Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 894 ป่าศิลาแสดงมรรค

อ่านนิยายจีนเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 894 ป่าศิลาแสดงมรรค 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 894 ป่าศิลาแสดงมรรค
ป่าศิลาเก่าแก่ กินพื้นที่แถบใหญ่ มีมากกว่าพันหลัก
ศิลาหินทุกหลักล้วนมีเถาวัลย์พันอยู่ ตะไคร่ปกคลุมหนาแน่น มีกลิ่นอายรอยด่างแห่งกาลเวลาอันหนักอึ้ง
ฟ้าดินกว้างใหญ่ ป่าศิลาเก่าแก่ตั้งตระหง่าน บรรยากาศเงียบสงัดเข้มงวด
นี่คือการทดสอบด่านที่ห้า นามว่า ‘ป่าศิลาแสดงมรรค’
บนศิลาหินทุกหลักสลักภาพหินแกะสลักที่หนาแน่นลึกลับ ภาพหินแกะสลักทุกภาพล้วนแปรมาจากร่องรอยแห่งมหามรรค
หากผู้ฝึกปราณปรารถนาจะผ่านด่านนี้ ต้องเลือกศิลาหินหลักหนึ่ง หยั่งรู้และอนุมานพลังแห่งมหามรรคที่ประทับอยู่ในภาพหินแกะสลัก
มีเพียงผู้ที่สามารถหยั่งถึงและครอบครองความเร้นลับภายในทั้งหมด จึงจะสามารถผ่านการทดสอบได้
พูดง่ายๆ ก็คือ ด่านนี้ทดสอบการหยั่งรู้และความเข้าใจของผู้ฝึกปราณที่มีต่อมหามรรค!
……
ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าป่าศิลาเหลือเพียงไม่ถึงห้าร้อยคน คิดเป็นแค่ครึ่งส่วนของจำนวนผู้เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคในครั้งนี้
ไม่ถึงหนึ่งส่วนเสียด้วยซ้ำ!
ผู้ฝึกปราณอีกเก้าส่วนที่เหลือล้วนถูกคัดออกไปในถกมรรคสี่ด่านก่อนหน้า อัตราการคัดออกนี้น่าตกใจเกินไปแล้วจริงๆ
ทว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถมาถึงหน้าป่าศิลาแห่งนี้ได้ ล้วนเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นยอดของบรรดาบุคคลระดับผู้กล้าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีผู้อ่อนแอแม้แต่คนเดียว
“ป่าศิลาแสดงมรรค ที่นี่มีวาสนามหามรรคที่แท้จริงซ่อนอยู่!”
“ภาพหินแกะสลักบนศิลาหินทุกหลัก ล้วนประทับพลังแห่งมหามรรคที่แตกต่างกันออกไป ไม่เพียงแค่เก้ามรรคขั้นหนึ่งอย่างปัญจธาตุ หยินหยาง วาโยอสนี ยังมีพลังแห่งมหามรรคอื่นๆ ที่หาได้ยากและยอดเยี่ยมอีกมากมาย”
“เทศกาลโคมกถามรรคในอดีต เคยมีคนอนุมานมรรคแห่ง ‘ลักษณ์อำพราง’ ออกมาได้ พิเศษอย่างมาก สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสรรพสิ่ง ใช้ปลอมมาหลอกจริง”
“และมีคนอนุมานมรรคแห่ง ‘เลือดผลาญ’ ออกมา แม้เป็นเพียงมหามรรคขั้นสาม ทว่าเมื่อใช้ในการต่อสู้กลับสามารถทำให้ลมเลือดราวกับเดือดพล่าน ระเบิดพลังต่อสู้ที่สูงกว่าพลังปราณของตน”
“และยังมีมรรคแห่งถ้ำผสาน มรรคแห่งหมอกเมฆา มรรคแห่งกระแสธาร มรรคแห่งแดนมายา และอีกมากมาย ล้วนมีความสามารถเฉพาะตัว มีความมหัศจรรย์ที่แตกต่างกันออกไป”
กลุ่มผู้กล้ายืนอยู่หน้าป่าศิลา ดวงตาเร่าร้อนราวกับกำลังจ้องขุมทรัพย์แห่งหนึ่ง
บททดสอบครั้งนี้ หากสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไม่เพียงสามารถไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ยังได้รับและครอบครองพลังแห่งมหามรรคประเภทหนึ่ง!
นี่ไม่ใช่วาสนาธรรมดา แต่เป็น ‘วาสนามรรค’!
แน่นอนว่าหากอนุมานพลาด ก็อย่าคิดว่าจะได้อะไร จะถูกคัดออกออกจากการทดสอบโดยตรง
เทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านๆ มา บททดสอบด่านสุดท้ายของป่าศิลาแสดงมรรคนี้ แม้ไม่มีอันตรายใดๆ แต่อัตราการคัดออกนั้นสูงที่สุด!
มหามรรคซ่อนอยู่ในศิลาหินที่แตกต่างกัน แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถอนุมานและครอบครองมันได้
ตรงกันข้าม การแจ้งมรรคเป็นเรื่องยากที่สุดในเส้นทางการฝึกปราณ เป็นอุปสรรคที่ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่ไม่สามารถก้าวผ่านได้
นี่เกี่ยวข้องกับทั้งความสามารถในการหยั่งรู้และโชควาสนาของแต่ละบุคคล
……
‘นี่ก็คือสถานที่มรรคจารึกซึ่งเหล่าอริยะบรรพกาลเหลือไว้หรือ หากเป็นเช่นนี้จริง วาสนาที่อาจารย์พูดถึงจะต้องซ่อนอยู่ในนี้แน่!’
ยามนี้ลั่วเจียที่สง่างามพูดน้อยมาตลอด จิตใจกลับกระเพื่อมไหวไม่น้อย
นางมาจากตำหนักปรกอุดมแห่งแดนประมุขพิภพ ครั้งนี้จู่ๆ ก็มาเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค เดิมทีก็ดึงดูดความสนใจและแปลกใจจากหลายคน คิดว่านางเองก็มาเพื่อศุภโชคใหญ่บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ
แต่มีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รู้ว่า นางมาเพื่อป่าศิลาผืนนี้!
‘ครั้งนี้จะต้องตามหาวาสนาในนี้ให้เจอ มีเพียงเช่นนี้จึงจะปลุกพลังพรสวรรค์สายเลือดของข้าได้!’
ดวงตาที่ราวกับดวงดาราของลั่วเจียปรากฏความแน่วแน่
……
‘เจ้าสำนักเคยบอกว่าป่าศิลาผืนนี้ไม่ธรรมดา ซ่อนวาสนามรรคเทียมฟ้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร…’ จี้ซิงเหยาเหมือนคิดอะไรอยู่
‘ตามคาด เขาพยับครามนี้ช่างสมกับเป็นภูเขาเทพสมัยบรรพกาลลูกหนึ่ง ครั้งนี้คิดถูกแล้วที่มา’ นัยน์ตาใสสะอาดของอวี่หลิงคงมีแสงเรืองพลุ่งพล่านอยู่รางๆ
ไม่เพียงแค่พวกเขา บุคคลแห่งยุคคนอื่นๆ เองก็หัวใจกระเพื่อมไหว
พวกเขามาจากขุมอำนาจที่แตกต่างกัน ก่อนมาเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคก็ได้รู้ความลับมากมายของป่าศิลาผืนนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องรู้ชัดว่าวาสนามรรคที่ซ่อนอยู่น่าทึ่งเพียงใด
ถึงขั้นที่ก่อนเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค พวกเขาก็มีเป้าหมายในใจ หมายปองศิลาหินหลักใดหลักหนึ่งในป่าศิลาผืนนี้แล้ว!
นี่ก็คือรากฐานของผู้สืบทอดสำนัก มีอาจารย์ผู้อาวุโสคอยชี้แนะ ทำให้พวกเขาสามารถเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่พลาดวาสนาที่แท้จริงเพราะความประมาท
‘หลินสวิน เจ้าต้องระวังแล้ว ผ่านด่านนี้ก็จะถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณนั่นแล้ว ถึงตอนนั้นคนพวกนั้นต้องคิดหาทุกวิถีทางมาเล่นงานเจ้าแน่’ เยวี่ยเจี้ยนหมิงสื่อจิตเตือนหลินสวิน
หลินสวินขานรับว่าอืม ดูใจลอยเล็กน้อย
เพราะทันทีที่มาถึงป่าศิลาผืนนี้ เขาก็รับรู้ได้ถึงเสียงขานเรียกที่ราวกับมีแต่ไม่มี ทำให้ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดตรงบริเวณหัวใจของเขาเกิดคลื่นเป็นระลอก ราวกับกำลังจะตื่นตัวขึ้นมา
นี่ทำให้ในใจหลินสวินสั่นไหว ความสนใจทั้งหมดถูกดึงดูดไป
ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดของเขามีชื่อว่าหุบเหวกลืนกิน ตอนที่อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า ก็ถูกจัดให้เป็นพรสวรรค์พิเศษขั้นหนึ่งแล้ว
แต่นอกจากให้ประโยชน์อย่างไม่อาจคาดเดาต่อการฝึกปราณของหลินสวิน ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดก็อยู่ในสภาวะเงียบสงบมาโดยตลอด
สำหรับความลึกลับและพลังที่ซ่อนแฝงอยู่ แม้แต่หลินสวินเองยังยากจะมองทะลุ
ทว่าหุบเหวกลืนกินพิเศษมากอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นตอนนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋ผู้สืบทอดพลิกฟ้าแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าคงไม่มาโลกชั้นล่างเพียงลำพัง และเข่นฆ่าญาติทุกคนของเขาเพื่อช่วงชิงชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดของเขา!
และเท่าที่หลินสวินรู้ อวิ๋นชิ่งไป๋เองก็อาศัยชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดที่ช่วงชิงจากตน ทำให้การฝึกปราณพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันได้รับขนานนามว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นอันดับหนึ่งของระดับที่ต่ำกว่าราชัน!
ส่วนที่ถือกำเนิดในร่างกายของหลินสวินตอนนี้ เป็นชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดอันใหม่เอี่ยม บริสุทธิ์สมบูรณ์แบบ เปล่งประกายเจิดจรัส แต่อยู่ในสภาวะนิ่งสงบมาโดยตลอด
มีเพียงตอนที่หลินสวินพลังแห้งเหือด ร่างกายปรากฏสภาพเป็นตาย ถึงได้แผ่กระแสร้อนอันลึกลับสายแล้วสายเล่า ช่วยหลินสวินซ่อมบำรุงร่างกายของตน
อย่างเช่นก่อนหน้านี้ในเขตขีดจำกัดของการถกมรรคด่านที่สอง ตอนที่หลินสวินต่อสู้กับประทับเจตจำนงที่ ‘ผู้ฝึกปราณ’ กลุ่มนั้นทิ้งเอาไว้ สู้อย่างสุดชีวิตก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดนี้ ทำให้เขาทะลวงขีดจำกัดของตนหลังจากปลดปล่อยพลังอย่างสุดกำลัง เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในคราเดียว ได้รับรางวัลพิเศษของอันดับหนึ่ง… ขวดมหามรรคสุดหยั่งในที่สุด!
และตอนนี้ เพียงแค่มาถึงหน้าป่าศิลาเท่านั้น ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดก็เกิดความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดอย่างกะทันหัน ราวกับถูกพลังมหัศจรรย์บางอย่างปลุก นี่จะไม่ให้หลินสวินตกใจได้อย่างไร
หรือพลังแห่งมหามรรคที่ซ่อนอยู่บนศิลาหินหลักใดหลักหนึ่งในป่าศิลาแห่งนี้ สามารถทำให้ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดตื่นตัวขึ้นมาได้
หลินสวินใจเต้นระทึก
“หลินสวิน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ด้านข้าง เยวี่ยเจี้ยนหมิงเห็นหลินสวินจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็อดเป็นห่วงไม่ได้ คิดว่าเขากำลังกังวลอะไร
หลินสวินบื้อใบ้ ส่ายหน้าพูด “เปล่า”
“เปล่างั้นหรือ ข้าว่ากำลังกังวลว่าตอนไปถึงต้นโคมสำริดมรรคโบราณจะเอาตัวไม่รอดล่ะสิ!” ในระยะไกล เสียงเย้ยหยันของซาหลิวฉานดังขึ้น
หลินสวินเหลือบสายตาขึ้นมองพลันเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นซาหลิวฉานหรือพวกจงหลีอู๋จี้ ชิงเหลียนเอ๋อร์ ใบหน้าล้วนเผยรอยยิ้มเยาะ
เห็นได้ชัดว่าผ่านด่านนี้ก็จะไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณแล้ว นี่ทำให้พวกเขาร้อนใจจนทนรอแทบไม่ไหว
ครั้งนี้หลินสวินคร้านจะสนใจคนพวกนี้แล้วจริงๆ
ตั้งแต่เข้าร่วมการทดสอบถกมรรค ระหว่างทางคนพวกนี้ก็ร้องเหมือนแมลงวันไม่หยุด หลินสวินทนมามากพอแล้ว ไม่เพียงแค่พวกเขาที่รอไม่ไหว แม้แต่ตัวหลินสวินเองก็เกิดอยากฆ่าคนขึ้นมาแล้ว
ตึง!
เสียงที่เก่าแก่เนิบช้านั่นดังก้องขึ้นอีกครั้ง ลอยอยู่ท่ามกลางป่าศิลาอันเก่าแก่
วู้ม
พลันเห็นว่าบนศิลาหินที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายร่องรอยแห่งกาลเวลา เถาวัลย์ที่พันอยู่ ตะไคร่หนาแน่น ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงทั้งหมดและปลิวลงในชั่วขณะนี้
จากนั้นศิลาหินทุกหลักราวกับตื่นจากกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด พื้นผิวปลดปล่อยกลิ่นอายมหามรรคอันคลุมเครือเป็นระลอก ผันผวนราวกับคลื่น ปกคลุมฟ้าดิน ดูน่าตกใจยิ่ง
กลิ่นอายมหามรรคพวกนั้นมากเกินไปแล้ว แน่นขนัดแตกต่างกันออกไป บ้างลุกโชนราวกับเพลิง ผงาดกร้าวลำพอง บ้างเยียบเย็นเสียดกระดูก พลุ่งพล่านและแผ่กว้าง
บ้างเปล่งเสียงชิ้งๆ เปล่งแสงแหลมคมทะลวงฟ้า
คลื่นคลุมเครือทุกรูปแบบของมหามรรค ราวกับปรากฏการณ์ประหลาดมากมายมาเยือน ทำให้จิตใจของผู้แข็งแกร่งทุกคนในที่นั้นถูกดึงดูดไป
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลแห่งยุคอย่างพวกจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคง หรือจะเป็นผู้กล้าชั้นยอดคนอื่นๆ ยามนี้สีหน้าล้วนยากจะเก็บความคาดหวังอันแรงกล้า
บททดสอบ วาสนามรรคกำลังจะมาถึงมือ!
และตอนนี้บริเวณหน้าอกของหลินสวินร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน ราวกับถูกไฟเผา บนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดแผ่คลื่นแปลกประหลาด แสงประกายอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูออกมา ราวกับกำลังโห่ร้องและปรารถนาบางอย่าง
หลินสวินตระหนักได้ว่า ครั้งนี้หากสามารถคว้าโอกาสไว้ได้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าตนจะสามารถเปิดม่านอันลึกลับของชีพจรวิญญาณต้นกำเนิด และสำรวจแก่นแท้ของมันได้!
สวบ!
เงาร่างหนึ่งพุ่งปราดออกมา มีผู้แข็งแกร่งทนไม่ไหวแล้ว พลันพุ่งไปยังป่าศิลาเก่าแก่นั่น
“ไป”
“เร็ว อย่าให้คนอื่นยึดไป!”
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวแทบจะในเวลาเดียวกัน แต่ละคนต่างแก่งแย่ง สถานการณ์สับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที
การถกมรรคครั้งนี้ก็ห้ามการต่อสู้เช่นกัน หากไม่ชิงเคลื่อนไหวก่อน มีความเป็นไปได้สูงมากที่ศิลาหินที่ตนหมายปองจะถูกคนอื่นยึดครองไปก่อน
ดังนั้นแม้แต่บุคคลแห่งยุคอย่างพวกจี้ซิงเหยาก็ไม่กล้ารีรอสักนิด พอสิ้นเสียงระฆังก็เคลื่อนไหวทันที
สวบ!
ในเวลาเดียวกัน หลินสวินเองก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เงาร่างพุ่งออกมาด้วยความเร็วราวกับลำแสง ทำให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างตกใจ
เพียงแต่ไม่นานหลินสวินก็หยุดเท้า สีหน้าพลันแปลกประหลาดขึ้นมาไม่น้อย
เขาสัมผัสได้แล้วว่า ระลอกคลื่นที่ทำให้ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดตื่นตัวจากความเงียบสงบ ดันมาจากศิลาหินที่อยู่ขอบสุดของป่าศิลา ดูสะดุดตาอย่างที่สุด
แต่เช่นเดียวกัน ศิลาหินที่อยู่ขอบสุดถูกผู้แข็งแกร่งมากมายมองข้ามไปโดยตรง
เหตุผลนั้นง่ายมาก อิงจากความลับและข่าวสารที่พวกเขามี บวกกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในเทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านๆ มา ทำให้พวกเขาต่างรู้ชัดว่าในป่าศิลาผืนนี้ บนศิลาหินที่อยู่รอบนอกสุดแทบจะเป็นพลังแห่งมหามรรคที่ธรรมดาอย่างมากทั้งหมด คุณลักษณะต่ำมาก ไม่มีค่าอะไรให้สนใจ
ตรงกันข้าม ยิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าศิลา พลังแห่งมหามรรคที่ซ่อนอยู่บนศิลาหินก็ยิ่งแข็งแกร่ง คุณลักษณะก็ยิ่งโดดเด่น!
ดังนั้นเหล่าผู้กล้าจึงแทบจะพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าศิลาราวกับฝูงผึ้ง
หลินสวินเองก็รู้ความลับของป่าศิลาผืนนี้จากปากไป่เฟิงหลิว นี่ก็คือจุดที่ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า สิ่งที่ดึงดูดให้ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดตื่นตัวกลับเป็นศิลาหินที่อยู่รอบนอกสุดของป่าศิลาผืนนี้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด