Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 455 สมบัติลับราหู

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 455 สมบัติลับราหู 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

พูดถึงน้ำเต้าเพลิงแดงทำให้หลินสวินนึกขึ้นได้ น้ำเต้านี้เป็นสมบัติโบราณที่มีที่มายิ่งใหญ่ ภายในมีหยดเลือดหัวใจของผู้ยิ่งใหญ่สมัยโบราณปิดผนึกอยู่ แฝงไว้ด้วยมรรควิถีลึกลับ ไม่อาจประเมินค่าได้
แม้จะบอกว่าสมบัติชิ้นนี้ควรจะเป็นของหลินสวินแต่แรก แต่ตอนนั้นการที่เหลียนเตี๋ยอีคืนของสิ่งนี้ให้เขาอย่างใจกว้าง ก็ถือเป็นมิตรภาพอย่างหนึ่ง
“ไอ้จิ้งจอกตาขาวเนรคุณ ถือว่าข้ามองคนผิด ต่อไปอย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก…”
ด้านข้างเหลียนเตี๋ยอียังคงด่าอย่างขึ้งโกรธ
“ขืนเจ้ายังด่าต่อ ข้าจะไม่ช่วยเจ้าแล้วนะ”
หลินสวินจ้องนางเขม็งแวบหนึ่ง
หญิงที่งดงามเย้ายวนปานนี้ อีกทั้งยังเป็นถึงผู้สืบทอดแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายา ฐานะไม่ธรรมดา ยามนี้กลับมาพึมพำก่นด่าตนเหมือนเด็กๆ ทำให้รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ
“เอ๋ เจ้าว่าอะไรนะ”
เหลียนเตี๋ยอีตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “อ๊า ข้าเข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าหนุ่มน้อยสุดหล่อจะรู้บุญคุณคนขนาดนี้”
จู่ๆ ตนกลายเป็นคนที่รู้บุญคุณคนซะแล้ว…
หลินสวินพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “รีบไปกันเถอะ”
“ใช่ๆๆ ออกจากที่นี่ก่อน เจ้าสารเลวพวกนั้นใกล้จะตามมาฆ่าแล้ว”
สีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันเดินเข้าส่วนลึกของหมอกสีเลือดหนาทึบไปพร้อมกับหลินสวิน
ฟึ่บๆๆๆ~~
พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน เสียงระลอกหนึ่งก็ดังทะลุอากาศมา เงาร่างมากมายปรากฏขึ้น
ลำแสงสายฟ้าสีครามคำราม แปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ผิวพรรณกระจ่าง นัยน์ตามีชีวิตชีวา รอบตัวมีกลิ่นอายสายฟ้าไหลหลั่งราวกับน้ำตก
หลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ นางมีพรสวรรค์ ‘กายหยกวิญญาณสายฟ้า’ อันโดดเด่น ความสามารถยากจะคาดเดา มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว
“นางหนีไปได้อีกแล้ว”
หลิงจื่อนั่วขมวดคิ้ว ประกายสายฟ้าไหลวนภายในนัยน์ตา
“ยังหนีไปได้ไม่ไกล”
อีกด้าน นักพรตน้อยคนหนึ่งปรากฏตัว แบกกระบี่โบราณลายสนไว้กลางหลัง ในขณะกวาดสายตา ปรากฏลายลึกลับสีทองอร่าม ไอสมบัติรอบตัวเขาแผ่กระจาย ดูโดดเด่นอย่างบอกไม่ถูก
เป็นอวิ๋นเคอผู้สืบทอดสำนักกระบี่แรกวิญญาณ บุคคลผู้โดดเด่นที่ได้รับการสืบทอดวิชาลับของลัทธิเต๋า
“แต่ถูกต้อง นางเคยสัมผัสกับมนุษย์ที่นี่ มีกลิ่นอายผิดปกติอยู่ในอากาศ”
เงาร่างลิงมายาตัวหนึ่งปรากฏ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคนหนุ่มในชุดคลุมดำผิวคล้ำเข้ม นัยน์ตาสีแดง เขาสูดจมูกเบาๆ พลันขมวดคิ้วพูด “กลิ่นอายนี้ไม่ใช่ของเถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดสำนักสงัดดารา และไม่ใช่ของไป๋อวี่เทพสังหารน้อยแห่งตระกูลปราบมาร”
“เช่นนั้นเป็นใครกัน คงไม่ใช่ผู้ช่วยของเหลียนเตี๋ยอีหรอกนะ”
ดวงตาของอวิ๋นเคอราบเรียบ
“ไม่ใช่ผู้สืบทอดในสำนักโบราณ เพราะข้าจำกลิ่นอายของพวกเขาได้ แต่นี่เป็นกลิ่นอายที่พิเศษมาก พลังชีวิตพลุ่งพล่าน น่าทึ่งมาก”
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในตัวหยวนจั้นพลุ่งพล่าน ราวกับอสูรมารพญาลิงผู้ยิ่งใหญ่ เลือดลมเดือดพล่าน เพียงกลิ่นอายเดียวก็ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าบุคคลลึกลับที่สัมผัสกับเหลียนเตี๋ยอีต้องพิเศษมาก!
“หืม แม่นางหลิงเจ้าจะไปไหน”
อวิ๋นเคอสังเกตเห็นว่า เงาร่างของหลิงจื่อนั่วหายไปในส่วนลึกของหมอกหนา
“ไปฆ่าอสูรมารสาวคนนั้น ชิงสมบัติลับราหูกลับมา!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เงาร่างของหลิงจื่อนั่วก็แวบหายไปแล้ว
“หึ ข้าว่าแล้วเชียว หลิงจื่อนั่วนิสัยสันโดษเย่อหยิ่ง ไปไหนมาไหนตามลำพัง จะเคลื่อนไหวพร้อมกับนางเห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้”
หยวนจั้นส่ายหน้า น้ำเสียงเผยความไม่พอใจกับนิสัยเอาแต่ใจของหลิงจื่อนั่วเต็มประดา
“ใครใช้ให้พลังต่อสู้ของนางไม่มีใครเทียบ ทั้งยังมีพรสวรรค์กายหยกวิญญาณสายฟ้า ในแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้ ก็มีเพียงนางเท่านั้นแหละที่ไม่เกรงกลัวคำสาปชั่วร้าย”
อวิ๋นเคอถอนหายใจเบาๆ เป็นอัจฉริยะผู้โดดเด่นในแดนวิญญาณโบราณเหมือนกัน แต่หลิงจื่อนั่วกลับทำให้เขาไม่อาจไม่ระวังตัว ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว นิสัยยังเย็นชา ฉลาดหลักแหลม โดดเด่นเหนือคนธรรมดา กวาดทุกตำแหน่ง แข็งแกร่งอย่างที่สุด
“เจ้าจมูกโคน้อย หยุดพูดมากได้แล้ว คราวนี้นอกจากพวกเราที่ตามฆ่าอสูรมารสาวนั่นแล้ว ยังมีผู้สืบทอดจากสำนักโบราณอีกมากมาย ล้วนปรารถนาสมบัติลับราหู จะต้องเกิดศึกนองเลือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขืนยังพูดมาก อย่าว่าแต่กินเนื้อเลย น้ำสักคำก็คงไม่ได้ดื่ม!”
หยวนจั้นพูดอย่างเหลืออด
“อ้อ งั้นไปกันเถอะ”
อวิ๋นเคอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วทะยานออกไป
“ให้ตาย รอให้ได้สมบัติลับราหูมาก่อน ต้องหาโอกาสกำจัดเจ้าจมูกโคน้อยนั่นด้วย จะได้ไม่ถูกนินทาว่าข้าผู้สืบทอดสำนักเทพโลหิตมาพัวพันกับพวกนักพรต…”
หยวนจั้นพึมพำก่อนจะตามไป
โครม! โครม! โครม!
พวกเขาจากไปได้ไม่นาน แผ่นดินพลันสั่นสะเทือนดุจฟ้าผ่า เงาร่างหนึ่งย่างสามขุมออกจากหมอกสีเลือด สูงใหญ่แข็งแกร่งราวกับภูเขา เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อประหนึ่งสร้างด้วยสัมฤทธิ์ สาดประกายแสงวิญญาณ
เขาแบกกระบองเหล็กสีดำไว้บนบ่า ทุกย่างก้าวราวกับภูเขากำลังเคลื่อนที่ อานุภาพชวนตะลึง
เถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดแห่งสำนักสงัดดารา!
หลังจากมาถึงที่นี่ สายตาของเขาก็กวาดมองรอบๆ อย่างเงียบเชียบ แล้วพลันพุ่งไปข้างหน้าต่อราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง
เส้นทางมุ่งไปเหมือนกับพวกหลิงจื่อนั่ว อวิ๋นเคอ หยวนจั้นไม่มีผิด
“หึ อสูรมารสาวสมควรตาย กล้าขโมยสมบัติลับราหูที่ควรเป็นของข้า!”
ไม่นานเงาร่างอีกเงาก็โฉบเข้ามา เป็นชายในชุดเกราะสีทอง ในมือถือหอก สีหน้าอาฆาตเย็นชา
ผู้สืบทอดแห่งตระกูลปราบมารไป๋อวี่!
จากนั้นภายในภูเขาลึกน่ากลัวที่เงียบเชียบราวป่าช้าแห่งนี้ ก็มีกลุ่มผู้ฝึกปราณทยอยกันเข้ามา ล้วนมาจากสำนักโบราณ และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งสิ้น
อีกทั้งยังมีหลายคนพาข้ารับใช้ระดับหยั่งสัจจะมาด้วย ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำลายความเงียบสงบของแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้
ทั้งหมดล้วนมาเพราะสมบัติลับราหูอันลึกลับ!
……
“ใครตามฆ่าเจ้ากันแน่”
“อ้อ ขอข้านับก่อนนะ หลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน หยวนเคอ หนานกงชิง หยวนจั้น เฟิงเซี่ยวเป่ย… โอ๊ย เยอะเกินไป นับไม่ไหวแล้ว!”
ท่ามกลางหมอกสีเลือดที่คละคลุ้ง หลินสวินและเหลียนเตี๋ยเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพลางพูดคุยกัน
พอรู้ว่าคนที่ตามฆ่าเหลียนเตี๋ยอีมีมากมายขนาดนี้ หลินสวินก็อดอึ้งไม่ได้ เอ่ยว่า “เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่อะไรไว้ ถึงได้ทำให้คนมากมายขนาดนี้ตามฆ่าเจ้า”
เหลียนเตี๋ยอีถอนหายใจเบาๆ กล่าว “เฮ้อ คนไร้ความผิด ผิดที่ถือครองหยก ข้าเพียงแย่งสมบัติมาได้ชิ้นหนึ่งเท่านั้น พวกเขาก็โกรธจนคลั่งจะชิงสมบัติของข้า เอาชีวิตข้า เจ้าลองคิดดูว่ารังแกกันเช่นนี้ได้อย่างไร”
นางกัดริมฝีปากแดงอวบอิ่ม เผยให้เห็นฟันขาวเล็กน้อย แววตาแฝงความขึ้งโกรธ ดวงหน้างดงามดูน้อยใจ
หลินสวินไม่หลงกลนาง ขมวดคิ้วพูด “ถ้าเจ้ายังไม่ยอมพูดความจริง อย่าโทษที่ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่”
เหลียนเตี๋ยอีรีบพูดว่า “หนุ่มน้อยสุดหล่อ สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมด เพียงแต่…เพียงแต่สมบัติที่ข้าแย่งมาค่อนข้างพิเศษก็เท่านั้น”
หลินสวินรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้!
เขาอดสงสัยไม่ได้ สามารถทำให้ทุกคนโกรธได้ สมบัติที่ทำให้ผู้กล้าที่มีชื่อเสียงมากมายไล่ตามไม่ยอมห่าง ที่แท้เป็นสิ่งใดกันแน่
“ข้าพูดไปแล้ว เจ้าอย่าได้คิดโลภอยากได้ขึ้นมาเชียว”
เหลียนเตี๋ยอีจ้องหลินสวินเขม็งเหมือนเป็นการเตือน ทว่าครู่ต่อมานางก็เอ่ยว่า “แน่นอนว่าหากเราร่วมมือกัน และสามารถหลุดพ้นการตามฆ่าครั้งนี้ได้ ข้าจะแบ่งปันความลี้ลับของสมบัตินี้กับเจ้า”
นี่เป็นการโน้มน้าวอย่างหนึ่ง
หลินสวินหมุนตัวแยกออกไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ถึงขนาดนี้แล้วยังจะเสนอเงื่อนไขกับเขา คิดว่าเพื่อสมบัติชิ้นหนึ่ง เขาหลินสวินจะยอมเป็นปรปักษ์กับเหล่ายอดฝีมือผู้กล้างั้นหรือ
“นี่ๆๆ หนุ่มน้อยสุดหล่อ เจ้าไร้เยื่อใยเกินไปหรือเปล่า”
“นี่ เจ้าไปจริงๆ หรือ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ได้ๆๆ เจ้ากลับมา ข้าผิดไปแล้วพอใจหรือยัง เจ้าอยากรู้อะไรข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง”
สุดท้ายเหลียนเตี๋ยอีก็มอบความจริงใจ คายความลับหลายอย่างออกมากว่าจะเกลี้ยกล่อมหลินสวินให้กลับมาได้สำเร็จ ทำให้นางโมโหจนกัดฟัน อยากจะกัดหลินสวินสักคำ
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงหลงใหลความงดงามไร้ที่เปรียบของนางไปตั้งนานแล้ว ก้มหัวยอมแพ้ ว่านอนสอนง่าย แต่หลินสวินกลับดีนัก วิธีเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาเลย
หลินสวินคร้านจะสนใจว่านางคิดอย่างไร เมื่อได้ยินคำพูดของเหลียนเตี๋ยอี ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดยอดฝีมือมากมายถึงตามฆ่าเหลียนเตี๋ยอีอย่างไม่ยอมลดละเช่นนี้
ที่แท้สมบัติที่นางแย่งมาก็คือเขาเดี่ยวอันหนึ่ง เป็นของราชาอสูรมารราหูในสมัยโบราณ ภายในมีความลับอันน่าทึ่งซ่อนอยู่ หากสามารถคลี่คลายได้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะได้รับมรดกชั้นยอดของราชาอสูรมารราหู!
นี่ทำให้หลินสวินตกใจเช่นกัน วิชาลับที่สืบทอดมาแต่โบราณ ทั้งยังเป็นมรดกของราชาอสูรมาร แค่คิดก็รู้ว่าจะสะเทือนโลกเพียงใด
และในแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้ ก็คือสถานที่ที่ราชาอสูรมารราหูสิ้นชีพ เล่ากันว่าในสมัยโบราณเคยเกิดสงครามระหว่างเทพขึ้น ณ ที่แห่งนี้ มีบุคคลยิ่งใหญ่มากมายล้อมปราบราชาอสูรมารราหูที่นี่ สุดท้ายเหล่าเทพตายกันเกลื่อน ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นที่ฝังกระดูกอันน่าสะพรึงกลัว
เขาเดี่ยวราหูชิ้นนั้นปรากฏขึ้นที่นี่ ดึงดูดให้บุคคลชั้นยอดมากมายลงมือ แต่สุดท้ายกลับถูกเหลียนเตี๋ยอีชิงมา
เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว หลินสวินก็ได้รู้จักเหลียนเตี๋ยอีใหม่อีกครั้ง นางสามารถชิงสมบัติหนีการล้อมโจมตีของทุกคนได้ เห็นได้ชัดว่าความสามารถแข็งแกร่งเพียงใด
“เจ้าคิดไม่ซื่อกับข้าได้ แต่ห้ามคิดไม่ซื่อกับเขาเดี่ยวนี่เด็ดขาด”
เห็นหลินสวินเงียบ เหลียนเตี๋ยอีก็อดระแวงไม่ได้
“เพียงแค่เขาเดี่ยวข้างหนึ่งเท่านั้น ยังไม่แน่ว่าภายในมีมรดกจริงหรือเปล่า ข้าคร้านจะแย่งกับเจ้า”
หลินสวินยิ้มพูด “แน่นอนว่าหากเจ้ายินดีแบ่งปันความลับกับข้า ข้าเองก็ไม่ปฏิเสธ”
เหลียนเตี๋ยอีเองก็ยิ้ม ยิ้มอย่างงดงามตราตรึง ยั่วยวนน่าดึงดูด พลันพูดอย่างหยาดเยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว หลังผ่านวิกฤตครั้งนี้ข้ายังจะให้โอกาสเจ้าจีบข้าด้วยนะ นี่คือวาสนาที่คนอื่นๆ แย่งกันหัวแทบแตกยังไม่ได้เลยนะ”
ผมของนางราวน้ำตก ดวงตาคู่โตมีชีวิตชีวา ริมฝีปากแดงดั่งไฟ รูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติ ยามเอ่ยวาจาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยอกเย้า ยั่วยวนมากเป็นพิเศษ เป็นตัวตนอันงดงามไม่มีใครเทียบตัวเป็นๆ เลยเชียว
ทว่าหลินสวินกลับเมินสิ่งเหล่านี้ พูดอย่างเรียบเฉย “เจ้าเก็บโอกาสของเจ้าไว้เถอะ ข้าไม่สนใจในตัวเจ้า”
เหลียนเตี๋ยอีเอ่ยอย่างแปลกใจ “หรือเจ้าชอบผู้ชาย? ความชอบนี้พิเศษมาก หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าสามารถแนะนำผู้ชายหล่อๆ ให้เจ้าได้ แต่ละคนสุดยอดทั้งนั้นเลยนะ”
หลินสวินใบหน้าอึมครึมทันที “อยากให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่”
คราวนี้เหลียนเตี๋ยอีหุบปากตามคาด
ระหว่างที่มุ่งไปข้างหน้า ทั้งสองพูดคุยกันเป็นระยะๆ ไม่ถือว่าเงียบเหงา เพียงแต่ไม่นานสีหน้าของหลินสวินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าในส่วนลึกของหมอกสีเลือดนั้น กำลังจะเกิดเรื่องน่าสะพรึงอย่างที่สุด
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้างหน้าเป็นสถานที่ใด”
หลินสวินถาม
เหลียนเตี๋ยอีงงงัน “ไม่รู้”
มุมปากของหลินสวินกระตุกอย่างยากจะสังเกตเห็นคราหนึ่ง เดิมเขานึกว่าในเมื่อเหลียนเตี๋ยอีสามารถเล่าที่มาของ ‘แดนโบราณโลหิตร้าง’ ได้ ย่อมต้องคุ้นเคยกับที่แห่งนี้เป็นอย่างดี
ใครจะคิดว่าผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้!
ฉึก!
และในขณะนั้นเอง ท่ามกลางหมอกสีเลือดจู่ๆ ก็มีแสงสีดำประหลาดปรากฏขึ้น พุ่งเข้ามาแทงตรงหว่างคิ้วของหลินสวินฉับพลันราวกับดาบสายฟ้า!
——

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด