Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 859 ถูกหมายหัว
ตอนที่ 859 ถูกหมายหัว
“สถานการณ์เลวร้ายแล้ว!”ไป่เฟิงหลิวเป็นถึงสายสืบมือฉมังของเผ่าวาทวาโย มักแพร่กระจายข่าวสารต่างๆ อยู่เสมอ ประสาทสัมผัสก็ไวต่อความรู้สึกของผู้ฝึกปราณทั่วไปด้วยเขาระบุได้ในทันทีว่ามรสุมโจมตีหลินสวินฉากหนึ่งกำลังจะมา!เหตุผลนั้นง่ายมาก หลินสวินผงาดเร็วเกินไปนั่นเอง!เมื่อครึ่งปีก่อนแดนฐิติประจิมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชื่อนี้อยู่ด้วย แต่เพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือนสั้นๆ เขาผงาดกร้าวอย่างแข็งแกร่ง สำแดงความโดดเด่น ก่อให้เกิดคลื่นลมไม่รู้เท่าไรเริ่มจากการประลองสะท้านโลกครั้งหนึ่งกับเด็กสาวสวมหน้ากากลึกลับที่นครเตโช จากนั้นยังเป็นศัตรูกับผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมากมาย เปิดฉากการไล่ล่าดุเดือดที่ได้รับความสนใจไปทั่วจวบจนบัดนี้ ยิ่งเอาชนะซาหลิวฉาน เกือบสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ด้วยตัวคนเดียวภายใต้สายตาที่จับจ้องของเหล่าผู้กล้า…ยามนี้ทั่วโลกต่างรู้ว่าเทพมารหลินมาจากโลกชั้นล่าง แต่เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนนี้ดันผงาดง้ำอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานชื่อก้องแดนฐิติประจิม จะไม่ให้ผู้คนคิดมากก็คงยาก!ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกมาว่าเทพมารหลินครอบครองมหาศุภโชค ซ้ำยังมีสมบัติอริยะที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน แค่คิดก็รู้ว่าเมื่อผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ รู้เรื่องนี้เข้าจะคิดอย่างไร“เป็นใครกันแน่”หลินสวินขมวดคิ้ว จมสู่ภวังค์ความคิด ตั้งแต่เขาเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณจนถึงตอนนี้ ได้ล่วงเกิดผู้คนไปไม่น้อยจริงๆ แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน กลับไม่สามารถระบุได้ว่าใครที่ทำเช่นนี้กันแน่เพราะมีผู้ต้องสงสัยมากเกินไป ทั้งเซี่ยอวี้ถัง ซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ จงหลีอู๋จี้…แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ข่าวพรรค์นี้ก็แพร่ออกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานพิสูจน์อะไรเลยสักนิด ก็สามารถทำให้เขากลายเป็นเป้าโจมตีได้!“น้องหลิน บนตัวเจ้าคงไม่ได้… มีสมบัติอริยะจริงๆ หรอกกระมัง” ลังเลอยู่นาน ไป่เฟิงหลิวก็อดถามออกมาไม่ได้หลินสวินปรายตามองเขาปราดหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”ไป่เฟิงหลิวพิพักพิพ่วน รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “ข้าไหนเลยจะรู้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะครอบครองสมบัติอริยะหรือไม่ สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีจริงๆ พรุ่งนี้เทศกาลโคมกถามรรคก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ดันเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้เสียได้ นี่เห็นชัดเลยว่ากำลังจ้องเล่นงานเจ้าอยู่!”