Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 866 ชิงดอกบัวเพลิง
ตอนที่ 866 ชิงดอกบัวเพลิง
ไม่นานนัก ภายใต้สายตาตกตะลึงของผู้คน เงาร่างของหลินสวินค่อยๆ ห่างออกไป เข้าใกล้ยอดเขาน้ำแข็งแห่งนั้นผู้ฝึกปราณมากมายสูดหายใจเฮือก เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน เหตุใดไม่เคยได้ยินมาก่อน ในบรรดาบุคคลไร้เทียมทานที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือหลังจากตกตะลึงก็มีบางคนแสดงสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น“ฮ่าๆ คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว อาณาเขตใกล้ๆ ยอดเขานั่นถูกพวกกร้าวแกร่งไร้เทียมทานสิบกว่าคนยึดพื้นที่ไว้ตั้งแต่ต้น เจ้าหมอนี่ผลุนผลันเข้าไปใกล้ คอยดูเถอะว่าจะสามารถยืนปักหลักได้หรือไม่”“ผู้กล้าไร้เทียมทานชื่อก้องแดนฐิติประจิมอย่างอู่ต้วนหยาผู้สืบทอดสำนักตะวันทมิฬ หลี่ชิงฮวนจากสำนักยุทธ์สมุทรครามต่างก็ครองพื้นที่อยู่แถวนั้น!”“ซาหลิวฉานบุตรเทพคนปัจจุบันของเผ่าฉลามสมุทร ที่ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดผู้กล้าไร้เทียมทานแห่งทะเลมารพิฆาตก็ครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนยอดเขามาโดยตลอด!”เนื่องจากเวลานี้ไม่มีดอกบัวเพลิงปรากฏขึ้น ผู้ฝึกปราณมากมายต่างทอดสายตามองไปทางหลินสวิน และพากันวิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็ตกตะลึงและประหลาดใจ บ้างก็มีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น รอชมดูเรื่องสนุก“ซาหลิวฉานก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ…” บริเวณเชิงเขา สีหน้าเนี่ยอี้อันเริ่มประหลาดขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาเจือแววสมเพชอยู่รำไรจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าซาหลิวฉานคนนี้เหมือนจะซวยเกินไปหน่อยแล้ว…หืม?ในขณะเดียวกัน หลินสวินที่เพิ่งเข้าใกล้ละแวกยอดเขาก็มองเห็นซาหลิวฉานได้ในปราดเดียวเจ้าหมอนี่สวมชุดคลุมสีดำ รูปร่างสูงโปร่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินน้ำแข็ง เรือนผมยาวสีฟ้าเข้มปลิวไสวกลางสายลม ดวงหน้าเย็นชาเจือกลิ่นอายเผด็จการและถือดีอันเป็นเอกลักษณ์ ดูน่าขยาดกลัวหาใดเปรียบเขากำลังนั่งสมาธิ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของหลินสวินที่มองมา ดวงตาซึ่งปิดสนิทก็เปิดขึ้นทันควัน สาดส่องลำแสงสีเลือดที่สว่างไสวราวสายฟ้าออกมาคู่หนึ่ง“หึ! เจ้าพวกไม่รู้จักกลัวตายโผล่มาอีกคนแล้ว!”ซาหลิวฉานอึ้งงันก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชา “ทุกคน พวกเจ้าว่าใครจะลงมือก่อน ลองทดสอบดูว่าเจ้าหมอนี่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่นี่หรือไม่”เห็นได้ชัดว่าเขาจำหลินสวินไม่ได้สักนิดสิ่งนี้ทำให้หลินสวินอดมีความรู้สึกแปลกประหลาดน้อยๆ ไม่ได้ เจ้าหมอนี่ยังความจำสั้นและหยิ่งผยองเหมือนแต่ก่อนจริงๆ“ให้ข้าจัดการดีกว่า”ชายหนุ่มรูปงามท่าทางสบายๆ ชุดสีขาวพลิ้วแผ่วคนหนึ่งเก้าออกมา มือถือพัดหยก สวมเกี้ยวประดับขนนกบนหัว สง่างามโดดเด่น“อู่ต้วนหยาสำนักตะวันทมิฬ!”เสียงร้องอุทานดังลอยมาจากระยะไกล อลหม่านไม่สิ้น เห็นชัดว่าคาดไม่ถึง ว่าคนที่ก้าวออกมาขัดขวางเด็กหนุ่มนั่นเป็นคนแรกจะเป็นบุคคลไร้เทียมทานผู้นี้“ไอ้หนูนั่นลำบากแล้ว” สีหน้าบรรดาผู้กล้าส่วนหนึ่งเจือแววเวทนาพวกเขาต่างมาจากสำนักเก่าแก่ ย่อมรู้ดีว่าอู่ต้วนหยาแข็งแกร่งเพียงใด อย่ามองว่าภายนอกเขาวางตัวเรียบง่ายสบายๆ แต่เมื่อลงมือจริงๆ แล้วกลับอำมหิตดุดันในสำนักตะวันทมิฬ คนผู้นี้มีสมญาว่า ‘ดรุณดาบมารคลั่ง’ ปราณของเขาทรงอานุภาพและน่ากลัว ตระการตาถึงขีดสุดว่ากันว่าอู่ต้วนหยาเคยบุก ‘รังห้าพิษ’ แดนอันตรายขึ้นชื่อในแดนฐิติประจิมเพียงลำพัง สังหารอสูรมารบำเพ็ญร้ายกาจไปหนึ่งฝูง ทำเอาพื้นที่พันลี้หลั่งเลือดเป็นแอ่ง ซากศพโครงกระดูกกองเป็นภูเขา!“สหายท่านนี้ดูแปลกหน้ายิ่ง ไม่ทราบว่าเป็นสหายยุทธ์จากสำนักไหนในแดนฐิติประจิม” อู่ต้วนหยายิ้มน้อยๆ มองไปที่หลินสวิน ลำแสงเย็นเยียบกลางนัยน์ตาราวดาบดุจกระบี่ น่าสะพรึงสยองขวัญ“ข้าว่าเจ้าถอยกลับไปจะดีกว่า”หลินสวินปรายตามองเขาปราดหนึ่งแล้วเก็บสายตากลับคืนช่วงก่อนหน้านี้ตอนอยู่เมืองผาดารา ไป่เฟิงหลิวช่วยเขารวบรวมข้อมูลได้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็มีส่วนที่เกี่ยวกับอู่ต้วนหยาด้วยหลินสวินยังจำได้ว่าครานั้นไป่เฟิงหลิวเคยกล่าวว่า อู่ต้วนหยาคนนี้ถึงจะร้ายกาจ แต่เมื่อเทียบกับซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ก็ยังด้อยกว่าเสี้ยวหนึ่งอยู่ดีเมื่อเป็นเช่นนี้ หลินสวินย่อมคร้านจะใส่ใจคนผู้นี้เป็นธรรมดาเห็นหลินสวินไม่เกรงใจถึงเพียงนี้ บุคคลไร้เทียมทานในลานคนอื่นๆ ต่างพากันอึ้งงัน จากนั้นก็หัวเราะร่วนไม่หยุด“สหายยุทธ์อู่ ดูท่าสหายคนนี้จะดูเบาเจ้ายิ่งนัก”“ฮ่าๆ น่าสนใจ เจ้าหนุ่มที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนคนหนึ่ง กลับกล้าลำพองใจเช่นนี้ แม้แต่คำถามของสหายยุทธ์อู่ก็ยังไม่สนใจ ความกล้าหาญนี้ช่างหายากยิ่งนัก”แต่เหล่าผู้กล้าที่อยู่บริเวณอื่นต่างพากันลอบตกใจ เจ้าหมอนี่ดูเหมือนเป็นคนที่แสนเรียบง่ายธรรมดา แต่คำพูดช่างกร้าวแกร่งจริงๆ!“สหาย หากข้าไม่ถอยกลับไปเล่า” อู่ต้วนหยายังคงยิ้มบางๆ เพียงแต่ลำแสงเย็นยะเยือกกลางนัยน์ตายิ่งลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับดาบคมกำลังกลืนกิน คมกริบหาใดเปรียบเขาก้าวเท้าไปข้างหน้าขณะพูด เข้าใกล้หลินสวินทีละก้าว“ไม่ถอยกลับไปก็ได้ เช่นนั้นก็รอถูกคัดออกแล้วกัน ข้าล่ะเสียดายแทนสำนักตะวันทมิฬของพวกเจ้านัก เพิ่งด่านแรกเท่านั้น ศิษย์ในสำนักก็ถูกคัดออก เกรงว่าผู้อาวุในโสสำนักของเจ้าคงต้องเสียหน้าเท่านั้นแล้ว”หลินสวินกล่าวเนิบนาบ“ดูท่า เจ้ามันไม่อ่อนไม่ชอบ ชอบกินไม้แข็ง!” อู่ต้วนหยาสีหน้าเคร่งขรึม นัยน์ตาพลุ่งพล่านด้วยลำแสงน่าหวาดกลัว ชุดสีขาวโบกสะบัดดึงพรึ่บ ปลดปล่อยอานุภาพน่าสะพรึงออกมาทั่วร่างพรึ่บ!แต่ไม่รอให้เขาลงมือ จู่ๆ ก็มีแสงเพลิงบาดตาวูบหนึ่งโผล่ขึ้นมากลางห้วงอากาศละแวกนั้น จากนั้นดอกบัวเพลิงที่อัศจรรย์เหนือธรรมดาดอกหนึ่งโผล่ขึ้นมากลางห้วงอากาศ ลอยคว้างกลางเวหาละอองแสงโชติช่วงดั่งแสงเพลิงนับพันหมื่นสายกระจายออกมาจากกลีบดอก งดงามไม่สิ้นสุด เมื่อนับดีๆ แล้วมีมากถึงเจ็ดกลีบ!ชั่วอึดใจเท่านั้น นัยน์ตาของบุคคลไร้เทียมทานทั้งหมดในลานล้วนหดรัดลง จากนั้นต่างก็เริ่มลงมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“มือมารวายุ!”“เคล็ดวิชาฟ้าคำรามล่าดวงจิต!”“ประทับห้วงอากาศไพศาล!”ชั่วขณะเดียวแสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์ แสงมรรค และสมบัติอันน่าสะพรึงพาดผ่านฟ้า แสงแวววาวเบ่งบานพันจั้ง ปกคลุมห้วงอากาศแถบนั้น“ข้าจะคอยดูว่าใครกล้าแย่งกับข้า!”ซาหลิวฉานที่ทรงพลังที่สุดในที่นั้นเหินข้ามอากาศ พลังทั่วร่างทะลวงฟ้า ยื่นฝ่ามือออกไป แสงมรรคน่าหวาดกลัวกลายเป็นกรงขัง แสงอสนีน่าหวาดกลัวพุ่งไปแผ่คลุมดอกบัวเพลิงเจ็ดกลีบดอกนั้นแล้วรัดพันไว้เวลานี้แม้แต่อู่ต้วนหยาที่เดิมทียังคิดจัดการหลินสวินก็ยังเปลี่ยนเป้าหมาย พุ่งออกไปชิงดอกบัวเพลิงดอกนั้นโครม!ที่แห่งนี้บังเกิดเสียงกระหึ่มก้องหูราวกับภูเขาไฟชนปะทะกันแม้ว่าดอกบัวเพลิงดอกนั้นจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของบุคคลไร้เทียมทานเหล่านี้กลับไม่ชักช้าแม้แต่น้อย หรือกล่าวอีกนัยได้ว่าพวกเขาสะสมพลังเฝ้ารอมาโดยตลอด เพียงแต่เพิ่งปะทุออกมาแบบปุบปับในยามนี้สวบ!