Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 926 ตามฆ่าและโต้กลับ
ลมโชยอ่อน เมฆเบาบาง หมู่เขางามเด่นด้านหนึ่งของน้ำตกในหุบเขา หลินสวินนั่งขัดสมาธิ พลังขับเคลื่อนรอบกายดังโครมคราม ตัวเขาอาบชโลมท่ามกลางรัศมีกระจ่างราวภาพนิมิตสำหรับหลินสวินแล้ว เรียกได้ว่าได้รับประโยชน์มากมายจากเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ก่อนอื่นก็ได้เรียนรู้วิชามรรคชั้นเลิศอย่างวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิง ได้หยั่งรู้มหามรรคแห่งไฟ จากนั้นก็ได้ทะลวงขีดจำกัดในเขตขีดจำกัด ได้รับขวดมหามรรคไร้ขอบเขตอีกด้วยเหนือทะเลปรวนแปร เขาก็บรรลุระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลาง…ในด่านจุดโคมวิญญาณ จิตวิญญาณทะลวงระดับ เข้าสู่ระดับดอกเทพรวมยอด…ในป่าศิลาแจ้งมรรค พบเจอความเร้นลับในชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิน ครอบครองมรรคดับดารากลืนกินที่หาได้ยากนับแต่อดีตถึงปัจจุบันก่อนหน้าแท่นมรรค ได้ฟังเสียงแห่งธรรมมหามรรค พิสูจน์มกุฎมรรคานานาชนิดทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทำความเข้าใจและเปรียบเทียบ จัดระเบียบและเติมเต็มมรรคาของตนเอง รู้แจ้งถึงแก่นแท้ของ ‘ไตรวิถีมกุฎ’…กระทั่งเหยียบย่างลงบนยอดแท่นมรรค ประลองกับอวี่หลิงคง ผ่านการประหัตประหารนองเลือดอันยากเข็ญและอันตรายครั้งหนึ่ง ก็ทำให้หลินสวินหยั่งรู้มากมายในระหว่างต่อสู้สิ่งที่ได้รับและหยั่งรู้ทั้งหมดนี้ ย่อมเรียกได้ว่าเป็นมหาศุภโชคที่หายากไร้สิ่งใดเทียบเทียมครั้งหนึ่ง แม้จะช่วงชิงระฆังมหามรรคไร้กฎใบนั้นมาครองไม่ได้ เขาก็ไม่เสียใจแต่อย่างใด‘รอเมื่อข้าแปรสภาพการหยั่งรู้และสิ่งที่ได้รับเหล่านี้เป็นของตนโดยสมบูรณ์ ย่อมสามารถไปถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับกระบวนแปรจุติแน่!’ในใจหลินสวินบังเกิดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าเมื่อเวลานั้นมาถึง ก็หมายความว่าเขาได้เหยียบย่างลงบนจุดสูงสุดแห่ง ‘ระดับพลังปราณทั้งห้า’ เรียกได้ว่าสมบูรณ์พร้อมห้าระดับ!และก้าวต่อไป ก็เป็นระดับราชันที่ก้าวล้ำเหนือระดับทั้งห้า!‘หญิงสาวลึกลับที่อยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์ผู้นั้นเคยกล่าวไว้ว่า มหาสงครามจะต้องมาเยือนภายในสามปี คิดจะพิสูจน์วิถีแห่งระดับมกุฎราชันที่ไม่เคยมีมาก่อน ต้องทำให้พลังปราณในกายสมบูรณ์ถึงขีดสุดไว้ก่อน…’‘ขอเพียงไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เวลาก็น่าจะเพียงพอ’หลินสวินฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปพลาง ใคร่ครวญไตร่ตรองไปพลาง……สองชั่วยามผ่านไปหลินสวินฟื้นขึ้นจากการนั่งสมาธิ อาการบาดเจ็บทั่วกายฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ แม้แต่พลังปราณก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก พลังเอ่อล้นพรั่งพรูราวเหวดุจนรกสวบ!ยามเขาลืมตา ในนัยน์ตาดำฉายแววเย็นเยียบลึกล้ำราวเหวลึก น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ ทำให้ห้วงอากาศใกล้เคียงส่งเสียงหวีดร้องคล้ายรับไว้ไม่ไหวไป๋หลิงซีตื่นขึ้นจาการเข้าฌานอยู่ก่อนแล้ว กำลังอาบน้ำแต่งตัวหน้าน้ำตก และเปลี่ยนอาภรณ์สีขาวเปื้อนเลือดทั้งตัวไปเมื่อสังเกตเห็นว่าหลินสวินฟื้นขึ้นมา ในใจนางก็อดไม่ได้ร้องอุทานออกมา พลังปราณของหมอนี่แข็งแกร่งขึ้นมากนัก เห็นได้ชัดว่าได้รับอะไรมาไม่น้อยในขณะเดียวกันหลินสวินก็อึ้งไปเช่นกันไป๋หลิงซีในตอนนี้อยู่ในอาภรณ์ขาวปลอด ไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลีทั้งชุด ใบหน้ากระจ่างใสเพริศพริ้ง ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ผมดำขลับเพิ่งสระเสร็จ ยังคงความชื้นเล็กน้อย เกล้าผมเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย ทำให้ตัวนางมีกลิ่นอายแช่มช้าและสดชื่นเพิ่มขึ้นมานางยืนอยู่ที่นั่น เงาร่างราวบัวกระจ่างต้นหนึ่ง แขนเสื้อปลิวไสว คิ้วตาราวภาพเขียน งดงามสดใสเหนือธรรมดา“ทำไมหรือ” ไป๋หลิงซีเดินมา“ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยค้นพบมาก่อนเลยว่า ที่แท้เจ้าก็งดงามเช่นนี้” หลินสวินยิ้มพลางหยอกเย้าไป๋หลิงซีเงียบไปเนตรดาราของนางกลอกหมุน ริมฝีปากแดงเม้มเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าอย่าชอบข้าเด็ดขาด หาไม่แล้วเด็กสาวที่ราวเทพคนนั้นจะต้องมองข้าเป็นศัตรูและเพ่งเล็งข้าแน่”หลินสวินอึ้งงันกว่าจะมีปฏิกิริยากลับมา คนที่นางพูดถึงคือซย่าจื้อ เพียงแต่ ซย่าจื้อคงไม่ได้เป็นขนาดนั้นหรอกกระมัง…ทั้งสองพูดคุยกันพลาง เคลื่อนกายไปยังที่ไกลออกไประหว่างทางหลินสวินพบอสูรมารในเขาตนหนึ่ง จากการสอบถามถึงได้รู้ว่าที่นี่คือเทือกเขามุกวิญญาณ ตั้งอยู่ที่แถบตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นต้าฉิน ห่างจากตำแหน่งของเขาพยับครามไกลถึงหลายหมื่นลี้“ตอนนี้เทศกาลโคมกถามรรคคงจบไปนานแล้วกระมัง” ไป๋หลิงซีกล่าวหลินสวินพยักหน้า เรื่องนี้แน่ใจได้ ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ต้องกังวลก็คือ หลังจากพบว่าตนหายไปแล้ว จะถูกศัตรูหาพบหรือไม่อย่างขุมอำนาจสำนักเก่าแก่เหล่านั้น ถ้าคิดจะหาคนสักคนหนึ่งช่างง่ายดายยิ่งนัก เพียงอาศัยกลิ่นอายที่ตนเหลือทิ้งไว้บ้างก็ทำให้พวกเขาตามหาได้หือ?ในตอนที่หลินสวินเพิ่งคิดถึงตรงนี้ พลันสังเกตเห็นความผิดปกติได้เสี้ยวหนึ่งภายใต้จิตรับรู้ที่ปกคลุมของของเขา เหนือห้วงอากาศไกลลิบกำลังมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งใช้รุ้งเทพเคลื่อนที่มาความเร็วของพวกเขาไม่ได้รวดเร็ว ตลอดทางเหมือนกำลังเสาะหาอะไรบางอย่าง ลาดตระเวนอยู่เหนือหมู่เขา“เป็นพวกเขา!”ดวงตาสีดำของหลินสวินหรี่ลง หลังจากพลังจิตวิญญาณของเขาบรรลุระดับดอกเทพรวมยอด ก็แปรเปลี่ยนเป็นมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น แม้ว่าจะห่างกันไกล แต่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนดังเดิมว่าเงาร่างเหล่านั้นมี ‘คนคุ้นเคยเก่าๆ’ อยู่สองสามคนเซี่ยอวี้ถัง จั๋วขวงหลัน… ทั้งยังมีชิงเหลียนเอ๋อร์!ส่วนข้างกายพวกเขาก็มีผู้ยิ่งใหญ่กลิ่นอายแก่กล้าถึงที่สุดตามมาติดๆ ทั้งคชสารมังกรหยกดำ หงส์เขียว สิงห์อสนีหยกขาว…น่าตื่นตระหนกนัก!“ถูกเจ้าอันธพาลเฒ่านั่นทายถูกจริงๆ ด้วย”หลินสวินไม่ได้ลังเล ลากตัวไป๋หลิงซีพลางสำแดงวิชาไอซวนหนีกำบังกายพวกเขา หายลับไปจากที่เดิมในทันใด……“อยู่ที่นี่!”ไม่นานนักผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งก็มาพร้อมกับไอสังหารพลุ่งพล่าน อานุภาพที่แผ่กระจายออกมาจากร่าง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่จำศีลอยู่ในหมู่เขาต่างตัวสั่นงันงก หมอบลงไปกับพื้น“ในที่สุดก็หาเจอแล้ว ที่นี่มีกลิ่นอายของไอ้หมอนั่นหลงเหลืออยู่!”หน้าน้ำตกในหุบเขา เซี่ยอวี้ถังร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น“ไม่ผิด มันเคยหยุดพักที่นี่ช่วงหนึ่ง และจากการประเมินของ ‘เข็มเทพราหู’ มันน่าจะจากไปได้ไม่นาน”จั๋วขวงหลันสีหน้าอึมครึม เขาถือกระดองเต่าสีขาวรูปแปดเหลี่ยมแผ่นหนึ่งไว้ในมือ บนพื้นผิวของกระดองเต่านั้นมีเส้นสายสีทองพันพัว รวมตัวเป็นรอยสลักลึกลับรอยหนึ่งตรงกลางของรอยสลักมีเข็มสีดำเรียวเล็กลี้ลับเล่มหนึ่งลอยตัวอยู่ กำลังสั่นไหวดังวู้มๆ“แน่ใจหรือ”ชิงเหลียนเอ๋อร์ถาม ใบหน้างามของนางซีดขาวไร้สี พลังปราณอ่อนแอถึงที่สุด ลมหายใจรวยริน แต่สีหน้ากลับอาฆาตแค้นหาใดเทียบเมื่อเทศกาลโคมกถามรรคจบลง พอนางได้ยินว่าหลินสวินหลบหนีออกไปก่อนแล้วก็แค้นจนกัดฟันกรอด ดังนั้นคราวนี้จึงเข้าร่วมการตามฆ่าหลินสวินโดยไม่ลังเลนางต้องการเห็นกับตาตัวเองว่าเขาจะถูกฆ่าเช่นไร!ผู้ที่รวมตัวเคลื่อนไหวคราวนี้มีบุคคลระดับราชันกึ่งระดับถึงสิบกว่าคน ส่วนหนึ่งมาจากเหล่าสำนักและตระกูลเก่าแก่อย่างเผ่าหงส์เขียว สำนักกระบี่โผผิน อารามพรางมรกต ตระกูลจงหลีพวกเขาล้วนมาเพื่อแก้แค้นราชันกึ่งระดับอีกส่วนหนึ่ง กลับมาฆ่าหลินสวินเพื่อชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขาโดยเฉพาะ ที่มาของพวกเขาซับซ้อน มีทั้งผู้ฝึกปราณอิสระที่เดินทางไปทั่วดินแดนแถบหนึ่ง และคนใหญ่คนโตที่มาจากขุมอำนาจใหญ่กลุ่มอื่นดังนั้นชิงเหลียนเอ๋อร์จึงมั่นใจมากว่า ถ้าคราวนี้หาร่องรอยของหลินสวินพบ อีกฝ่ายย่อมหลบหนีเคราะห์ภัยได้ยาก!“เจ้าเด็กนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงกับหนีรอดออกมาจากเทศกาลโคมธรรมกถามรรคได้ก่อน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” มีคนใหญ่คนโตทอดถอนใจ“หึ ต่อให้ยอดเยี่ยมกว่านี้มันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั้งตัว ที่ต้องกลัวเพียงอย่างเดียวก็คือเด็กสาวลึกลับที่อยู่ข้างกายมันผู้นั้น ถ้าไม่ได้เป็นเช่นนี้ จะต้องให้พวกเราร่วมกันลงมือทำไม”คชสารมังกรหยกดำกล่าวเสียงอู้อี้ ร่างกายใหญ่โตราวขุนเขาของเขาเคลื่อนไปเหนือห้วงอากาศ ให้ความรู้สึกกดดันน่าหวาดหวั่น“จะรอช้าไม่ได้ รีบลงมือเถอะ เทศกาลโคมธรรมกถามรรคครั้งนี้จบลง ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเพียงไหนหมายหัวเทพมารหลินผู้นี้ ไม่เพียงแต่พวกเรา ยังมีคนใหญ่คนโตอีกมากเริ่มเคลื่อนไหวตามหาที่อยู่ของเจ้าเด็กนั่น ในเวลาเช่นนี้จะให้คนอื่นชิงไปก่อนไม่ได้เด็ดขาด!”สิงห์อสนีหยกขาวที่มาจากอารามพรางมรกตคำรามเสียงดัง ดูร้อนรนนักทุกคนสะท้านไหว ต่างรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหา การสังหารหลินสวินผู้นั้นอาจจะไม่เป็นปัญหา แต่คิดจะฆ่าเขาเป็นคนแรก กลับต้องแข่งกับเวลา ชิงตัดหน้าคนอื่น“ไป!”พวกเขาไม่ร่ำไร ออกเคลื่อนไหวทันที……“นี่เจ้าจะโต้กลับหรือ”เมฆลอยสูงขึ้นและก่อตัวกันช้าๆ ตรงหน้าภูเขาใหญ่ที่งดงามผิดธรรมดาลูกหนึ่ง ไป๋หลิงซีถามอย่างประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อมาถึงที่นี่หลินสวินก็ไม่หนีแล้ว กลับเริ่มกุลีกุจอนำธงกระบวนมากมายออกมา เงาร่างวูบไหวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงภูเขาลูกนี้ตลอดเห็นได้ชัดว่าเขากำลังวางค่ายกล“ไม่เห็นหรือ พวกเขาไม่คิดจะรามือ ถ้าไม่ฆ่าพวกเขาให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง ภายหน้าจะยิ่งเกิดเรื่องทำนองนี้มากขึ้น”หลินสวินไม่แม้แต่จะหันหน้ามา ยุ่งวุ่นวายพลางเอ่ยปากในมือเขามีกระบวนผนึกมรรคราชันชุดหนึ่ง เป็นสิ่งที่ชิงมาจากมือชิงเหลียนเอ๋อร์ ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์ แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจจะเอามาใช้งานสักหน่อย!พูดขึ้นมาก็น่าแค้นใจ ในเทศกาลโคมกถามรรคนั้น เขาถูกบุคคลแห่งยุคที่เรียกขานกันมากมายเพ่งเล็งและเล่นงานมาโดยตลอด เขายังไม่ได้ไปคิดบัญชีกับพวกเขาเป็นรายตัวเลย เจ้าพวกนั้นกลับเฮโลมาตามฆ่าเขาอีก นี่จะรังแกกันเกินไปแล้วภูเขาใหญ่ตรงหน้านี้อุดมไปด้วยสายแร่แกนวิญญาณมากมาย เป็นสถานที่วางค่ายกลที่ดีที่สุดที่หลินสวินใช้นัยน์ตาเฉาเฟิงหาได้ที่สำคัญที่สุดก็คือ ใช้สายแร่แกนวิญญาณในภูเขาสนับสนุน ทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแกนวิญญาณโดยสิ้นเชิง ก็สามารถโคจรกระบวนผนึกมรรคราชันนี้ขึ้นมาได้โดยสมบูรณ์!“ทำได้จริงหรือ” ไป๋หลิงซีกังวลใจอยู่บ้าง“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้ายังเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งด้วย” หลินสวินพูดพลางยิ้ม “ถ้าไม่กำจัดพวกเขาให้หมด ความสามารถด้านศาสตร์สลักรอยวิญญาณของข้านี้คงเรียนมาเสียเปล่าแล้ว”ทันใดนั้นไป๋หลิงซีก็ยิ้ม นึกถึงเรื่องใหญ่โตสั่นสะเทือนบางเรื่องที่หลินสวินเคยก่อยามอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าขึ้นมาได้ จิตใจจึงสงบลงมากกระทั่งว่านางออกจะตั้งตารอให้ศัตรูเหล่านั้นปรากฏตัวเร็วขึ้นหน่อย…วิ้ง!ไม่นานนัก ทั้งด้านบนและด้านล่างของภูเขาบังเกิดคลื่นต้องห้ามพร่าเลือนลี้ลับระลอกหนึ่งโดยพลัน ส่องแสงไหววูบสุกสกาวราวกระแสวารี พลังพุ่งทะลุเมฆา มหัศจรรย์เหนือธรรมดา“สำเร็จแล้ว!”หลินสวินมือหนึ่งถือธงกระบวน อีกมือทำมุทรา เมื่อความคิดไหวเคลื่อน ทันใดนั้นปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภูเขาลูกนี้ก็มลายหายไปสิ้น คืนสู่สภาพเดิม ขนาดร่องรอยต้องห้ามสักนิดยังไม่พบไป๋หลิงซีชื่นชมในใจ ความเชี่ยนชาญในศาสตร์สลักรอยวิญญาณนี้เหนือกว่าพวกชิงเหลียนเอ๋อร์จนไม่รู้จะเทียบอย่างไรตอนพวกเขาใช้ค่ายกลนี้มาต่อกรหลินสวินบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ก็ไม่ได้เกิดความเคลื่อนไหวและปรากฏการณ์ประหลาดอัศจรรย์เช่นนี้“ไปเถอะ”หลินสวินปาดเหงื่อที่อยู่บนศีรษะราวยกภูเขาออกจากอก พาไป๋หลิงซีเดินเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาลูกนี้ไปด้วยกันเขาใช้ความรู้ความสามารถหมดสิ้นเพื่อวางค่ายกลนี้ เมื่อครู่จึงเสียพละกำลังทั้งกายใจไปมากแต่ผลลัพธ์ยังถือว่าทำให้หลินสวินพอใจ ที่เหลือก็คือรอศัตรูมาติดร่างแหอย่างใจเย็นแล้ว“ที่นี่ล่ะ คราวนี้มันไม่ได้หนีไป แต่หลบอยู่ในภูเขานี้ นี่เป็นโอกาสงามที่พวกเราจะฆ่ามันพอดี!”ไม่นานนัก พวกชิงเหลียนเอ๋อร์ จั๋วขวงหลัน เซี่ยอวี้ถัง กับราชันกึ่งระดับกลุ่มหนึ่งก็มาถึงที่นี่อย่างมืดฟ้ามัวดินราวเมฆครึ้ม——
คอมเม้นต์