หลินสวินพยักหน้า นัยน์ตาดำของเขาลุ่มลึก ทอประกายเย็นเยียบ ไม่ว่าเป็นใคร หากคิดอาศัยเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้จัดการเขา ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งนั้น!“กล่าวถึงที่สุดแล้วก็ยังเป็นเพราะเจ้าผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปอยู่ดี”เยวี่ยเจี้ยนหมิงที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน เจือแววชื่นชม และมีความรู้สึกหดหู่ประการหนึ่งจากนั้นเขาก็เก็บอารมณ์กล่าวอย่างจริงจัง “หอกซึ่งหน้าหลบเลี่ยงง่าย ศรในที่ลับยากป้องกัน คนปล่อยข่าวในครั้งนี้อำมหิตหาที่เปรียบไม่ได้ เล็งเห็นโอกาสเหมาะ ก็ทำให้เจ้าตกเป็นเป้าโดยที่แทบไม่ได้เปลืองแรงอะไรเลย สามารถคาดเดาได้ว่ายามที่เจ้าเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค จะต้องมีคนสะกดความรู้สึกล่อหูล่อตานี้ไม่ไหว แล้วกระโจนออกมาเล่นงานเจ้าอย่างแน่นอน”ไป่เฟิงหลิวทอดถอนใจ “เรื่องคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ ทุกคนต่างรู้กันทั่วว่าหลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง หนึ่งคือไม่มีภูมิหลัง สองคือไร้ที่พึ่ง เรียกได้ว่าโดดเดี่ยวลำพัง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครอยากจัดการหลินสวิน ก็ไม่ต้องมีความกังวลและกริ่งเกรงใดๆ ทั้งนั้น”สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง หากหลินสวินเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณบางแห่งในแดนฐิติประจิม แม้ผู้คนจะรู้ว่าบนตัวเขามีศุภโชค ถือครองสมบัติอริยะ หากคิดจะจัดการเขาก็ต้องชั่งใจถึงผลที่ตามมาอยู่บ้างแต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าหลินสวินไม่มีเงื่อนไขข้อนี้!เห็นว่าทั้งคู่ต่างหวั่นวิตก หลินสวินก็อึ้งงันอย่างไม่ได้ ยิ้มกล่าวว่า “สนไปไยว่าเขาเป็นใคร ในเทศกาลโคมกถามรรค ข้าจะบั่นคอจงหลีอู๋จี้ หากมีคนอื่นๆ กล้าพรวดพราดออกมา แค่ฆ่ามันซะก็สิ้นเรื่อง”คำพูดเหล่านี้เรียบง่ายยิ่ง แต่เห็นได้ชัดว่ากร้าวแกร่งหาใดเปรียบ ไอสังหารพวยพุ่งทันใดนั้นในใจไป่เฟิงหลิวและเยวี่ยเจี้ยนหมิงพลันสั่นสะท้าน รู้ว่าหลินสวินถูกยั่วโมโหจนเกิดจิตสังหารขึ้นในใจแล้วจริงๆ!ครู่ใหญ่ให้หลัง ไป่เฟิงหลิวเกาหัวแกรกๆ กล่าวว่า “ทำไมจู่ๆ ข้าถึงเริ่มรู้สึกเวทนาศัตรูที่ไม่ลืมหูลืมตาพวกนั้นขึ้นมาเสียแล้ว”เยวี่ยเจี้ยนหมิงกล่าวอย่างเห็นด้วยสุดซึ้ง “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”…ในเมืองผาดารา ลมเมฆกระโชกพลุ่งพล่านหลังจากข่าวเกี่ยวกับหลินสวินแพร่ออกไป ความโกลาหลที่เกิดขึ้นก็หนักหนาเกินไปจริงๆหากเป็นเมื่อก่อน จะต้องมีคนมากมายแค่นเสียงขึ้นจมูกไม่เชื่อข่าวลือพรรค์นี้แต่ยามนี้ผู้ฝึกปราณมากมายต่างมั่นใจว่าเทพมารหลินเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่คู่ควรแก่ชื่อเสียง