เพียงแต่คนที่ลงมือเป็นคนแรกสุดควรเป็นหลินสวิน ไม่เพียงแต่ปัญหาด้านการตอบสนอง หนำซ้ำจุดที่บัวดอกนั้นปรากฏขึ้นก็อยู่ใกล้กับเขาที่สุดเขาใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เพียงชั่วอึดใจก็สามารถเข้าไปใกล้แต่ว่าระหว่างทางเขาก็หยุดเท้า เงาร่างพริบไหว ถอยหลบไปด้านข้างอีกครั้ง“เฮอะ! เจ้าก็ยังรู้หน้าที่อยู่พอตัว!”ซาหลิวฉานหัวเราะเยาะ ไม่ได้สนใจหลินสวิน ต่อสู้ดุเดือดช่วงชิงบัวเพลิงดอกนั้นกับคนอื่นๆรู้หน้าที่?มุมปากหลินสวินผุดรอยยิ้มวูบหนึ่ง เขาไม่ได้ตั้งใจถอยหลบให้ หากแต่ตระหนักได้ว่าพริบตาที่ตนคว้าบัวดอกนี้ได้ จะต้องถูกบุคคลไร้เทียมทานสิบกว่าคนที่เหลือซัดโจมตีอย่างเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่แน่นอน หากสู้กันจริงๆ หลินสวินย่อมมีวิธีสลายวิกฤตระดับนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เขามีการตัดสินใจอื่น จึงไม่คิดจะทำเช่นนี้พรึ่บ!หลังจากถอยออกมา เขาก็ไม่ได้ยืนดูอยู่ข้างๆ หากแต่เงาร่างวูบไหว ปรากฏตัวที่หน้าผาสูงชันซึ่งใกล้กับยอดเขาขึ้นไปอีก ค่อยๆ ควานมือแผ่วเบาภาพน่าตกใจปรากฏขึ้น ตำแหน่งที่หลินสวินควานมือเดิมทีว่างเปล่าไม่มีสิ่งของใดๆ แต่เมื่อฝ่ามือของเขาเพิ่งเอื้อมถึง ก็ปรากฏบัวเพลิงดอกหนึ่งขึ้น!ดอกบัวนี้มีแปดกลีบ แผ่ละอองเพลิงนับพันนับหมื่นออกมาราวกับเมฆเพลิงสว่างจ้า พราวตาถึงที่สุด“อะไร! ยังมีบัวเพลิงอีกดอก?”“ซ้ำยังเป็นบัวเพลิงชั้นเลิศแปดกลีบด้วย นี่เท่ากับว่าได้รับมรดกวิชามรรคที่กล่าวได้ว่าชั้นยอดวิชาหนึ่งเชียว!”บริเวณอื่นบนเขาน้ำแข็ง เมื่อผู้ฝึกปราณที่กำลังจับจ้องทุกอย่างมองเห็นภาพนี้เข้า ต่างพากันปากอ้าตาค้าง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง“น่าชังนัก!”“สมควรตาย!”ส่วนบุคคลไร้เทียมทานทั้งหมดอย่างซาหลิวฉาน อู่ต้วนหยาที่กำลังรบราฆ่าฟันกันดุเดือดอยู่นั้น สีหน้าไม่น่าดูขึ้นมาไม่น้อยในบัดดลหลินสวินยิ้มเผล่เก็บบัวเพลิงแล้วยืนอยู่ด้านข้าง ชมศึกในที่นั้นด้วยท่าทางสบายๆ ไม่อนาทรร้อนใจช่างง่ายดายเกินไปจริงๆ คว้าบัวเพลิงมาได้ดอกหนึ่งโดยไม่มีการแก่งแย่ง ซ้ำยังมีแปดกลีบเสียด้วย เมื่อเทียบกับบัวเพลิงเจ็ดกลีบดอกนั้นที่กำลังถูกแย่งชิงอยู่ก็ยังมีคุณภาพสูงกว่าหนึ่งระดับ เมื่อเทียบกันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าน่าโมโหเกินไปแล้วจริงๆสิ่งสำคัญที่สุดคือ หลินสวินเพิ่งมาถึงบริเวณยอดเขา แต่คนอื่นล้วนเฝ้ารออย่างขมขื่นอยู่ที่นี่ตั้งนาน!“นี่ก็คือโชควาสนาสินะ มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่กลับมีอยู่ทุกที่ ไม่เสียงแรงที่เทพมารหลินเป็นอัจฉริยะที่กล่าวกันว่าถือครองศุภโชคใหญ่” ที่เชิงเขา เนี่ยอี้อันทอดถอนใจและอิจฉาไม่สิ้นท้ายที่สุดหลังผ่านการแย่งชิง บัวเพลิงเจ็ดกลีบดอกนั้นก็ตกไปอยู่ในมือหลี่ชิงฮวนผู้สืบทอดสำนักยุทธ์สมุทรครามนี่พาให้ในใจหลินสวินประหลาดใจน้อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้หลี่ชิงฮวน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา บุคลิกสุภาพ ดูแล้วถ่อมตนเป็นที่สุด ไม่อวดอ้างสรรพคุณแต่ในการต่อสู้เมื่อครู่ หลินสวินกลับพบว่าคนผู้นี้ไม่เพียงมีพลังต่อสู้โดดเด่นและแข็งแกร่งถึงขีดสุด หนำซ้ำการเล็งจังหวะยังน่าอัศจรรย์สุดขีด‘เจ้าหมอนี่ต่อให้เทียบกับซาหลิวฉานก็ต้องไม่ด้อยไปกว่ากัน กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งกว่าหน่อยด้วยซ้ำ…’หลินสวินใคร่ครวญ“ทุกท่าน ออมมือให้แล้ว” หลี่ชิงฮวนเก็บบัวเพลิง ประสานมือคารวะรอบด้าน จากนั้นก็ยิ้มแฉ่งแล้วถอยกลับไปยังจุดเมื่อครู่ของตน แสนอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งแม้คนอื่นๆ จะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สีหน้าอึมครึมอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด“ไอ้หนู เจ้าเพิ่งมาถึงบริเวณนี้ บัวเพลิงดอกเมื่อครู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรได้รับ รีบเอาออกมาดีกว่า!”ซาหลิวฉานเหมือนไม่มีที่ระบายอารมณ์ กวาดตามองรอบๆ แล้วจ้องหลินสวินเขม็ง สีหน้าเย็นชาและน่าหวาดผวาทันใดนั้นคนอื่นๆ ต่างก็ใจเต้น สายตาที่มองหลินสวินเริ่มดูไม่เป็นมิตรในใจพวกเขารู้สึกไม่เป็นธรรมยิ่ง เฝ้ารออย่างลำบากมาแสนนาน ผลสุดท้ายไม่เพียงแย่งวาสนามาไม่ได้ ตรงข้ามกลับถูกคนที่เพิ่งมาถึงที่นี่คว้าบัวเพลิงดอกหนึ่งไปอย่างง่ายดาย นี่จะให้พวกเขายินยอมได้อย่างไรกอปรกับรูปร่างหน้าตาหลินสวินดูแปลกหน้า ซ้ำยังหัวเดียวกระเทียมลีบ ฉะนั้นจึงคิดว่ารังแกได้ง่ายๆ“สหาย หากรู้ตัวก็เอาออกมา หาไม่ เกรงว่าเจ้าไม่เพียงต้องทิ้งวาสนา วันนี้ยังอาจถูกคัดออกด้วย!”อู่ต้วนหยาก็เอ่ยปากเช่นหัน สายตาเย็นเยียบชวนสยองบุคคลไร้เทียมทานเหล่านี้ต่างเพ่งเล็งหลินสวินจากทุกทิศทาง มีท่าทางต้องการบีบให้ยอมจำนนอยู่ในที“เจ้าหมอนั่นเจอปัญหาใหญ่แล้ว!” ผู้กล้าบริเวณอื่นต่างใจสะท้าน สัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นตกที่นั่งลำบาก“วาสนาสวรรค์ลิขิต พวกเจ้าไม่มีปัญญาไขว่คว้า แต่กลับอยากแย่งของของข้า นี่ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง”มุมปากหลินสวินโค้งองศาเป็นเชิงนึกสนุกเสี้ยวหนึ่ง
คอมเม้นต์