Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 811 ดวงใจฉิวหนิว
ร่างกายหลินสวินร้อนระอุ อาการบาดเจ็บภายในกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็วน่าตะลึงนี่คือผลลัพธ์อัศจรรย์ซึ่งมาจากอมฤตแกนสุวรรณที่เขากินไปก่อนหน้า ทำการซ่อมแซมและหล่อเลี้ยงร่างกายเขาอมฤตแกนสุวรรณสมเป็นหนึ่งในแปดเซียนฟ้าดิน ช่วงเวลาอันสั้นๆ ก็ทำให้อาการบาดเจ็บของหลินสวินฟื้นฟูระดับหนึ่ง ซ้ำพลังกายยังฟื้นคืนไม่น้อยหลินสวินเก็บยานขนส่งอวกาศ เงาร่างวาบไหวออกสืบค้นสมรภูมิไม่นานหลินสวินก็พบแหวนโบราณสีเงินเข้มวงหนึ่ง เมื่อใช้จิตรับรู้ตรวจสอบ ในใจกลับผิดหวังอยู่บ้างนี่คือแหวนเก็บของที่โก่วขุ่ยหลงเหลือไว้ ภายในมีแค่เศษแกนวิญญาณขั้นสูงส่วนหนึ่ง โอสถวิญญาณหายากสิบกว่าอย่าง รวมถึงวัตถุดิบวิญญาณระดับสูงนิดหน่อยนอกจากนี้ยังมีม้วนหยกซึ่งบันทึกวิชาลับอยู่สามม้วน จำแนกเป็น ‘คัมภีร์วิญญาณผลาญมายาทมิฬ’ ‘เคล็ดวิชาแสงครามสมประสงค์’ และ ‘วิชาแปรเคราะห์อนุนามธรรม’สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป วิชาลับสามเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นมรดกแห่งยุคชั้นยอดอันดับหนึ่ง บันทึกปริศนาการฝึกปราณห้าระดับใหญ่และหนทางกลายเป็นราชัน มูลค่ามหาศาลไม่อาจประเมินแต่สำหรับหลินสวินซึ่งก้าวสู่มกุฎมรรคา วิชาลับสองม้วนแรกขัดต่อมรรคาของเขา ไม่มีคุณค่าเท่าไหร่นักแต่ ‘วิชาแปรเคราะห์อนุนามธรรม’ ค่อนข้างทำหลินสวินใจเต้นวิชาลับนี้น่าจะถือเป็น ‘มรดกระดับราชัน’ ภายในบันทึกความลับเกี่ยวกับ ‘อมตะนพเคราะห์’ บางส่วน รวมถึงความลับว่าจะล่วงพ้นอมตะได้อย่างไรแม้ปัจจุบันยังไม่เหมาะกับการบำเพ็ญเพียรของหลินสวิน แต่สักวันหนึ่งเมื่อเขาก้าวสู่ระดับราชันและเริ่มเสาะหาอมตะมรรคา สามารถนำมาศึกษาโดยละเอียดได้ทว่าสุดท้ายผลเก็บเกี่ยวนี้ก็ยังทำให้หลินสวินผิดหวังอยู่บ้างโก่วขุ่ยเป็นถึงราชันผู้เด่นตระหง่านเหนือหมู่บรรพตซึ่งเริ่มเสาะหาอมตะมรรคา สิ่งของติดตัวกลับซอมซ่อเช่นนี้ พาให้หลินสวินจนคำพูดหลินสวินหาอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายพบขาหมาดำใหญ่ข้างหนึ่ง ความไม่พอใจจึงคลายลงไม่น้อยนี่น่ะเป็นเนื้อหมาดำซึ่งก้าวสู่ระดับราชัน หลังจากย่างสุกไม่รู้รสชาติจะเป็นอย่างไร……ก่อนจะจากมา หลินสวินเหลือบมองภูเขาวิญญาณไร้นามอันห่างไกล นัยน์ตาเจือแววประหลาดวูบหนึ่งท่ามกลางศึกดุเดือดก่อนหน้านี้ เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีอสนีบาตสีทองจากฟากฟ้าเข้าช่วยตนอย่างใหญ่หลวงในช่วงเวลาสำคัญสุดท้ายหลินสวินโค้งตัวอย่างเงียบเชียบ ประสานหมัดคำนับก่อนหันหลังจากไป…ไม่นานเหนือภูเขาวิญญาณไร้นาม ปรากฏเงาร่างหญิงงามชุดทองคนหนึ่ง ทั่วร่างปกคลุมรัศมีมหามรรค ประดุจเทพไท้ไร้เทียมทานแห่งยุคข้างกายนางยังมีเด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ริมฝีปากแดงฟันขาวคนหนึ่งยืนอยู่ นัยน์ตาเปล่งประกายงามประณีต“ท่านแม่ ทำไมเมื่อครู่ต้องช่วยเจ้าสารเลวนั่นด้วย!”เด็กชายตัวน้อยโกรธจัด ท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้ชั่วนั่นแย่งอมฤตแกนสุวรรณของข้า แถมยังตีก้นข้าด้วย ไร้ยางอายและน่ารังเกียจยิ่งนัก!”นัยน์ตาหญิงงามทอดมองไปยังทิศทางที่หลินสวินจากไป ครู่ใหญ่จึงกล่าว “ลูกเอ๋ย เจ้าจำได้ไหมว่าศัตรูของเผ่าเราคือใคร”“เผ่าอีกาทอง!” เด็กชายตัวน้อยตอบโดยไม่ต้องคิด“ไม่ผิด” หญิงงามพยักหน้า “ดังนั้นเจ้าจงจำเด็กหนุ่มเมื่อครู่ไว้”เด็กชายตัวน้อยตะลึงงัน “เขาเป็นทายาทเผ่าอีกาทองหรือขอรับ”หญิงสาวส่ายศีรษะ มุมปากปรากฏแววลึกลับ “ไม่ เขาเหมือนพวกเรา สักวันหนึ่งต้องเปิดศึกกับเผ่าอีกาทองแน่”“หรือเขามีความแค้นกับเผ่าอีกาทอง”“ไม่ ตอนนี้อาจยังไร้พยาบาท แต่ต่อไปก็ไม่แน่”“ท่านแม่ เพราะเหตุใดหรือ”“เพราะคันธนูในมือเขา สมัยบรรพกาลเคยสังหารอริยะเผ่าอีกาทองไม่ใช่แค่คนเดียว และศรในมือเขาคือหนึ่งใน ‘ศรเทพทั้งเก้า’ ของเผ่าต้าอี้ เคยชโลมโลหิตผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองมามากมายเช่นเดียวกัน”หญิงสาวเอ่ยราบเรียบ “นี่ก็คือผลกรรมซึ่งถูกลิขิตล่วงหน้า บางทีเด็กหนุ่มนั่นอาจไร้อาฆาตพยาบาทกับเผ่าอีกาทอง แต่ทันทีที่เขาครองคันธนูและศรคู่นี้ ก็ถูกผูกกรรมไปแล้ว ภายภาคหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ได้เผชิญหน้ากัน”“ท่านแม่ ข้าไม่เข้าใจ”“หลินเอ๋อร์ เจ้ายังเด็ก หลังจากนี้ไม่ช้าก็เร็วจะเข้าใจเอง เจ้าต้องจดจำไว้ เจ้าคือทายาทเผ่าอสูรเนตรทองนอเดียว บิดาเจ้าถูกเผ่าอีกาทองเข่นฆ่า ความแค้นนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าห้ามลืมเด็ดขาด”เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า บนใบหน้าน่ารักปรากฏความมุ่งมั่นวูบหนึ่ง “ลูกเข้าใจขอรับ!”แต่ภายในใจเขากลับแอบกล่าว ‘ไม่ว่าอย่างไร รอข้าเติบโตขึ้นต้องซัดไอ้ระยำนั่นสักตั้ง มันคือคนแรกที่กล้าตีก้นกิเลนข้า ความอัปยศใหญ่หลวงเช่นนี้ไม่อาจทนได้!’