Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 896 ประลองหมากกับสวรรค์
ตอนที่ 896 ประลองหมากกับสวรรค์
ชายชรารูปร่างผอมแห้ง แต่กลับมีกลิ่นอายน่าเกรงขาม ตอนนี้รอบตัวเขามีแสงมรรคแสบตาพุ่งออกมา อานุภาพน่าสะพรึงถึงขีดสุดขึ้นมาทันควันตรงหน้าว่างเปล่า ราวกับมรรคาได้สิ้นสุดลงตรงนี้ ไม่มีหนทางอีกแล้วและด้านหลัง ดารานภาสั่นไหว วัฏจักรสั่นสะเทือน ราวกับตกใจกลิ่นอายรอบตัวชายชรา มีสัญญาณที่จะถูกกลืนกินอย่างหนึ่งคนผู้นี้ราวกับหุบเหว หมายจะกลืนกินสรรพสิ่ง!นี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว!หัวใจหลินสวินตื่นเต้นถึงขีดสุด ตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นี่ต้องมีพลังปราณน่ากลัวเพียงใดถึงทำได้ถึงขั้นนี้อริยะหรือหรือจะเป็นราชันอริยะหลินสวินไม่รู้ที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ สุดท้ายชายชราเก็บงำกลิ่นอาย เงาร่างที่เดิมยืดตรงเปลี่ยนเป็นค่อมโก่งขึ้นมาราวกับสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด มีความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ทั้งผิดหวัง จนปัญญาและไม่จำยอมเช่นเดียวกับนักเดินทางที่เร่ร่อนท่ามกลางกาลเวลามานาน และราวกับแม่ทัพที่เข่นฆ่าอยู่ในสนามรบมานานปี‘ข้าใช้จักรวาลเป็นกระดานหมาก มองอดีตและปัจจุบันเป็นตารางหมาก ให้มหามรรคเป็นบันทึกหมาก ใช้ชีวิตของข้าเป็นตัวหมาก ประลองหมากกับสวรรค์’‘แต่สุดท้าย… ก็พ่ายแพ้อยู่ดี…’ชายชราถอนหายใจเบาๆเสียงถอนหายใจนั่นแฝงความไม่จำยอมที่พูดไม่ออก ทำให้ในใจหลินสวินถูกสะกิดอย่างแรง ประลองหมากกับสวรรค์ ช่างเป็นความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่นัก!‘เส้นทางนี้ได้ขาดไปแล้ว ควรไปทางใด หรือจะไม่สามารถกระโดดพ้นกระดานหมาก ทลายกรงที่ผูกมัดเอาไว้’เสียงของชายชรายิ่งแผ่วต่ำกว่าลง เงาร่างของเขาหมดอาลัยตายอยาก ยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้าอ้างว้าง เป็นความว่างเปล่าที่แท้จริงอย่างหนึ่ง‘เช่นนั้นก็…’ทันใดนั้นชายชรายืดหลังขึ้นอีกครั้ง สายตาสาดแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวั่นหวาด ร่างกายที่ผอมแห้งราวกับลุกโชนก็ไม่ปาน ระเบิดแสงเจิดจ้าไม่มีที่สิ้นสุด‘ใช้ร่างกายของข้า สร้างถนนที่ถูกตัดขาด!’‘ใช้วิญญาณของข้า ชี้นำหนทางที่สับสนเบื้องหน้า!’โครม!ทันใดนั้นเงาร่างของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นแสงอย่างไร้จำกัด พุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าที่อ้างว้างและไม่เห็นอีกเลย…ภาพทุกอย่างดำเนินมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็หายแวบไปหลินสวินลืมตาขึ้นกะทันหัน ตรงหน้า ศิลาหินกระดำกระด่างตั้งอยู่เอียงๆ ไอความเก่าแก่ปะทะเข้ามา ภาพหินแกะสลักด้านบนยังคงเก่าและหยาบลวก ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบแต่หลินสวินกลับเหงื่อท่วมทั้งตัว แต่ละภาพเมื่อครู่นี้เหลือเชื่อเกินไปแล้ว น่ากลัวเหนือคาดหมายชายชราคนหนึ่งวิ่งตะบึงอยู่ท่ามกลางฟ้าดินใต้หล้าอย่างบ้าคลั่ง พุ่งขึ้นชั้นเมฆ ก้าวไปยังนภาคราม ทะลวงผ่านวัฏจักรดารานภา เคลื่อนคล้อยดาราเพียงหนึ่งก้าว!ทุกสิ่งที่เขาทำกลับเป็นการประลองหมากกับสวรรค์ หมายจะกระโดดให้พ้นจากกระดานหมาก ทลายกรงที่ผูกมัดเอาไว้ความกล้าระดับนี้เรียกได้ว่ายากพบเห็นไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน แม้ในอริยบุคคลกลัวว่าคงได้แค่แหงนหน้าชื่นชมทว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินหวั่นไหวที่สุดคือการตัดสินใจในตอนท้ายของชายชรา ใช้ร่างกายของตนสร้างถนนที่ถูกตัดขาด ใช้วิญญาณของตนชี้นำหนทางที่สับสนเบื้องหน้า!นี่เป็นความไม่ยินยอมที่ต้องล้มเหลวเพียงเท่านี้ ดังนั้นจึงทิ้งควันเอาไว้ ให้คนรุ่นหลังสามารถทำให้มรรคาที่เขาดึงดันจะเสาะหาเป็นจริงงั้นหรือ……ป่าศิลาเงียบสงัด ท่ามกลางฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาล หน้าศิลาหินเก่าแก่ กลุ่มผู้แข็งแกร่งล้วนกำลังตั้งใจหยั่งรู้และอนุมาน เป็นภาพที่เงียบสงบและเคร่งขรึมครู่ใหญ่หลินสวินจึงสงบอารมณ์ลง มองดูภาพหินแกะสลักยุ่งเหยิงนั่นอีกครั้ง แต่กลับไม่มีปรากฏการณ์ประหลาดที่เห็นเมื่อครู่นี้แล้วหลินสวินสลัดความคิดสับสนวุ่นวายออก ใช้จิตวิญญาณสัมผัสอีกครั้งพริบตาเดียวเท่านั้น ภาพหินแกะสลักที่กระดำกระด่างและลวกหยาบนั่น ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล ปรากฏน้ำวนที่น่าหวาดหวั่นกลืนกินท้องฟ้าจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นลมพายุ โหมกระหน่ำอยู่กลางจักรวาลอย่างกำเริบเสิบสานทันใดนั้นก็ปรากฏหลุมดำที่ขวางกั้นอยู่ในวัฏจักร กลืนดารานภาอันสว่างไสวทั้งผืนไปอย่างไร้สุ้มเสียง…ภาพอันกว้างใหญ่ไพศาลและเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างมากมายทยอยสะท้อนออกมาอย่างยุ่งเหยิงเยอะเกินไปแล้ว!กลิ่นอายอันซับซ้อน ภาพอันยุ่งเหยิงรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ตรงหน้าหลินสวินมืดดำ ด้วยความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเขา ยังรู้สึกกดดันยากจะแบกรับ จิตใจสับสนวุ่นวาย เกือบจะกระอักเลือดอยู่หลายครั้งนี่คือกลิ่นอายมหามรรค แต่กลับดูแตกต่างมากไม่นานเขาก็สั่นไปทั้งตัวราวกับจะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว พลังแห่งมหามรรคระดับนั้นเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างสะท้านขวัญ กลิ่นอายพลุ่งพล่าน ถึงขั้นจะกลืนกินจิตวิญญาณและเจตจำนงของเขา!และในเวลานั้นเอง ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่เดิมร้อนระอุอย่างที่สุด จู่ๆ ก็แผ่กระแสร้อนแปลกประหลาดไปทั่วร่างกายของหลินสวินเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นสติของหลินสวินพลันกระจ่างขึ้นมา รับรู้ถึงพลังที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ จิตใจสงบนิ่งและแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกลิ่นอายมหามรรคที่ยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างนั่น ยามนี้ไม่สามารถคุกคามจิตใจเขาได้อีกแล้ว ตรงกันข้าม เขาได้ค้นพบแก่นอัศจรรย์หลายประการท่ามกลางความสับสนวุ่นวายหลินสวินจิตใจกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เริ่มรวมสมาธิอนุมานท่ามกลางความเลื่อนลอย เขาคล้ายสัมผัสได้ว่า บนชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดมีแสงบริสุทธิ์อย่างหนึ่งถาโถมออกมา ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นหุบเหวรางๆ และในส่วนลึกของเหวใหญ่ เหมือนมีเสียงท่องคัมภีร์ของอริยบุคคล ราวกับเสียงธรรมจากสวรรค์ที่สมจริงอย่างไรอย่างนั้นพลังจิตวิญญาณของเขาโคจรเต็มกำลัง ทั้งยังสำแดงวิชาลับดวงใจฉิวหนิวออกมา พลังหยั่งรู้เข้าถึงระดับใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความมหัศจรรย์มากมายที่สลักอยู่บนภาพหินแกะสลัก ถูกเขาอนุมานออกมาทีละนิดอย่างละเอียด จากนั้นก็หยั่งรู้ในใจ……เวลาล่วงเลยไป ในป่าศิลาโบราณยิ่งเงียบสงบและเคร่งขรึมกว่าเดิมเพียงแต่ไม่นานก็มีผู้แข็งแกร่งถูกคัดออก!พรูด!จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กระตุกไปทั้งตัว แหงนหน้าพ่นเลือดออกมา ส่งเสียงร้องอย่างไม่จำยอม “เป็นไปไม่ได้ การหยั่งรู้และอนุมานของข้าไม่ผิด เหตุใดจึงไม่สามารถหยั่งถึงความลึกลับนี้”บรรยากาศอันเงียบสงบถูกทำลายชายหนุ่มคนนี้ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกเคลื่อนย้าย ถูกคัดออกออกไปแล้วช่วงเวลาหลังจากนั้นมีผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าทยอยล้มเหลว บ้างสีหน้าหม่นแสง อึ้งงันไม่พูดจา บ้างตีอกชกหัว ร่ำไห้อย่างผิดหวัง บ้างท่าทางเหมือนคลุ้มคลั่ง คำรามเสียงแตกพร่า…แต่พวกเขาล้วนถูกคัดออกอย่างไม่มีข้อยกเว้นนี่คือบททดสอบด่านที่ห้า เน้นการหยั่งรู้การควบคุมพลังแห่งมหามรรค ดูเหมือนไม่มีอันตรายใดๆ แต่ถ้าพลาดก็จะถูกคัดออกออกทันทีพร้อมกันนั้นยังมีผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นวู้ม!ศิลาหินหลักหนึ่งเปล่งแสง ปรากฏแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินดั่งน้ำตก ราวกับภาพฝันเสมือนมายาหน้าศิลาหิน หญิงคนหนึ่งเผยรอยยิ้มตื่นเต้นดีใจ กำมือแน่นพร้อมพึมพำ“ความเร้นลับแห่งดารามายา แม้เป็นเพียงมหามรรคขั้นสี่ แต่เมื่อใช้ในการต่อสู้กลับสามารถทำให้ข้ารับพลังแห่งดวงดาว ระเบิดพลังต่อสู้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน…”ฮูมบนศิลาหินอีกหลักเกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่ธารโลหิตถาโถม ขวางกั้นอากาศ โอ่อ่าอย่างที่สุดชายหนุ่มชุดคลุมดำคนหนึ่งหัวเราะลั่น “มหามรรคธารโลหิตมีอยู่จริงๆ ดังคาด ช่างเหมาะกับมหามรรคที่ข้าแสวงหา!”“มหามรรคสลาตันบูรพาใต้!” ทันใดนั้นบนร่างของเหลยเชียนจวินผู้กล้าแห่งยุคเกิดลมกระโชกฉับพลัน มืดฟ้ามัวดินไม่นานมู่เจี้ยนถิงแห่งอารามพรางมรกตก็ลืมตาขึ้น “พลังแห่งยอดหยิน หลอมรวมกับหยางของข้า เป็นเช่นเดียวกับหยินหยาง มหามรรคแห่งข้าสมบูรณ์ในวันนี้!”ภาพเช่นนี้ทยอยเกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากนั้นมีคนถูกคัดออกและมีคนผ่านการทดสอบ ได้รับวาสนามรรคจนกระทั่งตอนหลับ ในป่าศิลาอันเก่าแก่นี้เหลือเพียงไม่ถึงสองร้อยคน ซึ่งก็หมายความว่า ในช่วงเวลาเมื่อครู่นี้ มีผู้แข็งแกร่งถูกคัดออกไปประมาณสามร้อยคน!แต่คนที่ผ่านการทดสอบได้รับวาสนามรรค ตอนนี้มีเพียงหนึ่งร้อยกว่าคน ยังมีผู้แข็งแกร่งเกือบห้าสิบกว่าคนกำลังอนุมานภาพหินแกะสลักอยู่……โลกภายนอกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศตื่นเต้นกดดันนี่คือบททดสอบด่านสุดท้าย และยังเป็นช่วงสำคัญที่สุด หากก้าวข้ามไปได้ ไม่เพียงจะได้รับวาสนามรรค ยังสามารถไปถึงใต้ต้นโคมสำริดมรรคโบราณนั่นได้!ในช่วงเวลานี้ ทุกครั้งที่มีผู้แข็งแกร่งถูกคัดออก ก็จะนำมาซึ่งความสนใจอันตื่นเต้น เสียงอุทานด้วยความเสียดาย และเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย“ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณนั่นได้…”ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนคาดเดาไม่ถูก อัตราการถูกคัดออกนี้สูงจนน่าตกใจ!แน่นอนว่าก็มีข่าวดีออกมาทำให้ทุกคนฮือฮา“มู่เจี้ยนถิงหยั่งถึงมหามรรคยอดหยิน”“เหลยเชียนจวินหยั่งถึงมหามรรคสลาตันบูรพาใต้”“จงหลีอู๋จี้หยั่งถึงมหามรรคเคลื่อนภูผา”“…”นี่ทำให้คนในขุมอำนาจและตระกูลต่างๆ ยิ้มอย่างดีใจ ตื่นเต้นผิดปกติ และทำให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ทั้งอิจฉาและทอดถอนใจ……ในเวลาเดียวกันนั้น ในป่าศิลาอันเก่าแก่ การทดสอบได้ดำเนินมาถึงช่วงสำคัญที่สุดแล้วในที่นั้นเหลือเพียงไม่กี่คนที่กำลังอนุมานแจ้งมรรคผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ บ้างถูกคัดออกไปแล้ว บ้างก็ได้ครอบครองพลังแห่งมหามรรคแล้ว ตอนนี้ล้วนรออยู่นอกป่าศิลา“ในนั้นเหลือเพียงเทพธิดาจี้ คุณชายอวี่ แม่นางลั่วเจียและเทพมารหลินสี่คน”ทุกคนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดพวกเขาต่างดูออกว่า พลังแห่งมหามรรคซึ่งซ่อนอยู่ในศิลาหินที่ทั้งสี่คนเลือกจะต้องไม่ธรรมดาแน่“หากบอกว่ามหามรรรคที่พวกเทพธิดาจี้อนุมานมหัศจรรย์เกินคาดเดา ข้าก็เห็นด้วยอยู่หรอก แต่หลินสวินนั่นกำลังเล่นละครตบตาอยู่ชัดๆ!”ซาหลิวฉานอดส่งเสียงไม่ได้ เขารู้สึกขัดหูขัดตาไม่น้อย จำต้องพูดออกมาอย่างอดไม่อยู่ป่าศิลาอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเพียงหลินสวินที่เลือกศิลาหลักที่อยู่รอบนอกสุด ทั้งยังดูธรรมดามาก ถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในที่นั้น คงอนุมานพลังแห่งมหามรรคในนั้นออกมาได้ตั้งนานแล้วแต่จนตอนนี้หลินสวินยังไม่มีความเคลื่อนไหวแม้ซาหลิวฉานจะชิงชังหลินสวินจนถึงขีดสุด แต่ก็ไม่คิดว่าความสามารถในการหยั่งรู้ของหลินสวินจะด้อยกว่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นในสถานการณ์เช่นนี้ เขาย่อมคิดว่าหลินสวินกำลังใช้อุบายหลอกลวง เล่นละครตบตาผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ เองก็รู้สึกแปลกใจ พวกเขาสังเกตศิลาที่หลินสวินเลือกอย่างละเอียดแล้ว ดูธรรมดามากจริงๆ แม้ดูภาพหินแกะสลักด้านบนไม่ออก ทว่าเพียงดูจากสภาพของศิลาหินก็ดูปกติมากเกินไปแล้ว ไม่มีความพิเศษเลยสักนิด“อย่าพูดเร็วเกินไป จะได้ไม่โดนตบหน้าอีก” เยวี่ยเจี้ยนหมิงยิ้มเยาะพูดประโยคเดียวราวกับมีดแทงเข้าในใจซาหลิวฉาน ทำให้สีหน้าของเขาอึมครึมลงทันที เดือดดาลไม่น้อยสีหน้าของผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็ดูแปลกไปก่อนหน้านี้ตอนที่จุดโคมวิญญาณ ซาหลิวฉานถูกเทพมารหลินลวงอย่างอนาถจริงๆ โดนตบหน้าดังลั่นและก็เพราะมีบทเรียนก่อนหน้านี้ แม้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ จะสงสัย แต่กลับไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดอะไร กลัวแต่ว่าจะตัดสินไวเกินไปจนถูกหลินสวินตบหน้าอ้อมๆ ไปด้วยอีกคน“เจ้ามันนับเป็นตัวอะไร ถึงได้กล้าพูดเช่นนี้กับข้า” แววตาซาหลิวฉานเหี้ยมโหด กวาดมองเยวี่ยเจี้ยนหมิงราวกับคมมีด“แล้วเจ้าเล่านับเป็นตัวอะไร ลอบสังหารหลินสวินบนทะเลปรวนแปรไม่สำเร็จ กลับถูกโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียวจนไม่เหลือสภาพ กลัวจนหนีกระเจิง ตอนที่จุดโคมวิญญาณยิ่งอับอายขายหน้าถึงที่สุด ตอนนี้ยังไม่หลาบจำเช่นนี้ วิจารณ์ตามอำเภอใจ ยังขายหน้าไม่พอหรือ”เยวี่ยเจี้ยนหมิงไม่กลัว นี่คือการทดสอบด่านที่ห้า มีกฎห้ามเข่นฆ่าได้ยินเช่นนี้ผู้คนไม่น้อยในที่นั้นต่างยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ คิดๆ แล้วซาหลิวฉานก็ซวยมากจริงๆซาหลิวฉานโกรธจนควันออกหู ถูกคนขยี้แผลต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความอับอาย“เดี๋ยวก็จะถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะเป็นคนแรกที่ฆ่าสุนัขรับใช้ของเทพมารหลินอย่างเจ้า!”เสียงของซานหลิวฉานเหมือนลอดออกจากไรฟัน เผยจิตสังหารเสียดกระดูกตอนนี้เองในที่นั้นบังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น สั่นสะเทือนฟ้าดิน
คอมเม้นต์