Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 654 เปิดฉากวายุเมฆาสีเลือด

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 654 เปิดฉากวายุเมฆาสีเลือด 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ฟุ่บ!
คนใหญ่คนโตแห่งธารประจิมที่ตบโต๊ะลุกขึ้นผู้นั้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกแสงอัคคีแสบตาสายหนึ่งทะลวงผ่านคอหอย
นัยน์ตาเขาถลนนูนขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนก ขุ่นเคืองและสนเท่ห์ คล้ายยังคงไม่อาจเชื่อ
ตูม!
ในไม่ช้าทั้งตัวเขาก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา พลิ้วลอยละล่อง ซากศพอันตรธาน
ส่วนราชันอินทรีแดงหวนกลับไปอยู่บนบ่าหลินสวิน ปีกแดงชาดดุจอาบไล้เปลวอัคคีหุบเก็บ นัยน์ตาเจิดจรัสราวทับทิมฉายแววปรามาสวูบหนึ่ง
แค่ขยะพรรค์นี้ ก็กล้าดูหมิ่นศักดิ์ศรีนายท่านต่อหน้าหรือ
นี่แหละรนหาที่ตาย!
ทั้งโถงเงียบสงัดราวป่าช้า เข็มตกยังได้ยิน
แรกเริ่มเดิมทีค่ำคืนนี้คืองานเลี้ยงยิ่งใหญ่และน่าปิติ คนใหญ่คนโตในสามตระกูลรองมารวมตัวกัน เพื่อวางแผนการยึดชิงภูเขาชำระจิตและร่วมเฉลิมฉลอง
แต่ใครเล่าจะคาดคิด จู่ๆ แสงเพลิงก็ส่องประกาย คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งถูกเผามลายเป็นเถ้าถ่านราวใบไม้แห้ง ตายทั้งเป็นลงตรงหน้า
ภาพเหตุการณ์นี้น่าตระหนกเกินไป แขกเหรื่อส่วนหนึ่งตกใจจนเกือบกรีดร้องออกมา บรรยากาศที่เดิมครึกครื้นยินดีอันตรธานหายไป ถูกความหนาวเย็นเขย่าขวัญเข้ามาแทน
เด็กหนุ่มและอินทรีแดงนั่นเป็นใครกันแน่ ถึงกับกล้าวิ่งมากระทำการชั่วร้าย สังหารคนในอาณาเขตของตระกูลหลินแห่งธารประจิม
ขณะทุกคนมองไปยังหลินสวินตรงทางเข้าโถงอีกครั้ง สายตาล้วนเปลี่ยนแปรต่างออกไป แฝงความประหลาดใจสงสัยและหนักอึ้งสายหนึ่ง
ผู้ที่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของหลินสวินที่สุดแล้วก็มีจำนวนน้อย คนในสามตระกูลรองส่วนใหญ่ แม้เกลียดหลินสวินเข้ากระดูกดำ แต่ไม่เคยรู้ว่ารูปร่างลักษณะหลินสวินเป็นเช่นไร
มีเพียงหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้ คนส่วนน้อยพวกนี้เท่านั้นที่จำฐานะหลินสวินได้ตั้งแต่พริบตาแรก แต่พวกเขากลับประหนึ่งถูกอสนีบาต นิ่งงันอยู่กับที่ดั่งเห็นภูตผี
เจ้าคนที่ถูกยืนยันว่าตายไปแล้ว จู่ๆ กลับปรากฏตัวต่อหน้าอย่างคาดไม่ถึง ความตระหนกหวาดผวาเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจู่โจมใส่มากน้อยเพียงใด
“เจ้าหนุ่ม ไม่ว่าเจ้ามีที่มาอย่างไรหรือมีจุดประสงค์อะไร แต่การวิ่งมากำเริบเสิบสานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ มันมากเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสผมเผ้าหนวดเคราดุจเงินคนหนึ่งผุดลุกขึ้น สีหน้าเคร่งครัด เอ่ยปากเย็นชา
เขาคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งธารประจิม พี่ชายของหลินเทียนหลง มีนามว่าหลินเทียนหุน เขาผ่านคลื่นลมมานาน เวลานี้เห็นได้ชัดว่าสุขุมเยือกเย็นยิ่ง ไม่เปลี่ยนสีหน้าอันใด
“อ้อ งั้นรึ”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ มองทุกคนในโถงราวสิ่งไร้ค่า มือไพล่หลังเดินเข้าสู่โถงอย่างผ่อนคลาย
นี่ทำให้หลินเทียนหุนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตระหนักได้ว่ามีปัญหาบางอย่าง แต่เขายังคงไม่อาจเชื่ออยู่บ้าง แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งทำไมถึงใจกล้าคับฟ้าเช่นนี้
“ช่างเป็นคนกำเริบเสิบสานนัก อย่าคิดว่ามีความสามารถเล็กๆ น้อยๆ แล้วจะรังแกตระกูลหลินของพวกเราได้ คนอย่างเจ้าอย่างมากก็แค่เบี้ยใช้แล้วทิ้งตัวหนึ่ง ว่ามาเถอะ ใครส่งเจ้ามากันแน่ เจ้าน่าจะรู้ดีถึงผลลัพธ์ของการล่วงเกินตระกูลหลินของข้า”
หลินเทียนหุนขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม จิตใต้สำนึกเห็นว่าหลินสวินคือคนที่ขุมอำนาจสักแห่งส่งมา มิฉะนั้นเจ้าหนุ่มคนเดียวเช่นนี้ ต่อให้มอบความกล้าเทียมฟ้ากับเขา เกรงว่าคงยังไม่กล้าวิ่งมากระทำการชั่วร้าย
“เจ้าลองพูดมาสิ ว่าล่วงเกินพวกเจ้าจะมีผลเช่นไร”
นัยน์ตาดำของหลินสวินล้ำลึกและนิ่งสงบ สีหน้าไม่สะทกสะท้าน กวาดมองผู้คนตรงนั้นทั้งมวล
ขณะที่เขาพูดจา พวกหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้ได้สติจากความตระหนกแล้วเสี้ยวหนึ่ง ดึงสติกลับมาได้
เพียงแต่สีหน้าของพวกเขากลับผิดแปลกหาใดเปรียบ ทั้งร่างสั่นเทิ้ม สีหน้าทั้งตระหนกขุ่นเคือง ท่าทางยากจะเชื่อ
บรรดาคนใหญ่คนโตอื่นที่อยู่ใกล้เคียงเวลานี้ในที่สุดก็ตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าของพวกหลินเทียนหลง ในใจยิ่งประหลาดใจสงสัย
หัวหน้าสามตระกูลรองผู้สง่าผ่าเผย คลื่นใหญ่ลมแรงล้วนไม่เห็นในสายตา แต่วันนี้ทำไมแค่เด็กหนุ่มคนเดียวมาเยือน ก็ทำเอาพวกเขาตื่นตระหนกกลายเป็นเช่นนี้
“เหอะๆ ช่างเป็นคนไร้สมองที่ดึงดันคนหนึ่งซะจริง จะบอกเจ้าให้ ครั้งนี้พวกเราสามตระกูลรองแห่งตระกูลหลินรวมตัวกัน เบื้องหลังยิ่งมีสองตระกูลทรงอิทธิพลจั่วและฉินสนับสนุนพลังระดับนี้เกรงแต่ว่าคนดึงดันเยี่ยงเจ้าไม่อาจเข้าใจได้”
หลินเทียนหุนหัวเราะเบาๆ เมื่อพูดถึงว่ามีสองตระกูลจั่วและฉินสนับสนุน หว่างคิ้วเขายิ่งปรากฏความลำพอง “เจ้าหนุ่ม ลองพูดมาเถอะ ใครกันแน่ที่ส่งเจ้ามา! วันนี้หากเจ้าไม่มอบค่าตอบแทนที่น่าพึงใจ จะต้อง…”
เห็นชัดว่าเขากำลังคุกคามข่มขู่ แต่ยังไม่รอเขาพูดจบ ก็ถูกหลินเทียนหลงตัดบท “พี่ใหญ่! อย่าพูดอีก เจ้าหมอนี่ก็คือหลินสวิน!”
หลินเทียนหุนปรามาสทันที “หลินสวินอะไร กล้าวิ่งมาวางอำนาจในตระกูลหลินของข้า ต่อให้เป็นราชันสวรรค์… เอ๋ เจ้าว่าอะไรนะ เขาๆๆ…”
เพียงแต่พูดถึงครึ่งทาง เขาถึงฉุกคิดอะไรได้ หน้าพลันเปลี่ยนสี ม่านตาขยายออก ท่าทางราวเห็นผี ตกใจจนแม้แต่คำพูดยังกล่าวกระท่อนกระแท่น
“เขาคือหลินสวิน!?” หลินเทียนหุนอึดอัดจนเกินรับไหว ในที่สุดก็พูดชื่อนี้ออกมา ทว่ากลับตื่นตระหนกทั่วใบหน้า ลูกตาแทบถลน
หลินสวิน!
เวลานี้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหวาดหวั่นหน้าเปลี่ยนสี ตระหนักรู้ถึงสาเหตุ
เด็กหนุ่มชุดขาวพระจันทร์คนนั้น หนึ่งคนหนึ่งอินทรีลอยล่องมาถึงยามวิกาลนั่น ดันเป็นหลินสวินที่ถูกยืนยันว่าตายในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณนานแล้วคนนั้น!
คนมากมายต่างตกใจจนรีบผุดลุกขึ้นยืน เครื่องหน้าทั้งห้าถูกความตระหนกหวาดหวั่นครอบงำ เต็มไปด้วยความยากจะเชื่อถึงขีดสุด
“เจ้า… เจ้าไม่ได้ตายที่ทะเลกลืนวิญญาณนานแล้วหรอกรึ”
หลินเทียนหุนตระหนกระคนขุ่นเคือง ความหยิ่งทะนงและหลงระเริงแต่เดิม เวลานี้ล้วนถูกความพิศวงงงงวยเข้าแทนที่
เด็กหนุ่มที่บีบจนพวกเขาสามตระกูลรองเกือบหายใจไม่ออกเมื่อครึ่งปีก่อน ไยจึงมีชีวิตรอดกลับมา ทำไมกัน
คนอื่นต่างก็เป็นเช่นนี้ ทั้งตระหนกทั้งไม่เข้าใจ
“ไอ้แก่ บุคคลอย่างเจ้านายข้า เป็นผู้ที่ทะเลกลืนวิญญาณเล็กๆ สามารถกักขังไว้ได้หรือ ช่างโง่เขลาซะจริง”
ราชันอินทรีแดงปรามาส ทำเอาหลินเทียนหุนถลึงตามองด้วยโทสะ และทำให้เขาขวัญหนีดีฝ่อ คำพูดประโยคนี้ดูเหมือนเสียดหู แต่พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ว่าทะเลกลืนวิญญาณนั่นก็ไม่อาจกักขังหลินสวินไว้ได้!
หลินสวินไม่ใส่ใจความสนเท่ห์ของทุกคนในโถง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นแล้วกล่าวออกมาตามใจ “คนมากันครบแล้วกระมัง เช่นนั้นข้าก็จะพูดตรงๆ แล้ว สามปีก่อนข้าให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ให้พวกเจ้าใคร่ครวญว่าจะสวามิภักดิ์ต่อภูเขาชำระจิต”
สายตาเขากวาดมองทุกคน “แต่เห็นชัดยิ่งว่าพวกเจ้าไม่เพียงแต่ไม่คิดสวามิภักดิ์ กลับมุ่งปรารถนาแตะต้องและช่วงชิงสิ่งที่ไม่สมควรจะได้ หรือพวกเจ้าเห็นว่าข้าหลินสวินไม่กล้าฆ่าคนจริงๆ?”
เมื่อคำว่า ‘ฆ่าคน’ สองคำนี้หลุดออกมา นัยน์ตาดำของหลินสวินพลันปรากฏไอสังหารเย็นเยียบสายหนึ่ง เย็นชาและน่าหวาดกลัว ชวนให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหนาวเยือกในใจ
“ฮ่าๆๆ น่าขัน ช่างน่าขันซะจริง! หากก่อนหน้านี้เจ้าหลินสวินคุยโววางท่าเช่นนี้ บางทีพวกเราอาจหวาดกลัวอยู่สามส่วน แต่ตอนนี้เจ้าน่ะโยนตัวเองเข้ามาในแห มาอยู่ในอาณาเขตตระกูลหลินแห่งธารประจิมของข้า เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิตหรือ”
หลินเทียนหลงพลันหัวเราะร่า นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเย็นชา
ในที่สุดเขาก็คืนสติครบถ้วน ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ถูกความจริงที่ว่าหลินสวินยังมีชีวิตทำเอาตระหนก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวหลินสวิน
“ใช่แล้ว เจ้าหมอนี่ตัวคนเดียว!”
คนใหญ่คนโตทั้งหมดในโถงต่างมีปฏิกิริยาตอบกลับ สีหน้าเปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย ขณะมองมายังหลินสวินอีกครั้ง สายตาเคลือบความสงสารเวทนาวูบหนึ่ง
เจ้าหมอนี่ช่างบ้าระห่ำจริงๆ ตัวคนเดียวกล้าวิ่งมาวางอำนาจถึงที่นี่ ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
ในงานนี้รวมตัวคนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งของสามตระกูลรอง เรียกได้ว่าพลังรบทรงอานุภาพหาใดเปรียบ แค่หลินสวินตัวคนเดียว ไม่อาจนำมาซึ่งภยันตรายอะไรต่อพวกเขาจริงดังว่า
“ก่อนหน้านี้หากเจ้าไม่หลบบนภูเขาชำระจิตก็หลบในสำนักศึกษามฤคมรกต จึงทำให้เจ้ารอดชีวิตถึงตอนนี้ แต่บัดนี้เจ้ากลับวิ่งมาหาที่ตายถึงถิ่นด้วยตนเอง ข้าควรพูดว่าเจ้าบ้าระห่ำหรือเจ้าโง่บรมดีล่ะ”
หลินเนี่ยนซานเองก็เผยยิ้ม สีหน้าสง่าและกระหยิ่มยิ้มย่อง
“เฮ้อ นี่คือหลานชายของพวกเรา บุตรชายคนดีของหลินเหวินจิ้ง น่าเสียดายนะ เขาดันเลือกจะเป็นอริกับพวกเรา เพื่ออนาคตของตระกูลหลินเราในภายภาคหน้า ดูท่าพวกเราคงต้องเลือกหนทางขจัดญาติผดุงความเป็นธรรมแล้ว”
หลินผิงตู้สีหน้าสบายอกสบายใจ ตื่นเต้นดีใจยิ่งอยู่ภายใน นี่มันสวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับแส่เข้ามาอย่างแท้จริง!
คนใหญ่คนโตอื่นๆ ในนั้นยิ้มเยาะ และมีคนแอบขัดเคืองใจ รู้สึกว่าเมื่อครู่ถูกการปรากฏตัวของหลินสวินทำเอาตกตะลึง ดูน่าอับอายขายขี้หน้าเหลือเกิน
เจ้าหนุ่มที่ทะเล่อทะล่าวิ่งมาหาที่ตายถึงที่ สมควรดีใจจึงจะถูก!
จากที่พวกเขาเห็น หลินสวินเจิดจรัสพราวตาแต่เยาว์วัย ประสบความสำเร็จเป็นที่จับตามองจากทั่วหล้าจริงดังว่า แต่ท้ายที่สุดเขาก็แค่เด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งเท่านั้น เป็นคนรุ่นหลังที่เกิดทีหลัง หากคิดจะฆ่าสังหารพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
แน่นอนว่าในจิตใต้สำนึกพวกเขายังคงเชื่อว่าหลินสวินเหมือนกับเมื่อครึ่งปีก่อน เป็นแค่เพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น
นี่ไม่อาจก่อภัยคุกคามใดต่อพวกเขาแต่แรก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด ตื่นเต้นดีใจและหลงระเริงเช่นนี้ แตกต่างกับท่าทางกระอักกระอ่วนที่ถูกทำให้ตระหนกหวั่นกลัวเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน
บรรยากาศในโถงกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง อุดมไปด้วยแววสัพยอกอึกทึกครึกโครม บนหน้าคนใหญ่คนโตแต่ละคนล้วนแฝงอาการ บ้างสงสาร บ้างเคร่งขรึม บ้างกระหยิ่มยิ้มย่อง บ้างตื่นเต้นดีใจ
ยังมีเรื่องอะไรน่ายินดีไปกว่าเหยื่อมาหาถึงที่ด้วยตนเองเล่า
ภาพตรงหน้านี้เกิดขึ้นจริงดังคาด การปรากฏตัวของหลินสวินบางทีอาจทำให้พวกเขาหวั่นกลัว แต่หลังจากได้สติพวกเขากลับพบว่า นี่แหละคือโอกาสที่หาได้ยากในการฆ่าหลินสวิน!
“พวกหนอนแมลงน่าสมเพช…”
ราชันอินทรีแดงพลันถอนหายใจ นัยน์ตาดุจเปลวอัคคีแฝงความเวทนาวูบหนึ่ง พวกหน้าโง่เหล่านี้ไม่ใช้สมองลองคิดสักนิดเล่า ในเมื่อนายท่านกล้ามาเยือนตัวคนเดียว จะไม่มีความมั่นใจได้อย่างไร
“กล่าวสั่งเสียจบแล้วสินะ”
เวลานี้เห็นได้ว่าหลินสวินนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาเย็นชากวาดมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น “พูดจบแล้ว ก็ต้องส่งพวกเจ้าไปตายซะที”
สั่งเสีย?
คนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งพลันบันดาลโทสะ จนถึงป่านนี้แล้วเจ้าเด็กนี่ยังกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ เบื่อชีวิตแล้วสินะ!
และมีคนใหญ่คนโตที่ในใจพลันรู้สึกหวาดหวั่นไม่อาจอธิบาย หลินสวินสุขุมเยือกเย็นเกินไป นี่ทำให้พวกเขาแอบรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง
แต่พวกเขายังคิดไม่ถึงว่า เด็กหนุ่มผู้ที่ครึ่งปีก่อนเพิ่งฝึกปราณถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะสามารถเรียกลมเรียกฝนอะไรได้
เขาหวังพึ่งอินทรีแดงตัวนั้นรึ
ไอ้สัตว์หน้าขนนั่นอาจทรงพลังจริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ณ ที่นี้ไม่มีคนสามารถจัดการกับมัน!
ท้ายที่สุดมีคนเหมือนฉุกคิดอะไรได้ หน้าพลันเปลี่ยนสี ไม่ถูก ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุนและจูเหล่าซานนั่นเหตุใดไม่มาด้วยกัน หากพวกเขารู้ว่าเจ้าเด็กนี่มารนหาที่ตาย ไหนเลยจะสามารถนั่งนิ่งดูดาย?
ยิ่งไปกว่านั้นหลินสวินก่อนหน้านี้สามารถกดดันจนพวกเขาสามตระกูลหายใจไม่ออก จะเป็นพวกโง่งมวิ่งทะเล่อทะล่ามาหาที่ตายถึงถิ่นเช่นนั้นได้หรือ
ตรงกันข้าม เด็กนี่ตั้งแต่อายุน้อยก็สามารถสร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลมากมายเช่นนี้ เป็นที่ี่จับตามองในใต้หล้า ไหนเลยจะเป็นพวกหน้าโง่ ในบรรดาคนวัยเดียวกันเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงเขาได้
ไม่ถูกต้อง!
ในนี้จะต้องมีความลับอื่นแฝงอยู่เป็นแน่!
แต่ในยามที่คนเหล่านี้มีปฏิกิริยาตอบสนอง กำลังจะตาสว่าง ก็สายไปเสียแล้ว
ชิ้ง!
ก็ยินเสียงสะท้อนใสของดาบเสียงหนึ่ง พริบตานั้นเสียงกัมปนาทดังสนั่นทั่วโถงดั่งกระแสธาราไหลเชี่ยว โหมกระพือดุจวายุอสนีบาต!
…………………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด