Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 879 บัญชีเก่ายังไม่สะสาง แค้นใหม่ยังมาเยือน
ตอนที่ 879 บัญชีเก่ายังไม่สะสาง แค้นใหม่ยังมาเยือน
จี้ซิงเหยาถูกเรียกขานว่าเป็นผู้นำคนรุ่นเยาว์แห่งแดนฐิติประจิม ชายหนุ่มมากความสามารถนับไม่ถ้วนต่างยกย่องสรรเสริญ รูปโฉมเรียกได้ว่าหาใครทัดเทียมโดยไม่ต้องสงสัยนางมีผมงามนุ่มสลวย คิ้วโค้งงอน นัยน์ตากระจ่างส่องประกายดุจดารา ทุกการเคลื่อนไหวเจือความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ประดุจเทพธิดาเย็นยะเยือกราวหิมะในสายตาอวี่หลิงคง เห็นจะมีเพียงผู้กล้าหญิงแห่งยุคเช่นนี้จึงควรค่าให้เขาไล่ตามแสวงหาแท้จริงแล้วการที่เขาข้ามเขตแดนวิภู เดินทางจากแดนกาฬทักษิณผ่านพันภูผาหมื่นวารีครานี้ นอกจากเพื่อเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคแล้ว จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดคือการใกล้ชิดจี้ซิงเหยาแต่ยามนี้ได้เห็น ‘การถ่ายทอดความรู้สึก’ ระหว่างหลินสวินและจี้ซิงเหยากับตา ทำให้ในใจอวี่หลิงคงยากจะรับราวกับกินแมลงวันตายเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น“แม่นางจี้ เจ้านี่พูดจาจาบจ้วงทำลายชื่อเสียงเจ้า ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่” อวี่หลิงคงเอ่ยปาก ยิ้มน้อยๆ ให้จี้ซิงเหยา จากนั้นค่อยมองหลินสวินด้วยสายตาเย็นชาเทพมารหลินอะไร เขาล้วนไม่สนใจทั้งสิ้น!ผู้แข็งแกร่งละแวกใกล้เคียงทั้งหมดต่างตื่นตระหนกคาดไม่ถึง จี้ซิงเหยายังไม่แสดงท่าทีอะไร อวี่หลิงคงบุคคลแห่งยุคซึ่งมาจากแดนกาฬทักษิณนี่กลับเสนอตัวออกมาเสียก่อนเดิมจี้ซิงเหยาก็แค้นจนกัดฟันกรอด ข่มความวู่วามที่อยากพุ่งออกไปฉีกร่างหลินสวินเต็มที่ แต่เมื่อได้ยินวาจานี้ของอวี่หลิงคง กลับทำให้ในใจนางยิ่งสั่นไหว หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอวี่หลิงคงนี่หมายความว่าอะไร คิดจริงหรือว่าเรื่องเล็กแค่นี้นางจะจัดการไม่ได้จนต้องให้คนอื่นมาช่วยจี้ซิงเหยารู้ความในใจของอวี่หลิงคงที่มีต่อตน แต่นางกลับไม่สนใจอวี่หลิงคงแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นตอนแรกนางคงไม่แอบหนีมายังนครเตโช ไม่ยอมพบหน้าอวี่หลิงคงซึ่งมาเยือนแม้พูดว่าระหว่างนางกับหลินสวินไม่มีอะไรจริง แต่นางก็ไม่ชอบใจความเอาอกเอาใจของอวี่หลิงคงเวลานี้เช่นเดียวกัน นี่ทำให้นางหงุดหงิดอย่างมากสีหน้าหลินสวินประหลาดไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเลิกคิ้วกล่าว “สหายท่านนี้ เจ้าพูดจาให้บันยะบันยังหน่อย พูดจาบจ้วงอะไรกัน เรื่องของข้ากับแม่นางจี้สองคน คนนอกอย่างเจ้าไม่รู้อะไรก็สอดปากเข้ามาจุ้น ไม่รู้จักกาลเทศะมากไปหรือเปล่า”ผู้แข็งแกร่งทุกคนตรงนั้นอ้าปากค้าง เทพมารหลินช่างแข็งกร้าวซะจริง ถึงกับด่าอวี่หลิงคงว่าไม่รู้จักกาลเทศะตรงๆ!“บังอาจ!”“ไอ้หนู เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”“รีบขอโทษศิษย์พี่อวี่ซะ!”เหล่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะซึ่งมาพร้อมอวี่หลิงคง ขณะนี้ต่างส่งเสียงเดือดดาล ดุว่าหลินสวิน มองว่าเขาล่วงเกินและสบประมาทเกียรติภูมิของอวี่หลิงคง นี่คือการดูหมิ่นหยาบคายหลินสวินเหลือบมองคนเหล่านี้คราหนึ่ง เขายังจำได้ หลายวันก่อนยามพบไป๋หลิงซี คนพวกนี้ก็วางท่าหยิ่งผยองเหนือผู้อื่น ออกจะดูถูกตนเสียด้วยซ้ำเวลานั้นหลินสวินคร้านจะคิดเล็กคิดน้อย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายยังได้คืบจะเอาศอก เห็นว่าเขาหลินสวินกลั่นแกล้งง่ายนักหรือนัยน์ตาดำของเขาเย็นเยียบ “พวกเจ้าหุบปากซะดีกว่า ที่นี่ไม่ใช่แดนกาฬทักษิณและไม่ใช่แดนพิสุทธิ์อมตะ หาใช่ที่ให้พวกเจ้ามาลำพอง”“เจ้า…” หนุ่มสาวรุ่นเยาว์เหล่านั้นโกรธจัดเห็นบรรยากาศชักตึงเครียด ในใจไป๋หลิงซีวิตกกังวล เดินออกมาทันทีหมายทำการไกล่เกลี่ยแต่อวี่หลิงคงพลันสะบัดมือพลางกล่าว “ศิษย์น้องไป๋ ข้ารู้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเด็กนี่ ถอยไปเถอะ นี่ไม่เกี่ยวกับเจ้า”สีหน้าเขาเฉยชานิ่งสงบ ร่างสูงโปร่งแผ่ความน่าเกรงขามอันไร้รูป มีกลิ่นอายไม่อาจขัดขืนประการหนึ่งหลินสวินยิ้มกล่าว “วาจานี้กล่าวได้ไม่เลว แม่นางไป๋เจ้าไม่ต้องลำบากใจ เจ้าเองก็รู้ ข้าหลินสวินฝึกปราณมาจนบัดนี้ ไม่เคยถูกขู่จนหงอ”คิ้วเรียวยาวของไป๋หลิงซีขมวดมุ่น แต่สุดท้ายก็ถอนใจถอยกลับไปนางมองออก ไม่ว่าอวี่หลิงคงหรือหลินสวิน เวลานี้ใครต่างไม่อาจถอยแม้เพียงก้าว นี่เกี่ยวเนื่องกับศักดิ์ศรีของทั้งคู่แต่ขณะนี้ผู้กล้าทั้งหมดซึ่งมุงดูอยู่ใกล้ๆ ในใจต่างรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง ล้วนคาดไม่ถึงว่าเทพมารหลินนี่ไม่เพียงคล้ายข้องเกี่ยวกับจี้ซิงเหยา กระทั่งยังรู้จักมักคุ้นกับไป๋หลิงซีแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะนั่นอยู่ก่อนแล้ว!นี่มันช่างไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว!เทพมารหลินมีคุณธรรมอะไร ถึงถูกหญิงงามสองคนที่รูปโฉมเรียกได้ว่าโดดเด่น ท่วงท่าสง่างามปฏิบัติตัวด้วยเป็นพิเศษชายหนุ่มมากมายต่างอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่แน่นอนว่าเอกบุคคลอย่างซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ จงหลีอู๋จี้ที่ดูเหมือนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ เงียบๆ แต่ความจริงภายในใจแทบอยากให้หลินสวินและอวี่หลิงเกิดความขัดแย้งกันอย่างยิ่ง หากบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่จนถูกคัดออกหมดจะดีที่สุด!…แววตาอวี่หลิงคงประเมินหลินสวินหัวจรดเท้าอย่างละเอียด ก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ “คนทั่วไปต่างบอกว่าเจ้าเทพมารหลินใจกล้าเกินคน แต่จากที่ข้าเห็น หากบอกว่าเจ้าใจกล้า สู้พูดว่ารนหาที่ตายเสียยังดีกว่า”รนหาที่ตาย!เหล่าผู้กล้าต่างตกตะลึง ปัจจุบันเทพมารหลินอานุภาพร้ายกาจเป็นที่โจษขาน มีผลงานการต่อสู้กองพะเนินมาพิสูจน์ความทรงพลังของตัวเองนานแล้ว น้อยคนนักที่จะกล้าประเมินเขาเช่นนี้แต่ตอนนี้อวี่หลิงคงไม่เพียงพูดขึ้นมา ซ้ำยังกล่าวต่อหน้าเทพมารหลิน นี่เผยว่าอวี่หลิงคงไม่เคยเห็นเทพมารหลินในสายตาแต่แรกโดยไม่ต้องสงสัย!“ในเทศกาลโคมกถามรรคนี้ ข้าก็ไม่อยากสร้างความลำบากให้เจ้า ตอนนี้จะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ขอโทษข้าและแม่นางจี้ แล้วครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป”น้ำเสียงอวี่หลิงคงสบายอารมณ์ ร่างเขาสูงโปร่ง หน้าตาสง่าผ่าเผย มีท่วงท่าหยิ่งทะนงผงาดผยอง ข่มขู่ผู้คนเหลือประมาณหลินสวินร้องอ้อทีหนึ่งกำลังจะพูดอะไร กลับเห็นจี้ซิงเหยาที่อยู่ห่างไกลยืนนิ่ง ท่าทางราวคนนอกที่คิดดูเรื่องสนุกเห็นชัดๆ ว่าหายนะทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเด็กสาวอวดดีนี่ชักนำมา แต่เวลานี้นางดันวางตัวอยู่เหนือปัญหา บนโลกนี้ไหนเลยจะมีเรื่องดีเช่นนี้หลินสวินคิดถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนความคิด ถอนใจกล่าว “ซิงเหยา เจ้าไม่อธิบายสักหน่อยหรือ ที่ข้าทำเช่นนี้ล้วนเพื่อปกป้องความลับระหว่างเราสอง หากเจ้าไม่สนใจไยดี เช่นนั้นข้าคงได้แค่นำความลับของเราบอกแก่…”ไม่รอพูดจบ ร่างงามอ่อนช้อยของจี้ซิงเหยาพลันแข็งทื่อ นัยน์ตากระจ่างถลึงกว้าง “เจ้ากล้า!”สีหน้าทุกคนพลันเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่นทันทีเวลานี้อย่าว่าแต่คนอื่น แม้แต่อวี่หลิงคงเองยังเริ่มสงสัย ว่าจี้ซิงเหยามีความข้องเกี่ยวไม่ชัดไม่เจนกับหลินสวินเข้าจริงๆ แล้วนี่ทำให้หว่างคิ้วอวี่หลิงคงปรากฏเงาทะมึนวูบหนึ่ง ในใจทั้งโกรธแค้นทั้งประหลาดใจสงสัยจี้ซิงเหยาเวลานี้คับแค้นอับอายหาใดเปรียบ ไม่กล้าเชื่ออย่างสิ้นเชิง ว่าไอ้ระยำหน้าไม่อายนี่ถึงกับกล้านำเรื่องเช่นนั้นมาขู่ตนขณะนี้แม้แต่ลำคอเนียนละเอียดขาวดุจหิมะของนางล้วนแดงก่ำ บนใบหน้างามสง่าขาวกระจ่างเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและอับอาย ไม่อาจสงบใจ ใกล้จะเป็นบ้าอย่างที่สุด“หลินสวิน นี่เจ้ากำลังบังคับข้าหรือ” จี้ซิงเหยาสูดหายใจลึก นัยน์ตากระจ่างดุจอสนี ไอสังหารแผ่ซ่านหลินสวินท่าทางใสซื่อกล่าวประหลาดใจ “ซิงเหยา ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร ข้าแค่อยากให้เจ้าอธิบายสักหน่อยเท่านั้น จะได้ไม่ต้องให้คนบางคนคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่รู้อะไรก็ยังกระโดดออกมายุ่งเรื่องระหว่างเราสองคน ไม่เคยคิดพูดความลับของเราเลย”เขาคำก็ ‘ซิงเหยา’ สองคำก็ ‘ความลับของเรา’ เหมือนสนิทสนมนัก แต่นี่กลับทำให้จี้ซิงเหยาโกรธจนอยากฆ่าคนเข้าจริงๆ แล้วขาทั้งสองนางเรียวยาว สัดส่วนประทับจิต โค้งเว้าสะโอดสะอง ทว่าเวลานี้กลับโกรธจนร่างอรชรสั่นเล็กน้อย กัดฟันแน่น นัยน์ตากระจ่างดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ เห็นได้ว่าโกรธถึงขีดสุดและเมื่ออวี่หลิงคงได้ยินคำประเมินว่า ‘คิดเข้าข้างตัวเอง’ ในใจก็เดือดดาลหาใดเปรียบ ไอสังหารพลุ่งพล่านอย่างควบคุมไม่อยู่เขา ทายาทตระกูลอวี่สายตรงผู้สง่าผ่าเผย ผู้ปรีชาสามารถรุ่นเยาว์แห่งแดนพิสุทธิ์อมตะ ทั่วทั้งแดนกาฬทักษิณต่างเรียกว่าเป็นผู้โดดเด่นแห่งยุค ชื่อเสียงขจรขจายในโลกฟากหนึ่งบัดนี้กลับถูกมองเป็นว่า ‘คิดเข้าข้างตัวเอง’ นี่เป็นการหยามศักดิ์ศรีเขาอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย!“เจ้านี่มันรนหาที่ตาย!”ผมยาวของอวี่หลิงคงผมแผ่สยาย บนใบหน้าหล่อเหลาผุดไอสังหาร แววตาฉายพลานุภาพไร้รูปตลบอบอวล ชวนให้ผู้แข็งแกร่งใกล้เคียงใจสั่นสะท้าน แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!อวี่หลิงคงเวลานี้ราวเทพถูกยั่วโทสะ อานุภาพอัศจรรย์ทะลวงฟ้า ก่อกวนลมเมฆ“ทำไม อับอายจนกลายเป็นโกรธจึงคิดลงมือหรือ ข้าต้องกลัวเจ้าด้วยหรือ”หลินสวินยิ้มเยาะนัยน์ตาดำของเขามีสายฟ้าโฉบตวัด พลังทั่วร่างส่งเสียงกัมปนาท ในใจคิดอยากลองดูว่าอวี่หลิงคงนี่จะเก่งกล้าสักแค่ไหน ถึงได้กล้าเพ่งเล็งตนเช่นนี้อีกทั้งเขายังทะลวงขีดจำกัดในถกมรรคด่านที่สอง ทำให้พลังต่อสู้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ต้องอยากได้คู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมาทดสอบเป็นธรรมดาพริบตานั้น บรรยากาศตึงเครียดพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ!หน้าทะเลปรวนแปร ขณะการทดสอบด่านที่สามยังไม่เริ่ม ใครต่างไม่คาดคิดว่าเพราะความสัมพันธ์ของจี้ซิงเหยา จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างเทพมารหลินและอวี่หลิงคงกะทันหันเวลานี้ทั้งสองต่างคุมเชิงกัน คลื่นลมตั้งเค้าผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่เฝ้าดู ในใจต่างมีความคิดมากมายบางคนแทบอยากให้การประลองนี้เปิดฉาก ไม่ว่าเทพมารหลินถูกคัดออกหรืออวี่หลิงคงถูกกำจัด พวกเขาล้วนหวังเห็นสิ่งนั้นกลายเป็นจริงดังเช่นพวกซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างคิดเช่นนี้และมีบางคนเป็นกังวล ทันทีที่บุคคลแห่งยุคเช่นสองคนนี้เปิดศึก จะต้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เป็นไปได้สูงว่าจะกระเทือนมาถึงคนอื่นทว่าขณะที่การต่อสู้จวนปะทุ ผู้ที่คาดไม่ถึงคนหนึ่งพลันก้าวออกมาทำการเกลี้ยกล่อมหลินสวิน“หลินสวิน ข้าว่าเจ้าขอโทษคุณชายอวี่และแม่นางจี้เถอะ อย่าดึงดันทำตามใจมัวแต่อวดดีอีก ไม่เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วภัยร้ายคงมาเยือน!”ถึงกับเป็นเซี่ยอวี้ถัง!ทุกคนต่างตื่นตะลึง เจ้าหมอนี่เป็นใครถึงกล้าพูดกับเทพมารหลินเช่นนี้‘ดรุณจ้าวกระบี่ตระกูลเซี่ยเมื่อคราวนั้นหยิ่งทะนงระดับใด คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นต่ำต้อยเช่นนี้ เวลานี้ไม่เพียงไม่ช่วยหลินสวิน กลับหมายให้หลินสวินก้มหัว ช่างทำให้คนผิดหวังเกินไปแล้ว…’ไป๋หลิงซีขมวดคิ้ว ในใจโกรธจัด พวกเขาต่างมาจากจักรวรรดิจื่อเย่า แต่เห็นชัดว่าเซี่ยอวี้ถังไม่เคยเห็นหลินสวินเป็นพวกเดียวกับตนเมื่อเห็น ‘คนรู้จักเก่า’ คนนี้ ในใจหลินสวินเองก็กรุ่นโกรธขึ้นมาแล้วเขาไม่เคยลืม ว่าตอนที่ตนปะทะกับผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ก็เป็นเจ้าเซี่ยอวี้ถังคนนี้ที่กระโดดออกมา อาศัยปากเผ่าวาทวาโยประกาศแก่ใต้หล้า หมายเปิดโปงเบื้องหลัง และบดขยี้ข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับตน ชั่วขณะเดียวก็ทำให้ตนตกเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว พบการปรามาสไม่รู้เท่าไหร่บัญชีเก่ายังไม่สะสางกับเจ้าหมอนี่ เวลานี้เขายังกระโดดออกมาอีก!อวี่หลิงคงเองชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ยังจะเกิดบทละครคั่นฉากเช่นนี้ขึ้น เขาพลันยิ้มน้อยๆ ยืนดูอยู่ข้างๆเพียงชั่วขณะ สายตาทุกคนตรงนั้นจับจ้องมาทางเซี่ยอวี้ถัง นี่ทำให้ในใจเขาเกิดความภาคภูมิเหลือจะเอ่ยประการหนึ่งแน่นอน เขาไม่ได้จะฉวยจังหวะนี้มาสร้างชื่อเสียง แต่หมายอาศัยพลานุภาพของอวี่หลิงคงและจี้ซิงเหยามาเย้ยหยันหลินสวิน โจมตีความหยิ่งทะนงของหลินสวิน ทำให้อีกฝ่ายอับอาย ชื่อเสียงป่นปี้ต่อหน้าผู้กล้าทั้งหมด!
คอมเม้นต์