Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 821 อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ
ตอนที่ 821 อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ
พื้นที่รกร้าง ภูเขาเรียงรายยามโพล้เพล้ แสงยามเย็นราวกับเพลิงย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง อาบเทือกเขาทั้งแถบ ปรากฏสีส้มแดงอันงดงามและเกรียงไกรอาทิตย์ตกงดงามไร้ขีดจำกัด เพียงแต่ใกล้จะค่ำแล้วหลินสวินเดินอยู่ในป่าเขาเก่าแก่โบราณเพียงลำพัง แสงยามเย็นที่สาดส่องลงมาดึงเงาร่างสง่างามของเขาจนยืดยาวมีเสียงร้องของสัตว์เป็นระยะๆ ยิ่งดูเงียบงันรกร้าง‘ก่อร่างสร้างสรรพสิ่ง ตามวิถีมรรคธรรมชาติ บำเพ็ญเพียรแจ้งมรรค แสวงหาจากฟ้าดิน’ หลินสวินฝีเท้ามั่นคง เสื้อผ้าพลิ้วไหว ก้าวเดินอยู่ในป่าเขาเมฆสีก่อตัว ผืนป่าโบราณถูกย้อมเป็นสีแดง พร่าเลือนราวกับหมอกระหว่างทางหลินสวินโคจรวิชาลับ ‘ดวงใจฉิวหนิว’ สภาวะจิตปรากฏสภาพอันบริสุทธิ์เหนือโลกีย์ ว่างเปล่าไร้ตัวตน ราวกับแม่น้ำที่ใสสะอาด สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งได้เขาขัดเกลาท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำที่ตนครอบครองตอนนี้เหลือเพียงแค่ทำให้ท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำเลื่อนไปสู่ระดับเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ เขาก็สามารถบรรลุเข้าระดับกระบวนแปรจุติได้แล้วซ่าๆๆ~ไม่นาน ลำธารเชี่ยวกรากสายหนึ่งไหลออกมาจากหุบเขาราวกับเข็มขัดหยก และไหลห่างออกไปคลื่นราวกับไข่มุก สาดกระเซ็นกลิ้งไปมา เป็นประกายระยิบระยับโปร่งแสงภายใต้ตะวันตกดินหลินสวินนั่งอยู่ข้างลำธาร สงบใจหยั่งรู้ เงาร่างสง่างามนิ่งไม่ขยับราวกับกลายเป็นรูปปั้นจนกระทั่งยามสนธยาผ่านพ้น รัตติกาลมาเยือน เขาจึงหมุนตัวจากไป‘อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงว่างเปล่า สามารถแทรกอยู่ได้ไร้ขอบเขต มีอยู่ทุกที่ไม่มีสิ้นสุด’ยามค่ำ หลินสวินนั่งอยู่บนฝั่งลำธารแห่งหนึ่งเงียบๆ จิตใจและร่างกายจมอยู่กับการหยั่งรู้‘ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดอ่อนกว่าน้ำ แต่ไม่มีความแข็งใดชนะมันได้ สิ่งนี้เรียกว่าเมื่ออ่อนถึงที่สุดจึงแข็งที่สุด ครอบครองทั้งสองฝั่ง’เช้าวันถัดมาหลินสวินตื่นจากสมาธิ ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้น บนใบไม้สีเขียวที่อยู่ข้างๆ มีน้ำค้างหยดหนึ่งร่วงไหลลงพอดี กลมเกลี้ยงแวววาว วาดเส้นโค้งกลางอากาศแล้วร่วงหล่นลงบนพื้น แตกกระจายเป็นรอยน้ำแล้วซึมหายสู่พื้นดินหลินสวินตะลึง ในใจคล้ายหยั่งถึงบางอย่างครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินต่อซ่าๆๆ!หน้าหุบเขาอันเงียบสงบลูกหนึ่ง น้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาเหมือนมังกรขาวตัวหนึ่ง พุ่งลงในลำธาร คลื่นน้ำนับพันสาดกระจายหลินสวินยืนอยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว มองดูน้ำตก ละอองน้ำ หมอกน้ำ มองดูคลื่นน้ำและระลอกคลื่นริมธารจนกระทั่งกลางดึกดวงดาวพร่างพรมสะท้อนแสงวิบวับ หลินสวินคุกเข่าลง สายตามองหินก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ลำธารพื้นผิวของหินมีหลุมที่ราวกับรังผึ้งมากมาย หนาราวนิ้วโป้งเท่านั้น‘น้ำหยดหินกร่อน เรียกว่าผู้พากเพียรย่อมเข้มแข็ง ไม่มีสิ่งใดที่ผ่านไม่ได้!’หลินสวินพึมพำออกมา “และน้ำตก ละอองน้ำ คลื่นน้ำ ระลอกคลื่นพวกนี้… เปลี่ยนแปลงไม่มีขีดจำกัด แสดงแก่นอัศจรรย์ออกมาอย่างเต็มที่ ทว่าหมื่นเปลี่ยนแปรแต่เนื้อแท้ยังคงเดิม ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำ”การหยั่งรู้มากมายราวกับสายน้ำเล็กๆ ซึมเข้าจิตใจ ทำให้พลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวินปรากฏความรู้สึกว่างเปล่าราวกับน้ำ โปร่งแสงเต็มเปี่ยมด้วยพลังไม่นานหลินสวินก็ลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้าก็เลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน ดวงตาดำวาบไอเยียบเย็นเขายื่นนิ้วทั้งห้าออกมาโบกง่ายๆหยาดน้ำส่วนหนึ่งกระจายออกมาจากในน้ำตก เหมือนจู่ๆ ก็ถูกควบคุม จากรูปลักษณ์กลมมนโปร่งแสงเปลี่ยนเป็นยืดยาว แปรเป็นกระบี่น้ำแหลมคมเรียวเล็กมากมายดุจดั่งเข็ม ส่องประกายระยิบระยับแซ่ก~ทันทีที่พวกมันปรากฏรูปลักษณ์ก็พุ่งออกไป เคลื่อนออกนอกหุบเขารัตติกาลราวกับหมึก นอกหุบเขาเดิมทีเงียบสงบอย่างที่สุด แต่ตอนนี้กลับมีเสียงทึบดังขึ้นระลอกหนึ่ง เหมือนมีของหนักอะไรร่วงหล่นลงพื้นแทบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวขึ้นที่นี่ บนพื้นมีศพนอนอยู่หกศพ บริเวณหัวใจพวกเขาต่างปรากฏหลุมเลือดหนึ่งหลุมที่ยังคงมีเลือดไหล ก่อนตายล้วนเบิกตาโพลง สีหน้าตกตะลึง“มาไวจริงๆ”หลินสวินขมวดคิ้ว ศพบนพื้นพวกนี้ก็คือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หนทางนี้ถูกกำหนดให้ไม่สงบสุขอีกแล้วอีกทั้งในเมื่อเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไม่คิดจะวางมือ ถ้าอย่างนั้นการโจมตีในครั้งนี้ จะต้องส่งผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาอย่างแน่นอน!ทว่าหลินสวินไม่ได้กังวลอะไร นอกจากจะมีราชันที่แท้จริงปรากฏตัว หาไม่แล้วคนอื่นๆ ยากจะข่มขวัญเขาได้……วันที่เจ็ดที่ออกจากเมืองก่วมหิมะ ส่วนลึกของทะเลสาบสีครามอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ร่างของหลินสวินค่อยๆ จมดิ่งลงไปในน้ำในกระบวนการนี้เขาปล่อยตัวเองให้ว่างเปล่า ทั้งกายใจล้วนกำลังรับรู้กลิ่นอายของน้ำ พลังของน้ำ การไหลและท่วงทำนองของน้ำ…จนกระทั่งจมลงก้นทะเลสาบ หลินสวินพลันลืมตา โบกมือคราหนึ่ง น้ำวนพลันปรากฏในน้ำอย่างกะทันหัน หมุนอย่างฉับไว ไม่นานน้ำวนสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ วงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่งเสียงครืนโครมจากนั้นพื้นผิวทะเลสาบอันกว้างใหญ่ถูกปั่นป่วน คลื่นน้ำโหมกระหน่ำซัดสาด ปรากฏน้ำวนขนาดใหญ่พุ่งขึ้นท้องฟ้าโดยตรงตูม!พริบตานั้นราวกับมังกรขาวตัวหนึ่งพุ่งออกจากทะเลสาบ หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ม้วนคลื่นมากมาย ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เดือดพล่านเมื่อมองอย่างละเอียด อากาศราวกับถูกบดละเอียด แปรเป็นกระแสปั่นป่วน!บนฝั่งทะเลสาบปรากฏเงาร่างสีดำสิบกว่าร่าง มีทั้งชายและหญิง ตอนนี้ต่างมองน้ำวนกลางทะเลสาบอย่างตะลึงฮูม~~หลังจากน้ำพุ่งขึ้นชั้นเมฆ ก็กลายเป็นเหมือนฝนห่าใหญ่กระหน่ำลงมา ทันใดนั้นพื้นที่แห่งนี้ล้วนมีหมอกฝนหนาทึบ ปรากฏสายรุ้งอันงดงามราวกับภาพฝันสายแล้วสายเล่าไร้ซึ่งสุ้มเสียง สายฝนราวกับฝัน ประหนึ่งเส้นด้าย สาดพรมลงบนร่างชายหญิงเหล่านั้นฟุ่บๆๆ!ทันใดนั้นภาพอันน่าสะพรึงปรากฏขึ้น ชายหญิงเหล่านั้นยังไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำ ร่างกายก็เหมือนถูกมีดแหลมคมหาใดเปรียบนับพันหมื่นกรีดผ่าน ร่วงหล่นกลายเป็นกองเลือดเนื้อทั่วพื้นดินห่างออกไป พื้นผิวทะเลสาบมีหมอกฝนพร่าเลือน แต่ในทะเลสาบกลับกลายเป็นแดนนรกนองเลือดอย่างไร้สุ้มเสียง กระดูกกลายเป็นโคลน คาวเลือดคละคลุ้ง!ขวับ!เงาร่างของหลินสวินลอยขึ้นจากในทะเลสาบ สองมือไพล่หลัง ยืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำที่หมอกฝนพร่าเลือน ในใจปรากฏการหยั่งถึงมากมาย“เล็กแต่ไร้เสียง ยิ่งใหญ่แต่ปั่นป่วน ปริมาณจุแม่น้ำร้อยสาย แฝงเร้นไว้ซึ่งความลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ไม่สู้กับโลกหล้า สามารถหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง หากสู้กับโลกหล้า กลับแข็งแกร่งไร้ต้านทาน!”ในเสียงพึมพำ หลินสวินเสื้อผ้าพลิ้วไหว เคลื่อนตัวผ่านคลื่นน้ำ หายไปในภูผาธาราอันกว้างใหญ่ราวกับเทพเซียนตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยมองซากศพบนฝั่งทะเลสาบเลยแม้แต่คราเดียวเพราะเขาไม่จำเป็นต้องดู ก็รู้ว่าพวกนี้ล้วนเป็นสายสืบจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬสิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงคือ นี่เป็นศัตรูกลุ่มที่หกที่เขาฆ่าระหว่างทางเพียงแต่ตั้งแต่วันนี้ ศัตรูที่ปรากฏระหว่างทางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนแทบจะมีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติ ทั้งยังเป็นมือฉมังมีไหวพริบ ไม่ขาดพวกเฒ่าเจ้าเล่ห์โหดร้ายอันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…ในใจหลินสวินมีสัญญาณเตือนแรงกล้า เขาตระหนักได้ว่าเวลาที่มีเหลือให้ตนไม่มากแล้ว บางทีอีกไม่นาน ราชันกึ่งระดับรวมไปถึงราชันที่แท้จริงก็จะปรากฏตัวแล้ว!……วันที่สิบห้าที่ออกจากเมืองก่วมหิมะโครม!กลางหมู่เขาที่เรียงราย กำลังมีเหตุการณ์เข่นฆ่าอันดุเดือดหลินสวินคนเดียวรับศึกจากมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแปดคน เจ้าแก่พวกนี้แต่ละคนประสบการณ์ต่อสู้มากมาย ทั้งยังชำนาญวิชาลับประสานโจมตี รับมือยากมากทว่าหลินสวินยังคงไม่กลัวท่วงทำนองแห่งมรรคอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังและโปร่งแสงพันอยู่รอบตัวเขา แสงอบอวลศักดิ์สิทธิ์สีเขียวราวเดือดพล่าน พุ่งทะยานขึ้นฟากฟ้า อานุภาพไร้ขีดจำกัด จรัสแสงราวสุริยัน ส่องสว่างภูผาธาราเสียงกระแทกดังดุจฟ้าผ่า ในพื้นที่แห่งนี้ยอดเขาทรุดทลาย ต้นไม้เก่าแก่กลายเป็นผง ในอากาศเต็มไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์และวิชาลับ สมบัติวิญญาณคำราม ทลายชั้นเมฆทั่วทุกสารทิศในรัศมีพันลี้ฝูงสัตว์ร้องครวญวิ่งวุ่น สัตว์อสูรหนีเตลิด คลื่นกระแทกในการต่อสู้ที่น่าสะพรึง เกือบจะทำให้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งวิบัติภัยแล้ว“ฆ่า!”ศัตรูโคจรพลังเต็มกำลัง สำแดงสารพัดวิชาออกมา อานุภาพน่าหวาดหวั่นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติแปดคนล้อมโจมตีเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะ นี่หากแพร่ออกไปจะต้องสร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ในแดนฐิติประจิมอย่างแน่นอนและถ้าให้ผู้คนรู้ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินที่หัวเดียวกระเทียมลีบไม่เพียงไม่ถูกสยบ กลับยังได้เปรียบเสมอมา ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรพรวด!ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งทะยานฟ้าอย่างมีชีวิตชีวา ราวกับสร้างจากหิมะน้ำแข็ง สะบัดหางทีเดียวก็กวาดซัดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งปลิวออกไปแล้ว กระดูกเอ็นระเบิดกระจุยตายคาที่ก้าวย่างชือน้ำแข็งสำแดงพลังสังหารอันน่าหวาดหวั่นผิดธรรมดาออกมาในตอนนี้!โครม!ประทับปี้อั้นปรากฏ แสงน้ำท่วงทำนองมรรคเปล่งประกาย เผยอานุภาพทรงพลังไร้ขีดจำกัด กว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร ทลายห้วงอากาศ กระแทกมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งตกสู่พื้นอย่างจัง ร่างกายถูกกดทับบี้แบน เลือดเนื้อย้อมพื้นดินในเวลาเดียวกันหมัดของหลินสวินคำราม พุ่งเข้าไปสังหาร แสงน้ำท่วงทำนองมรรคน่าสะพรึง มีพลานุภาพสะเทือนสวรรค์สะท้านปฐพี ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายล้างไม่ได้ปัง!สมบัติกู่ร้อง ถูกโจมตีจนปลิวปัง!ศัตรูราวกับจมสู่พื้นผิวทะเลที่พายุกระหน่ำ ถูกแรงหมัดอันยิ่งใหญ่ปกคลุม จากนั้นร่างกายพังทลายแตกสลายกลายเป็นหมอกเลือดหลินสวินในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมแล้วจริงๆ มีพลานุภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนเพิ่มเข้ามา การเคลื่อนไหวราวกับมหาสมุทรทรงพลัง มืดฟ้ามัวดิน ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายล้างไม่ได้เทียบกับเมื่อก่อน อานุภาพแข็งแกร่งกว่าไม่ใช่แค่หนึ่งระดับ!เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติแปดคนก็ถูกกวาดล้าง ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวแต่หลินสวินไม่แม้แต่จะเปื้อนฝุ่น ไม่มีส่วนใดบุบสลาย เงาร่างสง่างามยืนอยู่ในอากาศ รอบตัวถูกแสงมรรคสลัวรางพันรอบ ราวกับเซียนบริสุทธิ์ไร้โลกีย์นี่ก็คือพลังของเจตจำนงแห่งมรรค!จากการหยั่งรู้และขัดเกลาเนิ่นนาน ในที่สุดหลินสวินก็หยั่งถึงนัยแห่งมหามรรคธาตุน้ำได้จากธรรมชาติ!น้ำแทรกซึมได้ทุกสิ่ง แข็งอ่อนเสริมส่ง ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดอ่อนกว่าน้ำ แต่ก็ไม่มีความแข็งใดชนะมันได้!มันเปลี่ยนแปลงไม่มีขีดจำกัดจึงไร้ซึ่งการเสียเปรียบ ไร้ซึ่งรูปร่างแน่ชัดจึงมีอยู่ทุกที่ สามารถจุรับแม่น้ำร้อยสาย มีแก่นนัยลึกล้ำเกินคาดเดาเมื่อไม่ปะทะ มอบความชุ่มชื้นแก่สรรพสิ่งอย่างเงียบงันหากเมื่อปะทะ กลับไม่มีสิ่งใดในใต้หล้าที่ทำลายไม่ได้!อริยบุคคลเมื่อครั้งโบราณเรียกสิ่งนี้ว่า ‘อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ’นี่ก็คือเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ แตกต่างจากท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำ นี่คือการรับรู้และมองทะลุนัยแห่งมหามรรคอย่างหนึ่ง เป็นการหยั่งถึงและครอบครองพลังของมันในรูปแบบใหม่ทั้งหมดถ้าบอกว่าระดับท่วงทำนองแห่งมรรค ครอบครองได้เพียงร่องรอยแห่งมหามรรค เช่นนั้นระดับเจตจำนงแห่งมรรค ก็คือการครอบครองนัยแห่งมหามรรค!ทั้งสองต่างกันเพียงคำเดียว แต่ระดับกลับต่างกันราวฟ้ากับดินก็เหมือนหลินสวินในตอนนี้ ทั้งภายในและภายนอก ทั้งกายใจและวิญญาณ รวมไปถึงสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ และพลังปราณ หลังจากหยั่งถึงเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง…
คอมเม้นต์