ป่าเถื่อนดุร้าย แม้แต่ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ชื่อเสียงของหลินสวินก็ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ได้รับคำชมต่างๆ ที่ไม่อาจคาดคิดแต่ว่าหลังจากข่าวนี้แพร่ออกมา กลับทำให้ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่เริ่มเชื่อว่าหลินสวินครอบครองศุภโชค ซ้ำยังถือครองสมบัติอริยะไร้เทียมทานบางอย่างอยู่จริงๆ ไม่เช่นนั้นเด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่งอย่างเขามีหรือจะครอบครองพลังต่อสู้น่าสะพรึงระดับนี้ได้“เป็นศุภโชคระดับใดกันแน่ ถึงกับทำให้เด็กหนุ่มโลกชั้นล่างคนหนึ่งลอกคราบกลายเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานที่สามารถสยบคนรุ่นเดียวกันได้”ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างใจเต้นระส่ำ คาดเดากันไปต่างๆ นานา คิดว่าหลินสวินอาจได้รับมรดกวิชาพลิกฟ้าบางอย่าง หรือไม่ก็ได้รับสมบัติอริยะระดับสูงอย่างหนึ่งกระทั่งมีคนสงสัยว่าหลินสวินได้รับมรดกตกทอดจากอริยะแล้ว ไม่เช่นนั้นมีหรือจะครอบครองสมบัติอริยะไร้เทียมทานได้สรุปแล้วการคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณมากหน้าหลายตาบังเกิดความคิดและมโนคติอันละเอียดอ่อนบางอย่างขึ้นอย่างไร้ร่องรอยแม้แต่ยามที่เหล่าผู้กล้าบางส่วนกำลังถกเถียงเรื่องนี้กันอยู่ สีหน้ายังเจือความผิดแผกไม่มากก็น้อย ถึงแม้ภายนอกจะไม่พูดอะไร แต่ในใจมีความคิดมากมายตั้งแต่ต้นแล้ว“นี่จึงจะสมเหตุสมผล เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาจากโลกชั้นล่าง กลับกลายเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานดุจดั่งมัจฉาทองกลายร่างเป็นมังกร หากบอกว่าเขาไม่มีศุภโชคบางอย่าง นั่นสิถึงเรียกว่าไม่ปกติ!”นี่คือปฏิกิริยาตอบสนองของซาหลิวฉานหลังจากรู้ข่าวพวกนี้“ศิษย์น้องเซี่ย เจ้ากับหลินสวินคนนี้มาจากที่เดียวกัน เรื่องนี้จริงหรือไม่”จั๋วขวงหลันแห่งสำนักกระบี่โผผินก็ไม่สามารถเยือกเย็นได้ อดซักถามออกไปไม่ได้“ข้า…”เซี่ยอวี้ถังอ้าปากพะงาบๆ กลับไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร ในใจค่อนข้างอัดอั้น นี่จะให้เขาตอบอย่างไรไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ท้ายที่สุดล้วนไม่ได้ต่างอะไรจากการยกยอปอปั้นหลินสวินคนนั้นเลย!……“ศิษย์น้องหลิงซี สหายเจ้าคนนั้นครอบครองศุภโชคใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อบางอย่างตามที่เล่าลือกันขนาดนั้นเชียวหรือ”แม้แต่ผู้สืบทอดที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณเหล่านั้น ยังพากันไปไล่เลียงไป๋หลิงซีอย่างไม่อาจสงบอารมณ์ได้“พวกท่านคิดว่าสิ่งที่เรียกว่าวาสนาสร้างทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้ทั้งหมดอย่างนั้นหรือ” ไป๋หลิงซีย้อนถามบนดวงหน้างามวิไลโดดเด่นของนางเจือความไม่สบอารมณ์ “หนทางแห่งการฝึกปราณ สิ่งที่ฝึกคือจิตมรรคแห่งตน ส่วนที่เรียกว่าวาสนาและศุภโชค