ภายภาคหน้า เด็กชายตัวน้อยถูกเรียกว่า ‘เทพกิเลน’ กรีธาทัพกรำศึกเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ศักดานุภาพครองจักรวาล ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในใต้หล้าเลื่อมใสศรัทธาแต่กลับไม่มีคนรู้ว่า ‘เทพกิเลน’ ยามวัยเยาว์ยังเคยถูกคนตีก้นอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ทำให้เขาไม่อาจลืม มองเป็นรอยด่างแห่งชีวิต…แน่นอนว่านี่คือเหตุการณ์ในภายหลัง…ใต้เท้าขุ่ยตายแล้ว!ผ่านไปหนึ่งก้านธูป เงาร่างพลพรรคโก่วซวีสิงปรากฏทั่วบริเวณ เมื่อยืนยันว่าโก่วขุ่ยลับหายไปจากโลกแล้ว พวกเขาพลันตกตะลึงราวถูกฟ้าผ่าโดยสมบูรณ์“ส่งข่าวกลับเผ่าเถอะ”นานพอควร โก่วซวีสิงจึงเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึมเขารู้ว่าไม่สามารถปิดบังอีกต่อไปแล้ว ราชันผู้หนึ่งตายไป สำหรับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬซึ่งอิทธิพลดำรงทั่วดินแดนรกร้างโบราณ นี่คือการโจมตีอย่างหนักหน่วงไม่ด้อยไปกว่าฟ้าผ่ากลางวันแสกๆต่อให้เขาโก่วซวีสิงจะเจิดจรัสในหมู่คนรุ่นเยาว์มากกว่านี้ ต่อให้ในใจเขาไม่ยินยอมเพียงใด ก็ไม่กล้าปกปิดข่าวร้ายเช่นนี้เด็ดขาด!ราชันกึ่งระดับสองคนประสบเคราะห์!ผู้ใต้บังคับบัญชามือฉมังเกินครึ่งเจอประสบเคราะห์!บัดนี้ แม้แต่โก่วขุ่ยยังโชคร้ายประสบเคราะห์…แต่ศัตรูกลับยังรอดชีวิต!ปฏิบัติการครานี้พูดได้ว่าล้มเหลวโดยสมบูรณ์ พ่ายยับเยินไม่เป็นท่าโก่วซวีสิงรู้ดีว่าหากตนหวนกลับเผ่าตอนนี้ สิ่งที่รอเขาต้องเป็นเพลิงโทสะและบทลงทัณฑ์ของเหล่าคนใหญ่คนโตแน่!‘ข้าจะต้องฆ่าเจ้า… แน่นอน!’โก่วซวีสิงพึมพำในใจ ในสมองปรากฏเงาร่างหลินสวิน เขาไม่เคยเคียดแค้นชิงชังเช่นนี้มาก่อน…หมอกเมฆระเหยลอย ป่าเก่าแก่แผ่ไพศาล หมู่เขาห่างไกลซ้อนสลับ ยอดเขาสูงต่ำงามสง่าดุจภาพเขียนหลินสวินเดินทางอยู่ในนั้นเพียงลำพังกลางวัน เขามองสภาพบรรยากาศแดนดินเสาะหาชีพจรปราณ หยั่งรู้และศึกษาความลับของ ‘นัยน์ตาเฉาเฟิง’ โดยละเอียดกลางคืน เขานั่งสมาธิสงบจิต กลืนแก่นพลังแห่งฟ้าดินขัดเกลาตนเองตลอดทางไม่เคยประสบอันตรายอะไร ศัตรูเองก็คล้ายรู้ว่ายากจึงถอนตัวไม่ปรากฏอีกผ่านไปหลายวันเหนือทิวเขาซึ่งมีหมอกควันสีม่วงอ่อนลอยวนลูกหนึ่ง หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หมอกเมฆทั่วเขาพลันถูกพัดกระจาย เผยโฉมหน้าที่แท้จริงฮูม…เขายื่นมือจับ ทิวเขาสั่นสะเทือน ถูกพลังฝ่ามือชวนประหวั่นควบคุม ไม่นานนักสายแร่ปราณดั่งรุ้งเทพถูกสูบดึงออกมาสายแร่ราวอสรพิษแวววาวเปล่งประกาย หลั่งแสงม่วงเจิดจรัสมลังเมลืองงามตระการสำริดทรัพย์เร้นม่วง!วัตถุดิบวิญญาณระดับสูงอย่างหนึ่ง มูลค่าสูงล้ำ ก้อนขนาดเท่าหัวแม่มือในตลาดสามารถแลกเปลี่ยนได้สามสิบแกนวิญญาณขั้นต่ำและชีพจรปราณวิญญาณสำริดทรัพย์เร้นม่วงเบื้องหน้ามีมากราวหลายหมื่นชั่ง เสมือนดั่งอสรพิษสีม่วงตัวเขื่องหลินสวินเก็บมันไว้ในแหวนเก็บของ ก่อนหันหลังลอยล่องจากไปหลายวันมานี้เขาอาศัยความอัศจรรย์ของนัยน์ตาเฉาเฟิง ทำให้ตลอดทางค้นพบแดนสมบัติไม่น้อย รวบรวมชีพจรปราณวิญญาณและแร่ธาตุนานัปการอย่างเช่นสายแร่ทองพิสุทธิ์ประกายพรึก เหล็กสลักอสูรมรกต หยกหมอกทับทิมเป็นต้นยังมีชีพจรปราณวิญญาณที่กระจัดกระจาย ผลึกวิญญาณระดับสูง แกนวิญญาณอีกส่วนหนึ่งเป็นต้น ระดับคุณภาพมีทั้งสูงและต่ำ แต่ค่อนข้างหายากทั้งสิ้นถึงขั้นที่นัยน์ตาเฉาเฟิงทำให้หลินสวินพบพื้นที่งดงามชั้นดีซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘ถ้ำสวรรค์แดนมงคล’ บางส่วนทว่านอกจากเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้วก็ยังมีอันตรายแฝงพื้นที่สมบัติฮวงจุ้ยซึ่งดูเหมือนก่อเกิดจากฟ้าดินบางส่วน แท้จริงแล้วแฝงเคราะห์สังหารอวมงคลเอาไว้หลินสวินเกือบเคยประสบเคราะห์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว อย่างเช่นเมื่อวาน หน้ายอดเขาที่อบอวลแสงสมบัติสีทองเข้ม ไอวิญญาณเต็มแน่นหาใดเปรียบ จากข้อสันนิษฐานของหลินสวิน ที่แห่งนี้น่าจะซ่อนแร่หยกทองดาราสายหนึ่งทว่าเมื่อเขาขุดหา ในสายแร่ใต้ยอดเขานั่นกลับแผ่ไอเลือดใต้พิภพที่น่าประหวั่นออกมา ทะลวงขึ้นฟ้าเพียงชั่วขณะต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหิน ทิวเขาทั้งหมดในรัศมีร้อยลี้… ล้วนถูกกัดกร่อนดับสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน สูญสิ้นพลังชีวิต!หากไม่ใช่หลินสวินหนีได้ทันเวลาคงประสบเคราะห์ไปแล้วไอเลือดใต้พิภพ นี่เป็นพลังประหลาดอย่างหนึ่งซึ่งน่ากลัวที่สุดในฟ้าดิน มีพลังกัดกร่อนไม่อาจจินตนาต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ โดนเปื้อนแค่บางเบาซากศพพลันอันตรธาน!และการประสบเคราะห์เช่นนี้ หลินสวินก็พบเจอตลอดทางหลายครั้งประสบการณ์เพิ่มพูนความรู้ ทำให้เขาเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากมันไม่น้อย ความเข้าใจและการหยั่งรู้ต่อนัยน์ตาเฉาเฟิงลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมผ่านไปครึ่งเดือนกลางดึกหมู่ดาราส่องประกายเหนือฟ้ายามค่ำ หมู่เขาเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมแทรกผ่านภูเขากลางฟ้าดินกลางทางขึ้นเขา ใต้ต้นหลิวแข็งแกร่งต้นหนึ่ง เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ หลินสวินนั่งสมาธิสงบจิต ใบหน้าหล่อเหลางสะท้อนอยู่ใต้แสงอัคคีเลือนรางเก็บงำกลิ่นอาย นิ่งเงียบสันโดษ เสมือนแผ่นศิลาตั้งตระหง่านไม่ขยับกระรอกน้อยตัวหนึ่งปีนป่ายต้นหลิว พินิจพิเคราะห์หลินสวินอย่างสงสัยใคร่รู้บนกิ่งไม้ หลังลังเลอยู่นานมันจึงกระโดดลงมาอย่างระมัดระวัง นำหางยักษ์ปุกปุยนุ่มสลวยลูบกวาดใบหน้าหลินสวินเห็นฝ่ายหลังยังคงไม่ขยับ มันกระโดดขึ้นหัวไหล่หลินสวินอย่างดีอกดีใจ กระโดดโลดเต้นราวพบของเล่นน่าสนุกสุดท้ายกระรอกน้อยเล่นจนเหนื่อย ศีรษะปุกปุยซุกในอ้อมแขนหลินสวิน นอนแผ่หลาหงายหลังอยู่ตรงนั้น กรงเล็บน้อยขดงุ้มหลับสนิทเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง รัตติกาลอันห่างไกลปรากฏนัยน์ตาเขียวมรกตคู่หนึ่ง เป็นเสือดาวโลหิตร่างปราดเปรียวมันเข้าประชิดอย่างเงียบสงัดไร้เสียง ราวนักล่าที่ชาญฉลาดเชี่ยวชาญ นัยน์ตาเขียวมรกตจับจ้องหลินสวิน และจ้องมองกระรอกน้อยตัวนั้นใกล้แล้ว…กระรอกน้อยยังหลับใหล ผิวท้องน้อยๆ อ่อนนุ่มขยับขึ้นลง นอนหลับอย่างสบาย ไม่สังเกตเห็นว่าอันตรายมาเยือนสักนิดหลินสวินซึ่งเดิมนิ่งเงียบไม่ขยับดั่งหินผา เวลานี้กลับลืมตาขึ้น พริบตานั้นกลางรัตติกาลดั่งวาบสายฟ้าสองสายฟุ่บ!เสือดาวโลหิตก้มหมอบตัวสั่นงันงกกับพื้น มันสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวอย่างที่สุด ครวญคร่ำไม่หยุดหลินสวินแววตาใสกระจ่าง ดวงหน้าเปี่ยมกลิ่นอายเหนือห้วงมายา มองเสือดาวโลหิตเงียบๆ ชั่วพริบตาในใจเขาปรากฏความรู้สึกอัศจรรย์มากมายนี่คือเสือดาวโลหิตซึ่งหิวโหยมาหลายวัน ขณะเดียวกันมันยังเป็นแม่ของลูกน้อยฝูงหนึ่ง มันต้องการอาหารเพราะลูกๆ กำลังจะหิวตาย เหลือเพียงลมหายใจรวยรินแต่ตอนนี้มันหวาดกลัวและสิ้นหวัง ในใจไม่ยินยอมอย่างยิ่ง เพราะมันไม่หวั่นเกรงความตาย แต่กังวลว่าหลังตายไปลูกน้อยเหล่านั้นคงไม่อาจรอดชีวิต…นี่คือความรู้สึกของเสือดาวโลหิต แต่กลับถูกหลินสวินจับสัมผัสโดยสมบูรณ์ในชั่วพริบตา รับรู้อยู่ในใจนี่ก็คือความอัศจรรย์ของมรดกร่างที่เก้าแห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ‘ดวงใจฉิวหนิว’……………..
คอมเม้นต์