Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 805 ลับมีดครืดคราดใส่หมาดำ
หลินสวินลอบกลับมายังเชิงเขาวิญญาณไร้นามอีก เขาอาศัยไอซวนหนีกลบกลิ่นอายทั่วตัว ไม่กังวลว่าจะถูกอสูรเนตรทองนอเดียวสังเกตเห็นบุปผาโลหิตเรียกหา?จากนั้นหลินสวินหยิบม้วนหยกดำสนิทเจือสีเลือดออกมาจากอก นี่คือทรัพย์หลังศึกที่ค้นเจอบนตัวผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่เขาสังหารไปก่อนหน้านี้หลังจากพินิจพิเคราะห์เพียงครู่ หลินสวินก็เข้าใจความอัศจรรย์ของมัน นัยน์ตาฉายแววประหลาดวูบหนึ่ง ก่อนใช้จิตรับรู้เข้าไปขีดเขียนในบุปผาโลหิตเรียกหาทันใด…“นายน้อย จากร่องรอยที่เป้าหมายหลงเหลือไว้ตลอดทาง หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัย ภายในหนึ่งวันพวกเราต้องตามทันเป้าหมายแน่ขอรับ!”ใกล้ๆ ป่าเก่าแก่แห่งหนึ่ง โก่วตงรายงานด้วยความเคารพภายในเกี้ยวสีดำยินเสียงราบเรียบมีสง่าของโก่วซวีสิง นายน้อยเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ “โก่วตง เจ้ามีเรื่องปิดบังข้า”ประโยคเดียวทำเอาโก่วตงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั่วร่างพลันแข็งทื่อโก่วซวีสิงเอ่ยเนิบช้า “บนตัวเจ้ามีกลิ่นกระดูกจางๆ อยู่ แปลกประหลาดมาก ทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก เจ้าสามารถบอกเหตุผลข้าได้ไหม”คำพูดราบเรียบสบายๆ แต่กลับทำโก่วตงสีหน้าแปรเปลี่ยนอีกครา สุดท้ายไม่กล้าปิดบังอีก เขารู้ดีว่าทันทีที่นายน้อยบันดาลโทสะจะน่ากลัวระดับใดเขาฝืนกล่าว “นายน้อย ก่อนหน้านี้ระหว่างสืบหาร่องรอยศัตรู หน่วยสอดแนมของเราคนหนึ่งเขา… ถูกย่างกินไปแล้ว…”น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง อากาศทั่วบริเวณเสมือนเยือกแข็ง ถูกกลิ่นอายอำมหิตเยียบเย็นชวนประหวั่นแผ่คลุมผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทุกคนรวมโก่วตงยามนี้ในใจต่างสั่นสะท้าน ประหม่าถึงขีดสุดจนเหงื่อซึมเต็มหน้าผากบรรยากาศเงียบเชียบและกดดัน โก่วซวีสิงซึ่งอยู่ในเกี้ยวสีดำนิ่งเงียบ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้คนอื่นร้อนอกร้อนใจอยู่ไม่สุขพวกเขารู้ดีว่าโก่วซวีสิงซึ่งมีสมญากระหายเลือดอย่าง ‘บั่นพันเศียร’ น่ากลัวมากเพียงใด ทันทีที่โมโหขึ้นมา ไม่ใช่ว่าใคตรๆ จะรับมือไหว!“ถูกย่างกินแล้ว… ถูกย่างกินแล้ว…” นานพอควร โก่วซวีสิงจึงส่งเสียงพึมพำคล้ายยังไม่อาจเชื่อ บนโลกนี้ยังมีคนกล้าทำเช่นนี้รึตึกตัก! ตึกตัก!ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมากมายแบกรับความหวาดหวั่นภายในใจไม่ไหว คุกเข่าทรุดลงกับพื้น แม้แต่โก่วตงเองยังสีหน้าแข็งทื่อ เกร็งไปทั้งตัวเวลานี้ม่านเกี้ยวสีดำถูกเลิกขึ้น เงาร่างสูงโปร่งหนึ่งเดินออกมารูปร่างเขาสูงใหญ่เด่นสง่า คิ้วหนานัยน์ตาพยัคฆ์ องอาจผ่าเผยสง่างามยิ่งยวด ดวงตาสีเขียวมรกตแปลกประหลาด ล้ำลึกเคร่งขรึม ฉายแววยะเยือกชวนประหวั่นเป็นระลอกทันทีที่ปรากฏกาย แม้แต่โก่วตงยังล้วนสั่นเทาไปทั้งตัว คุกเข่าลงกับพื้นดังตูม ก่อนกล่าวเสียงสั่นเครือ “นายน้อยโปรดระงับโทสะ!”คนผู้นี้คือโก่วซวีสิง ยอดบุคคลผู้กล้ารุ่นเยาว์เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬระดับ ‘บั่นพันเศียร’!ซากศพชโลมเลือดและผลงานต่อสู้หล่อหลอมฐานะโก่วซวีสิงจนมาถึงวันนี้!“ภายในหนึ่งวัน ข้าต้องการเป้าหมายแบบมีชีวิต จับมันมาต้มกินทั้งเป็น” นัยน์ตาเขียวมรกตของโก่วซวีสิงพรั่งพรูประกายประหลาดชวนประหวั่น น้ำเสียงเยียบเย็นเหลือจะเอ่ยอิทธิพลของพวกเขาเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแผ่กว้างทั่วสี่แดนวิภูแห่งดินแดนรกร้างโบราณ เส้นสนกลในยิ่งใหญ่มหาศาล ทำผู้ฝึกปราณทั้งใต้หล้าหน้าเปลี่ยนสีเมื่อกล่าวถึง แม้แต่สำนักโบราณทั่วไปยังไม่กล้าแส่หาเรื่องโดยง่ายแต่บัดนี้กลับมีคนกล้ามองพวกเขาเป็นอาหาร!นี่ไม่เพียงแค่กำเริบเสิบสาน แต่เป็นเหมือนการยั่วยุล้ำเส้นเผ่าพวกเขา ไม่อาจอดกลั้นเด็ดขาด ยิ่งไม่อาจให้อภัย!ท่ามกลางความมืดมิด เงาร่างชราสองร่างพุ่งออกมากะทันหัน กลิ่นอายล้วนเร้นลับและน่าหวาดกลัวพวกเขามีนามว่าโก่วซานและโก่วไห่ เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันสองคนที่ทำหน้าที่อารักขา คอยติดตามข้างกายโก่วซวีสิงตลอดทาง!“ไม่ว่าใครที่มันกล้าล่วงเกินกันเช่นนี้ ต้องถูกลงโทษ!” พวกเขากล่าวขึ้นมาเช่นกัน สีหน้าทะมึนเคร่งขรึม เห็นชัดว่าถูกยั่วโทสะแล้ว“วาจานี้ไม่เลว แม้แต่ราชันในปัจจุบันยังไม่กล้าดูหมิ่นอำนาจของเผ่าข้าเช่นนี้ พวกรนหาที่ตายพรรค์นี้ต้องใช้วิธีอำมหิตกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก!”น้ำเสียงแหบพร่าหนึ่งดังขึ้นเหนือความคาดหมายอีกครา จากนั้นชายชราชุดคลุมสีโลหิต ทั่วร่างปกคลุมด้วยแสงมรรคเจิดจรัสคนหนึ่งก็ปรากฏตัว“คารวะใต้เท้าขุ่ย!”