Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 534 วิบัติมหามรรค

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 534 วิบัติมหามรรค 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

หอสรวลทรัพย์ โถงเมฆินทร์
ในโถงโอ่อ่าอลังการ แสงไฟสว่างไสว มีแขกมากันมากมายจนไม่เหลือที่ว่าง
ชาวบ้านเป็นร้อยคนในหมู่บ้านเฟยอวิ๋นมาร่วมงานเลี้ยง โต๊ะตรงหน้าเต็มไปด้วยผลไม้ อาหารอันเลิศรสและเหล้าชั้นดีมากมาย
สาวใช้งดงามเดินอยู่ในงาน คอยรินเหล้าชา บริการอย่างใกล้ชิด
ชาวบ้านที่ปกติอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน แรกๆ ก็รู้สึกเก้อเขินไม่เป็นธรรมชาติและระมัดระวัง
เพียงแต่หลังจากดื่มเหล้าร้อนแรงสองสามจอกลงท้องไป ก็ปลดปล่อยทันที กินกันคำโต คร้านจะใส่ใจกฎเกณฑ์มารยาทอะไร สำเริงสำราญยิ่ง
เด็กน้อยแต่ละคนวิ่งเล่นไปมาอย่างมีความสุข เล่นกันอย่างสนุกสนาม
ถึงกระนั้นสาวใช้เหล่านั้นก็ไม่กล้าเผยสีหน้าแปลกๆ แม้แต่น้อย พวกนางได้ถูกสั่งเอาไว้แล้ว และรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหน้าหอสรวลทรัพย์ จะกล้าละเลยในหน้าที่ได้อย่างไร
หลินสวินกำลังคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน เล่าถึงเรื่องราวในสามปีที่แยกจากกัน และส่งเสียงถอนหายใจเป็นระยะ ๆ
จวบจนกระทั่งตอนหลัง หัวหน้าหมู่บ้านดื่มมากจนมึนเมา ในขณะที่ปากก็ยังคงถอนหายใจ “อยู่มาครึ่งชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาในนครต้องห้าม ที่นี่มัน…เด็ดจริงๆ!”
หลินสวินหัวเราะทันที
สำหรับเขา ชาวบ้านเหล่านี้เป็นเหมือนคนในครอบครัวของตน การที่สามารถพาพวกเขาเข้ามาในนครต้องห้ามและมาอยู่บนภูเขาชำระจิต ทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกแช่มชื่นอย่างมาก
ไม่นานเจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวก็มาถึง หลินสวินรีบลุกขึ้นต้อนรับและเชิญจ้าวจิ่วเซียวเข้าร่วมโต๊ะ
หลังจากทักทายกันหลินสวินก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสวางแผนจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณเมื่อไหร่”
จ้าวจิ่วเซียวถอนหายใจ หว่างคิ้วเผยความเหนื่อยล้าอย่างลึกซึ้ง “ตอนนี้ยังไม่รีบ หลานของข้าออกเดินทางไปแสวงหามรรคที่ดินแดนรกร้างโบราณก่อนกำหนดแล้ว”
หลินสวินชะงัก เขารู้ว่าจ้าวจิ่วเซียวยังไม่เคยแต่งงานมาก่อน คนที่รักใคร่ที่สุดก็คือหลานชายจ้าวจื่ออวิ๋น
สิทธิ์การหลอมที่จ้าวจิ่วเซียวประมูลมาในงานแถลงของอัครการค้าช่วงก่อนหน้านี้ ก็เตรียมไว้ให้กับจ้าวจื่ออวิ๋น
เมื่อพูดถึงจ้าวจื่ออวิ๋น ก็เป็นอีกคนที่เป็นบุคคลชั้นยอด เป็นผู้กล้าที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ในสาขายอดยุทธศาสตร์
เมื่อเทียบกับจ้าวจื่ออวิ๋นแล้ว ฉีอวี้ก็ด้อยกว่าระดับหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้อ สิ่งที่จนปัญญาที่สุดคือ จนถึงตอนนี้ข้ายังเตรียมวัตถุดิบวิญญาณสำหรับหลอมชุดศึกสลักวิญญาณไม่ครบ ยังจะพูดถึงการหลอมได้อย่างไร”
จ้าวจิ่วเซียวยิ้มขื่น “ในตอนนี้คงต้องรอให้ข้าเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อน ค่อยตามเจ้าไปหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชุดนี้”
หลินสวินเองก็เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
เหตุใดชุดศึกสลักวิญญาณจึงหายากเช่นนี้
เหตุผลประการแรกเพราะการหลอมนั้นยากลำบากเกินไป เหตุผลประการที่สองคือวัตถุดิบวิญญาณที่ต้องใช้หายากและมีค่ามาก อย่าว่าแต่คนธรรมดา แม้แต่ผู้มีอิทธิพลชั้นสูงหลายคนยังยากจะรวบรวมได้ครบ
อย่างเช่นจ้าวจิ่วเซียว เป็นถึงเจิ้นไห่อ๋องแห่งจักรวรรดิ เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ชื่อเสียงโด่งดังและสะดุดตาระดับไหน แต่แม้จะอยู่ในฐานะระดับนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบวิญญาณที่จะใช้หลอมชุดศึกสลักวิญญาณชุดหนึ่งได้ครบ!
จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า ชุดศึกสลักวิญญาณเป็นสมบัติสำคัญหนึ่งเดียวในโลก ไม่ใช่ว่าใครคิดจะหลอมก็หลอมได้
หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก จู่ๆ จ้าวจิ่วเซียวก็พูดขึ้นมาว่า “หลินสวิน เจ้าจะไปดินแดนรกร้างโบราณเมื่อไหร่”
หลินสวินตะลึง คำถามนี้ค่อนข้างกะทันหันและทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย พลันส่ายหน้าพูดว่า “ยังไม่เคยคิดเรื่องนี้ขอรับ”
จ้าวจิ่วเซียวเองก็เหมือนจะประหลาดใจไม่น้อย มองหลินสวินแล้วจึงพูดว่า “ต่อไปในฟ้าดินแถบนี้ มหามรรคบกพร่องจะค่อยๆ รุนแรงขึ้น และแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการฝึกตนของผู้ฝึกปราณ ตามการคาดคะเนของราชครูบนหอดูดาวหลวง อย่างมากไม่เกินสิบปีการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘วิบัติมหามรรค’
วิบัติมหามรรค!
หลินสวินหัวใจสะท้าน ช่วงก่อนหน้านี้ตอนที่เขาหลอมกระถางสมบัติเก้ามังกรอยู่บนชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณ ‘วิบัติมหามรรค’ นี้ได้สร้างความฮือฮาและเสียงถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ต่อมาเพราะราชวงศ์ออกหน้าจึงปิดข่าวดังกล่าวไว้ได้
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น คลื่นยักษ์มากมายก็ยังคงบ่มตัวอยู่เงียบๆ ปัจจุบันขุมอำนาจใหญ่มากมายต่างเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ ต้องการส่งลูกหลานคนสำคัญของตระกูลตนเข้าไปยังดินแดนรกร้างโบราณ ออกจากโลกที่กำลังจะเกิด ‘วิบัติมหามรรค’ แห่งนี้
อย่างเช่นกู้อวิ๋นถิงแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต เซี่ยอวี้ถังแห่งตระกูลเซี่ย คุณชายใหญ่สือซวนแห่งอัครการค้า… รวมถึงลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมแห่งสาขายอดยุทธศาสตร์ ต่างก็เดินทางไปยังดินแดนรกร้างโบราณตั้งนานแล้ว
“ตามข้อมูล วิบัติมหามรรคที่จะเกิดขึ้นในสิบปีให้หลังเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เหตุการณ์นี้จะดำรงอยู่นานเพียงใดไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือ เมื่อวิบัติมหามรรคเริ่มขึ้น เส้นทางทั้งหมดสู่ดินแดนรกร้างโบราณก็จะถูกปิดกั้นและทำลาย”
จ้าวจิ่วเซียวเปิดเผยความลับหนึ่ง “นี่ก็หมายความว่า ถ้าอยากไปยังดินแดนรกร้างโบราณในอีกสิบปีข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าจะกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
จ้าวจิ่วเซียวเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ในราชวงศ์ มีชื่อเสียงสะเทือนโลกา คำพูดของเขาไม่มีทางเป็นเท็จ เรื่องนี้ทำให้หลินสวินไม่สบายใจอย่างมาก
วิบัติมหามรรค!
เป็นวิบัติภัยแบบไหนกัน
สิ่งที่สรุปได้คือ เคราะห์พิบัติในครั้งนี้เป้าหมายที่ชัดเจนก็คือผู้ฝึกปราณ จะส่งผลกระทบและขัดขวางการฝึกปราณ รวมทั้งตัดเส้นทางในการแสวงมหามรรคของพวกเขา!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การไปยังดินแดนรกร้างโบราณกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับผู้ฝึกปราณมากมาย
เพียงแต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าไปในดินแดนรกร้างโบราณได้!
จากนั้นจ้าวจิ่วเซียวก็บอกถึงเหตุผลที่มาที่ไป ว่าถ้าอยากเข้าไปในดินแดนรกร้างโบราณจะต้องมีคนนำทางเข้าไป มิเช่นนั้นก็จะไม่มีทางเข้าไปได้เลย
และคนที่สามารถเป็น ‘ผู้นำทาง’ ได้ ก็มีเพียงขุมอำนาจสำนักโบราณที่มีอิทธิพลในดินแดนรกร้างโบราณเท่านั้น
มีเพียงสำนักโบราณระดับนี้ จึงจะสามารถเปิดช่องทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า ใช้วิธีชั้นสูงสุดในการกำหนดพิกัดกลางความว่างเปล่าเพื่อดำเนินนำทาง!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะเห็นได้ว่าการเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณนั้นยากเพียงใด เพราะในจักรวรรดิจื่อเย่า ผู้ที่สามารถเชิญให้คนของสำนักโบราณแห่งดินแดนรกร้างโบราณนำทางได้ แทบจะมีจำนวนเพียงนับนิ้ว!
ที่มั่นใจได้ตอนนี้ก็มีเพียงขุมอำนาจใหญ่ส่วนน้อย เช่นราชวงศ์ สำนักศึกษามฤคมรกต หอดูดาวหลวงจักรวรรดิ กรมทหาร เจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงเป็นต้น
แน่นอนว่าขุมอำนาจอื่นก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่มีน้อยมากจริงๆ
เมื่อรู้เรื่องราวเหล่านี้ หลินสวินก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ‘วิบัติมหามรรค’ ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสิบปีข้างหน้านี้ กลับนำพามาซึ่งความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หลินสวินไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
“เรื่องนี้เจ้ารู้เอาไว้ก็พอแล้ว ไม่ต้องเผยแพร่ออกไป เลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายและผลกระทบโดยใช่เหตุ”
จ้าวจิ่วเซียวพูดจบก็ลุกขึ้นขอตัวกลับ
หลินสวินนั่งอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง ดื่มกินคนเดียว วิบัติมหามรรค…หรือจะต้องไปที่ดินแดนรกร้างโบราณเท่านั้นจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงทั้งหมดนี้ได้?
ตนก็ควรจะเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ด้วยหรือไม่
หลินสวินนึกได้อย่างกะทันหันว่า บางทีเรื่องนี้อาจจะไปถามจ้าวจิ่งเซวียนได้ นางกลับมาจากดินแดนรกร้างโบราณ น่าจะต้องรู้มากกว่า
……
คืนนั้นหลินสวินได้พาชาวบ้านจากหมู่บ้านเฟยอวิ๋นกลับไปภูเขาชำระจิต จัดแจงที่พักอาศัยให้พวกเขาด้วยตัวเองพร้อมกับหลินจง
เนื่องจากใคร่ครวญดูแล้วว่าชาวบ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา หลินสวินจึงกำชับเป็นพิเศษว่า นับจากนี้บนภูเขาชำระจิต ห้ามมิให้เกิดเรื่องกลั่นแกล้งกดดันชาวบ้านจากหมู่บ้านเฟยอวิ๋นโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นหากหลินสวินรู้เรื่องนี้จะถูกลงโทษอย่างหนัก!
กว่าจะจัดแจงทุกอย่างเสร็จก็ดึกมากแล้ว
“ข้ามีความคิดหนึ่ง ในอนาคตสามารถคัดเลือกคนหนุ่มสาวที่มีคุณสมบัติไม่เลวจากชาวบ้านเหล่านี้ บ่มเพาะพวกเขาให้ดี ต่อไปจะได้เป็นกำลังคนโดยแท้จริงของเจ้า ตอนนี้อาจจะยังไม่โดดเด่น แต่ถ้าค่อยๆ เติบโตไปทีละก้าว ก็สามารถถ่วงดุลกับคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรได้ ต่อไปแม้เจ้าไม่อยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าทำวุ่นวายอะไร
พญาแร้งยังไม่นอนและช่วยหลินสวินวิเคราะห์เรื่องต่างๆ บนภูเขาชำระจิต
ภูเขาชำระจิตในวันนี้เติบโตได้ไวกว่าที่ผ่านมาและเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดรได้ย้ายกลับมาตั้งถิ่นฐานที่ภูเขาชำระจิตทั้งหมดแล้ว ทำให้อิทธิพลของภูเขาชำระจิตเพิ่มขึ้นไปอีกระดับใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้มจะเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีปัญหาหนึ่งที่ละเอียดอ่อน เพราะปัจจุบันทายาทสายตรงของภูเขาชำระจิตมีเพียงหลินสวินคนเดียวเท่านั้น!
หากหลินสวินอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าไปทั้งชีวิตก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายหลินสวินก็จะแต่งงานมีลูก สืบสายเลือดรุ่นสู่รุ่น ในเวลานั้นทายาทสายตรงของตระกูลหลินก็จะแตกกิ่งก้านออกไปอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้นมา
แต่เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด หลินสวินผงาดเร็วเกินไป ตอนนี้เขาอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้นก็โด่งดังไปทั่วหล้าแล้ว ในนครต้องห้ามนี้แทบจะมีน้อยคนที่เทียบได้
สำหรับหลินสวิน ถ้าต้องการที่จะแข็งแกร่งกว่านี้ เขาจะต้องออกจากจักรวรรดิจื่อเย่าเพื่อค้นหาเวทีที่กว้างขึ้น!
มิฉะนั้นหากเขาอยู่ที่นี่ ก็ยากจะแสดงศักยภาพ หนทางการฝึกปราณตลอดชีวิตของเขาจะถูกจำกัดเพียงในโลกนี้
และถ้าหลินสวินจากไป ในระยะสั้นอาจจะไม่ส่งผลกระทบอันใด แต่ถ้านานไปบนภูเขาชำระจิตก็อาจจะเกิดสถานการณ์หลายอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงตอนนั้นพวกคนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรคงไม่เต็มใจให้พวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอและหลินจงคุมอำนาจในภูเขาชำระจิต
นี่เป็นเรื่องปกติมาก ถึงอย่างไรเมื่อฝูงมังกรไร้หัว สิ่งที่เกิดขึ้นง่ายที่สุดก็คือการแย่งชิงอำนาจ
นี่ยังเป็นการวิเคราะห์ที่ธรรมดาที่สุด หากในสองปีข้างหน้ารวมตระกูลสายรองทั้งสามอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุเป็นหนึ่งเดียวกัน สถานการณ์บนภูเขาชำระจิตจะต้องซับซ้อนกว่าเดิมอย่างแน่นอน!
สิ่งที่พญาแร้งพูดในตอนนี้เป็นการเตือนหลินสวินให้บ่มเพาะกำลังคนของตน เพื่อใช้อำนาจสายนี้ควบคุมและถ่วงดุลเหล่าตระกูลสายรองในอนาคตยามเขาจากไป
เมื่อหลินสวินได้ยินเรื่องทั้งหมด ก็อดชื่นชมวิสัยทัศน์และสติปัญญาของพญาแร้งไม่ได้ สุดท้ายเขาก็พยักหน้า เห็นด้วยกับคำแนะนำของพญาแร้ง
เพราะหลังจากรู้ข่าวเรื่อง ‘วิบัติมหามรรค’ หลินสวินก็ต้องพิจารณาเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง นั่นคือเขาควรไปดินแดนรกร้างโบราณเมื่อไหร่!
ไม่เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของวิบัติมหามรรคเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือ สำนักกระบี่เทียมฟ้าก็อยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ และอวิ๋นชิ่งไป๋ก็อยู่ในดินแดนรกร้างโบราณเช่นกัน
อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นผู้ร้ายที่ก่อเหตุนองเลือดบนภูเขาชำระจิตในปีนั้น หากหลินสวินต้องการล้างแค้นให้บิดามารดาและญาติพี่น้อง ก็ต้องไปที่ดินแดนรกร้างโบราณ!
——

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด