Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 746 สามกระบี่ของชิงเจ๋อ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 746 สามกระบี่ของชิงเจ๋อ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ชิงเจ๋อ
ศิษย์สืบทอดสายในสำนักกระบี่เทียมฟ้า มีปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น และยังเป็นทายาทสายตรงของเผ่ากระเรียนเขียวแห่งดินแดนรกร้างโบราณอีกด้วย
ครอบครองพรสวรรค์ชั้นดี ‘ปราณรบยอดเขียว’ เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า คุณสมบัติพิเศษเหนือปวงชน พลังต่อสู้น่าทึ่ง
หลายวันก่อนชิงเจ๋อติดตามกู้ตงถิงผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้ามุ่งหน้ามาจักรวรรดิจื่อเย่า และได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากราชวงศ์
และในงานเลี้ยงคราวนั้นได้เกิดเรื่องใหญ่เป็นที่ฮือฮาขึ้น
ยามนั้นบุคคลสำคัญแห่งราชวงศ์ผู้หนึ่งนามว่าจ้าวกวงซิ่วเป็นคารวะสุราให้ชิงเจ๋อ แต่กลับถูกชิงเจ๋อปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง กล่าวว่า ‘คารวะสุราให้ข้าย่อมได้ แต่เจ้ามีคุณสมบัติไม่พอ’
ประโยคเดียวทำเอาบรรยากาศ ณ ที่นั้นเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะจ้าวกวงซิ่วยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์น่าอับอาย สีหน้าไร้แวว มีโทสะเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นท่านโหวแห่งราชวงศ์ผู้หนึ่ง เป็นฝ่ายคารวะสุราเอง กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ ซ้ำยังคิดว่าเขามีคุณสมบัติไม่พอจะคารวะสุราอย่างไม่ไว้หน้าอีก ทำเขาขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล นี่มันดูหมิ่นกันอย่างเห็นได้ชัด
‘เช่นนั้นข้าคารวะสุราเจ้าสักจอกเป็นอย่างไร’
ณ ที่นั้นมีคนทนดูไม่ไหว หยัดกายลุกขึ้นเอ่ยเสียงเย็นชา เขาคือท่านอ๋องผู้น่าเคารพยำเกรงและมีชื่อเสียงคนหนึ่ง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกผู้คนล้วนคาดไม่ถึงคือ ชิงเจ๋อไม่แม้แต่จะเหลือบตาเลยสักนิดก็ปฏิเสธอีกครั้ง ‘เจ้าก็ไม่ได้’
บัดนั้นบรรยากาศในที่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบและกดดัน ในงานเลี้ยงนี้ล้วนเป็นบุคคลชนชั้นสูงที่เลื่องชื่อลือชาในจักรวรรดิ มีผู้ทรงอิทธิพลระดับแนวหน้าอยู่ไม่น้อย
ยามนี้กลับถูกท่าทียิ่งผยองไร้มารยาท ดูหมิ่นถิ่นแคลนของชิงเจ๋อทำเอาเดือดดาลกันหมด
‘เช่นนั้นเจ้าคิดว่า ณ ที่แห่งนี้มีใครคุณสมบัติครบถ้วนพอจะคารวะสุราเจ้ากัน’
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเอ่ยถามเสียงเย็นชา
ต้นแต่ต้นจนจบชิงเจ๋อดูเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด รินสุราให้ตนไปพลางกล่าวอย่างราบเรียบ ‘ถ้าผู้ใดรับสามกระบี่ของข้าได้ ย่อมมีคุณสมบัติร่ำสุรากับข้า’
คราวนี้คนใหญ่คนโต ณ ที่นั้นถึงตระหนึกได้ว่า เหตุที่ชิงเจ๋อผู้นี้หยิ่งผยองและไร้มารยาทเช่นนี้ ที่แท้ก็เพราะเห็นว่าตนเหนือกว่า มองว่าท่านอ๋องท่านโหวที่หันไปคารวะสุราเขาเมื่อครู่นั้น ในแง่ของพลังความแข็งแกร่ง ไม่สามารถรับพลังแห่งสามกระบี่ของเขาได้!
นี่มันบ้าเกินไปอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
บรรดาคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น ไม่เพียงแต่สูงศักดิ์ ฐานะสูงส่ง แต่พวกเขายังเป็นคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจสะท้านแผ่นดิน พลังปราณแทบไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับกระบวนแปรจุติ
ทว่าชิงเจ๋อผู้นี้กลับกล้าโพล่งวาจาบ้าคลั่งเช่นนี้ในงานเลี้ยง ย่อมทำให้ผู้คนอึดอัดยิ่งยวดเป็นธรรมดา
หากไม่ได้เห็นแก่ว่าอีกฝ่ายมาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า ป่านนี้พวกเขาคงโยนไอ้บ้าที่ไม่เห็นใครในสายคนนี้ไปให้พ้นตั้งนานแล้ว
ท้ายที่สุดแม่ทัพตรีอวี่เหวินจงแห่งทัพเพลิงทักษิณของจักรวรรดิก็ทนไม่ไหว ยืนขึ้นมาหมายจะอาศัยความแข็งแกร่งไป ‘คารวะสุรา’ ให้บทเรียนแก่ชิงเจ๋ออย่างโหดเหี้ยมสักครา
อวี่เหวินจงเป็นถึงมหายุทธ์แนวหน้าแห่งระดับกระบวนแปรจุติ กรำศึกฆ่าฟันมาหลายปี ประสบการณ์การต่อสู้คับคั่งหาที่เปรียบไม่ได้
ทว่าภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตระหนกของฝูงชน เขากลับถูกชิงเจ๋อพิชิตชัยในกระบี่เดียว!
หรือควรพูดว่า อวี่เหวินจงตั้งรับไม่ได้แม้แต่กระบี่เดียวเลยด้วยซ้ำ ก็ถูกซัดสะเทือนจนร่างซวนเซถอยร่นออกไปหลายก้าว ท้ายที่สุดก็อดไม่ไหวกระอักเลือดออกมา!
และต้นตั้งต้นจนจบชิงเจ๋อนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะ ในมือยังคงถือจอกเหล้า หนึ่งกระบี่พุ่งออกไป เหล้าในจอกของเขาไม่ได้กระฉอกออกมาแม้แต่หยดเดียว
อากัปกิริยาสงบเยือกเย็นเช่นนั้น ทำเอาบุคคลสำคัญ ณ ที่นั้นต่างตกตะลึงกันอีกระลอก
‘กระบี่แรกนี้ของข้านามว่า ‘รุ่งสาง’ ดุจดังตะวันเพิ่งโผล่พ้น ลำแสงครอบคลุมทั่วพื้นดิน ความมืดมิดสลายตัวไม่มีเหลือ น่าเสียดาย เจ้าสกัดกั้นไม่ได้แม้แต่กระบี่แรก จะมีคุณสมบัติร่ำสุรากับข้าได้อย่างไร’
ชิงเจ๋อถอนหายใจเบาๆ ดูคล้ายหมดความสนใจ
ประโยคนี้เหมือนสั่งสอนผู้อ่อนอาวุโสคนหนึ่งชัดๆ ท่าทางเช่นนั้นพาให้สีหน้าบุคคลสำคัญแห่งจักรวรรดิทั้งกลุ่มยิ่งไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนอวี่เหวินถิงยิ่งอับอายและโกรธเกรี้ยวจนอยากตาย ถูกทิ่มแทงจนสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
‘หึๆ บ้าดีเดือดดีนี่!’
ไม่นานก็มีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งยืนขึ้นอีกครั้ง เขาคือท่านโหวแห่งราชวงศ์คนหนึ่ง เป็นผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์ ยามอายุยังน้อยเคยสังหารเจียวหลงที่แท้จริงมาแล้ว เป็นคนร้ายกาจที่พลังต่อสู้ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง
ทว่าท้ายที่สุดเขาพยายามเต็มที่เพื่อหยุดกระบี่ของชิงเจ๋อ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเหตุนี้ ยามชิงเจ๋อออกกระบี่ที่สอง สุดท้ายเขาก็ยังถอยครูดเสียหลัก ไม่กล้าขวางคมกระบี่อีกฝ่าย
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงอย่างที่สุด
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์รุ่นอาวุโสผู้หนึ่ง กลับสกัดได้แค่กระบี่เดียวของชิงเจ๋อเท่านั้น
นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้วชัดๆ!
เนื่องจากทุกผู้คนต่างมองออกว่าชิงเจ๋อคนนั้นเพิ่งเป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นต้น อายุอย่างมากก็ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น!
หรือว่า นี่ก็คือศักยภาพของศิษย์สืบทอดสายในแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า?
กลับเห็นชิงเจ๋อยังคงกล่าวเสียงเรียบ ‘กระบี่ที่สองของข้ามีนามว่า ‘เกล็ดน้ำค้าง’ เมื่อสำแดงสรรพสิ่งล้วนควบแข็ง พลังชีวิตมอดดับ สามารถทำให้ข้าสำแดงกระบี่นี้ออกมาได้ เจ้าก็ภาคภูมิใจได้แล้ว’
ท่านโหวผู้สูงส่งแห่งจักรวรรดิคนหนึ่งพ่ายแพ้แล้ว ซ้ำยังถูกวิจารณ์เช่นนี้อีก นี่มันต่างอะไรกับการสบประมาทและเยาะเย้ยกัน
ท้ายที่สุดท่านโหวผู้นี้ก็โกรธจนหน้าเขียว จากไปอย่างเฉียวฉุน
จากนั้นมีคนใหญ่คนโตลุกออกมาคนแล้วคนเล่าอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนต่างเรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในรุ่นอาวุโส แต่ท้ายที่สุดล้วนถูกชิงเจ๋อพิชิตชัยประหนึ่งลำไผ่หักก็ไม่ปาน!
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมีใครรับกระบี่ที่สองของชิงเจ๋อได้เลย!
จวบจนบัดนี้ บรรยากาศภายในงานเลี้ยงควบแข็งถึงขีดสุด คนใหญ่คนโตแห่งจักรวรรดิแต่ละคนสีหน้าเขียวคล้ำ นิ่งเงียบจนคำพูด
เรื่องทั้งหมดนี้ซัดจู่โจมใส่พวกเขารุนแรงเกินไป!
คนหนุ่มที่มาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าผู้หนึ่ง กลับมีชัยเหนือบุคคลชั้นแนวหน้าคนแล้วคนเล่าในหมู่พวกเขาได้อย่างต่อเนื่อง การโจมตีและความสั่นสะเทือนเช่นนั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าทำให้ผู้คนเศร้าสลดและหดหู่มากเพียงใด
ในทำนองเดียวกัน ความแข็งแกร่งของชิงเจ๋อก็น่าตะลึงยิ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยลุกยืนขึ้นมาเลย วางท่าตามสบายใจเย็น ร่ำสุราไปพลางออกกระบี่ไปพลาง เห็นได้ชัดว่าผ่อนคลายสบายใจยิ่ง
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ผู้คนมองไม่ทะลุความตื้นลึกหนาบางของเขา ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถคาดเดาได้แม้แต่น้อยว่าตอนที่ชิงเจ๋อผู้นี้โจมตีเต็มแรง พลังที่เกิดขึ้นจะน่าหวาดกลัวมากเพียงใด!
ท้ายที่สุดงานเลี้ยงฉากนี้ก็เลิกราอย่างไม่น่าอภิรมย์
แต่การแสดงออกในงานเลี้ยงของชิงเจ๋อกลับลือกระฉ่อนออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ขุมอำนาจทุกแห่งในนครต้องห้ามล้วนตกสู่ความไหวหวั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ศิษย์สืบทอดคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้า กลับสยบบุคคลสำคัญของจักรวรรดิคนแล้วคนเล่าในระหว่างร่ำสุรา นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในนครต้องห้ามวันนี้ เมื่อจู่ๆ ได้ยินว่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้านามว่าชิงเจ๋อคนนี้ ถึงกับเป็นฝ่ายส่งเทียบท้าดวลให้หลินสวินผู้นำภูเขาชำระจิต ถึงได้เกิดความฮือฮาครั้งใหญ่เช่นนี้
นี่มันน่าเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นในงานเลี้ยงราชวงศ์ ยามได้รับการคารวะสุราจากบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่ง ชิงเจ๋อล้วนปฏิเสธอย่างเฉียบขาด ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายอยากไปท้าดวลกับหลินสวินเอง นี่มีนัยไม่ชอบมาพากลอย่างยิ่ง
ทุกวันนี้ใครไม่รู้บ้างว่าหลินสวินถูกเรียกว่าเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นเยาว์ของจักรวรรดิ มีฉายาเจิดจ้าว่า ‘อำนาจทั่วนครหลวง’
แต่พูดกันตามตรง เมื่อวิเคราะห์ถึงฐานราก อย่างไรเสียหลินสวินก็เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น
ทว่าชิงเจ๋อซึ่งอยู่ขั้นต้นระดับกระบวนแปรจุติคนนี้ ไม่ไปท้าดวลมหายุทธ์ที่พลังปราณสูงกว่าเขา แต่ดันไปท้าดวลกับหลินสวินที่ระดับปราณต่ำกว่าเขาหนึ่งระดับใหญ่ นี่ไม่ชอบมาพากลอย่างเห็นได้ชัด!
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างหวั่นวิตก ในจิตใต้สำนึกพวกเขาต่างเห็นหลินสวินเป็นคนของตัวเอง อย่างไรเสียทุกคนก็เป็นผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิ แต่ชิงเจ๋อผู้นี้กลับมาจากดินแดนรกร้างโบราณ ถือเป็น ‘คนนอก’
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาย่อมเลือกยืนอยู่ข้างหลินสวินอยู่แล้ว
แต่เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งอันน่ากลัวของชิงเจ๋อ แม้แต่ผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิยังสงสัยยิ่ง ว่าหากหลินสวินสู้ศึกขึ้นมาจริงๆ ยังจะพอมีความหวังสักเสี้ยวว่าจะกำชัยได้หรือไม่
“ชิงเจ๋อคนนี้รังแกกันเกินไปนัก หลินสวินเป็นถึงบุคคลชั้นยอดในหมู่คนรุ่นใหม่ของจักรวรรดิเรา หากหลินสวินแพ้ นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกปราณรุ่นใหม่ทั้งจักรวรรดิต่างก็ถูกชิงเจ๋อเหยียบอยู่ใต้เท้าหรอกหรือ”
มีผู้ฝึกปราณบางคนเคียดแค้นถึงขีดสุด
“เรื่องนี้คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนี้แน่นอน อย่าลืมสิ เหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เกิดจากผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่ง! และตอนนี้ชิงเจ๋อที่มาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็ยังหันหัวหอกไปทางหลินสวินอีก คงจะไม่ใช่… การฆ่าล้างให้สิ้นอย่างสมบูรณ์กระมัง”
และมีผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสคนหนึ่งตกใจเหลือล้น คิดว่าชิงเจ๋อทำถึงขนาดนี้เพราะมีจุดประสงค์อื่น จะเป็น… ต้องการกำจัดหลินสวินให้สิ้นซากหรือไม่!
“เฮ้อ ใครจะไปคิดว่าหลินสวินเด็กคนนี้เงียบหายไปนานครึ่งปี นี่เพิ่งปรากฏตัวก็ถูกชิงเจ๋อคนนี้จ้องเล่นงาน ก่อให้เกิดคลื่นลมโกลาหล ดีร้ายยากคาดเดานัก!”
“ยังดี ได้ยินว่าหลินสวินปฏิเสธการท้าดวลครั้งนี้ไปแล้ว ทั้งถ้อยคำยังตามสบาย บอกไปว่าไม่มีเวลาทะเลาะกับชิงเจ๋อ”
“ไม่ การท้าดวลครั้งนี้ดึงดูดความสนใจไปทั่วนครต้องห้ามแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากหลินสวินหดหัวเลี่ยงศึก คงไม่ได้เสียหน้าเขาแค่คนเดียว!”
เสียงการวิพากษ์วิจารณ์ทุกรูปแบบราวกับพายุพัดกระหน่ำทุกซอกมุมในนครต้องห้าม เพียงชั่วข้ามคืนเรื่องการท้าดวลระหว่างหลินสวินกับชิงเจ๋อก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาอันร้องแรงที่สุด เป็นเป้าสายตาของปวงชน
หลินสวินจะสู้ศึกหรือไม่กันแน่
ทุกผู้คนต่างกำลังใจจดใจจ่อ
……
บนยอดภูเขาชำระจิต
ทะเลหมอกลอยเอื่อย ไอหมอกแห่ห้อมภูผา ทิวทัศน์งดงาม
หลินสวินนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบายอารมณ์ เบื้องหน้ามีหินหยกสีดำขนาดมหึมาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ก้อนหนึ่ง หินหยกเปล่งประกายระยับ คละคลุ้งด้วยเกลียวคลื่นคลุมเครือแสนลึกลับ
และภายในหินหยก เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังเอนกายนอนอยู่เงียบๆ
เด็กน้อยสวมชุดคลุมสีดำ มีดวงหน้างดงามที่ทำให้ผู้คนแทบกลั้นหายใจ ความงามเช่นนั้นราวกับผลงานชิ้นเอกแห่งสวรรค์ เพียงพอจะทำให้ฟ้าดินมืดสลัวลงได้
นางนอนนิ่งอยู่ในหินหยก สองมือสอดประสานอยู่ตรงท้องน้อย ทำท่ามุทราประหลาดอย่างหนึ่ง ดวงตาปิดสนิท สีหน้าสงบนิ่ง ระหว่างที่หายใจเข้าออกแฝงจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ ประดุจจมสู่ห้วงนิทรานิรันดร์กาล
สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าแสงเรืองรองสีดำที่ดุจดั่งรัตติกาลนิรันดร์สายแล้วสายเล่าราวกับแสงพิรุณ ร่ายระบำอยู่รอบกายนาง
เด็กหญิงคนนี้ย่อมเป็นซย่าจื้อที่กำลัง ‘จุติ’ เป็นครั้งที่สอง
‘ก็ไม่รู้ว่าแม่นางน้อยคนนี้จะตื่นขึ้นมาเมื่อไร…’
เนิ่นนานกว่าหลินสวินจะละสายตากลับไป ถอนหายใจอยู่ในทรวง
วิชาลึกลับเย้ยฟ้าที่ซย่าจื้อฝึกฝนนั้นเรียกว่า ‘คัมภีร์จุตินพชาติ’ การตื่นขึ้นของพลังในทุกครั้งจะมาพร้อมการดับสูญหนึ่งครั้ง บังเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่จากจุดนั้นราวกับเป็นการกำเนิดใหม่
นี่เป็นการ ‘จุติ’ ครั้งที่สองของซย่าจื้อ เริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนที่หลินสวินจะไปทะเลกลืนวิญญาณแล้ว
ที่น่าเสียดายคือ จวบจนตอนนี้การ ‘จุติ’ ครั้งนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด เห็นได้ชัดว่ายืดยาวเกินไปแล้ว…
ท้ายที่สุดหลินสวินก็นำซย่าจื้อที่หลับใหลอยู่ในหินหยกสีดำมาวางไว้ในชั้นแรกของเจดีย์ไร้อักษรอย่างระมัดระวัง เขาตัดสินใจแล้ว ตอนที่มุ่งหน้าไปดินแดนรกร้างโบราณ เขาจะพาซย่าจื้อไปด้วยกัน
เนื่องจากตอนที่แม่นางน้อยคนนี้ตื่นจากการจุติ ความทรงจำก่อนหน้านี้จะถูกตัดขาดและกำจัดทิ้งไปจนสิ้นซาก สิ่งเดียวที่ยังจำได้ ก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
“นายน้อย เรื่องราวชักไม่เข้าทีแล้ว ชิงเจ๋อผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนนั้นมาด้วยตัวเองแล้ว ตอนนี้กำลังรออยู่นอกประตูภูเขาชำระจิตของพวกเราขอรับ!”
ไกลออกไป หลินจงวิ่งพรวดพราดมาอย่างกะทันหัน
…………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด