Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 913 ระฆังเทพแท่นมรรค
เสียงระฆังเนิบช้า ประดุจลอนคลื่นแผ่กระจายชั่วพริบตา ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่กำลังนั่งสมาธิหยั่งรู้ต่างตกใจตื่น สีหน้ายังหลงเหลือความเสียดายและอาวรณ์ไม่มากก็น้อยเห็นชัดว่าพวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมากจากการหยั่งรู้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้จบลงแล้วขณะเดียวกันทุกคนต่างสังเกตเห็น ตามหลังเสียงระฆัง ลานธรรมเก่าแก่ก็สลายไปดุจภาพฝันราวฟองอากาศ หายลับจากไปสิ่งที่สะท้อนในครรลองสายตาของทุกคนกลับเป็นแท่นมรรคสูงร้อยฉื่อ แท่นมรรคเก่าแก่กระดำกระด่าง ปลายยอดมีโต๊ะตัวหนึ่ง ด้านบนมีเพียงระฆังสำริดใบเดียว ประกายแสงสำริดไหลวน รอยสลักมหามรรคประทับบนตัวระฆังแน่นขนัด วิเศษอัศจรรย์หาใดเปรียบเพียงชั่วขณะ จิตใจทุกคนสะท้านหนักหน่วง แววตาเร่าร้อนหาใดเปรียบศุภโชคอันดับหนึ่ง!ระฆังสำริดนั่นคือศุภโชคยิ่งใหญ่บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าความเป็นมาของมันต้องน่าอัศจรรย์!เวลานี้เองทุกคนถึงได้เข้าใจ การรับฟังและหยั่งรู้มหามรรคเมื่อครู่คือบททดสอบอย่างหนึ่ง มีเพียงผู้แข็งแกร่งซึ่งยืนหยัดถึงตอนท้ายจึงมีสิทธิ์ช่วงชิงศุภโชคแห่งยุคในท้ายที่สุดปึง!ผู้แข็งแกร่งมากมายเริ่มปีนป่ายแท่นมรรคอย่างอดไม่อยู่ เพียงแต่ทันทีที่ก้าวเท้า แรงกดดันชวนประหวั่นพลันปรากฏ กดข่มจนทุกคนเกือบหายใจไม่ออกแต่ไม่มีใครยอมถอย ต่างกัดฟันบากบั่น โคจรปราณแห่งตนถึงขีดสุดแท่นมรรคเก่าแก่กระดำกระด่างสร้างจากเจตวัตถุสีเขียวปริศนา ไม่อาจท่องเหิน ได้แค่ไต่ขึ้นไปทีละขั้นดูเหมือนมีระยะทางแค่ร้อยฉื่อ แต่ยากยิ่งกว่าไต่นภา ด้านบนเนืองแน่นไปด้วยพลังต้องห้ามชวนสะพรึง ไม่เพียงแต่กดดันปราณ ยังสยบพลังจิตวิญญาณด้วยแต่แม้ลำบากอันตรายเช่นนี้ ยังไม่อาจขวางความแน่วแน่ในการปีนป่ายของทุกคน ตรงกันข้าม ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดเวลานี้ล้วนไม่ออมมืออีกแต่อย่างใด!หลินสวินเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เหยียบย่างก้าวหนึ่งขึ้นบันไดขั้นหนึ่ง ฝ่าแรงกดดันอันน่ากลัวขึ้นสู่เบื้องบนทั่วร่างเขาอบอวลแสงเจิดจรัส สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณโคจรพลุ่งพล่าน ความเร็วไม่ถึงขั้นช้าแต่ไม่เรียกว่าเร็ว อยู่ในขั้นเสถียรที่ทำทุกคนตกตะลึงคือ ตามแต่ละขั้นสูงขึ้นไป แท่นมรรคใต้ฝ่าเท้าประหนึ่งขยายใหญ่ไม่หยุด นานเข้าก็ยิ่งทรงพลัง สูงตระหง่านขึ้นเรื่อยๆ …กระทั่งต่อมาแท่นมรรคดุจค้ำฟ้า ทรงพลังดั่งคีรีเทพ หยัดแยกฟ้าดิน ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด เก่าแก่ทรงสง่าเหลือประมาณแต่เมื่อทุกคนปีนป่ายขึ้นไป กลับพบว่าระยะห่างยอดแท่นมรรคยิ่งไกลออกไป…มหัศจรรย์เกินไปแล้ว แท่นมรรคร้อยฉื่อแต่ซุ่มซ่อนไว้ด้วยความอัศจรรย์เร้นลับเทียมฟ้า ก้าวขึ้นไปเหมือนปีนป่ายนภา พาให้ผู้คนสะท้านโชคดีที่ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนที่เหลืออยู่ ต่างเป็นบุคคลผู้เจิดจรัสในหมู่ผู้กล้าแห่งยุค สามารถยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ เดิมก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งพวกเขาแล้วบัดนี้เมื่อปีนป่ายแท่นมรรค กลับไม่ปรากฏเหตุการณ์คัดออกเวลาล่วงเลย ทุกคนฝ่าแรงกดดันไร้ขอบเขตเข้าใกล้ส่วนยอดแท่นมรรคทีละน้อย มองเห็นระฆังสำริดบนโต๊ะเหนือยอดแท่นมรรคอย่างชัดเจนมันเจิดจรัสหาใดเปรียบ สูงครึ่งฉื่อ ประกายแสงสำริดห้อมล้อม ตัวระฆังประทับลายมรรคคลุมเครือแน่นขนัด เก่าแก่โบราณยิ่งมองจากไกลๆ ยังรู้สึกถึงพลานุภาพยิ่งใหญ่กำราบภูผาธารา สั่นคลอนฟ้าดิน!ไม่ต้องสงสัย อานุภาพสมบัตินี้สามารถสะเทือนสวรรค์ได้!เวลานี้บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียดและหนาวเหน็บ เพราะเข้าใกล้ยอดแท่นมรรคขึ้นทุกที เพื่อช่วงชิงระฆังสำริดนั่น ต้องเกิดศึกนองเลือดที่รุนแรงแน่จริงดังคาด ไม่นานอันตรายก็ปะทะ ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่รั้งท้ายจิตใจร้อนรุ่ม ชิงลงมือหมายก่อกวนผู้แข็งแกร่งที่นำหน้าตูม!ลั่วเจียผู้สืบทอดตำหนักปรกอุดมพลิกมือกระจ่าง เหนือศีรษะปรากฏแจกันวิเศษส่องประกายใบหนึ่ง ปลดปล่อยแสงอัศจรรย์อมตะปะทะกับหลี่ชิงฮวน แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกระหว่างทั้งคู่เป็นหลี่ชิงฮวนที่โจมตีก่อน เพราะลั่วเจียอยู่หน้าเขา นี่เท่ากับเป็นกำแพงแกร่งขวางหนทางชิงศุภโชคของเขา“ฆ่า!”อวี่หลิงคงกับชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่งก็เปิดฉากต่อสู้ดุเดือดเช่นกันชายหนุ่มชุดเทานามซางเจี่ย มาจากตระกูลเก่าแก่ เป็นบุคคลแห่งยุคผู้โดดเด่นในแดนฐิติประจิมเช่นกันสิ่งที่ใครต่างคาดไม่ถึงคือ แม้เผชิญหน้าบุคคลระดับอวี่หลิงคง ความสามารถของซางเจี่ยก็ไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าทระนงองอาจผิดธรรมดานี่ก็คือบุคคลแห่งยุค แต่ละคนซ่อนคมในฝัก เมื่อก่อนอาจสำรวมเก็บงำไว้ แต่เพื่อชิงศุภโชคอันดับหนึ่งต่างเผยฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาฟุ่บ!เพียงชั่วพริบตา สาบเสื้อช่วงบ่าอวี่หลิงคงถูกแหวกผ่า บนผิวทิ้งรอยเลือดบางๆ เส้นหนึ่ง เขาได้รับบาดเจ็บถูกทวนสุวรรณในมือซางเจี่ยวาดกวาดทว่ากระบี่มรรคในมืออวี่หลิงคงกลับครวญคร่ำ ขณะเดียวกันก็ทำลายทวนสุวรรณ กระเทือนจนง่ามมือซางเจี่ยฉีกขาด โลหิตแดงสดสาดกระจายกระดูกโผล่ออกมาการโจมตีนี้เหมือนไม่แบ่งแพ้ชนะ แต่เทียบกันแล้วซางเจี่ยกลับเสียบเปรียบอยู่บางส่วนแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังน่าตระหนก ซางเจี่ยผู้ก่อนหน้าไม่เคยเผยความเจิดจรัสอะไร บัดนี้กลับระเบิดพลังต่อสู้เช่นนี้ ช่างน่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริงการต่อสู้พลันปะทุ กระเทือนถึงทุกผู้คน จี้ซิงเหยาเองก็ถูกโจมตี กำลังประมือกับผู้แข็งแกร่งเผ่ามารรัตติกาลซึ่งมีปีกสีดำเผ่ามารรัตติกาลคือเผ่าพันธุ์ลึกลับยิ่งเผ่าหนึ่ง เล่าลือกันว่าบรรพชนคือร่างวิญญาณที่แฝงตัวอยู่ในหุบเหวมารแห่งหนึ่งเมื่อครั้งบรรพกาล ครองพลังพรสวรรค์เร้นลับ ‘หนามมารรัตติกาล’ น่าหวาดกลัวถึงที่สุดและผู้แข็งแกร่งเผ่ามารรัตติกาลที่กำลังประลองกับจี้ซิงเหยานั้นนามว่าซื่ออวิ๋น เครื่องหน้าทั้งห้างามสง่า สีผิวเทาเข้ม ดวงตามรกตวาววับดุจเพลิงมารลุกโชน ทั้งตัวแฝงกลิ่นอายภูตมารชวนประหวั่นซื่ออวิ๋นเหมือนกับซางเจี่ย ก่อนหน้านี้ไปมาคนเดียวตลอด ทำตัวไม่ดึงดูดสายตา แต่ตอนนี้ต่างเผยอานุภาพการต่อสู้อันน่าทึ่งนี่ทำให้หลินสวินลอบตื่นตระหนก ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่ตนที่ซ่อนความสามารถเอาไว้ บุคคลแห่งยุคเหล่านี้ก็เก็บงำไว้เช่นกัน แผนการล้ำลึกนัก!ฟุ่บ!ด้านหลังหลินสวิน ลิ้นแดงสดสายหนึ่งตวัดม้วนเข้ามา ในใจเขาผงะไปวูบหนึ่ง ใช้ปะทะฟู่ซี่ต้านกลับโดยไม่ลังเลนั่นคือบุคคลแห่งยุคเผ่างูปาเสอนามปาซานสุ่ย หน้าตาสง่างามพอควร แต่การกระทำกลับอำมหิตชวนขยะแขยงเหลือประมาณ แฉกลิ้นงูดุจแพรไหมยาว ด้านบนเคลือบของเหลวแดงสดแฝงพิษร้ายแรง ทันทีที่สัมผัส จิตวิญญาณจะถูกกัดกร่อนรุนแรง รับมือยากที่สุดตูม…ลิ้นงูถูกซัดกระเด็น แต่ปาซานสุ่ยเด็ดขาดฉับไว กระบวนท่าแรกไม่สำเร็จ พลันถอยหลบรวดเร็วพุ่งไปอีกฟากทันทีหากหลินสวินตามไปก็จะพลาดโอกาสอันดีในการไต่ขึ้นแท่นมรรค เห็นชัดว่าปาซานสุ่ยเล็งเห็นจุดนี้จึงกล้าลงมือกับหลินสวินอย่างไม่กลัวสิ่งใด‘ถ้าข้าจับเจ้าได้ จะตัดลิ้นเจ้าแน่!’ หลินสวินนัยน์ตาเยียบเย็น กวาดมองปาซานสุ่ยวูบหนึ่ง ไม่ไล่ตามไปดังคาดแท่นมรรคทรงพลังเด่นตระหง่าน แต่บันไดศิลาสู่ยอดมีเพียงหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดพุ่งสุดตัว แน่นอนว่าไม่อาจเลี่ยงการปะทะขัดแย้ง เพราะใครต่างไม่ยอมถอย เช่นเดียวกัน ใครก็ไม่อาจทนเห็นคนอื่นชิงตัดหน้าได้ไม่ทันไรหลินสวินก็พบจี้ซิงเหยา ฝ่ายหลังถลึงตากระจ่าง ขบฟันเป็นประกายแน่น สะบัดมือซัดประทับกระบี่สายหนึ่งออกมาฟุ่บ!เจตกระบี่ผุดผ่องเพียงสามชุ่นรวมเป็นประทับกระบี่ พรั่งพรูปลายคมไร้เทียมทาน ราวทะลวงผ่านกาลเวลา กำจัดสิ้นสรรพวิญญาณประทับกระบี่ไตรภพ!นี่คือมรดกลับชั้นยอดครองยุคสมัย สามารถตัดอดีต ปัจจุบันและอนาคต เจตกระบี่ทั้งมวลรวมเป็นประทับหนึ่ง มีอานุภาพปั่นป่วนฟ้าดินก่อนหน้านี้บนลานประลองยุทธ์หมอกสนในนครเตโช หลินสวินเคยพบเจอความน่ากลัวของวิชานี้ แต่คาดไม่ถึง ทันทีที่เผชิญหน้ากับจี้ซิงเหยา อีกฝ่ายก็ลงมือเหี้ยมโหดทันควันแล้ว‘ผู้หญิงคนนี้กำลังแก้แค้นแน่!’ หลินสวินสีหน้าพลันอึมครึม สุดท้ายยังข่มใจถอยหลบไปอีกฝั่ง พุ่งทะยานสู่แท่นมรรคจากอีกทางบนดวงหน้างามสง่าหาใดเปรียบของจี้ซิงเหยาพลันเผยแววปรามาสเสี้ยวหนึ่ง คางเกลี้ยงเกลาเชิดเล็กน้อย หยิ่งทระนงดั่งเทพธิดาผู้สูงส่งแต่ในสายตาหลินสวิน นี่คือท่าทางท้าทายอย่างหนึ่ง!หลินสวินแค้นจนกัดฟันกรอด ผู้หญิงจอมหยิ่งคนนี้น่าโมโหเกินไปแล้วเขาสื่อจิตถอนใจกล่าวทันที ‘ซิงเหยา หากเจ้าไร้ไมตรีเช่นนี้ ความลับบางอย่างข้าคงไม่อาจช่วยเจ้าปกปิดได้’‘เจ้า…’ นัยน์ตากระจ่างของจี้ซิงเหยาถลึงกว้าง คิ้วตวัดตรง ใบหน้างามผุดผ่องเปี่ยมโทสะ แทบอยากฆ่าไอ้ระยำนี่ซะ ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ตน คิดหรือว่าตนจะยอมถอย‘หากเจ้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าแน่!’ เงาร่างสูงโปร่งอรชรของจี้ซิงเหยาอบอวลไปด้วยเจตกระบี่พิสุทธิ์ดุดัน ประดุจเทพธิดาบันดาลโทสะ อานุภาพสยบผู้คน‘ข้าไม่มีทางถูกข่มขู่’ หลินสวินแค่นเสียงฮึขณะสื่อจิต ทั้งสองคนต่างพุ่งสุดตัวเต็มกำลัง ไม่ได้ล่าช้าแม้แต่น้อยไม่ทันไรหลินสวินก็เจอกับผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์ สวมเสื้อคลุมกระเรียนสีแดงเพลิงหลินสวินยังจำได้ ตอนแรกที่พบไป๋หลิงซีหน้าหอวสันตสารท หญิงสาวผู้นี้เคยพูดจาเหน็บแนมและเยาะหยันตนแต่ตอนนี้หลินสวินไม่คิดใส่ใจนาง รีบเร่งพุ่งขึ้นไป“ถอยไป!”หญิงสาวชุดคลุมกระเรียนแดงเพลิงนามเยี่ยนสยา เห็นหลินสวินโฉบผ่านหน้านาง ชิงพุ่งไปยังยอดแท่นมรรคกับตาก็คล้ายไม่พอใจยิ่ง ส่งเสียงผรุสวาท เงื้อมือสะบัดแส้วิญญาณแดงเพลิงฟาดใส่หลังหลินสวินเต็มแรง“หึ!”หลินสวินไม่ออมมือ บุกจู่โจมเต็มที่ ประจัญบานกับนางสุดท้ายเยี่ยนสยากรีดร้องโหยหวน ช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็ถูกหมัดหนึ่งของหลินสวินซัดกระเด็น ร่างร่วงสู่ฐานแท่นมรรค“บังอาจ!”“เทพมารหลินเจ้ามันรนหาที่ตาย!”บนทิศทางอื่น ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะเห็นดังนี้ต่างส่งเสียงโกรธจัด ไม่ปกปิดไอสังหารแม้แต่น้อย“ทำไม พวกเจ้าก็อยากเล่นด้วยรึ” ภายในดวงตาดำของหลินสวินเยียบเย็น“ไต่ขึ้นแท่นมรรคก่อน ค่อยคิดบัญชีกับมัน!” ห่างออกไปอวี่หลิงคงเอ่ยเสียงเฉยชา น้ำเสียงราบเรียบ แต่เปี่ยมความหนาวเย็นจนใจสั่นระรัวเห็นว่าจวนถึงยอดแท่นมรรค การต่อสู้และความขัดแย้งยิ่งดุเดือดกว่าเดิม ทุกคนต้องฝ่าแรงกดดันอันน่ากลัวทั้งยังต้องลงมือต่อสู้ สถานการณ์ล่อแหลมอันตรายอย่างยิ่งไม่ช้าก็มีผู้แข็งแกร่งถูกสังหารนองเลือดกลางที่นั้น นั่นคือปาซานสุ่ยเผ่างูปาเสอ หลินสวินยังไม่ทันคิดบัญชี เขาก็ถูกหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิงฮวนเสียบปาก แหงนหน้าหกคะเมน ฝนโลหิตซ่านกระเซ็นการต่อสู้ช่างน่าสลด แม้แต่บุคคลแห่งยุคยังประสบอันตรายอย่างที่สุด คนไม่น้อยยิ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วทันใดนั้นรวงแสงสีทองบาดตาพลันปรากฏ ทำให้นัยน์ตาหลินสวินหดรัด ผิวสัมผัสปวดแสบอยู่รางๆเขาตระหนักได้ในทันทีว่าพบเจอคู่ต่อสู้ทรงพลังแล้ว!………………….
คอมเม้นต์