Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 803 สภาพบรรยากาศแดนดิน
พลังจิตวิญญาณหลินสวินยิ่งใหญ่ระดับใด แม่นยำเหนือจินตนาการพริบตานั้นเขาถึงขนาดสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าในพุ่มหญ้าชอุ่มนอกระยะประมาณสามพันจั้งมีเงาร่างหนึ่งหลบซ่อนอยู่คนผู้นี้นัยน์ตามืดมนยะเยือก รูจมูกใหญ่โต กำลังใช้วิชาลับสูดดมทุกกลิ่นอายกลางห้วงอากาศ สุดท้ายจึงทอดสายตามองยังทิวเขาที่หลินสวินอยู่จากที่ห่างไกลเห็นชัดว่าคนผู้นี้อาศัยเพียงประสาทรับกลิ่นแยกแยะร่องรอยของหลินสวิน!หลินสวินหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย พลันนึกถึงคำเล่าลือเกี่ยวกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทันที เผ่าพันธุ์นี้สร้างชื่อเสียงโด่งดังโดยอาศัยประสาทรับกลิ่นอีนเฉียบคมสมเป็นจมูกสุนัขซะจริง!หลินสวินหยุดโคจรลมปราณอย่างเงียบเชียบ คิ้วขมวดเล็กน้อยเขาตระหนักได้ว่าการเข่นฆ่าโรมรันกับคนสำนักมุกวิญญาณก่อนหน้า ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตื่นตระหนกโดยไม่ต้องสงสัย!ต่อจากนั้น หลินสวินสัมผัสได้ว่าเจ้าคนที่หลบซ่อนอยู่ห่างไกลนั่นหยิบม้วนหยกดำสนิทเจือสีโลหิตม้วนหนึ่งในอกออกมา…นี่มัน?แม้หลินสวินไม่อาจจำแนก แต่สังเกตได้ว่าไม่เข้าทีโดยสัญชาตญาณพรึ่บ!เวลาต่อมาเงาร่างเขาหายไปจากจุดเดิม พุ่งทะยานโดยใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มอัตรา หาได้บดบังกลิ่นอายแม้แต่น้อยสวบ!ระยะทางสามพันกว่าจั้งเท่านั้น สำหรับหลินสวินชั่วพริบตาก็ถึงเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนั่นคล้ายถูกทำให้ตกใจ ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาไม่ล่าช้า ทะยานพุ่งหลบห่างไปในบัดดลแต่ชัดเจนว่าช้าไปหนึ่งจังหวะ เสียงฉัวะดังขึ้น ดาบหักดุจสายรุ้งพุ่งออกไป ทะลวงผ่านแผ่นหลังเป็นรูชุ่มเลือด เขาร้องทุรนทุรายก่อนซวนเซล้มลงกับพื้นขณะเดียวกันเงาร่างหลินสวินลอยล่องลงมา เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนหลังเจ้าหมอนี่พลางกล่าว “ว่ามา เจ้าอยากจัดการตัวเองหรือให้ข้าลงมือแทน”“ไอ้เด็กสวะ เจ้ากล้าทำร้ายข้า…” นี่คือชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่ง ใบหน้าซูบตอบ รูจมูกใหญ่ จ้องหลินสวินอย่างผูกพยาบาทแต่ไม่รอพูดจบก็ถูกฝ่ามือหนึ่งของหลินสวินซัดลงกบาล ฟาดจนเขาสับสนมึนงง กะโหลกศีรษะแทบแหลกจากนั้นหลินสวินไม่พูดมากความ เริ่มใช้ทัณฑ์ทรมานที่เรียนรู้จากค่ายกระหายเลือดกับเจ้าหมอนี่ผ่านไปครู่ใหญ่ชายหนุ่มชุดดำชักกระตุกทั้งตัวอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเผือด เหงื่อกาฬตรงหน้าผากไหลบ่าราวน้ำตก กัดฟันกรอดแทบแตก นัยน์ตาว่างเปล่ามึนงง ปรากฏสัญญาณพังทลาย ทรมานถึงขีดสุดขณะนี้เขาปรารถนาความตายอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะการทรมานก่อนหน้าทำให้เขาเหมือนตกนรกทั้งเป็น ถูกทรมานอย่างเจ็บปวดไร้สิ้นสุดหลินสวินได้รับสิ่งที่ตนอยากรู้ทั้งหมดอย่างรวดเร็วโดยไม่เกินความคาดหมายฟุ่บ!หนอนกินเทพตัวหนึ่งโฉบออกมา ชอนไชเข้าร่างชายหนุ่มชุดดำอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง เขมือบกลืนจิตวิญญาณของเขาจนเกลี้ยง ปลิดชีพลงตรงนั้นโดยสมบูรณ์หลังจากนั้นเขาก็กลับร่างเดิม กลายเป็นสุนัขใหญ่สีดำร่างคล้ายลูกวัวตัวหนึ่ง นัยน์ตาดุจกระดิ่งสำริดแดงสดหาใดเปรียบ ขนผิวเรียบเนียนส่องประกาย สี่เท้าแข็งแกร่งทรงพลัง เขี้ยวยาวราวหนึ่งฉื่อเบียดแน่นขาวดุจหิมะทั้งปากนี่ก็คือร่างจริงของสุนัขสวรรค์มายาทมิฬสวบ!หลินสวินหิ้วสุนัขดำตัวนี้หายไปจากจุดเดิม…หน้าลำธารใสกระจ่าง เปลวเพลิงลุกโหม บนตะแกรงเสียบเนื้อย่างเหลืองเกรียมมันวาว โชยกลิ่นหอมของเนื้อที่เย้ายวนใจเป็นพิเศษนี่คือเนื้อของสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นับเป็นสายพันธุ์สุนัขพันธุ์หนึ่ง สรรพคุณเนื้ออุดมพลังเต็มเปี่ยม นำมาย่างไฟแรงแน่นอนว่าต้องอร่อยอย่างหาได้ยากหน้ากองไฟ หลินสวินตกอยู่ในห้วงความคิดเขาได้รู้สิ่งที่อยากรู้ แต่ความจริงกลับทำเขาประหลาดใจอยู่บ้างเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมุ่งหน้ามายังนครเตโชครานี้ เคลื่อนพลขุมพลังชั้นยอดซึ่งเรียกได้ว่ามือฉมังรวมร้อยกว่าคน ในนั้นถึงขั้นมีราชันกึ่งระดับสองคนและราชันที่แท้จริงคนหนึ่ง!นอกจากนี้ ทายาทสายตรงของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬผู้หนึ่งยังติดตามมาด้วย หรือกล่าวได้ว่าหัวหน้าปฏิบัติการครานี้ก็คือทายาทสายตรงผู้นี้เขามีนามว่าโก่วซวีสิง ถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ ในเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอันยิ่งใหญ่ทั่วดินแดนรกร้างโบราณ นับเป็นบุคคลยอดผู้กล้ารุ่นเยาว์โก่วซวีสิงไม่ธรรมดายิ่ง ยึดตามการประเมินภายในของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ สามารถเรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้กล้าระดับ ‘บั่นพันเศียร’อย่างไรคือบั่นพันเศียรก็หมายถึงโก่วซวีสิงเคยอาศัยพลังของตน จู่โจมสังหารศัตรูซึ่งปราณแกร่งกล้ากว่าเขากว่าพันคนกับมือ!พลังปราณ ไม่ได้หมายถึงพลังต่อสู้ที่แท้จริงโก่วซวีสิงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้เป็นข้อพิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัย ว่าเขาคือพวกเหี้ยมโหดป่าเถื่อนที่สามารถสังหารศัตรูข้ามระดับได้ ผลงานการต่อสู้น่าตกตะลึงที่ชโลมเลือดคือสิ่งพิสูจน์ที่ดีที่สุด!และด้วยเหตุนี้ ฐานะของโก่วซวีสิงในเผ่าจึงค่อนข้างพิเศษโดดเด่น ถูกเทิดทูนให้เป็นนายน้อย เมื่อใดที่ออกเดินทาง ข้างกายต้องมีผู้อาวุโสประจำเผ่าติดตามมาด้วยตามคำเล่าลือ ในบรรดาคนรุ่นเยาว์เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ถึงขั้นมีผู้กล้าไร้เทียมทานสมญา ‘โค่นหมื่นศัตรู’ เพียงแค่ไม่มีคนรู้เท่านั้นแน่นอนว่าข่าวคราวพวกนี้ไม่ถึงกับทำให้หลินสวินตื่นตระหนกเกินไป ที่ทำให้เขาตกตะลึงคือเป้าหมายสุดท้ายของพวกโก่วซวีสิงหาใช่จัดการลิ่นเหวินจวิน แต่เป็นการตามฆ่าซย่าเสี่ยวฉงซึ่งอยู่ข้างกายลิ่นเหวินจวิน!เพราะซย่าเสี่ยวฉงคือทายาทสายตรงเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวเช่นเดียวกัน ซ้ำยังเป็นมี ‘สายเลือดจิ้งจอกนิล’ อันเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดโดยกำเนิดหลินสวินไม่แน่ใจว่าพรสวรรค์สายเลือดชนิดนี้น่าตื่นตะลึงมากเพียงใด แต่เขาเข้าใจว่าทันทีที่ซย่าเสี่ยวฉงตื่นรู้พลังแห่งเส้นปราณโลหิตประเภทนี้ จะได้ครอบครองพลังน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต ก่อเกิดภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างไม่อาจจินตนาด้วยเหตุนี้ซย่าเสี่ยวฉงจึงกลายเป็นหนามยอกอกที่พวกเขาหมายกำจัดให้สิ้นซาก เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม!สาเหตุที่พวกเขากรีธาทัพใหญ่โต เคลื่อนพลสองราชันกึ่งระดับและหนึ่งราชันที่แท้จริงอย่างไม่เสียดายครานี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับการสังหารซย่าเสี่ยวฉง!‘ที่แท้ฐานะนางหนูนี่ไม่ธรรมดาเช่นนี้…’หลินสวินใคร่ครวญพลางหยิบเนื้อสุนัขที่อย่างสุกแล้วมากินอย่างเอร็ดอร่อย ความสดใหม่ของรสชาติทำเอาหลินสวินหวั่นไหวไม่หยุดอร่อยจริงๆ!เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน บรรจุไขพลังหอมหวน รสชาติอบอวลทั่วทั้งปาก ซ้ำยังเคี้ยวหนึบ เรียกได้ว่าเป็นยอดอาหารเลิศรสเปลี่ยนเป็นคนอื่น หลังรู้ข่าวเหล่านี้คงกลัดกลุ้มกระสับกระส่าย ต่อมอาหารไม่รับรสนานแล้วแต่หลินสวินกลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร นั่งอยู่ข้างลำธารใสสะอาดกินอย่างตะกละตะกลาม ยังดื่มสุราหลายอึกบ่อยๆ ท่าทางอิสระลอยชายไม่นานนักเนื้อสุนัขทั้งตัวถูกยัดลงท้องหลินสวิน บนพื้นเหลือเพียงกระดูกกองหนึ่งจากนั้นเขาหยัดร่างสูงขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง กลิ่นอายทั่วร่างเต็มเปี่ยม คล้ายมีพลังซึ่งใช้ยังไงก็ไม่หมด“ดูท่าเนื้อหมาดำนี่ก็เป็นมหาโอสถบำรุงปราณได้ ซ้ำยังรสชาติสดอร่อย”หลินสวินทำปากจ๊อบแจ๊บเหมือนยังไม่หายอยาก จากนั้นเขายิ้มกล่าวกับตนเอง “อย่างนี้ก็ดี บนหนทางต่อจากนี้อย่างน้อยก็ยังได้กินเนื้อหมาดำเพิ่ม ถือว่าคุ้มค่า…”หลินสวินไม่ชักช้าอีก หันหลังจากไปตามคำฝากฝังของลิ่นเหวินจวิน เขาต้องพาซย่าเสี่ยวฉงไปส่งยังเขาบรรพตเขียวในเขตแคว้นหงส์สถิตยามออกเดินทาง หลินสวินก็ได้รู้ว่าแคว้นหงส์สถิตอยู่ห่างจากแคว้นวิญญาณอัคนีอย่างยิ่ง ตรงกลางคั่นด้วยเขตแคว้นหลายสิบแห่ง ระยะห่างกว่าล้านลี้!ถึงแม้อาศัยความเร็วของยานขนส่งอวกาศ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสิบวันแต่หลินสวินไม่ได้ทำเช่นนั้น เขามีแผนการอื่นอยู่ในใจ…ผ่านไปสองชั่วยามริมลำธารใสสะอาดสายนั้นปรากฏผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬกลุ่มหนึ่งเมื่อเห็นกระดูกขาวดุจหิมะกองหนึ่งซึ่งถูกแทะจนเกลี้ยงเหลือทิ้งไว้บนพื้น พวกเขาพลันโกรธจนหน้าเขียว เปล่งเสียงโหยหวนราวผีร้องไห้หมาป่าหอน ทำสิ่งมีชีวิตบริเวณใกล้เคียงตระหนกจนอกสั่นขวัญแขวน“น่าชังนัก! ถึงกับกล้าเห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าข้าเป็นอาหาร ใครมันกล้าบังอาจเหิมเกริมเช่นนี้ อยากตายนักสินะ!”เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแผลงฤทธิ์จนเคยชิน อดีตที่ผ่านล้วนเป็นพวกเขาสังหารศัตรูอย่างกระหายเลือดอำมหิต ไหนเลยจะคิดว่าบนโลกนี้ยังมีคนกล้านำพวกเขามาย่างกินเป็นอาหารนี่เป็นการยั่วยุศักดิ์ศรีของพวกเขาอย่างใหญ่หลวง ไม่อาจให้อภัย!“อย่าให้ข้าจับตัวมันได้ มิฉะนั้นมันต้องรู้ซึ้งถึงคำว่าตายเสียยังดีกว่าอยู่!” โก่วตงสีหน้าเยียบเย็น หน้าตาถมึงทึงหาใดเปรียบ“อย่าบอกเรื่องนี้กับนายน้อย หากนายน้อยโมโหขึ้นมาใครก็รับไม่ไหว”โก่วตงสูดหายใจลึกกล่าวกำชับ “เก็บกวาดซะ ค้นหาร่องรอยศัตรูต่อ ไม่ว่ามันเป็นใคร เมื่อกล้าเป็นอริกับพวกเราเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ก็ต้องชดใช้ด้วยความตาย!”“ขอรับ!”ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นๆ รับบัญชา ออกเดินทางด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือศัตรูที่ถูกพวกเขาหมายตาไม่เคยหลุดรอดจากการไล่ล่าสังหาร รวมถึงครานี้พวกเขาจับกลิ่นอายศัตรูได้อยู่ก่อนแล้ว ใช้เวลาไม่นานคงสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้!…ฟ้าสว่างแล้ว เมฆหมอกยามเช้างามเพริศพราย แสงอรุณอบอวล ในป่าเขากลายเป็นสีทองนกปีศาจส่งเสียงร้อง อสูรมารคำราม น้ำตกราวมังกรขาวไหลร่วงจากหน้าผาสูงชันพันจั้ง ส่งเสียงสนั่นราวฟ้าคำรามหลินสวินยืนไพล่มือบนยอดเขาลูกหนึ่ง เงาร่างสูงสง่าดุจสนขจีบนหน้าผา นัยน์ตาทอดมองภูผาธาราอันห่างไกล ก็เห็นเมฆลอยล่องแสงระยับ อรุณรุ่งเปิดม่าน หมู่เขาสูงกว้างใหญ่ไพศาลทว่าในสายตาหลินสวินเวลานี้กลับเป็นทัศนียภาพอีกแบบในลูกตาเขาปรากฏรอยสลักลับลึกลับยากหยั่งถึง สาดประกายอัศจรรย์สองขมวด และในครรลองสายตาปรากฏกระแสลมงามตระการหลากสายบ้างดำสนิทดุจสีหมึก เหี้ยมโหดน่ากลัวราวหมอกผี สภาพบรรยากาศมืดทะมึน บังฟ้าคลุมตะวัน ชวนให้ใจสั่นระรัวบ้างเจิดจรัสดั่งทองคำ แสงแผ่คลุมเสมือนมายาเพ้อฝัน สภาพบรรยากาศโอ่อ่า มีแสงวิญญาณหมอกมงคลอยู่ภายในแต่ที่มากกว่าคือ สีสันเทาสลัวเลือนราง คล้ายควันคล้ายหมอกที่ดูปกติธรรมดา‘จุดดำราวหมึกเขียนคือไอพิษกลางภูเขา ต้องมีสัตว์มีพิษร้ายแรงหลบซ่อนอยู่แน่ อาจเป็นอสูรมารร้ายกาจที่จำศีล’‘จุดสว่างดั่งทองคำคือหนึ่งในแสงสมบัติวิญญาณ สภาพบรรยากาศนี้สื่อว่ามีแร่วิญญาณฝังกลบอยู่ในภูเขา…’หลินสวินสงบจิตตระหนักรู้กระแสลมซึ่งสีสันแพรวพราวนั่นคือสภาพบรรยากาศแห่งแดนดิน คือพลังของฟ้าดินประการหนึ่ง แม้ผู้ฝึกปราณเองยังมีน้อยคนนักที่สามารถสัมผัสถึงและแยกแยะได้โดยละเอียดแต่ในสายตาของหลินสวินกลับสามารถมองทะลุสสาร หยั่งรู้เนื้อแท้ของมันในชั่วพริบตา นี่ก็คือความอัศจรรย์ของ ‘นัยน์ตาเฉาเฟิง’แน่นอนว่านี่เป็นแค่การใช้งานอย่างผิวเผินเรียบง่ายที่สุดความนัยเร้นลับของนัยน์ตาเฉาเฟิงอยู่ที่การเสาะหาชีพจรปราณ!หืม?นัยน์ตาหลินสวินพลันหรี่ลง มีความรู้สึกเสียดแทงประการหนึ่ง สังเกตเห็นว่าบนเขาสูงชันอันห่างไกล มีสภาพบรรยากาศทรงอานุภาพ รุ่งโรจน์ดั่งรุ้งเทพทะลวงเมฆา มีลักษณ์แห่งการผสานหยินหยาง เสือหมอบมังกรซุ่มอยู่เลือนราง ไม่ธรรมดายิ่งยวด!‘หรือว่านั่นคือแดนสมบัติที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง’ ในใจหลินสวินพลันกระตุก เงาร่างวาบกะพริบหายลับไปทันใด…………..
คอมเม้นต์