Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 886 ควบรวมวารีเป็นดาบ
ตอนที่ 886 ควบรวมวารีเป็นดาบ
พวกอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยาต่างหรี่ตาลง หลินสวินไม่ประสบเคราะห์ กลับเลื่อนขั้นภายใต้อันตรายในคราเดียว นี่ทำให้พวกเขายังตกตะลึงเช่นกันถัดจากนั้นพวกเขาต่างมีทีท่ารอดูเรื่องสนุก นัยน์ตาเจือความเพลิดเพลินเสี้ยวหนึ่งมองไปทางซาหลิวฉานกิริยาเมื่อครู่ของเจ้านี่ขัดตาเหลือเกิน ดีใจจนลืมตัว ทำให้ในใจพวกเขาค่อนข้างไม่พอใจอยู่บ้าง“ได้ยินว่าเจ้าชำนาญการเล่นน้ำมาก ไม่เช่นนั้นพวกเรามาเล่นกันหน่อยเป็นอย่างไร”หลินสวินนัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนี จ้องซาหลิวฉานที่อยู่ห่างไกลเขม็ง พลังขับเคลื่อนทั่วร่างพรั่งพรู แผ่กลิ่นอายชวนประหวั่น“ฮึ!”ซาหลิวฉานในใจแม้ตกตะลึง แต่ก็ไม่เกรงกลัวหลินสวินซ่า!ทว่าไม่รอเขาเอ่ยปาก หลินสวินที่อยู่ห่างไกลสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง บนผืนทะเลพลันมีน้ำทะเลพันหมื่นควบรวมตัวเป็นคมดาบพวยพุ่งออกมาคมดาบนี้แต่ละสายล้วนยาวหนึ่งฉื่อ ควบรวมจากน้ำทะเลทั้งสิ้น แวววาวโปร่งแสง คมปลาบบาดตา เฉียบคมหาใดเปรียบควบรวมน้ำเป็นดาบ!เหล่าผู้กล้าอ้าปากค้าง น้ำทะเลนี่ไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่ละหยดล้วนหนักเกินหมื่นชั่ง แต่บัดนี้ถูกควบรวมเป็นคมดาบพันหมื่นสายปกคลุมฟ้าดิน คมกริบเต็มฟ้า ภาพฉากนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว“แย่แล้ว!” ซาหลิวฉานในใจสั่นสะท้าน สังเกตเห็นความอันตราย“ไป!”หลินสวินยืนหยัดบนเรือดอกบัว ยื่นมือกลางอากาศชักนำ คมดาบทั่วฟ้าเปล่งเสียงวู้มๆ แหวกฝ่าความว่างเปล่าจากสายตาคนนอก หลินสวินขณะนี้ดุจเซียนกลางดาบ ไร้มลทินเหนือห้วงมายา ขับเคลื่อนคมดาบสุดคณนากวาดวาดในทะเลปรวนแปรฟุ่บๆห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งดั่งไหมทอ ปลายดาบพร่างพราวคำรามหวือ ภาพนั้นช่างราวกับกองกำลังพันหมื่นออกตีฝ่า ไอสังหารชวนประหวั่นแผ่กระจาย“แกร่งเกินไปแล้ว!” ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ต่างรู้สึกตกตะลึง“การควบคุมมหามรรคธาตุน้ำของเขาบรรลุถึงขั้นเจตจำนงแห่งมรรค ยอดเยี่ยมสมบูรณ์ที่สุด สามารถควบรวมน้ำเป็นดาบเพียงสะบัดแขนเสื้อ ในบรรดาคนรุ่นเยาว์มีน้อยคนนักที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้” มีคนกล่าวรำพึงผู้ชมการต่อสู้ไม่มีใครไม่พยักหน้าเจตจำนงแห่งมรรค คือพลังที่มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทุกคนล้วนสามารถครองพลังเจตจำนงแห่งมรรคตรงกันข้าม คนที่ครอบครองพลังเจตจำนงแห่งมรรคในระดับนี้ได้ ไร้หนึ่งในหมื่นอย่างแน่นอน!นอกจากนี้พลังมหามรรคยากหยั่งอัศจรรย์เกินไป ใช่ว่าจะถูกหยั่งถึงและควบคุมได้ตามสะดวก จำเป็นต้องมีวาสนาและศุภโชค!และระดับเจตจำนงแห่งมรรค ห่างไกลเหนือระดับท่วงทำนองแห่งมรรคซึ่งพื้นฐานที่สุดอยู่โข คิดหมายควบคุมก็ยิ่งยากแม้แต่ในเหล่าผู้กล้า ณ ที่นั้น ส่วนมากก็แค่ครองพลังมหามรรคระดับท่วงทำนองแห่งมรรค มีเพียงหนึ่งหยิบมือที่ครองพลังเจตจำนงแห่งมรรคด้วยเหตุนี้ชั่วขณะที่เห็นพลังเจตจำนงแห่งมรรคของหลินสวินเปลี่ยนสิ่งไร้ค่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ จึงดึงดูดสายตาตกตะลึงเช่นนี้“ทะยาน!”เผชิญหน้าหมื่นศาสตราซัดสาด สีหน้าซาหลิวฉานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เลือดลมทั่วร่างโหมซัด แขนเสื้อสะบัดดังฟึ่บฟั่บ พลังทั่วร่างทะยานถึงขีดสุด เห็นเพียงสองมือของเขาหอบความว่างเปล่าราวค้ำหยินหยาง ยกขึ้นเนิบช้ากลางอากาศบนผืนทะเลกำแพงน้ำหลากสายทะยานขึ้นมาดังครืนๆ กำแพงน้ำเหล่านี้สูงร้อยจั้ง หนาสิบจั้ง เพิ่งปรากฏบนผืนทะเลก็เยือกแข็งรวดเร็ว กลายเป็นกำแพงน้ำแข็งทอดมองจากไกลๆ เสมือนภูเขาน้ำแข็งหลายลูกอุบัติขึ้นกลางทะเลปึง! ปึง! ปึง! ปึง! ปึง!ดาบวารีเรือนพันเรือนหมื่นโฉบเข้ามา พริบตานั้นก็เฉือนกำแพงน้ำแข็งสิบกว่าสาย ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น เศษน้ำแข็งแตกละเอียดซ่านกระเซ็นแม้กล่าวว่าในขั้นตอนนี้ดาบวารีถูกกีดขวาง สลายไปไม่น้อย แต่ยังมีดาบวารีอีกมากมายแน่นขนัดพุ่งตรงมาภายใต้สายตาสะท้านไหวทั้งหมดที่จับจ้อง ดาบวารีหนาแน่นราวพายุม้วนหอบ แหวกทำลายทุกสิ่ง ทะลวงโค่นอุปสรรคทั้งมวล“ทะยาน!”ซาหลิวฉานตื่นตระหนก ทั่วร่างแข็งทื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย แผดเสียงตะเบ็งลั่น โคจรพลังทั้งหมดถึงขีดสุด เลือดลมทั้งตัวทะลวงฟ้า ทรงพลังอย่างยิ่งครืน…บนผืนทะเล กำแพงน้ำแข็งมากมายผงาดขึ้นป้องกันโดยรอบ แวววาวโปร่งแสง ทั้งอบอวลพลังวิญญาณและเจตจำนงแห่งมรรคอันบริสุทธิ์นี่เทียบกับกำแพงสำริดผนังเหล็กแล้วยังแข็งแกร่งกว่า!เคร้งๆๆ ดาบวารีแหลมคมโหมซัดชิดถี่ ปะทะเข้ากับกำแพงน้ำแข็ง ส่งเสียงบาดหูราวทวนทองตัดกระทบผู้แข็งแกร่งมากมายละแวกใกล้เคียงเลือดลมปั่นป่วน ไม่อาจไม่หลีกหนี เกรงแต่จะถูกลูกหลงทว่าเพียงชั่วพริบตา กำแพงน้ำแข็งมากมายนั่นถูกสะบั้นแหลกอีกครั้ง เฉือนตัดเป็นซากน้ำแข็ง ร่วงลงครืนๆ สู่ผืนทะเลขณะเดียวกัน ยังเหลือดาบวารีนับร้อยพุ่งมาถึงหน้าซาหลิวฉาน!…ซาหลิวฉานสีหน้าแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ เห็นชัดว่าคาดไม่ถึงว่าอานุภาพของดาบวารีเหล่านั้นจะน่ากลัวเช่นนี้ฉึ่บ!ดาบวารีเล่มหนึ่งโฉบผ่าน เฉือนฝากรอยโลหิตบนแก้มเขา จากนั้นผมยาวปอยหนึ่งถูกตัดขาด คลาดเพียงนิดก็จะเฉือนลงบนหน้าปึง!เงาร่างเขาสั่นสะท้าน แขนขวาถูกทะลวงเกิดรูโหว่ชุ่มเลือดหนึ่ง เลือดแดงสดสาดกระจายไม่ใช่ซาหลิวฉานไม่ปัดป้อง แต่ดาบวารีพวกนี้มีมากเกินไป ชิดถี่ราวพายุฝนเทกระหน่ำ เขาพยายามสลายเต็มกำลัง แต่ยังเลี่ยงการบาดเจ็บไม่ได้ปึงๆๆดาบวารีแวววาวเจือไอสังหารดุดันชวนประหวั่น พลังน่าอัศจรรย์ ซาหลิวฉานแผดเสียงคำรามต่อต้าน แต่ร่างกายกลับถูกกระเทือนจนซวนเซไม่หยุด เลือดลมทั่วร่างตีกลับ ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือดที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจเหินอากาศ ได้แต่บังคับเรือดอกบัวหลีกหลบ แต่เรือดอกบัวต้องอาศัยปราณของตนมาควบคุม ทำให้ความเร็วเขาช้าลงมากโดยปริยาย“อ๊าก…!” ซาหลิวฉานส่งเสียงคำรามพิโรธ ดวงตาปูดโปนแทบถลน นัยน์ตาแดงก่ำ แสงศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างพลุ่งพล่าน แม้ใช้แรงเต็มกำลังกลับทำได้แต่ฝืนต้านทานจากมุมมองคนนอก เห็นดาบวารีเจิดจรัสแวววาวเล่มแล้วเล่มเล่าฟันลงมา ปกคลุมซาหลิวฉานไว้ภายในทั้งตัว แต่ละครั้งที่ฟันเฉือนต่างทำให้เขาสั่นเทาไปทั้งร่าง ได้รับแรงปะทะยากจินตนาการ!เมื่อดาบวารีทั้งหมดถูกสลาย ซาหลิวฉานก็เลือดอาบไปทั้งตัว ผิวทุกกระเบียดล้วนสั่นสะท้านกระตุกเกร็ง สีหน้าบิดเบี้ยวพรูด!เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งอย่างอดไม่อยู่ เขาได้รับบาดเจ็บภายในเช่นกัน พลังที่ดาบวารีนั่นบรรจุไว้เฉียบขาด ดุดัน อัดแน่น มีพลังทำลายล้างน่ากลัวยิ่งยวด…ในที่นั้นเงียบสงัด เงียบสนิทไร้สุ้มเสียงทั้งหมดนี้พูดแล้วดูเนิบช้า แต่ความจริงล้วนเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ไม่กี่อึดใจและตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินใช้แค่การโจมตีเดียวโบกแขนเสื้อหนึ่งครา ดาบวารีหมื่นพันบุกทะลวง เฉือนแหวกห้วงอากาศปั่นป่วนลมเมฆ ปกคลุมลงมา!แต่ซาหลิวฉานซึ่งเป็นบุคคลแห่งยุคที่มีชื่อเสียงยิ่งคนหนึ่ง ภายใต้การโจมตีนี้กลับไม่อาจต้านจนได้รับบาดเจ็บ!ฝีมือเช่นนี้เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้าเพียงชั่วขณะสีหน้าเหล่าผู้กล้าตะลึงงัน แม้แต่บุคคลแห่งยุคอย่างอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา มู่เจี้ยนถิง ต่างไม่อาจนิ่งสงบอยู่บ้างหลินสวินหลังเลื่อนขั้น เผยพลังต่อสู้ชวนประหวั่นเหนือกว่าที่ผ่านมา ทำเอาพวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันหนักหน่วง“อ๊าก…” ทันใดนั้นมีคนร้องอนาถ ถูกน้ำทะเลตลบม้วน คว่ำหล่นจากเรือดอกบัวและถูกคัดออกที่แท้คนผู้นี้มัวแต่ชมการต่อสู้ ช่วงที่ประมาทจึงถูกพลังอัศจรรย์จากทะเลปรวนแปรจู่โจมสภาวะจิต จนกระทั่งถูกคัดออกไปนี่เห็นได้ว่าน่าขันนัก แต่ก็สามารถมองออกว่าการต่อสู้นี้ที่ดูเหมือนสั้นๆ แต่ความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกลับใหญ่หลวง!เหล่าผู้กล้าสำรวมจิต ระวังตัวขึ้นมาทันทีถึงอย่างไรก็อยู่กลางการทดสอบด่านที่สาม พลังของทะเลปรวนแปรมีผลต่อสภาวะจิตอย่างน่ากลัวยิ่งยวด พลาดเพียงก้าวก็จะถูกคัดออก…“สนุกไหม”ห่างออกไป ชายเสื้อหลินสวินโบกพลิ้ว นัยน์ตาเยียบเย็นมองซาหลิวฉานจากไกลๆ“เจ้านี่มันรนหาที่ตาย!”ซาหลิวฉานคำราม ทั้งตัวเขาอาบโลหิตได้รับบาดเจ็บสาหัส ในใจเต็มไปด้วยความอัปยศและเดือดดาล แค้นจนเกือบคลั่ง“ดูท่าเจ้าคงอยากเล่นต่ออีกหน่อย”หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ครืนๆ ดาบวารีเจิดจรัสแวววาวนับหมื่นพันพุ่งปกคลุมห้วงอากาศ ปลายคมส่องระยับไร้เทียมทานแค่ชั่วพริบตา ดาบวารีแน่นขนัดโฉบพุ่งออกไปซาหลิวฉานหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เขาเคยเจอความน่ากลัวของพลังนี้มาก่อน มีหรือจะเลือกฝืนปะทะอีก รีบบังคับเรือดอกบัวเต็มกำลัง หลบลี้หลีกไกลในบัดดลเขาถึงกับหนีแล้ว!เหล่าผู้กล้าต่างตกตะลึงแม้หลินสวินเองยังชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนอย่างซาหลิวฉานจะเลือกถอยไม่สู้“หลินสวิน รอถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสพลังที่แท้จริงของข้า!” ห่างออกไป เสียงคำรามพยาบาทหาใดเปรียบของซาหลิวฉานดังมาในวาจาเจือการข่มขู่โดยไม่ปกปิดแม้แต่น้อย“แม้แต่ความกล้าจะเล่นน้ำกับข้ายังไม่มี ยังมาข่มขู่ข้ายกใหญ่ ไม่รู้สึกว่าน่าขันหรือ” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็นเขาไม่ได้ไล่ตามไป เหตุผลนั้นง่ายมาก เขาไม่คิดให้ซาหลิวฉานถูกคัดออก หมายต่อสู้จัดการเขาในคราเดียว กำจัดภัยร้ายในภายภาคหน้า!“เจ้าหมอนี่ฉลาดนัก รู้ว่าการควบคุมเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำไม่อาจตีเสมอหลินสวิน ด้วยเหตุนี้จึงเลือกซ่อนคมไว้ในฝัก” หลี่ชิงฮวนกล่าวพึมพำ“เจ้าว่าเขาไม่ได้ถูกขู่จนถอยหรือ” อู่ต้วนหยาชะงักงัน“ซาหลิวฉานมาจากทะเลมารพิฆาต ถูกขนานนามว่าหนึ่งในสิบยอดผู้กล้าแห่งยุคของทะเลมารพิฆาต พวกเขาเผ่าฉลามสมุทรก็เป็นราชันในฟากหนึ่งเช่นกัน บรรพบุรุษเคยปรากฏอริยะที่แท้จริง ในมือคนอย่างเขาต้องมีมหาอาวุธสังหารที่พึ่งพาได้แน่”หลี่ชิงฮวนกล่าวราบเรียบ “และนี่ ก็คือความมั่นใจที่ทำให้เขากล้าเอ่ยทิ้งท้ายข่มขู่หลินสวิน!”…ซาหลิวฉานไม่สู้แต่ถอยร่น หนีเตลิดจากไปนี่ทำให้ผู้แข็งแกร่ง ณ ที่นั้นต่างสั่นสะท้านหนักหน่วง ไม่มีใครเยาะหยันว่าซาหลิวฉานอ่อนแอ สิ่งที่พวกเขาตกตะลึงคือพลังต่อสู้ของหลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!แม้แต่บุคคลแห่งยุคล้วนถูกเขาโจมตีบาดเจ็บง่ายดาย ตระหนกจนถอยหนีไป ช่างทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาว่าเขาแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่บุคคลแห่งยุคคนอื่นๆ กลับมีความคิดแตกต่างไป แอบวิเคราะห์เปรียบเทียบตัวเองกับหลินสวินอยู่ในใจหลังจากหลินสวินเลื่อนขั้น เปลี่ยนเป็นทรงพลังยิ่งกว่าเดิม นี่ทำให้พวกเขาเกิดแรงกดดัน ไม่อาจไม่ให้ความสำคัญและจริงจังในชั่วขณะหนึ่งกลางทะเลปรวนแปรไม่มีไอสังหารอบอวลอีก กลิ่นอายตึงเครียดพร้อมปะทุทุกเมื่อเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดหลินสวินหาได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลาง ทำให้เขายังไม่ทันได้หยั่งถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งตนเขานั่งลงทำสมาธิต่อตรงนั้น สีหน้าสำรวมนิ่งสงบ ไม่ใส่ใจสายตาหลายหลากที่มองจากทั่วสารทิศผ่านไปเนิ่นนานห่างออกไปไกล มองเห็นเส้นชายฝั่งทอดตัวยาวปรากฏไม่จำเป็นต้องสงสัย นั่นก็คือพื้นที่อีกฝั่งของทะเลปรวนแปร เมื่อถึงที่นั่นเท่ากับผ่านการทดสอบด่านที่สามอย่างราบรื่นเพียงแต่…ตลอดทางมานี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายโชคร้ายถูกคัดออกไปก่อนแล้ว ปัจจุบันผู้แข็งแกร่งที่สามารถยืนหยัดถึงที่นี่เหลือแค่พันกว่าคน!
คอมเม้นต์