Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 789 ความโลภครอบงำ
ชายที่หน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาคนนั้น ทันทีที่จำหลินสวินได้ หว่างคิ้วก็ปรากฏเงามืดวูบหนึ่ง ในใจถาโถมด้วยความรู้สึกเหลือจะเอ่ยที่ไม่รู้ว่าคับแค้นหรือหวาดกลัวชายผู้นี้หาใช่ใครอื่น เป็นโม่เฟิงผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณนั่นเองตอนนั้นยามทดสอบบนภูเขาโคม่วง เพราะปัญหาเรื่องการขอโทษอย่างเดียว ทำพวกเขาทั้งขบวนถูกหลินสวินเล่นงานต่อเนื่อง โกรธแค้นกลัดกลุ้มเสียจนแทบกระอักเลือดแต่ท้ายที่สุดพวกเขายังยอมจำนนไม่กล้าแก้แค้น เพราะแม้แต่เยวี่ยเจี้ยนหมิงยังยกย่องหลินสวิน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไหนเลยจะกล้าล้างแค้นอีกทว่าโม่เฟิงกลับคาดไม่ถึงยิ่งว่าจะพบหลินสวินกลางนครเตโชอีกครา“เจ้ารู้จักเด็กนั่นรึ”ผู้อาวุโสด้านข้างเอ่ยปาก เขาสวมชุดนักพรตสีน้ำเงิน มวยผมเหนือศีรษะ ผิวพรรณแวววาวหมดจดเหมือนเด็กทารก ท่าทางสง่างามดุจเซียนองค์หนึ่งเขามีนามว่าหานเหยียนเชวีย เป็นผู้อาวุโสระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งของสำนักมุกวิญญาณ และยังเป็นอาจารย์ผู้สั่งสอนวิชาแก่โม่เฟิง“อืม” โม่เฟิงผงกศีรษะคิดไปคิดมาเขาจึงพูดอย่างขมขื่น “อาจารย์ งานประลองใหญ่รวมสำนักเมื่อหลายวันก่อน สาเหตุที่อันดับพวกเราสำนักมุกวิญญาณรั้งท้าย เพราะระหว่างการทดสอบถูกรบกวนจากคนผู้นี้”พูดถึงตรงนี้ในใจโม่เฟิงมีความทรมานลึกล้ำพรั่งพรูขึ้นมา กล่าวต่อ “ว่าไปแล้ว เป็นพวกเราที่ผิดก่อน เผลอล่วงเกินฝ่ายตรงข้ามจึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”“ที่แท้ถูกเด็กนี่รบกวน นี่ก็สมเหตุสมผล”หานเหยียนเชวียสีหน้าเจือแววประหลาด น้ำเสียงแฝงรสยากจะเอ่ยทำเอาโม่เฟิงชะงัก เดิมคิดว่าหานเหยียนเชวียต้องโกรธหรือตำหนิเขา คาดไม่ถึงว่ากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ที่ทำโม่เฟิงงงงันที่สุดคือ ต่อมาหานเหยียนเชวียถึงกับยกมือตบบ่าเขา กล่าวปลอบใจเสียงอบอุ่น “พวกเจ้าแพ้ในมือเขาก็ไม่เสียหลาย พลังต่อสู้ของเด็กนี่ป่าเถื่อนชวนประหวั่นยิ่งยวด เขาไม่ลงมือกับพวกเจ้ารุนแรงถือว่าไม่เลวแล้ว”โม่เฟิงตะลึงงันอยู่บ้าง นี่มันเรื่องอะไร อาจารย์ที่เข้มงวดหาใดเปรียบในอดีตที่ผ่านมา ทำไมเปลี่ยนเป็นใจดีเช่นนี้ทั้งยังปลอบโยนตนเป็นครั้งแรก!โม่เฟิงมีรู้สึกจวนเจียนน้ำตาคลอ ตั้งกี่ปีมาแล้ว อาจารย์เข้มงวดกับตนมาตลอด ไม่เคยปลอบประโลมตนเช่นนี้มาก่อนยามนี้ในใจหานเหยียนเชวียก็รู้สึกซับซ้อนเช่นกันเขาเคยเจอหลินสวินตอนอยู่ใต้ยอดเขาดาราโรย เคยเห็นแสนยานุภาพของหลินสวินว่ายิ่งใหญ่แค่ไหนยามปีนขึ้นยอดเขาดาราโรยอย่างแกร่งกร้าวกับตาตนเอง ระหว่างทางแทบไม่มีใครกล้าขัดขวาง!ที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ ตอนท้ายแม้อสูรเฒ่าเครือเถาออกจัดการล้วนไม่อาจฆ่าเด็กหนุ่มนั่น ซ้ำถูกเขาใช้ยานสำเภาที่คล้ายสมบัติอริยะหนีหายไป!ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อทราบว่าศิษย์ของตนเคยถูกหลินสวินแกล้ง แน่นอนว่าเขาเข้าใจดี เพราะเขารู้ชัดแจ่มแจ้งว่าโม่เฟิงไม่อาจเป็นคู่ต่อกรเด็กหนุ่มนั่นแต่แรก“หืม?”ทันใดนั้น หานเหยียนเชวียพลันคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ยานสำเภาในมือเด็กหนุ่มนั่นคือสมบัติอัศจรรย์ยากหยั่งถึง คล้ายสมบัติอริยะในตำนาน กระทั่งสามารถหลีกหนีการควบคุมของค่ายอริยะโบราณบนยอดเขาดาราโรยนั่น!นึกถึงตรงนี้ในใจหานเหยียนเชวียเกิดความละโมบขึ้นอย่างระงับไม่อยู่ กล่าวกำชับทันที “เจ้ารออยู่ตรงนี้ จับตาดูเด็กนี่ให้มั่น ข้ามีเรื่องด่วนจะกลับสำนักก่อน”เขาคิดกลับไปเจรจากับบุคคลแนวหน้าของสำนักมุกวิญญาณ หากสามารถฉวยโอกาสนี้ชิงสมบัติอริยะเพื่อสำนัก นั่นคงไม่ด้อยไปกว่าการได้รับศุภโชคยิ่งใหญ่แน่!สมบัติอริยะเชียวนะ มีอานุภาพปิดฟ้าคลุมดิน น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ หากสามารถมีไว้ในครอบครอง ต้องทำให้อิทธิพลของสำนักมุกวิญญาณของพวกเขาโดดเด่นเหนือบรรดา ‘สี่สำนักสามตระกูล’ กลายเป็นราชันที่แท้จริงแห่งแคว้นวิญญาณอัคนี!‘จะต้องเร่งมือ อย่าปล่อยโอกาสให้พลาด!’หานเหยียนเชวียยิ่งคิดความโลภในใจยิ่งแรงกล้า มีสัญญาณระงับไม่อยู่อยู่บ้าง แทบอยากลงมือทันทีแต่ท้ายที่สุดเขายังคงอดกลั้น ด้วยรู้ว่าเรื่องนี้คิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดำเนินการวางแผนอย่างรอบคอบด้วยถึงอย่างไรเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนอยู่แค่ระดับหยั่งสัจจะคนนั้น แต่กลับสามารถหนีรอดการจู่โจมสังหารของอสูรเฒ่าเครือเถาได้ หากไม่อาจจับมันในคราเดียว ผลที่ตามมาคงยากคาดเดาจริงๆ“อาจารย์ ท่านคิดจะทำอะไร”โม่เฟิงไม่ได้โง่ เขาสามารถกลายเป็นคนโดดเด่นรุ่นเยาว์แห่งสำนักมุกวิญญาณได้ กล่าวถึงพรสวรรค์และเชาวน์ปัญญาล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกปราณทั่วไปไม่อาจเทียบอยู่โขเขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรก ว่าการตัดสินใจของอาจารย์เวลานี้ เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับหลินสวินซึ่งเดินเข้าไปในลานประลองยุทธ์หมอกสนเมื่อครู่!“เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องรู้ เจ้าแค่จับตามองเด็กหนุ่มนั่น คว้าจับร่องรอยของมันตอนนี้ก็พอแล้ว จงจำไว้ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!”หานเหยียนเชวียกำชับเคร่งครัดอีกรอบก่อนรีบเร่งจากไปเห็นดังนั้นในใจโม่เฟิงสะดุดกึก ปรากฏลางสังหรณ์ไม่ดีวูบหนึ่ง อาจารย์ดูเหมือนจะกลับไปขอความช่วยเหลือจากสำนักมาจัดการเจ้าหนุ่มนั่นรึเขาสูดหายใจลึก สะกดข่มความตระหนกภายในใจเต็มที่ พลันกัดฟันกรอดเบี่ยงร่างเดินเข้าลานประลองยุทธ์หมอกสนทันที…ลานประลองยุทธ์หมอกสนในเขตพักผ่อน เด็กสาวเงาร่างสง่างาม บุคลิกเย็นเยียบผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงมุมเงียบ นางสวมชุดกระโปรงดำ หน้ากากขาวเงินดุจหิมะบดบังใบหน้ากว่าครึ่ง เผยเพียงริมฝีปากแดงโค้งงามอวบอิ่ม คางเรียวแหลมขาวดุจหิมะเปล่งประกายนางนั่งอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ ดูเย็นชาและลึกลับชัดแจ้ง นัยน์ตากระจ่างแวววาวเป็นประกายดุจอัญมณี เงียบสงบราวน้ำในทะเลสาบ“คุณหนู ท่านหลบอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ผู้อาวุโสทุกท่านในสำนักต่างรอท่านกลับไปตาปริบๆ” ด้านข้าง หญิงชราชุดเขียวคนหนึ่งทอดถอนใจ จนปัญญาอยู่บ้าง“ข้าเคยบอกแล้ว ก่อนมหาสงครามมาเยือนไม่พบใครทั้งนั้น แต่พวกเขาดันไม่ฟัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้พวกเขาปวดหัวไปเถอะ”เด็กสาวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เสียงนางเยียบเย็นดุจหิมะ ไพเราะราวเสียงสวรรค์ วาจาแม้กล่าวง่ายๆ แต่กลับมีเสน่ห์พาให้ผู้คนไม่อาจขัดขืนสิ่งนี้เสริมบรรยากาศให้นางยิ่งดูชวนประหวั่น แม้นั่งอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ ก็มีความรู้สึกหยิ่งทะนงพาให้ผู้คนไม่อาจลบหลู่ดูหมิ่นหญิงชราชุดเขียวจนปัญญายิ่งกว่าเดิม เพียงแต่นางคล้ายประคบประหงมคุณหนูเบื้องหน้าเหลือประมาณ อยากจะพูดแต่ก็หยุดอยู่หลายครา ท้ายที่สุดก็ไม่กล่าวอะไรมากความอีก“ข้าโมโหนัก”ทันใดนั้นเด็กสาวหยัดนั่งตัวตรง นัยน์ตาใสสะอาดเจิดจรัสดุจดวงดาวฉายแววขุ่นเคืองวูบหนึ่ง “อีกแค่นิดเดียวก็จะจับตัวยอดฝีมือซึ่งจำศีลกลางค่ายอริยะโบราณบนยอดเขาดาราโรยนั่นได้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายดันปล่อยให้เขาหนีไปได้!”นางเม้มปากแดงอวบอิ่ม ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นเสียดกระดูก “บำเพ็ญเพียรมาถึงป่านนี้ ข้าเพิ่งเคยพลาดเป็นครั้งแรก หากข้าสืบรู้ว่าเจ้าหมอนั่นเป็นใคร ต้องซัดมันให้หมอบสักตั้ง”หญิงชราชุดเขียวคล้ายตื่นตระหนกอยู่บ้าง รีบร้อนกล่าว “คุณหนู ยอดเขาดาราโรยนั่นหายไปแล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ท่านอย่าได้เก็บมาคิดอีกเลย”เด็กสาวร้องอือคราหนึ่งแล้วพลันหยัดร่างขึ้นพริบตานั้น นางเปรียบดั่งบัวเขียวโผล่พ้นน้ำ รูปร่างทรงสง่าสมบูรณ์พร้อม ขาทั้งสองเรียวยาว เอวเล็กบาง ชุดกระโปรงดำไม่อาจอำพรางเส้นสายร่างกายอันสมบูรณ์แบบบนใบหน้า รูปร่างหน้าตาที่เรียกได้ว่าหาใดเปรียบของนางแม้ถูกหน้ากากปิดคลุมไว้ครึ่งหนึ่ง แต่จากผิวผุดผ่องราวไขมันแพะ จมูกโด่งเป็นสัน รวมถึงริมฝีปากแดงโค้งงามอวบอิ่มก็ดูออก ว่าเด็กสาวคนนี้มีความงดงามเพียงพอสะเทือนใต้หล้านี่คือท่วงทำนองที่แผ่เย็นดุจหิมะ ละเอียดลออและพิเศษโดดเด่น มีเอกลักษณ์สะดุดตาเหลือประมาณ แค่มองจากที่ห่างไกลก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกต่ำต้อย ไม่กล้าดูหมิ่นหยาบคายแม้เพียงเสี้ยว“คุณหนู ท่านจะทำอะไร” หญิงชราชุดเขียวชะงัก“แน่นอนว่าขึ้นสังเวียนเล่นสักหน่อย” เด็กสาวกระโปรงดำกล่าวสบายๆ“ท่านจะสู้กับผู้ฝึกปราณอื่นที่นี่รึ”หญิงชราชุดเขียวตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดไม่ออกทันใด นางรู้ดีว่าพลังที่คุณหนูครอบครองน่าหวาดกลัวเพียงใด!อย่าว่าแต่ลานประลองยุทธ์เล็กๆ นี่ และไม่ต้องพูดถึงแคว้นวิญญาณอัคนีอะไร แค่กวาดตามองคนรุ่นเยาว์ทั้งแดนฐิติประจิม ผู้ที่มีคุณสมบัติประมือกับคุณหนูผู้นี้ นิ้วมือข้างเดียวยังนับได้หมด!แต่ตอนนี้นางกลับจะขึ้นลานประลองยุทธ์ที่พอนับได้ว่าดีแห่งหนึ่งกลางนครเตโช แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ฝึกปราณอื่น นี่ทำให้ผู้คนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง“ก็แค่เล่นสนุกเท่านั้น มิฉะนั้นใจข้าคงหดหู่เกินไป ต้องระบายออกมาสักหน่อย”เด็กสาวกระโปรงดำพูดสบายๆ ก่อนลอยล่องห่างออกไป เงาร่างสันโดษเหนือสามัญ มีความเด่นผงาดเหนือโลกาอย่างหนึ่ง“แค่เล่นสนุกก็ดี หากสามารถระบายความกลัดกลุ้มภายในใจ อาจจะเปลี่ยนความคิดและกลับสำนักก็เป็นได้…” หญิงชราชุดเขียวกล่ามพึมพำ…ตูม!บนสังเวียน หลินสวินซัดคู่ต่อสู้คนหนึ่งพ่ายยับอีกครา นี่เป็นการชนะติดกันครั้งที่สิบเก้าของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนชนะอย่างราบรื่นใช่แล้ว ราบรื่น!ตั้งแต่ช่วงแรกที่ขึ้นสังเวียนเขาก็กดพลังไว้ ตั้งเป้ามุ่งมั่นที่การหลอมชำระวิถียุทธ์ แทบไม่ให้ความสำคัญกับผลแพ้ชนะไม่สามารถพูดได้ว่ามีสีสันและดึงดูดผู้คน ขอแค่เพียงฝึกฝนวิถียุทธ์เท่านั้นการต่อสู้ยกที่ยี่สิบใกล้เริ่มต้น หลินสวินกำลังพักผ่อนอยู่ด้านข้าง ในใจกลับใคร่ครวญว่าแกนวิญญาณที่หามาในหลายวันนี้จะแลกเปลี่ยนเป็นหยกควบรวมจิตระดับกลางได้เท่าไหร่หืม?ทันใดนั้นในใจคล้ายเกิดความรู้สึกบางอย่าง หลินสวินเงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังอีกฟากของสังเวียน ที่นั่นเด็กสาวเงาร่างงามสง่า สวมหน้ากากขาวเงินกำลังเดินเข้ามานางสวมชุดกระโปรงดำ ร่างสูงระหง เอวราวไหมมัด บ่าประดุจคมดาบ ดวงตาใสสะอาดเงียบสงบราวดวงดาราบนท้องนภานางมาถึงหน้าสังเวียน หยิบเชือกรัดผมสีเขียวเส้นหนึ่งออกมา มัดผมยาวดำขลับทั้งศีรษะไว้เบื้องหลัง เผยคอระหงขาวกระจ่างเรียวบาง การเคลื่อนไหวของนางแช่มช้า แต่กลับมีท่วงทำนองและสุนทรียะดุจภาพวาด ลอยชายสบายอารมณ์ ชื่นตาเบิกบานใจ‘นี่ก็คือคู่แข่งสนามที่ยี่สิบของข้าหรือ’ สัญชาตญาณหลินสวินแหลมคมยิ่งยวด วินิจฉัยออกแต่พริบตาแรก ว่าเด็กสาวกระโปรงดำที่บุคลิกเยียบเย็นดุจหิมะ เงียบสงบหยิ่งทะนงคนนี้ น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เลวคนหนึ่งทีเดียวนี่ทำให้ในใจหลินสวินเกิดความสนใจสายหนึ่ง เหมือนพบคนรู้ใจร่วมโต๊ะสุรา พบคู่มือเล่นหมาก ทำให้เขาเฝ้ารออยู่บ้างหลายวันนี้เขาไม่เคยพบพวกที่เรียกว่าได้ว่าเป็นคู่ประมือเลยสักคน ในใจจึงนึกเสียดาย บัดนี้การปรากฏตัวของเด็กสาวกระโปรงดำคนนี้เห็นได้ว่าต่างออกไปโดยไม่ต้องสงสัย!‘หวังว่าจะไม่ทำข้าผิดหวัง’หลินสวินพึมพำในใจ“เอ๋?”ยามเด็กสาวกระโปรงดำขึ้นสังเวียน มัดผูกเชือกรัดผม เงาร่างพิเศษโดดเด่น มีบุคลิกกล้าหาญปลีกโลกาประการหนึ่งนางสังเกตเห็นหลินสวินแล้ว แรกเริ่มหาได้สนใจนัก แต่ไม่นานก็รู้สึกได้ว่านี่เป็นพวกที่ต่างออกไปคนหนึ่งบรรยากาศทั่วร่างเขาแม้เรียบง่ายแต่กลับสมบูรณ์กลมกล่อม มีท่วงทำนองกลับคืนสู่สามัญอย่างหนึ่ง สง่างามไร้มลทิน นับว่าหายากในบรรดาคนรุ่นเยาว์ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้กล้านี่ทำให้เด็กสาวกระโปรงดำประหลาดใจอยู่บ้าง เดิมนางแค่อยากระบายความอัดอั้นในใจ จึงขึ้นสังเวียนมาเล่นสนุก นึกไม่ถึงว่าเหมือนจะพบคู่ต่อสู้ที่ไม่เลวคนหนึ่งเข้าแล้ว‘หวังว่าเจ้าคงไม่เลวนัก…’มุมปากเย้ายวนอวบอิ่มของเด็กสาวกระโปรงดำปรากฏรัศมีโค้งที่คล้ายมีแต่ไม่มีสายหนึ่ง…………………….
คอมเม้นต์