Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 791 การต่อสู้สะเทือนใต้หล้า
หลินสวินสะใจนัก!นับแต่เขาก้าวสู่มกุฎมรรคา เพิ่งเคยพบคนรุ่นเดียวกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก ซ้ำยังเป็นเด็กสาวคนหนึ่งเมื่อเขาเปลี่ยนการเก็บงำพลังก่อนหน้านี้ โคจรพลังทั้งมวลเข้าปะทะ จิตต่อสู้ภายในใจดุจภูเขาไฟลุกโหมร้อนระอุตูม!พลังหมัดของเขาเปิดเผยยิ่งใหญ่ อานุภาพแหวกภูเขาแยกสมุทร ทลายฟ้าตัดดิน มาพร้อมเสียงหงส์ขับมังกรขาน ปั่นป่วนที่ราบโดยรอบ สั่นสะเทือนโลกาพิภพนี่คือเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์!หลินสวินเวลานี้เสมือนราชันผู้มิอาจทัดเทียม ยืนตระหง่านเหนือยอดระดับ หยิ่งผยองห้าวหาญดั่งมีเพียงข้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดดวงตาเด็กสาวชุดมีแสงวาบไหว นางคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าในแคว้นวิญญาณอัคนีจะมีคนที่เรียกได้ว่าเป็นราชันในระดับหยั่งสัจจะ ท่วงท่าไร้เทียมทานเช่นนั้นเรียกได้ว่าเหนือพิภพอย่างแท้จริงอีกทั้งอายุยังน้อยเช่นนี้ ช่างยากพบเห็นยิ่งแล้ว!“ฮึ มีฝีมือแค่นี้รึ หากเป็นเช่นนั้น วันนี้เจ้าต้องถูกข้าซัดจนโงหัวไม่ขึ้นแน่!”เด็กสาวชุดดำแค่นเสียงคราหนึ่ง เจตนากระตุ้นหลินสวิน หมายลองดูขีดจำกัดและศักยภาพแฝงที่แท้จริงของเขาว่าอยู่ระดับใดขณะเดียวกันร่างสูงโปร่งทรงสง่าของนางเปล่งประกาย ท้ายหลังศีรษะปรากฏจักระเทพวงหนึ่ง ดุจโลกศักดิ์สิทธิ์ใบเล็ก อวลแสงอัศจรรย์เจิดจรัสโชติช่วง น่าตื่นตาหาใดเปรียบนี่คือมรดกวิชาลับอันน่าหวาดกลัวอย่างหนึ่ง มีอานุภาพกำราบฟ้าดิน หลอมละลายสรรพวิญญาณก็เห็นกลางจักระเทพนั่นมีมังกรเจินหลงท่องเหินห้วงอากาศ หงส์เพลิงเริงระบำเหนือเก้าชั้นฟ้า เต่าดำสยบทะเลคราม วิหคชาดผลาญห้วงนภากาศ ลักษณ์ประหลาดทยอยปรากฏ ชวนประหวั่นไร้ขอบเขตยิ่งมีเสียงธรรมปริศนารางๆ ดังออกมา คลุมเครือแผ่กว้าง ดุจอริยเจ้าแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ ทำให้ทั่วฟ้าดินแถบนี้บริสุทธิ์ผุดผ่องหาใดเปรียบ มีอานุภาพเกรียงไกรไร้สิ้นสุดปกคลุม และทั้งหมดล้วนพุ่งกำราบไปยังหลินสวินเพียงคนเดียวแข็งแกร่งยิ่ง!หลินสวินสั่นสะท้านใจ สัมผัสถึงพลังกดดันหาใดเปรียบ ถึงกับทำให้เขามีเค้าลางว่าจะถูกพันธนาการและกดกำราบทว่าเขาไม่ตระหนกแต่กลับยินดี ใจต่อสู้เปี่ยมท้นยิ่งกว่าเดิม โลหิตเดือดพล่านดุจเพลิงผลาญ มีอานุภาพกลืนกินภูผาธารา มาดมั่นไร้คู่ต่อกรตูม!ผมสีดำของเขาแผ่สยาย นัยน์ตาดำดุจเหวลึกเจิดจ้า แสงศักดิ์สิทธิ์รอบกายยิ่งเหมือนห้วงมายา ท่วงท่าไร้มลทินยิ่งกว่าเดิมกระบวนท่าทลายภูผา ทลายสมุทร ทลายวิญญาณ ทลายอากาศ ทลายมังกร ทลายปักษาเพลิง ทลายสวรรค์ ทลายอเวจี ทลายจักรวาล…ปริศนาแห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถูกเขาใช้อย่างชำนาญ โหมปล่อยตามสะดวก เพียงชั่วขณะบนสังเวียนเปี่ยมพลังทำลายล้างน่าสะพรึง เสมือนวันสิ้นโลกมาเยือนสามารถพบเจอคู่ต่อสู้ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เวลานี้หลินสวินดื่มด่ำอยู่ในการต่อสู้โดยสมบูรณ์ ลืมสิ้นโลกภายนอกในสายตาเขามีเพียงการต่อสู้จิตวิญญาณเขาเปี่ยมใจต่อสู้ พลุ่งพล่านร้อนเดือดดุจหินหนืด!‘ร้ายกาจนัก ท่วงท่าแห่งการไร้คู่ต่อกรในระดับเดียวกันรึ หรือว่าเขาสัมผัสถึงธรณีประตูแห่งมกุฎมรรคา เข้าใจแก่นแท้แห่งราชันเสี้ยวหนึ่งแล้ว’เด็กสาวชุดดำนัยน์ตาดุจสายฟ้า ในใจเองก็สั่นสะท้านไม่หยุด ควรรู้ว่านางบำเพ็ญเพียรมาจนถึงปัจจุบัน แต่นานมากแล้วที่ไม่เคยต่อสู้เช่นนี้มาก่อนผ่านผู้แข็งแกร่งที่ประลองกับนางในอดีต ไม่เคยมีใครเหมือนเจ้าหมอนี่ที่สามารถยืนหยัดได้ถึงขั้นนี้ ซ้ำยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!นี่ทำให้ใจต่อสู้ของเด็กสาวชุดดำถูกกระตุ้น กำหนดเวลาของมหาสงครามขยับใกล้เข้ามาทีละก้าว ก่อนหน้านั้นสามารถพบเจอคู่ต่อกรเช่นนี้ได้ เป็นเรื่องโชคดีโดยไม่ต้องสงสัยทั่วร่างนางถูกกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ปกคลุม เจิดจ้าดั่งเซียนลงจากสวรรค์มาเยือนโลกา รูปร่างท่าทางทรงสง่า ผิวพรรณกระจ่างเป็นประกายไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลีตูม!ไม่นานนักค่ายกลป้องกันบนสังเวียนแห่งนี้ก็แบกรับต่อไม่ไหว ระเบิดแตกเสียงดังสนั่น คลื่นพลังน่าสะพรึงดุจเขาถล่มสมุทรคำรามแผ่กระจายในลานประลองเต็มไปด้วยเสียงร้องแตกตื่น ผู้ฝึกปราณซึ่งเดิมถูกการประลองชิ้นเอกทำเอาสะท้านสะเทือน บัดนี้ต่างลนลานหนีหัวซุกหัวซุน ถอยห่างไปยังพื้นที่ห่างไกลน่ากลัวเกินไปแล้ว!ต้องรู้ว่าค่ายกลป้องกันบนสังเวียนนั้น สามารถต้านทานคลื่นพลังของผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติได้ แต่ยามนี้กลับถูกทำลายเละ…นี่ไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้ระหว่างชายหญิงคู่นี้ มีพลังพอจะกำราบผู้ที่อยู่ในระดับกระบวนแปรจุติหรอกรึ“สวรรค์! หนุ่มสาวคู่นี้ดุดันเกินไปแล้วกระมัง” ผู้ฝึกปราณมากมายตกตะลึงอ้าปากค้าง ล้วนสั่นสะท้านจนจิตวิญญาณสูญเสียการควบคุม‘ท่าทางเช่นนี้ อาจมีเพียงผู้กล้าแห่งยุคชั้นยอดที่สุดในปัจจุบันจึงจะสามารถครอบครองได้!’ ผู้ฝึกปราณอาวุโสส่วนหนึ่งในใจต่างสะท้านขวัญ แม้แต่พวกเขายังตระหนกและไหวหวั่นอย่างลึกซึ้งการต่อสู้แห่งยุคเช่นนี้ ต้องเรียกว่าเป็นประวัติการณ์เหนือกาลเวลา ยากพบเห็นและพิเศษโดดเด่นเกินไป“พี่หลินสวิน อัดนาง!” ซย่าเสี่ยวฉงกวัดแกว่งกำปั้นเล็กนุ่มพลางตะโกนลั่น นางตื่นเต้นยิ่งนัก ดวงตาเปล่งประกายวาววามฟุ่บ!ในสังเวียนเงาร่างเด็กสาวชุดดำวาบไหวแล้วขึ้นมาอยู่บนชั้นเวหา ดวงตากระจ่างราวอสนีก้มมองหลินสวิน “กล้าขึ้นมาสู้ให้หนำใจสักตั้งไหม”บริเวณลานประลองยุทธ์แม้ใหญ่โต แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับนางกลับเห็นได้ว่าจำกัดมือเท้าอยู่บ้าง ทันทีที่ต่อสู้ตามอำเภอใจอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติมิอาจจินตนา“ดั่งเจ้าปรารถนา!”หลินสวินยิ้มร่า เขามีความคิดเช่นนี้นานแล้ว เงาร่างวูบไหวทะลวงขึ้นเหนือเมฆโดยพลันครืน!บนท้องฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจาย เปล่งแสงแรงกล้าเจิดจรัส ตามมาด้วยเสียงกึกก้องน่าสะพรึง ราวฟ้าคะนองสั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้า พลานุภาพน่าหวาดกลัวทั้งสองโรมรันดุเดือดอีกคราในลานประลองยุทธ์หมอกสน ผู้ฝึกปราณทั้งหมดอึ้งงัน พวกเขาแหงนมองขึ้นไปกลับเห็นแค่สัญญาณการต่อสู้เลือนรางบางส่วน เพราะที่นั่นช่างเจิดจรัสพาให้ตาพร่าเกินไป เสมือนการต่อสู้ระหว่างเทพไท้ที่ไม่อาจมองจ้องโดยตรงผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสส่วนหนึ่งที่ใช้พลังจิตรับรู้ได้ยังไม่กล้าสาดส่ายโดยง่าย กลิ่นอายสังหารทะลวงฟ้า ณ ที่นั้น หากไม่ระวังให้ดีอาจส่งผลต่อพวกเขาและเวลานี้ไม่ใช่แค่ลานประลองยุทธ์หมอกสน ในอาณาบริเวณอื่นของนครเตโชต่างถูกทำให้ตระหนกอย่างไรเสียอานุภาพแห่งการต่อสู้นี้ก็เกรียงไกรเกินไป ปัจจุบันกลายเป็นศึกเหนือท้องฟ้า ต่อให้ไม่อยากดึงดูดสายตาก็ยังยากลำบาก“นั่นมันอะไร”“สวรรค์! คงไม่ใช่เทพเซียนกำลังเข่นฆ่าโรมรันกันกระมัง”ผู้ฝึกปราณและสิ่งมีชีวิตสารพัดเผ่าที่สัญจรบนท้องถนนอันคึกคักในนครเตโชต่างสะท้านขวัญทันใด เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมปรากฏการณ์นั้นน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ก็เห็นว่าบนท้องฟ้าชั้นเมฆป่วนทลาย แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง เสียงปะทะน่าพรั่นพรึงดุจฟ้าร้องระเบิดลั่น สั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินท่ามกลางความเลือนรางยังมีเสียงพยัคฆ์คำรนมังกรคำราม เทพมารกู่ก้องดุดันสะท้อนไปมา พาให้ใจไหวหวั่น สัมผัสได้ถึงแรงกดดันหาใดเปรียบนีเหมือนกันการประชันแห่งทวยเทพเหนือสวรรค์ เกรียงไกรและไร้ขีดจำกัด!“เร็วเข้า! ลานประลองยุทธ์หมอกสนเกิดศึกแห่งยุค สะท้านฟ้าสะเทือนดิน อย่าพลาดเชียว!”“ตรงนั้นไง!”นครเตโชเป็นเมืองเก่าแก่ซึ่งคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของแคว้นวิญญาณอัคนี ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่เหลือประมาณแต่เมื่อการต่อสู้นี้เกิดขึ้นเหนือท้องฟ้า ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณในแต่ละบริเวณหากมองจากเบื้องสูงจะพบว่า เวลานี้มีเงาร่างชิดถี่แน่นขนัดนับไม่ถ้วนจากทั่วสารทิศกำลังเข้าใกล้ลานประลองยุทธ์หมอกสน ดูเกรียงไกรยิ่งยวด…“เฮ้ย ทำไมไม่สู้แล้วล่ะ”ลานประลองยุทธ์นครเตโช ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งเพิ่งปลุกความกล้าขึ้นสังเวียน กลับเห็นฟางหลินหานกระโดดลงจากสังเวียน ราวกับมองข้ามการมีอยู่ของเขาโดยสิ้นเชิง ทำเอาผู้ฝึกปราณคนนั้นคับแค้นอับอายยิ่ง“เหอะๆ เจ้ายังยอมแพ้?”ฟางหลินหานเยาะหยัน ตบฝ่ามือหนึ่งออกไป ก็เห็นผู้ฝึกปราณบนสังเวียนถูกซัดกระเด็นราวแมลงวันโดยไม่ทันได้ตอบสนอง“น่าชังนัก ทำไมข้าไม่เจอคู่ต่อสู้ที่พอประลองกันได้บ้าง”นัยน์ตาฟางหลินหานมองท้องฟ้าอันห่างไกล ที่นั่นกำลังมีการต่อสู้สะเทือนใต้หล้าเปิดฉากดุเดือด นี่ทำให้เขานอกจากประหลาดใจแล้วยังอดอิจฉาไม่ได้ ยอดฝีมือระดับนี้ หากหนึ่งในนั้นประมือกับตนก็คงมาไม่เสียเที่ยวแล้ว!ฟุ่บ!เขาพุ่งไปทางลานประลองยุทธ์หมอกสนโดยไม่ลังเล อยากรู้นักว่าสองคนที่กำลังประลองกันอยู่เป็นอริยเทพจากที่ใด“หืม? จริงสิ แวะโรงเตี๊ยมบอกน้องหลินสวินให้ไปดูเรื่องสนุกด้วยกันดีกว่า”ระหว่างทางฟางหลินหานฉุกคิดขึ้นมาได้ การต่อสู้เช่นนี้หาดูได้ยาก ต้องเป็นการต่อสู้ระหว่างสองผู้เยี่ยมยอดแน่นอน หากพลาดไปคงน่าเสียดายนัก“เอ้อ จากความสามารถของหมอนั่น น่ากลัวว่าคงรู้และรุดหน้าไปก่อนแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง”ฟางหลินหานนึกถึงเรื่องคืนวันนั้นที่หลินสวินสังหารคนชุดดำระดับกระบวนแปรจุติสองคน ก่อนส่ายศีรษะเคลื่อนตัวห่างออกไป…ลานประลองยุทธ์หมอกสนโม่เฟิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง กำสองหมัดแน่น ดวงตาจับจ้องบนท้องฟ้าเขม็ง มองเห็นเด็กหนุ่มท่าทางราวเทพมารอยู่เลือนราง ผงาดกร้าวและหยิ่งผยอง เผยอานุภาพชวนพรั่นพรึงไร้ขอบเขตทว่าในใจโม่เฟิงกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและงุนงง‘ที่แท้เขาแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิด เกรงว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงลงมือเองก็ยังไม่ถึงขั้นนี้กระมัง…’‘อาจารย์คงตระหนักถึงความน่ากลัวของเด็กนี่ จึงกลับสำนักไปเชิญคนมา… รับมือเขางั้นรึ’ในใจโม่เฟิงมีความรู้สึกพูดไม่ออกอย่างหนึ่ง เป็นศัตรูกับคนเช่นนี้คือทางเลือกที่ถูกต้องจริงหรือเขาไม่อาจรู้…ฮูมอีกด้านหนึ่งหญิงชราชุดเขียวลงมือทันใด นางเรียกคทาหยกสมปรารถนาอันหนึ่งออกมา ละอองแสงหมื่นพันสายแผ่พลิ้ว ลอยคว้างทะยานขึ้นเหนือฟ้า และแปรเป็นม่านแสงสายหนึ่งปกคลุมห้วงอากาศจากนั้นห้วงอากาศบริเวณนั้นก็ไม่โกลาหลอีก คลื่นกระทบซึ่งแผ่กระจายออกมาจากการต่อสู้ราวถูกพลังไร้รูปสลายไปเห็นดังนั้นหญิงชราชุดเขียวก็เป่าปากโล่งอก การต่อสู้นี้รุนแรงเกินไป หากพลังที่หลงเหลือจากการประลองแผ่กระจายต่อเนื่อง คงทำลายอาณาบริเวณนี้แน่!ที่นี่คือนครเตโช มีผู้คนมากมายอยู่อาศัยแน่นขนัด หากเกิดเรื่องเช่นนั้นจะต้องนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างไม่อาจคาดเดา“ในที่สุดครานี้คุณหนูก็เจอคู่ต่อสู้ ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มนั่นสุดท้ายแล้วจะยืนหยัดได้นานเท่าไหร่…”หญิงชราชุดเขียวดูสงบนิ่งยิ่ง นางรู้ชัดถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของเด็กสาวชุดดำ ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจมากบนท้องฟ้า พลังของหลินสวินแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ทุกการเคลื่อนไหวมีมาดแห่งราชัน พลังต่อสู้เหินทะยาน เลือดลมพลุ่งพล่านดุจมหาสมุทร ทรงอานุภาพยิ่งกว่าเดิมปราณของเขาหยุดอยู่ที่ระดับหยั่งสัจจะนานแล้ว สาเหตุที่หลายวันนี้เคี่ยวกรำวิถียุทธ์ไม่หยุดหย่อน เพราะคิดเติมเต็มจุดบกพร่องโดยเร็ว ทำให้ตนอยู่ในขั้นสมบูรณ์เพื่อก้าวสู่หนทางแห่งมกุฎระดับกระบวนแปรจุติ!และการประลองกับเด็กสาวชุดดำเวลานี้ สำหรับหลินสวินถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากในการเคี่ยวกรำวิถียุทธ์โดยไม่ต้องสงสัย เขาไม่อยากพลาดไปโดยง่ายขณะเดียวกันเด็กสาวชุดดำก็สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในพลังต่อสู้ของหลินสวินอย่างแจ่มแจ้ง นี่ทำให้จิตใจของนางกระเพื่อมไหว ไม่อาจนิ่งสงบอย่างเลี่ยงไม่ได้เจ้าคนที่เก่งกาจเช่นนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน………………..
คอมเม้นต์