ก็ไม่พ้นเป็นเพียงดอกไม้ประดับบนผ้าดิ้นเท่านั้น กุญแจสำคัญยังอยู่ที่จิตแห่งมรรคของเจ้าตัวมั่นคงหรือไม่”ทุกคนต่างไม่เห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อถือมีเพียงอวี่หลิงคงซึ่งอยู่ข้างๆ ที่กล่าวชื่นชมเจือรอยยิ้ม “ศิษย์น้อยหลิงซีกล่าวได้ถูกต้องแล้ว การผงาดขึ้นมาของผู้กล้าคนใด ล้วนไม่อาจตัดสินได้จากวาสนาอย่างเดียว หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ไยข้าต้องระหกระเหินพันลี้เพื่อมุ่งหน้ามาเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ด้วย”คำพูดง่ายๆ แต่กลับมีความทระนงตนหยิ่งผยองอยู่ส่วนหนึ่งผู้คนพยักหน้าตามๆ กันทันที จริงอย่างว่า หากเอ่ยถึงวาสนาและศุภโชค อวี่หลิงคงเรียกได้ว่าเป็นที่โปรดปราณของสวรรค์เลยทีเดียวในตระกูลอวี่ มีอริยบุคคลที่แท้จริงผู้หนึ่งควบคุมดูแลอยู่เชียวนะ!หนำซ้ำตำแหน่งในแดนพิสุทธิ์อมตะของเขาก็โดดเด่นถึงขีดสุด ได้รับการดูแลและให้ความสำคัญจากบรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างสุดซึ้ง อยากได้วาสนาและศุภโชคอะไร ล้วนได้รับมาภายในไม่นานแต่เห็นได้ชัดเจนยิ่งว่าการที่อวี่หลิงคงสามารถครองตำแหน่งในวันนี้ได้ ไม่ใช่แค่เพราะวาสนาและศุภโชคอย่างเดียวแน่นอน!บนโลกใบนี้ไม่ขาดแคลนคนที่พรสวรรค์โดดเด่น พื้นเพดีมีชื่อเสียง แต่เป็นเพราะสภาพจิตใจย่ำแย่เกินไป ได้รับผลกระทบหลากหลายรูปแบบ ผลสุดท้ายกลับไม่ประสบความสำเร็จสักเรื่อง ตกอับกลายเป็นชนรุ่นที่สองที่หยิ่งผยองลำพองตน ปราศจากคุณูปการใดๆ บนหนทางแห่งมรรคา ได้แต่พึ่งใบบุญต้นตระกูลวางอำนาจบาตรใหญ่คนพรรค์นี้ต่อให้มอบวาสนาและศุภโชคที่ใหญ่กว่าเดิมให้ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลายเป็นบุคคลไร้เทียมทานชื่อเสียงสะท้านโลกเพียงแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ ยามนี้อวี่หลิงคงดันกลับคำกล่าวว่า “แต่หลินสวินคนนั้นสามารถประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ นอกจากตัวเองแล้ว ต้องหนีไม่พ้นการช่วยเหลือจากวาสนาและศุภโชคอย่างแน่นอน”ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดแม้แต่ไป๋หลิงซีก็ยังอึ้งงันไปบ้างกลับเห็นอวี่หลิงคงพูดเองเออเองว่า “ไม่เช่นนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังและไม่มีภูมิหลังอย่างเขา ก็คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีโอกาสออกจากโลกชั้นล่างเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ากลายเป็นบุคคลไร้เทียมทานแห่งแดนฐิติประจิมอย่างในตอนนี้เลย”มีคนอดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่อวี่ กล่าวเช่นนี้หมายความว่าท่านเองก็เชื่อข่าวลือเกี่ยวกับเทพมารหลินนั่นด้วยหรือ”อวี่หลิงคงยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เชื่อกับไม่เชื่อ ความจริงก็อยู่ตรงนั้น รอยามที่เทศกาลโคมกถามรรคเริ่มขึ้น ย่อมแยกแยะจริงเท็จได้เองอยู่แล้ว”ผู้คนต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง มีเพียงไป๋หลิงซีที่ในใจผุดความวิตกกังวลอย่างมาก แม้แต่อวี่หลิงคงยังเห็นดีเห็นชอบเช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าหลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป จะต้องนำพาผลกระทบที่ไม่อาจคาดคะเนมาสู่หลินสวินอย่างแน่นอน และเป็นหายนะหาใช่พร!…“เหอะๆ…”ในลานอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง เมื่อทราบข่าวเกี่ยวกับหลินสวิน ท่านย่ากระเรียนทองก็เผยรอยยิ้มเหยียดหยามออกมาทันทีชั่วชีวิตนี้นางผ่านประสบการณ์มากมายเหลือเกิน สรุปได้เกือบจะในทันทีว่าข่าวนี้มีคนจงใจใส่ไฟอยู่ในมุมมืด หมายจะใช้โอกาสนี้ยืมมือผู้อื่นสังหารคน“วิธีนี้ออกจะต่ำช้ำไปหน่อยจริงๆ แต่ก็พอมองออกว่าคนที่ปล่อยข่าวออกมาจะต้องไม่มีความแข็งแกร่งพอจะต้านทานหลินสวินได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่จำเป็นต้องใช้ลูกไม้ตื้นๆ เช่นนี้”“แต่จะว่าไปแล้วอุบายนี้ได้ผลมากจริงๆ ประเดี๋ยวเดียวเจ้าเด็กหลินสวินนี่ก็ตกที่นั่งลำบากแล้ว คงต้องหัวปั่นหัวหมุนกับเรื่องนี้ไปมาก”ท่านย่ากระเรียนทองกล่าวตรงไปตรงมา ชี้ให้เห็นสาเหตุในนั้นเพียงแต่จี้ซิงเหยาที่ฟังอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกอิหลักอิเหลื่ออยู่ในใจนางอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ กล่าวว่า “เหตุใดท่านถึงยังเอ่ยถึงเจ้าหมอนี่อีก ต่อให้เขาหัวปั่นหัวหมุนแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าแทบทนไม่ไหวอยากเห็นเรื่องชวนหัวของเขาอยู่แล้ว!”ท่านย่ากระเรียนทองเอ่ยวาจาอย่างอดทน “คุณหนู ท่านไม่รู้สึกว่ายามนี้เป็นจังหวะเหมาะที่สุดที่จะดึงหลินสวินคนนั้นเข้าพวกหรือ ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดว่าเขาไร้ที่พึ่งพิง ตัวคนเดียว พวกเราสามารถรับเขาเป็นศิษย์สำนักได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทั้งสะสางปัญหาของเขาแล้วยังได้รับศิษย์ไร้เทียมทานคนหนึ่งเพื่อสำนักของพวกเราด้วย เรียกว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง”กลับเห็นจี้ซิงเหยากล่าวอย่างเด็ดขาด “เป็นไปไม่ได้! เจ้าสารเลวคนนี้น่ารังเกียจเกินไป ไร้ยางอายเป็นที่สุด ข้าตัดสินแต่แรกแล้วว่าจะให้บทเรียนที่ยากลืมเลือนไปชั่วชีวิตแก่เขาในเทศกาลโคมกถามรรค ไหนเลยจะไปดึงเขาเข้าพวกอีก อย่าแม้แต่จะคิดเชียว!”ท่านย่ากระเรียนทองยิ้มเจื่อนอย่างจนปัญญาในบัดดล ลอบกล่าวในใจว่า ‘ตอนอยู่นครเตโช การกระทำนั้นของเจ้าเด็กหลินสวินนี่ออกจะล้ำเส้นเกินไปจริงๆ ตลอดชีวิตนี้คุณหนูไม่เคยประสบความเสียเปรียบครั้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน แต่ก็น่าเสียดายกล้าพันธุ์ดีน่าทึ่งคนหนึ่ง…’เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าเพิ่งเริ่มสาง จู่ๆ คลื่นประหลาดระลอกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมากลางฟ้าดิน แพร่กระจายออกไป แล้วปกคลุมเมืองผาดาราไปอย่างรวดเร็วทันใดนั้นผู้ฝึกปราณในเมืองต่างสะดุ้งตกใจ
คอมเม้นต์