ทุกคน ณ ที่นั้นต่างโค้งคำนับสีหน้าเคร่งขรึมชายชรานามโก่วขุ่ยคือราชันที่แท้จริงผู้หนึ่ง เป็นคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง สถานะพิเศษโดดเด่น“ท่านอาสิบสี่ ลิ่นเหวินจวินถูกฆ่าแล้วหรือ” โก่วซวีสิงสอบถามโก่วขุ่ยส่ายศีรษะ สีหน้ามืดมนอยู่บ้าง “เฉียดแค่นิดเดียว”โก่วซวีสิงตกตะลึง ยากจะเชื่ออยู่บ้าง “นี่เป็นไปได้อย่างไร”ใช่แล้ว เป็นไปได้อย่างไรคนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าประหลาดใจสงสัย ใต้เท้าขุ่ยเป็นถึงราชันที่แท้จริง อานุภาพร้ายกาจ ทรงอิทธิพลทั่วสารทิศมาหลายปี แค่ลิ่นเหวินจวินคนเดียว ทำไมถึงหนีรอดจากการตามฆ่าของใต้เท้าขุ่ยไปได้“นางถูกคนช่วยไว้” โก่วขุ่ยสีหน้าเยียบเย็น แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าหน้าหมองไป ออกปฏิบัติการด้วยตนเองแต่ปล่อยเป้าหมายหนีไปได้ นี่คือความอัปยศอย่างไม่ต้องสงสัย“ใคร?” โก่วซวีสิงถาม“ยายแก่คนหนึ่ง”โก่วขุ่ยสีหน้าอึมครึมยิ่งกว่าเดิม “แม้ไม่รู้ฐานะแน่ชัด แต่ข้าจดจำกลิ่นอายมันไว้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่จับตัวนางมาได้!”ใบหน้างามสง่าของโก่วซวีสิงผุดอารมณ์มืนมนวูบหนึ่ง ในใจมีความโกรธแค้นเหลือจะเอ่ยพวกเขาออกปฏิบัติการครานี้ด้วยท่าทีเหิมเกริมน่ากลัว เดิมคิดว่าด้วยอานุภาพนี้สามารถกวาดล้างเป้าหมายได้แล้ว แต่บัดนี้กลับพลาดท่าเสียทีติดต่อกันนางเด็กที่ครอง ‘สายเลือดจิ้งจอกนิล’ นั่นถูกบุคคลปริศนาคล้ายราชันกึ่งระดับพาตัวไป ส่วนลิ่นเหวินจวินก็ถูกคนช่วยหนีให้พ้นเคราะห์อย่างโชคช่วยเช่นเดียวกันนี่จะให้โก่วซวีสิงยอมรับได้อย่างไรหากเรื่องนี้แพร่งพรายถึงเผ่า เกรงว่าคงนำมาซึ่งเสียงวิจารณ์โจมตีและเยาะหยันมากมาย นี่ไม่เพียงทำชื่อเสียงเขาเสื่อมเสีย ยังส่งผลต่อฐานะในหมู่คนรุ่นเยาว์ในเผ่าของเขาด้วย!แม้โก่วซวีสิงถูกเทิดทูนเป็นนายน้อย แต่เขากลับเข้าใจดี อิทธิพลของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเขายิ่งใหญ่มาก แค่ในหมู่คนรุ่นเยาว์ก็มีพวกที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเขาสิบกว่าคนกระทั่งในแดนชัยบูรพายังมีพวกน่ากลัวยิ่งกว่า ได้ฉายาว่า ‘โค่นหมื่นศัตรู’ ไปแล้ว ทำให้โก่วซวีสิงรู้สึกถึงความกดดันใหญ่หลวง!ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ปฏิบัติการซึ่งเขาเป็นผู้นำกลับพลาดท่าเสียทีติดต่อกัน นี่ทำให้โก่วซวีสิงระงับโทสะไม่อยู่เป็นธรรมดาที่ทำเขาเคียดแค้นชิงชังที่สุดคือ เป้าหมายคล้ายราชันกึ่งระดับซึ่งพาซย่าเสี่ยวฉงไปนั่น ถึงกับเห็นพวกเขาเป็น ‘อาหาร’ อย่างกำเริบเสิบสาน นี่คือการสะกิดต่อมโมโหให้เผ่าพวกเขาโดยไม่ต้องสงสัย!“ปล่อยลิ่นเหวินจวินไปก่อน ขอแค่สังหารนางเด็กนั่น ปฏิบัติการของเราครานี้ก็ถือว่าสำเร็จ”นานพอควรโก่วซวีสิงจึงสูดหายใจลึก นัยน์ตาเขียวมรกตฉายไอสังหารชวนประหวั่น ก่อนกัดฟันกรอดกล่าวเน้นทีละคำ “ยังมีเจ้าคนที่เห็นพวกเราเป็นอาหารนั่น ต้องจับมันให้ได้ ข้าจะต้มมันกินทั้งเป็น!”น้ำเสียงตอนสุดท้ายเจือความเหี้ยมโหดคลั่งระห่ำเห็นชัดว่าเขาถูกทำให้โกรธแทบบ้าปัง!ทันใดนั้นบนท้องนภาอันห่างไกล ดอกไม้ไฟสีเลือดประหลาดดอกหนึ่งผลิเบ่งบานบุปผาโลหิตเรียกหา!สายตาทุกคน ณ ที่นั้นล้วนถูกดึงดูดทันควัน ทว่าเมื่อเห็นเนื้อหาซึ่งถ่ายทอดผ่านบุปผาโลหิตเรียกหานั่น สีหน้าพวกเขาแต่ละคนล้วนเปลี่ยนเป็นผิดแปลกนั่นคือภาพวาดหนึ่ง วาดเป็นรูปกระดูกขนาดใหญ่ราวไม้ตะบอง ด้านข้างยังมีข้อความระบุ ‘กล่าวถึงอาหารเลิศรสในใต้หล้า แน่นอนว่าต้องมีที่สำหรับเนื้อหมาดำ เจ้าพวกหมาเวรจงล้างรอลงหม้อ ท้องข้าหิวกระหายสุดจะทนอยู่นานแล้ว!’ชั่วขณะหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬล้วนเต้นเร่าราวกินรังแตน โกรธจนแทบพุ่งทะยาน ไอ้เวรนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ยังจะกล้ายั่วยุเช่นนี้ คงอยากตายนักสินะ!โก่วซานและโก่วไห่ราชันกึ่งระดับทั้งสองสีหน้าน่ากลัวยิ่งระดับราชันโก่วขุ่ยก็โกรธจนควันออกหู นัยน์ตาเอ่อท้นไอสังหารเข้มข้นโก่วซวีสิงยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าเยียบเย็นถมึงทึงกว่าเดิม ทั่วร่างแผ่กระจายไอชั่วร้ายชวนประหวั่นหาใดเปรียบ คำรามราวบีบคั้นออกมาจากทรวงอก “ยังมัวตะลึงทำอะไร ไป! ลงโทษไอ้สวะนั่น!”ตูม!พริบตานั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬออกปฏิบัติการ แต่ละคนไอชั่วร้ายทะลวงเมฆา พุ่งทะยานผ่านฟ้าดุจเทพดุผีร้ายจากขุมทมิฬชั้นเวหากระเจิดกระเจิง ฟ้าดินเปลี่ยนสี สรรพชีวิตในรัศมีร้อยลี้ต่างถูกไอสังหารอันน่าหวาดกลัวทำเอาตระหนกจนหมอบคลานตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้นพวกเขาเดือดดาลเข้าจริงๆ แล้ว ทั้งใต้หล้าปัจจุบันยังไม่เคยมีใครกล้าลบหลู่และยั่วยุพวกเขาเช่นนี้มาก่อน!…‘มาแล้ว!’เชิงภูเขาวิญญาณไร้นาม หลินสวินหลบซ่อนอย่างระวัง ไอซวนหนีอบอวลทำให้เงาร่างและกลิ่นอายเขาเลือนหายกลางคันแม้แต่จิตรับรู้ยังถูกเขาเก็บอย่างระวังทว่าอาศัยนัยน์ตาเฉาเฟิง กลับทำให้หลินสวินสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน กลางฟ้าดินอันห่างไกลเต็มไปด้วยไอทะมึนทะลวงเมฆาโหมกระหน่ำ ซ้ำกำลังเคลื่อนมาทางนี้อย่างรวดเร็วหลินสวินพลันยิ้มรับ ไอ้หมาพวกนี้อดกลั้นไม่ไหวจริงๆไม่ทันไรเงาร่างพวกโก่วซวีสิงปรากฏตัว เคลื่อนย้ายกลางอากาศ พละกำลังดุดันไม่ปกปิดกลิ่นอายแม้แต่น้อย อาละวาดเหิมเกริมทรงอำนาจยิ่งนี่ถือว่าปกติ มีราชันเช่นโก่วขุ่ยออกบัญชาการ ซ้ำมีโก่วซานและโก่วไห่ราชันกึ่งระดับสองคนคอยคุ้มกัน ต่อให้พบเจอสิ่งมีชีวิตระดับราชันที่แท้จริงในพื้นที่รกร้างนอกชานเมือง ก็สามารถสพแดงอำนาจได้อย่างไร้หวาดเกรงนี่ก็คือความมั่นใจของพวกเขาทว่าเมื่อเห็นภูเขาวิญญาณไร้นามนั่น พวกโก่วซวีสิงพลันรู้สึกประหลาดใจ สังเกตเห็นว่าเขาลูกนี้แตกต่างอย่างชัดเจน“เป้าหมายหลบอยู่ที่นี่รึ” นัยน์ตาเขียวของโก่วซวีสิงส่องประกาย เขาสัมผัสได้แค่ว่าเขาลูกนี้มีไอวิญญาณข่มขู่ผู้คน เห็นได้ว่าพิเศษโดดเด่น มีท่วงทำนองปราณงามอัศจรรย์วิจิตรทรงพลังประการหนึ่ง“กลิ่นอายและร่องรอยมันมาถึงที่นี่แล้วจางหาย คงหลบซ่อนอยู่ในเขาลูกนี้แน่” ด้านข้าง โก่วตงตอบกลับหนักแน่น การสะกดรอยคือพรสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพวกเขา ย่อมต้องมั่นใจมากเป็นธรรมดา“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เขาลูกนี้เหมือนแดนสมบัติถ้ำสถิต แต่ละแวกใกล้เคียงไร้สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัย นี่มันผิดปกตินัก” โก่วซานกล่าวคิ้วขมวด“จริงดังว่า ก่อนหน้านี้เป้าหมายปล่อยบุปผาโลหิตเรียกหา ดูเหมือนทำการยั่วยุ อันแท้จริงอาจซ่อนแผนชั่วร้ายหมายล่อพวกเรามาที่นี่” โก่วไห่ก็วิเคราะห์อย่างสุขุมเยือกเย็น“ไม่ว่ากลอุบายเล่ห์เหลี่ยมอะไร ต่อหน้าพลังที่แท้จริงมันก็แค่เรื่องน่าขัน”กลับเห็นโก่วขุ่ยทั่วร่างอบอวลแสงมรรคสีเลือด มีอานุภาพผงาดผยองก้มมองใต้หล้า นี่คือท่วงท่าแห่งราชัน“ไป พวกเราลองไปดูพร้อมกัน เขาลูกนี้สะสมความอัศจรรย์อยู่ภายใน หมอกม่วงพวยพุ่ง พวกเราอาจอาศัยโอกาสนี้ขุดพบสมบัติหายากบางอย่างก็เป็นได้”โก่วขุ่ยมั่นใจและสบายอารมณ์นัก นำทางไปเบื้องหน้ามุ่งสู่ภูเขาวิญญาณไร้นามพวกโก่วซวีสิงเห็นดังนั้นต่างไม่คิดมากความอีก อาศัยกำลังระดับนี้ของพวกเขา ถึงแม้เจอเรื่องเกินคาดหมาย ยังมีอะไรรับมือไม่ได้อีก………….
คอมเม้นต์