวันมานี้ศิษย์ของสำนักยุทธ์พันเวท สำนักกระบี่สนขจี สำนักเร้นปรัชญา รวมทั้งสามตระกูลทรงอิทธิพลต่างกำลังหัวเราะเยาะเรา มีความสุขบนความทุกข์ของพวกเรา ราวกับกลัวว่าเรื่องราวจะไม่วุ่นวายพอ น่าชังเกินไปแล้ว!”
มีคนพูดอย่างเคียดแค้น
โม่เฟิงฟังแล้วปวดหัวอย่างหนัก โกรธจนแทบจะระเบิด เหตุใดข่าวร้ายจึงเยอะถึงเพียงนี้ ตั้งแต่เจอเด็กหนุ่มคนนั้นพวกเขาก็ราวกับดวงซวยขึ้นมา ดวงตกเคราะห์ซ้ำทำอะไรก็ไม่ราบรื่น!
“ศิษย์พี่…”
ยังมีคนอ้าปากจะพูดอีก แต่กลับถูกโม่เฟิงตัดบทโดยพลัน เขาไม่อาจฟังข่าวร้ายอะไรได้อีกแล้ว ทั้งร่างแทบจะระเบิดคลั่งออกมา
ครู่ใหญ่โม่เฟิงเหลือบมองเหวินเฟยหรันที่นิ่งเงียบไม่พูดจาซึ่งอยู่ห่างออกไป แล้วเอ่ยทอดถอนใจ “ดูเหมือนว่าสิ่งที่ศิษย์น้องเหวินพูดไว้เมื่อหลายวันก่อนจะไม่ผิด ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เช่นนี้ เห็นจะต้องไปคุยกับเจ้านั่นให้รู้เรื่อง…”
พลบค่ำวันนั้น ในหุบเขาเขียวชอุ่ม สิงห์พยัคฆ์วิญญาณโลหิตฝูงหนึ่งลาดตระเวนอยู่ ไอสังหารดุร้ายปกคลุมทั่วบริเวณนั้น
นี่คืออาณาเขตของสิงห์พยัคฆ์วิญญาณโลหิต
พวกโม่เฟิงมาแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่เห็นสิงห์พยัคฆ์วิญญาณโลหิตเหล่านี้ พวกเขากลับดีใจไม่ออกเลยสักนิด
ตรงกันข้าม สีหน้าของพวกเขาต่างดูซับซ้อนมาก สายตาที่มองไปยังสิงห์พยัคฆ์วิญญาณโลหิตก็แฝงความรู้สึกหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
พวกเขาไม่มีความปรารถนาจะลงมือแม้แต่เสี้ยวเดียว เพราะรู้ว่าเหยื่อพวกนี้จะถูกกวาดล้างไปท่ามกลางสายตาของพวกเขา
ตามคาด ภาพอันคุ้นเคยเกิดขึ้นแล้ว ไม่นานสิงห์พยัคฆ์วิญญาณโลหิตเหล่านั้นก็ตายคาที่อย่างแปลกประหลาด จากนั้นเงาร่างอันคุ้นชินที่พวกโม่เฟิงเกลียดจนแทบคลั่งก็ค่อยๆ ปรากฏในสายตาอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้พวกโม่เฟิงไม่ด่า ไม่ลงมือ ไม่เดือดดาลอีกแล้ว มีเพียงสีหน้าที่ยิ่งดูสับสน ในใจโศกเศร้าและอัดอั้น
“สหายช้าก่อน พวกเราอยากคุยกับเจ้า” โม่เฟิงพูดอย่างขมขื่น
ตอนที่พูดประโยคนี้ ในใจเขามีความรู้สึกอับอายที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ทั้งอัดอั้นและจนปัญญามาก ทำให้เขากำหมัดสองข้างแน่นโดยไม่รู้ตัว
เขาแอบสาบานในใจว่า เมื่อการทดสอบในครั้งนี้สิ้นสุดลง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกำจัดเด็กหนุ่มที่นำพาความอับอายอย่างที่สุดมาให้พวกเขาให้ได้!
“คุยหรือ”
ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้จากไปในทันที ยืนมองโม่เฟิงอย่างคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มอยู่ตรงนั้น
“ใช่ คุยกันหน่อย พวกเรา…”
โม่เฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างยากลำบาก แม้แต่หัวใจยังเกร็งไปหมด เพราะรู้สึกเหมือนนี่เป็นการก้มหัวขอชีวิต เต็มไปด้วยความอับอายที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
เพียงแต่ไม่รอเขาพูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “ตอนนี้ตัดสินใจจะขอโทษแล้วหรือ ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด คราวหน้าเอาความจริงใจออกมาก่อนค่อยว่ากัน”
พูดจบหลินสวินก็จากไปอีกครั้ง
เหล่าศิษย์สำนักมุกวิญญาณงงเป็นไก่ตาแตกอย่างสิ้นเชิง
——

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด