Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 925 รุ่งเรืองเสื่อมถอยเวียนวน
นอกเขาพยับคราม“อวี่หลิงคงตายแล้ว!”เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ความคิดแรกของผู้ฝึกปราณทุกคนก็คือ ข่าวเท็จ!คนผู้นั้นเป็นถึงบุคคลแห่งยุคของแดนพิสุทธิ์อมตะในแดนกาฬทักษิณ มีชาติกำเนิดจากตระกูลอริยะ ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแดนกาฬทักษิณนานแล้ว ความสามารถเข้มแข็งโดดเด่นเหนือคนรุ่นเดียวกันคนเช่นนี้เหตุใดถึงถูกฆ่าตายได้แต่ยิ่งข่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของอวี่หลิงคงกระจายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้ฝึกปราณยิ่งเงียบเชียบ สีหน้าผันแปรไม่ว่างเว้น ในใจมีคลื่นความตระหนกซัดสาดประหนึ่งอสนีบาตสะเทือนเลือนลั่นโครมครามแม้แต่เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างท่านย่ากระเรียนทอง ตอนนี้ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงเทพมารหลินคนนั้น แข็งแกร่งปานนี้จริงหรือถ้าอวี่หลิงคงถูกเขาฆ่าจริง เช่นนั้นในรุ่นเดียวกันพลังปราณของเขาจะถึงขั้นไหนแล้ว“ตำหนักอมตะก็ไร้ประโยชน์ มันถูกเจดีย์สมบัติลี้ลับองค์หนึ่งในมือเทพมารหลินตรึงไว้ ไม่อาจทำให้อวี่หลิงคงโต้กลับ”เมื่อได้ข่าวเช่นนี้ ความรู้สึกของเหล่าผู้ฝึกปราณก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเสียแล้ว ในความสั่นสะท้านมีความงุนงงที่ไม่อาจควบคุมได้อยู่ด้วยเทพมารหลินผู้นั้นครอบครองสมบัติอริยะตามข่าวลือจริงๆ เสียด้วย!อีกทั้งยังไม่ใช่สมบัติอริยะทั่วไป หาไม่แล้วจะต่อกรกับยอดสมบัติอริยมรรคอย่างตำหนักอมตะได้อย่างไรเด็กหนุ่มที่มาจากโลกเบื้องล่างผู้หนึ่ง กลับสร้างคลื่นลมผันผวนแก่แดนฐิติประจิม ก้าวหน้าคว้าชัย สะเทือนผู้คนในโลกหล้าครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งปีเขาไร้ที่พึ่งพิง หัวเดียวกระเทียมลีบ แต่กลับฟันฝ่าการแก่งแย่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ได้อย่างเจิดจรัสแข็งกร้าว สิ่งนี้ก็เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ สามารถสะท้านโลกได้แล้วอย่างหนึ่งจวบจนตอนนี้ มีใครในแดนฐิติประจิมไม่รู้จักชื่อของเทพมารหลินบ้างคาดเดาได้เลยว่าหลังจากข่าวที่เขาสังหารอวี่หลิงคงกระจายออกไป เกรงว่าไม่เพียงจะสะเทือนแดนฐิติประจิม ยังถึงขั้นทำให้กิตติศัพท์ของเขาแผ่กระจายไปถึงแดนชัยบูรพา แดนกาฬทักษิณ และแดนดาราอุดร!ผู้ฝึกปราณมากมายต่างงงงัน เทพมารหลินผู้นี้ผงาดขึ้นไวเกินแล้ว หรือในหมู่คนรุ่นเยาว์ เขาแทบจะไม่มีศัตรูแล้วจริงๆในหมู่คนรุ่นเดียวกันบนโลกนี้ ยังมีใครสามารถต้านทานเทพมารหลินได้หรือไม่และมีผู้ฝึกปราณหลายคนจิตใจเสียศูนย์ ไม่อาจยอมรับได้ว่าเด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างอันแห้งแล้งผู้หนึ่ง ขนาดสำนักยังไม่มี แต่กลับโดดเด่นถึงที่สุด ก่อให้เกิดลมพายุในแดนฐิติประจิม นี่จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไรและในบรรยากาศที่เงียบเชียบและกดดันเช่นนี้ ก็มีข่าวใหม่ล่าสุดกระจายออกมาอีก…“เทพมารหลินประสบเคราะห์ ถูกตำหนักอมตะโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังถูกเหล่าผู้กล้าล้อมโจมตี หากไม่เหนือความคาดหมาย เป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกปลิดชีพ!”ทันใดนั้นบรรยากาศที่กดดันเงียบสงัดอยู่เดิมก็ถูกทำลายลง ทำให้ทั้งนอกเขาพยับครามฮือฮา เสียงต่างๆ ดังขึ้นเซ็งแซ่ครึกโครม“ทำชั่วมากนักย่อมฆ่าตัวเอง! คนอย่างเทพมารหลินก็ไม่ควรหลงเหลืออยู่บนโลก!”มีผู้ฝึกปราณมีความสุขที่เห็นผู้อื่นลำบาก“เป็นไปไม่ได้ บนโลกนี้ยากนักที่จะมีบุคคลแห่งยุคอย่างเทพมารหลินสักคน ภายหน้าต้องเป็นผู้นำแห่งยุคคนหนึ่ง จะถูกปลิดชีพเช่นนี้ได้อย่างไร”และมีผู้ฝึกปราณไม่อาจยอมรับได้ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตกลับล้วนลอบถอนใจโล่งอกโดยมิได้นัดหมาย หลายคนก็เผยรอยยิ้มรางเลือนถ้าเทพมารหลินมีชีวิตอยู่ ต้องกำราบจนผู้สืบทอดในสำนักเก่าแก่ของพวกเขาเหล่านั้นไม่อาจชูคอขึ้นมาได้ เหมือนมหาบรรพตที่ทำให้ผู้อื่นหายใจติดขัดยังดี ในที่สุดเขาก็ประสบเคราะห์แล้ว!ท่านย่ากระเรียนทองเสียดายนัก นางเสนอให้เชื้อเชิญหลินสวินมาเป็นศิษย์มาโดยตลอด คิดว่าอัจฉริยะไร้เทียมทานเช่นนี้ควรมีทางข้างหน้าที่ยิ่งใหญ่ยาวไกลยิ่งขึ้นไป แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขาประสบเคราะห์ จิตใจก็แปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อนหาใดเทียบในทันใดเพียงแต่รอมาครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่ามีข่าวใหม่กระจายออกมา ทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่นอกเขาพยับครามต่างร้อนรนจนทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว‘ตกลงเทพมารหลินตายไปหรือยัง’ผู้ฝึกปราณทุกคนล้วนเกิดความสงสัยขึ้นในใจและก็ในตอนนี้เอง ข่าวใหม่ล่าสุดก็กระจายออกมา… เทพมารหลินไม่ได้ถูกสังหาร แต่กลับเป็นเหล่าผู้กล้าแห่งยุคที่ล้อมโจมตีเขาเหล่านั้นถูกฆ่าตายคาที่ ส่วนผู้ที่ทำทุกอย่างนี้ เป็นเด็กสาวลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันผู้หนึ่ง!“น่ากลัวเกินไปแล้ว โจมตีด้วยทวนครั้งเดียวก็ฆ่าตายไปคนหนึ่ง ไม่มีทางรอดไปได้ บุคคลแห่งยุคเหล่านั้นล้วนตายด้วยน้ำมือของนางประหนึ่งเศษกระดาษอ่อนแอที่รับไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว!”เมื่อข่าวนี้กระจายออกมา แรกเริ่มในที่นั้นเงียบสงัดอย่างประหลาด จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงดังอื้ออึงเดือดพล่านมีคนตื่นเต้นฮึกเหิม และมีคนอกสั่นขวัญหายท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมนี้ ยังมีเสียงคำรามดาลเดือดราวจะฉีกทึ้งหัวใจและปอดระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้น“กล้าฆ่ามู่เจี้ยนถิงผู้สืบทอดอารามพรางมรกตของข้า ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถมากมายขนาดไหน ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”“เป็นไปไม่ได้ ซางเจี่ยหลานของข้าคนนั้นครอบครองลายมรรคลี้ลับแต่กำเนิด เหตุใดถึงมาประสบเคราะห์เอาตอนนี้ได้ เทพมารหลิน เจ้าอย่าหวังจะได้ตายดีเลย!”“ตั้งแต่วันนี้ไป สำนักยุทธ์สมุทรครามของข้าจะสังหารเทพมาหลินเพื่อแก้แค้นให้หลี่ชิงฮวนโดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ!”คนใหญ่คนโตเหล่านั้นล้วนสีหน้าคล้ำเขียว ไฟโทสะแผดเผา ท่าทางแทบคลุ้มคลั่ง ฟ้าดินเต็มไปด้วยไอสังหารน่าหวาดหวั่น ทำให้บริเวณนี้แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมหาใดเทียบทันใดนั้นเสียงฮือฮานอกเขาพยับครามก็ถูกกดทับทุกคนต่างรับรู้ได้ว่า คราวนี้ต่อให้เทพมารหลินรอดชีวิตเดินออกมา ก็ต้องเผชิญหน้ากับไฟโทสะของคนใหญ่คนโตมากมาย!เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ง่ายดาย แม้เทพมารหลินจะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีขุมอำนาจใหญ่ที่สามารถคุ้มครองเขาได้ ทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านี้กล้าเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง พุ่งเป้าไปที่เขาเช่นนี้!ไม่ต้องคิดมากมายเลย เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้รุนแรงเกินไป ต้องกลายเป็นพายุคลั่งเฉียดฟ้าลูกหนึ่งแน่ ในวันคืนต่อจากนี้ไปจะสะเทือนสำนักเก่าแก่ใหญ่โตต่างๆ ในแดนฐิติประจิม และจะทำให้ชื่อของเด็กหนุ่มเทพมารหลินกระจายไปทั้งใต้หล้าอีกครั้ง กลายเป็นผู้มีอิทธิพลสมคำร่ำลือแน่นอนว่ายังมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง นั่นก็คือ ยามเทพมารหลินเดินออกมาจากเขาพยับคราม จะตั้งรับไฟโทสะและไอสังหารจากคนใหญ่คนโตเหล่านั้นไว้ได้หรือไม่ขณะเดียวกัน ยังมีความสงสัยข้อหนึ่งวนเวียนอยู่ในใจของผู้ฝึกปราณทุกคน เด็กสาวลึกลับที่ถือร่มดำกำทวนม่วงผู้นั้นเป็นใครกัน……ในประตูที่แทบเหมือนไม่มีอยู่จริงนั้น เป็นทางเดินมิติเส้นหนึ่ง เส้นแสงกาลเวลาหลากสีบิดงอรวมกัน งดงามน่าหวาดผวาเมื่อเข้าไปในนั้นประหนึ่งเข้าไปในห้วงความว่างเปล่าอันสวยงาม โดยรอบปราฏไอหมอกสลัว สิ่งเหล่านั้นแปรสภาพมาจากพลังกฎเกณฑ์ มีเพียงอริยะถึงสามารถมองทะลุความลี้ลับสูงส่งที่บรรจุอยู่ภายในนั้นได้ซ่า!ราวกับชั่วพริบตา พวกหลินสวินต่างไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกพลังแห่งมิติผลักออกไปมายังโลกภายนอกภูเขาไกลลิบเขียวชอุ่ม ครามเข้มราวควัน ที่นี่เป็นหุบเขากลางภูเขาแห่งหนึ่ง เงยหน้าขึ้นไปมอง ภูเขาน้อยใหญ่ราวมารวมตัวกันที่นี่ หมู่คีรีทบซ้อนเขียวขจี ฟ้าดินสูงไกล มีบรรยากาศดึกดำบรรพ์ดั่งทุ่งหญ้าเวิ้งว้างตู้ม…!น้ำตกสายหนึ่งเทลงมาจากยอดเขาสูงใหญ่ราวกับมังกรขาวห้อยหัว ส่งเสียงครึกโครมดั่งอสนีบาต ไอน้ำอบอวล ฟองคลื่นราวหิมะที่นี่คือที่ไหนกัน และห่างจากเขาพยับครามแค่ไหนพวกหลินสวินมืดแปดด้าน แต่ที่มั่นใจได้ก็คือที่นี่ไม่ใช่นอกเขาพยับคราม อย่างน้อยก็เรียกว่าเป็นที่ปลอดภัยได้ชั่วคราว“หลินสวิน ข้าอยากนอนแล้ว” จู่ๆ ซย่าจื้อที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปาก นางถือร่มดำคันหนึ่ง สีสันราวราตรีนิรันดร์ บดบังแสงสว่างของท้องฟ้า“จะฝึกปราณจุติอีกแล้วหรือ” หัวใจหลินสวินบีบรัด“ไม่ใช่” ซย่าจื้อส่ายหัว “วิชาที่ข้าฝึก รุ่งเรืองเสื่อมถอยเวียนวน เมื่อรุ่งโรจน์ถึงที่สุดก็จะร่วงโรย เมื่อร่วงโรยถึงที่สุดก็จะรุ่งโรจน์ วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา น่าหงุดหงิดยิ่ง มีเพียงทลายสิ่งกีดขวางที่จำกัด บรรลุขอบเขตไร้ขีดจำกัด ถึงจะขจัดข้อบกพร่องนี้ได้”พูดจนจบ คิ้วงามหมดจดของนางก็ขมวดขึ้น“พูดแบบนี้ ตอนนี้เจ้า…” หลินสวินนัยน์ตาหดรัด“ไม่สามารถต่อสู้ได้” ซย่าจื้อไม่ปิดบังสักนิดหลินสวินตกตะลึง วิชาจุตินพชาตินี้แปลกประหลาดเสียจริง เขาไม่กล้าอ้อยอิ่ง ให้ซย่าจื้อเข้าไปพักผ่อนในเจดีย์สมบัติไร้อักษร“เจ้ากับนาง… มีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่” ไป๋หลิงซีนิ่งเงียบมาโดยตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็อดไม่ได้ถามออกมาแล้ว“เก็บกลับมาจากป่าเขาเมื่อหลายปีก่อน” หลินสวินยิ้มขึ้นมา “ตั้งแต่ตอนนั้น พวกเราสองคนก็แทบจะเรียกได้ว่ามีชีวิตพึ่งพากันและกัน”ไป๋หลิงซีประหลาดใจ รู้สึกขบขันนัก เก็บเด็กสาวผู้มีเอกลักษณ์และแข็งแกร่งเช่นนี้คนหนึ่งกลับมาง่ายๆ หรือจากนั้นนางก็ปล่อยวาง คิดว่าหลินสวินล้อเล่น เพราะไม่ต้องการพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซย่าจื้อมาก“แล้วต่อไปเจ้าคิดจะทำอย่างไร” ไป๋หลิงซีเอ่ยถาม“รีบรักษาอาการบาดเจ็บ” หลินสวินตอบโดยไม่ลังเล“ยังไม่ไปตอนนี้หรือ”“ข้าสงสัยว่าไม่นานจะมีคนมาหาถึงที่”ดวงตาสีดำของหลินสวินลุ่มลึก ก่อนออกจากเขาพยับคราม อันธพาลเฒ่าได้เคยเตือนอย่างจริงจังว่า แม้จะมาถึงโลกภายนอก ในเวลาอันสั้นก็จะไม่ปลอดภัยหลินสวินตัดสินใจ แล้วมอบแก่นแท้โอสถราชันหยดหนึ่งให้ไป๋หลิงซี “ใช้สิ่งนี้รักษาอาการบาดเจ็บ จะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น”สิ่งนี้คือแก่นแท้แหล่งกำเนิดที่นำออกมาจากร่างของอันธพาลเฒ่าหยดหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า มีสรรพคุณวิเศษสามารถฟื้นคืนชีวิตได้หลินสวินใช้ทุกวิถีทาง ก็ยังขู่เข็ญเอามาจากมือตาแก่นั่นได้สามหยดเท่านั้น“นี่… จะไม่ล้ำค่าเกินไปหรือ” ไป๋หลิงซีหน้าเปลี่ยนสี ใบหน้าพริ้งเพราผ่องแผ้วปรากฏแววประหลาดนางมองปราดเดียวก็ดูความอัศจรรย์ของโอสถนี้ออก เพียงแค่หนึ่งหยดเท่านั้น แต่กลับอบอวลไปด้วยแสงมรรคเทวา รัศมีศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าสายแล้วสายเล่าแผ่พุ่งออกมา ประหนึ่ง ‘น้ำค้างเซียน’ ในตำนาน“ให้เจ้าเอาไปก็เอาไปเถอะน่า” หลินสวินพูดพลางยิ้มแล้วยัดเยียดให้นางตอนอยู่บนยอดแท่นมรรคนั้น ไป๋หลิงซีตั้งรับการสังหารแทนตนโดยไม่สนความเป็นตาย เพราะเรื่องนี้ถึงทำให้นางได้รับบาดเจ็บมากมายนี่เป็นถึงมิตรภาพร่วมเป็นร่วมตาย เพียงแค่แก่นแท้โอสถราชันหยดหนึ่งเท่านั้น หลินสวินจะเสียดายได้อย่างไร“รีบฝึกปราณเถอะ”หลินสวินนั่งขัดสมาธิบนหินที่อยู่ด้านหนึ่งของน้ำตก เริ่มกำหนดลมหายใจเต็มกำลังคราวนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก ถูกพลังกฎเกณฑ์ของสมบัติอริยะเล่นงานอย่างหนักจนแทบจะสิ้นชีพ ที่สามารถฝืนทนมาได้ถึงตอนนี้ ก็เพราะได้รากเส้นหนึ่งกับใบไม้เขียวขจีใบหนึ่งที่อันธพาลเฒ่านั่นมอบให้สมบัติสองอย่างนี้แม้สู้แก่นแท้โอสถราชันไม่ได้ แต่ก็มีสรรพคุณวิเศษน่าตื่นตะลึง สามารถรักษาอาการบาดเจ็บทั่วร่างเขาได้ ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดเพียงอย่างเดียวก็คือเวลาฟื้นตัวไป๋หลิงซียืนนิ่งอยู่เช่นนั้น อาภรณ์สีขาวเปื้อนเลือด ใบหน้างามซีดขาว แต่ท่าทางยังคงปราดเปรียวและงดงาม ดุจดั่งเดินออกมาจากภาพเขียนนางมองดูหลินสวินที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกปราณอย่างอึ้งงันอยู่ครู่ใหญ่ ริมฝีปากเปล่งปลั่งปรากฏรอยยิ้มเข้าใจยากขึ้น‘ถ้าเลือกคู่บำเพ็ญ หมอนี่ก็ไม่เลวหรอก…’เพียงแต่ไม่นานนางก็นึกถึงซย่าจื้อขึ้นมาอีก ในใจพลันยิ้มหยันขึ้นครั้งหนึ่ง ใครคิดจะเป็นคู่บำเพ็ญกับหลินสวิน ต้องผ่านด่านซย่าจื้อให้ได้เป็นด่านแรกเด็กสาวคนนี้ประหนึ่งเทพ เมื่อนึกถึงฝีมือแก่กล้าจนทำให้ทุกคนสิ้นหวังเช่นนั้นของซย่าจื้อ ความคิดที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่นั้นของไป๋หลิงซีก็มลายหายไปในทันใด‘ภายหน้าข้าอยากเห็นเสียจริงว่าผู้หญิงคนไหนจะกล้าเย้าแหย่หลินสวิน…’ ไป๋หลิงซีคิดขึ้นอย่างล้อเลียนอยู่บ้าง——
คอมเม้นต์