Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 460 ที่แท้ก็เป็นเขา

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 460 ที่แท้ก็เป็นเขา 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เจิ้งชื่อแพ้อย่างอนาถ แทบเอาชีวิตไม่รอด
เหอตงหลินได้รับบาดเจ็บสาหัส หมดสติยังไม่ฟื้น
ส่วนตอนนี้ ลู่ผิงถูกสังหาร เลือดสาดกระเซ็นฟ้า!
เหตุไม่คาดฝันต่อเนื่องกันนี้ทำให้ทั่วบริเวณนั้นหวั่นไหว ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ถูกล้อมกดดัน ถูกมองว่าไม่สลักสำคัญคนหนึ่ง กลับแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมแข็งแกร่งเช่นนี้ได้
ช่างเหมือนเทพมารตนหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นราชันในระดับมหาสมุทรวิญญาณ กำราบศัตรูทั้งมวล!
“ทุกท่าน คนผู้นี้รับมือยาก หากเอาแต่มองดูอย่างเฉยชาอยู่ด้านข้าง ไม่แน่ว่าพวกเราอาจพ่ายแพ้ไปทีละคน ได้แต่คับแค้นใจอยู่ตรงนี้”
อวิ๋นเคอเปรย คล้ายกับเขาจงใจพูดเช่นนี้เพื่อกระตุ้นผู้อื่น
ทว่าที่เขาพูดก็เป็นความจริง อานุภาพที่หลินสวินมีทำให้พวกเขาตื่นตัวและหวาดหวั่น หากปล่อยให้เขาแผลงฤทธิ์เช่นนี้ต่อไป ผลลัพธ์ต้องหนักหนามากแน่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พวกเราลงมือร่วมกัน ปลิดชีพเด็กนี่ก่อนเป็นอย่างไร”
“ก็ดี!”
หลายคนคล้อยตามในทันใด
เดิมทีพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหานล้วนไม่แสดงท่าที แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านเช่นเดียวกัน
นี่ถือเป็นการยอมรับอย่างชัดเจนแล้ว
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องอมพะนำกันแล้ว ลงมือร่วมกันเถอะ!”
หยวนจั้นตะคอก พลังปราณทั่วร่างพลุ่งพล่าน
“พวกเจ้าช่างน่าขันเสียจริง ก่อนหน้านี้ก็ล้อมโจมตีข้าคนเดียวไม่สำเร็จ มาตอนนี้ก็แค่ใช้วิธีการเก่า ยังจะมาวางท่าใหญ่โตเช่นนี้ พวกเจ้ายังถูกคนขนานนามว่าเป็นผู้กล้าได้หรือ ข้าว่าเป็นเพียงพวกลวงโลกก็เท่านั้น!”
หลินสวินหัวเราะเสียงดัง สายตาโอหังสาดส่องไปทั่วไม่มีหวั่นกลัว วาจาไม่เกรงใจยิ่ง
“ฆ่า!”
“ไม่รู้ดีชั่ว!”
กลุ่มผู้สืบทอดสำนักโบราณเคลื่อนไหวท่ามกลางเสียงตะคอกดัง สำแดงวิชาลับอานุภาพน่าหวาดหวั่นออกมา
“ตายซะ!”
หยวนจั้นคำรามก้อง แปลงร่างเป็นอสูรมารวานร ปล่อยหมัดแสงโลหิตน่าสยดสยองราวจะฟาดฟันบรรพตคู่หนึ่งออกไป
ตู้ม!
หลินสวินไม่หลบไม่หนี พุ่งรับการโจมตี ลมปราณบ้าคลั่งไหลทะลัก เข้าสู้กับหยวนจั้น
ในชั่วพริบตาเงาร่างของหยวนจั้นก็โซซัดโซเซ!
หลายคนสูดหายใจเย็นเยียบ หยวนจั้นเป็นอสูรมารวานรที่ทรงพลังมากตนหนึ่ง เลือดลมในกายน่าหวาดหวั่น พลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด แต่เมื่อประจันหน้าตรงๆ กลับดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
ฆ่า!
หลินสวินตะเบ็งเสียงดังก้องทั่วฟ้าดิน พายุทะเลปราณภายในกายกรรโชกแรง ห้ำหั่นกับศัตรูรอบทิศ
แม้ตัวคนเดียว แต่กลับมีท่าทีดุจสามารถสังหารทุกอย่างได้ ราวบดทับภูผาธาราให้ราบเป็นหน้ากลอง
หลินสวินในเวลานี้ย่อมไม่ออมมืออีกแล้ว เขาพอจะประเมินพลังที่แท้จริงของผู้กล้าเหล่านี้ได้ ไม่มีทางหายตัวหลบหลีกเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก
เสียงชิ้งดังขึ้น ทั้งร่างอวิ๋นเคอมีไอสมบัติไหลบ่าประหนึ่งเซียนจุติ ท่วงท่าอาจหาญ ถือกระบี่โบราณลายสนพุ่งเข้าโจมตี
ไอกระบี่นั้นลึกลับยากจับต้อง ดุดันทะลุเมฆา ถือเป็นมรดกตกทอดสูงสุดของสำนักกระบี่แรกวิญญาณ สามารถสลายภูผาธารา สร้างความปั่นป่วนแก่สรวงสวรรค์
หลินสวินไม่ได้หลีกหนี ลมหมัดทบห้าเท่าราวแสงระวีโชติช่วงกดอัดเสียงดังโครม ระเบิดโจมตีห้วงอากาศ สลายไอกระบี่เจิดจ้าเหล่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ก้าวย่างชือน้ำแข็งก็โคจร หลบหลีกการโจมตีหนักหน่วงจากอีกด้านหนึ่ง พุ่งต่อไปข้างหน้าเพื่อจัดการหยวนจั้นผู้นั้นเสียก่อน
ตูม!
พลังทั่วร่างของเขาปลดปล่อยออกมาราวพายุคลั่งกลางเหวน้ำใหญ่ ผมสีดำทั้งศีรษะปลิวว่อน ดวงตาวาวโรจน์ราวสายฟ้า ออกโจมตีด้วยพลังทั้งหมด อาศัยโอกาสนี้ทดสอบผลลัพธ์การฝึกปราณของตน
“ไอ้บ้าเอ๊ย ยังไม่ตายอีก!”
หยวนจั้นคำรามก้อง ตัวเขานิสัยดุร้าย ป่าเถื่อนแข็งกร้าว เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของหลินสวินย่อมไม่มีทางถอยหนี
ตู้ม! เขากระทืบเท้าลงบนห้วงอากาศ ปราณเลือดร้อนแรงระเบิดออก ก่อร่างเป็นคลื่นสะท้อนสีทองพุ่งไปยังหลินสวินอย่างรวดเร็วยิ่ง
นี่เป็นยุทธวิธีของอสูรมารวานรบรรพกาล พลังหลอมรวมกับปราณเลือด ผสานกับฟ้าดิน สามารถทลายศัตรูได้
คนอื่นก็ใช้กระบวนท่าสังหารเช่นกัน ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ หมายจะร่วมแรงโจมตีหลินสวิน
ซู่!
ไอกระบี่ฉวัดเฉวียนกวาดตามแนวราบออกมาพร้อมแสงลึกลับ อวิ๋นเคอถูกจู่โจมจากด้านข้าง
“ไสหัวไป!”
ดวงตาหลินสวินฉายแววเหี้ยม ร่างกายร้อนเร่าดุจเตาหลอมโดดเด่นในใต้หล้า สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ทบซ้อนหกชั้น
ทันใดนั้นหยวนจั้นถูกพลังหมัดกระแทกกระเด็นจนกระอักเลือด
ไอกระบี่ทั่วฟ้าสลายเป็นจุณ อวิ๋นเคอสีหน้าเหยเกต้องหายตัวหลบหนี
มีศิษย์สำนักหลายคนหลบไม่ทันถูกลมหมัดซัดกระเด็นอย่างจัง
อานุภาพหนึ่งหมัดถึงกับน่าหวาดหวั่นได้เพียงนี้!
ทั่วทั้งบริเวณนั้นสูดหายใจเย็นเยียบ นี่อหังการถึงไหนกัน ตัวคนเดียวใช้หมัดเดียวปราบการโจมตีมากมายขนาดนี้ ประหนึ่งไม่อาจมีใครสู้ได้
หลินสวินในตอนนี้ สามารถใช้พลังหมัดทบซ้อนหกชั้นได้อย่างง่ายดายแล้ว พลานุภาพกล้าแข็งถึงขั้นทำให้ใต้หล้าตื่นตะลึงได้
ฟุ่บ!
อีกด้านหนึ่ง หญิงชุดม่วงนางหนึ่งก็พุ่งเข้ามาพร้อมกวัดแกว่งแส้ยาวกระดูกขาวเส้นหนึ่ง ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนเป็นคลื่นสะท้อนชั้นแล้วชั้นเล่า
ตึง!
เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น แส้กระดูกขาวนั้นถูกซัดออกไป หญิงชุดม่วงส่งเสียงฮึดฮัดต้องเร้นกายหลบหนี
ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ผู้สืบทอดสำนักโบราณทั้งหลายล้วนโจมตีเต็มกำลัง ไม่กล้าเลินเล่อ ยิ่งรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งเกินธรรมดา ราวกับเป็นปีศาจ
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น น่ากลัวจะยืนหยัดได้ยาก แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับสามารถเคลื่อนไหวไปทั่ว ไม่อาจกำราบได้ นี่ช่างน่าตกใจยิ่งแล้ว
“ฆ่า!”
หยวนจั้นคำราม จู่โจมด้วยความโกรธเกรี้ยว
“มีความสามารถแค่นี้หรือ”
หลินสวินเอ่ยอย่างเย็นชา พลังของหยวนจั้นผู้นี้แม้แข็งแกร่ง แต่เขาก็ได้รู้จักแล้วย่อมไม่หวั่นกลัว ชกหมัดโจมตีกลับครั้งเดียวก็ทำให้อีกฝ่ายถอยกลับไปเสียงดังโครม
ในเวลาเดียวกันนี้เงาร่างของเขาเปล่งแสง กวาดทำลายการโจมตีทั้งหลายเสียงครั่นครืนเหมือนไม้ไผ่หัก
ตูม!
หยวนจั้นร้องโหยหวนราวถูกฟ้าผ่า เลือดสาดกระเซ็นจากร่าง ถูกโจมตีให้ตกจากห้วงอากาศกระแทกเข้ากับพื้นเข้าอย่างจัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลออกไปอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างเย้ยฟ้าจริงๆ!
เผชิญหน้ากับศัตรูรอบทิศ ยังร้ายกาจโหดเหี้ยมไม่อาจกำราบได้ปานนี้ ใครจะไปคาดคิดได้
ที่ต้องรู้ก็คือ คู่ต่อสู้เหล่านั้นแต่ละคนล้วนเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณที่ภูมิหลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
“ถึงตอนนี้แล้วยังออมมือ ทุกท่านคิดจะให้เจ้านี่แผลงฤทธิ์ต่อหรือ”
มีบางคนคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว
แทบจะในเวลาเดียวกัน ไป๋อวี่ลงมือแล้ว ทวนในมือปรากฏลำแสงสีทองเจิดจ้า ราวเทพสังหารเยือนโลกา ปั่นป่วนห้วงอากาศ ทำลายล้างสิ้น
อีกด้านหนึ่งเถี่ยเชียนหานก็โจมตีเช่นกัน เงาร่างกำยำราวภูผาพุ่งขึ้นไปในอากาศ ฟาดกระบองเหล็กสีดำสนิทใหญ่โตอันหนึ่งลงมา
แต่ยังไม่ทันได้ดีใจ พลังปราณทั่วร่างของหลินสวินกลับพุ่งสูงขึ้นระลอกใหญ่ ทั้งกายสว่างจ้าลุกโชนสะดุดตาราวภาพมายา
บริเวณนี้สั่นสะเทือนดังโครม แสงอัศจรรย์ปะทุออก ทุกการโจมตีถูกพลังหมัดบดขยี้แหลกสลาย ผู้สืบทอดสำนักโบราณจำนวนมากร้องโหยหวน ถูกเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส สูญเสียพลังในการต่อสู้
“ร่วมกันโจมตีแล้วอย่างไร ฆ่าพวกเจ้าก็เหมือนฆ่าไก่ฆ่าหมา!”
หลินสวินมีโทสะอัดอั้นไว้เต็มอก ในเวลานี้ได้ระบายออกจนหมดสิ้น เงาร่างของเขาราวเหวน้ำใหญ่เคลื่อนตัวตามแนวราบ บดขยี้ศัตรูรอบทิศ ราวเข้าไปในดินแดนไร้คน ไม่มีใครเป็นศัตรูของเขาได้!
ทั้งที่นั้นล้วนมองอย่างอึ้งค้าง การประลองครั้งใหญ่นี้จะน่าตกตะลึงเกินไปแล้ว แต่ที่ทำให้พวกเขาหวั่นใจยิ่งก็คือ เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับมีอานุภาพแข็งแกร่งปานนี้ โอหังจองหอง ไม่กลัวศัตรูทั้งมวล!
“เจ้าเด็กนี่ ต้องกำจัดทิ้ง!”
สายตาของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหลายคนฉายแวววาวโรจน์ ลุกลี้ลุกลนเตรียมจะลงมือ ฝีมือที่หลินสวินแสดงออกมาทำให้พวกเขาสะท้านขวัญ รู้ได้ว่าหากไม่สังหารเขาเสีย วันหน้าต้องเป็นหนามยอกอกแน่
หลินสวินที่อยู่ในการต่อสู้พลันกวาดตามองมาทางนี้ราวกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นจิตใจไหววูบ พลังการรับรู้น่าสะพรึงกลัวนัก!
“ฆ่า!”
ในลานประลอง ไป๋อวี่คำรามเกรี้ยวกราดราวเทพสังหารมาเยือนโลกมนุษย์ ทวนแหวกอากาศเกิดเป็นจิตสังหารน่ากลัวราวน้ำตกไหลบ่า
และในเวลานี้หลิงจื่อนั่วก็เคลื่อนไหวในที่สุด เงาร่างของนางราวเซียนลอยละล่อง น่าเกรงขามราวหงส์โผบิน ย่างก้าวในห้วงอากาศตามใจนึก นิ้วมือขาวสะอาดวาดออกไปอย่างแผ่วเบา สายฟ้าสีฟ้าสดสว่างก็พุ่งออกไป
เปรี๊ยะ!
ที่นี่ราวกับมีมหาอัสนีบาตมาเยือน ห้วงอากาศสลายกลายเป็นฝุ่น สายฟ้าสีฟ้าสดฟาดลงมาประหนึ่งจะกำราบหมื่นเคราะห์ น่าสะพรึงหาใดเปรียบ
ทั่วทั้งบริเวณตื่นเต้น ในที่สุดผู้กล้าหญิงที่โดดเด่นเกินใครคนนี้ก็ลงมือแล้ว เพียงการโจมตีเดียวก็สำแดงฝีมือเก่งกาจออกมา
ตูม!
แม้หลินสวินต้านประกายสายฟ้านี้ได้ แต่แขนเสื้อกลับถูกโจมตีจนสลาย นิ้วมือสั่นระริกชาไปบ้าง นี่ก็คือพลังของสายฟ้า น่ากลัวอหังการ์นัก
หากฟาดใส่ผู้ฝึกปราณคนอื่น เพียงการโจมตีครั้งเดียวนี้ก็สามารถปลิดชีพได้!
ในเวลาเดียวกันทวนของไป๋อวี่กวาดไปตามแนวราบ อีกด้านหนึ่งอวิ๋นเคอสาดไอกระบี่ เถี่ยเชียนหานแกว่งกระบองเหล็ก
ศัตรูพากันโจมตีจากรอบทิศ หมายจะสังหารหลินสวินไม่ให้เขาได้แผลงฤทธิ์อีก
“ดูท่าจะจบลงตรงนี้ล่ะ!”
ชิ้ง!
กลับเห็นว่าเวลานี้ ในมือหลินสวินพลันมีดาบแตกหักเพิ่มขึ้นมาเล่มหนึ่ง ปล่อยแสงส่องสกาวออกมาราวภาพมายา ประหนึ่งธารดาราเคลื่อนคล้อย
ผมสีดำบนศีรษะของเขาปลิวไสว สายตายิ่งเยียบเย็นราวเทพมาร จู่โจมออกไป
เปรี๊ยะ!
ทวนยาวของไป๋อวี่สลายถูกฟันขาดอย่างง่ายดายราวเศษกระดาษ
“รั้งมันไว้!” ทุกคนล้วนลงมือ ด้วยตระหนกกับภาพนี้
ถึงกระนั้นพลานุภาพที่หลินสวินปล่อยออกมาในเวลานี้แข็งแกร่งเกินไป หน้าอกร้อนวูบ ชีพจรวิญญาณส่องแสงลุกโชน พลังปราณบริสุทธิ์พลุ่งพล่าน
“เจ้า…”
ไป๋อวี่ถูกมอบฉายา ‘เทพสังหารน้อย’ เป็นอัจฉริยะเกินใครในโลกา กรำศึกนับไม่ถ้วน แต่เวลานี้กลับถูกอานุภาพของหลินสวินทำให้ตื่นตระหนก ในใจพิศวง ถอยหนีเต็มกำลัง
น่าเสียดาย เมื่อดาบหักอยู่ในมือหลินสวิน ตัวเขาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่วงท่าเฉียบคมปราดเปรียว ดาบหักม้วนกลืนคว้านไส้แหวกพุงของไป๋อวี่!
ไป๋อวี่ร้องโหยหวนสะท้านฟ้าดิน พลันบดขยี้ป้ายหยกชิ้นหนึ่งแตก ถูกพลังยากสัมผัสได้เหนี่ยวนำหายไปจากลานต่อสู้
หืม?
หลินสวินหรี่ตาอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง ทันใดนั้นก็รู้ว่านั่นต้องเป็นวิธีรักษาชีวิตของไป๋อวี่ อัจฉริยะเช่นเขา ตระกูลย่อมฝากความหวังไว้มาก มอบสมบัติป้องกันตัวให้ไม่น้อย ไม่ได้ถูกสังหารได้ง่ายขนาดนั้น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความพ่ายแพ้ของไป๋อวี่ก็ยังทำให้ทั่วบริเวณนั้นเกิดเสียงร้องตระหนกตกใจ หลายคนสีหน้าเหยเก ทำใจเชื่อได้ยาก
“เขานี่เอง! เด็กหนุ่มป่าเถื่อนโหดเหี้ยมคนนั้น!!”
เวลานี้เมื่อเห็นดาบแตกหักราวแสงดาวเล่มนั้น ในที่สุดก็มีผู้ฝึกปราณนึกอะไรขึ้นมาได้ ร้องออกมาเสียงดัง
“ที่แท้ก็เป็นเขา!”
เสียงฮือฮามากมายนับไม่ถ้วนดังขึ้นตาม เด็กหนุ่มคนนี้ก่อนหน้านี้เคยฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะอย่างเฉียนไหว และทำให้นักพรตสยงล่าถอยไปอย่างไร้ความสามารถ
ทั้งยังเคยต่อสู้กับยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะสำนักยอดกระบี่บูรพาฉู่หลินเทียน ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ยามเขาอยู่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น อาศัยพลังของเขาคนเดียวกำราบดาบแตกหักดุดันพลิกฟ้า ปราบหมู่ศัตรู หนำซ้ำยังสังหารผู้มีปราณระดับหยั่งสัจจะไปสองคน!
ทันใดนั้นทั่วบริเวณนั้นล้วนประหวั่นพรั่นพรึง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเหตุใดเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้ นี่เป็นบุคคลร้ายกาจที่เคยสังหารผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเชียวนะ!
……..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด