Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 781 ซย่าเสี่ยวฉงผู้ไม่อาจพูดถึงน้ำแข็ง
ในเวลาต่อมา ท่าทีเด็กรับใช้นั่นเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นหาใดเปรียบ“คุณชาย คนผู้นั้นคือผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เผ่าถงเมฆา ฝึก ‘เคล็ดวิชายอดยุทธ์จรัสเลิศ’ พลังต่อสู้โดดเด่นยอดเยี่ยม ช่วงนี้ชนะบนลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินเราติดต่อกันสิบเก้าสนาม”“คุณชาย ท่านต้องระวัง คนที่จะมาประลองกับท่านคือยอดฝีมือเผ่าสิงห์เขียว มีผลงานการต่อสู้เจิดจรัส ชนะติดกันยี่สิบสามสนาม”“คุณชาย…”ทุกครั้งที่มีคู่ต่อสู้คนใหม่ขึ้นสังเวียน เด็กรับใช้จะเตือนหลินสวินทีหนึ่ง ท่าทีกระตือรือร้นนอบน้อมยิ่งกว่าเดิม ดูแลปรนนิบัติรอบคอบทั่วถึงสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเด็กรับใช้ถูกทำให้กลัวโดยสมบูรณ์แล้วนับจากหลินสวินก้าวขึ้นสังเวียนจนถึงตอนนี้ ผ่านการประลองยี่สิบเจ็ดสนาม ได้รับชัยชนะยี่สิบเจ็ดยก ไร้พ่ายแม้คราเดียว!ที่เด็กรับใช้รู้สึกใจสั่นสะท้านที่สุดคือ หลินสวินหาได้หยุดพักสักครั้ง แต่ละครั้งต่างชนะอย่างหมดจดชัดเจน ช่างมีพละกำลังไม่อาจต้าน ไม่อาจหยุดยั้งได้!ต้องรู้ว่าบรรดาผู้แข็งแกร่งที่ประมือกับหลินสวิน ไม่ขาดแคลนพวกร้ายกาจผ่านศึกโชกโชน แต่ล้วนถูกหลินสวินคว่ำกำราบราบคาบไม่มีข้อยกเว้น!‘ทรงพลังเกินไปแล้ว คุณชายผู้นี้เป็นอริยเทพจากที่ใดกันแน่ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน’เด็กรับใช้หัวสมองเบลอไปหมด ถูกสะเทือนจนมึนงง ต่อให้เขาผ่าสมองออกก็นึกไม่ออก ในแคว้นวิญญาณอัคนีอันใหญ่โตนี้ ปรากฏผู้กล้าหนุ่มเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่“ยอดผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เผ่ามังกรหัสดีรุ่ยเจิ้นก็แพ้แล้ว! นี่เป็นชัยชนะยกที่ยี่สิบแปดของเจ้าหนุ่มนั่น!”บนอัฒจันทร์อันห่างไกล เสียงร้องอุทานดังขึ้นเป็นระลอกก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกปราณสนใจการต่อสู้ที่เกิดบนสังเวียนประลองระดับเดียวกันน้อยนัก แต่หลังจากหลินสวินแหวกทะลวงด่านอย่างราบรื่น ซัดถล่มคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าอย่างแกร่งกร้าว ไม่ช้าก็ดึงดูดสายตา เป็นจุดสนใจมากขึ้นเรื่อยๆกระทั่งตอนนี้สังเวียนหมายเลขสิบเก้ากลายเป็นหนึ่งในสังเวียนซึ่งถูกจับตามองที่สุด ณ ที่นั้น ชักนำความอึกทึกครึกโครมใหญ่หลวง“เด็กนี่เป็นใคร”“เขามาจากไหน หรือจะเป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจสำนักใหญ่บางแห่ง”“ดูอายุเขาสิ ไม่น่าเกินยี่สิบแน่ แต่กลับมีพลังน่าหวาดกลัวเช่นนี้ในระดับหยั่งสัจจะ นี่ต้องเป็นผู้กล้าหนุ่มคนหนึ่งแน่นอน!”เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นโดยรอบ ต่างถูกพลังของหลินสวินทำเอาตกตะลึง ทยอยคาดเดาความเป็นมาของเขากระทั่งแม้แต่คนระดับสูงของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินล้วนถูกทำให้ตื่นตระหนก เริ่มติดตามการต่อสู้ของหลินสวิน และเริ่มส่งคนสืบข่าวทุกอย่างที่เกี่ยวกับหลินสวินบรรยากาศ ณ ที่นั้นร้อนระอุยิ่ง ทำให้หลินสวินซึ่งอยู่บนสังเวียนหมายเลขสิบเก้ากลายเป็นพวกม้ามืด บุกทะลวงเข้าสู่สายตาของผู้คนทั้งหมดอย่างแข็งกร้าวเห็นจะมีเพียงซย่าเสี่ยวฉงที่ซึมเซาไม่มีความสุข ยิ่งหลินสวินชนะมากนางยิ่งกลัดกลุ้ม‘น้ำทะเลไม่อาจตวงวัด แมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดถึงน้ำแข็ง… นี่ไม่ได้พิสูจน์ว่านางเป็น ‘แมลงฤดูร้อน’ นั่นหรอกรึ’ที่ทำให้ซย่าเสี่ยวฉงขุ่นเคืองที่สุดคือ ชื่อของนางดันเป็นซย่าเสี่ยวฉง (夏小虫) ขาดไปคำเดียวก็จะเปลี่ยนเป็น ‘แมลงฤดูร้อน’ (夏虫) ตัวจริงแล้ว!บรรยากาศกลางที่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดอยู่บ้าง เสียงสูดหายใจดังขึ้นเป็นระลอก ผู้ฝึกปราณมากมายต่างท่าทางสั่นสะท้านพูดไม่ออกเพราะเวลานี้บนสังเวียนหมายเลขสิบเก้า หลินสวินได้รับชัยชนะครั้งที่ยี่สิบเก้าและชายหนุ่มซึ่งแพ้ย่อยยับในเงื้อมมือเขา กลับเป็นผู้โดดเด่นรุ่นเยาว์คนหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงยิ่งในนครเตโช!คนผู้นี้นามว่าหยางคู ชนะบนลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินต่อเนื่องสามสิบสนาม ถูกยกย่องว่าเป็นรองแค่เด็กหนุ่มเจิดจรัสเผ่ามนุษย์เฉิงลี่เสวี่ยเด้กหนุ่มเฉิงลี่เสวี่ย เป็เหมือนตัวแทนของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน ปัจจุบันรักษาสถิติผลงานสูงที่สุด ชนะประลองติดต่อกันสามสิบเก้าสนาม ไร้พ่ายแม้เพียงครั้งลือว่าเฉิงลี่เสวี่ยถูกสำนักกระบี่สนขจีหนึ่งในสี่สำนักสามตระกูลหมายตา ใกล้จะได้กลายเป็นผู้สืบทอดสำนัก!สำหรับเด็กหนุ่มที่ออกมาจากเมืองเล็กห่างไกลแล้ว ช่างประดุจมัจฉากระโดดข้ามประตูมังกร ฐานะพลันเปลี่ยนแปลงต่างจากเดิมสิ้นเชิงและบัดนี้หยางคูแพ้แล้ว ส่วนหลินสวินขาดเพียงการต่อสู้อีกเก้าสนาม ก็จะสามารถท้าทายสถิติที่เฉิงลี่เสวี่ยสร้างไว้!นี่จะไม่ให้ผู้คนสั่นสะท้านได้อย่างไรอันคำว่าชนะติดต่อกัน หมายถึงบนสังเวียนหนึ่งได้รับชัยชนะต่อเนื่อง ไม่เคยแพ้พ่าย ไม่ล้มเลิกไปกลางคัน ด้วยเหตุนี้ระดับความยากย่อมไม่ใช่ธรรมดาบัดนี้หลินสวินได้ชัยชนะต่อเนื่องยี่สิบเก้าสนาม ซ้ำยังโจมตีผู้เจิดจรัสอย่างหยางคูจนพ่าย ความสั่นสะเทือนที่มอบแก่ผู้แข็งแกร่งบนอัฒจันทร์แค่คิดก็รู้ว่ามากเพียงใดบรรยากาศตอนนี้พลันเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด เป็นการยืนยันอย่างไร้เสียงอย่างหนึ่ง“แกร่งไปแล้ว! แกร่งไปแล้ว!”เด็กรับใช้กำหมัดแน่น ทั่วร่างล้วนสั่นเทาเพราะตื่นเต้น วงหน้าแดงระเรื่อแต่ซย่าเสี่ยวฉงกลับห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม กล่าวเสียงชัดแจ้งอย่างอดไม่อยู่ “ลานประลองยุทธ์ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีสักคนที่สามารถต่อกรพี่หลินสวินเชียวรึ”เสียงนางแม้ไม่ดัง แต่ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดกลับเห็นได้ว่าดังชัดเจนยิ่งนัก ทำเอาสีหน้าผู้ฝึกปราณทั้งหมดบนอัฒจันทร์เปลี่ยนเป็นพิกลในชั่วขณะแม่นางน้อยนี่หมายความว่าอะไรกำลังช่วยเจ้าหนุ่มนั่นยั่วยุและประกาศสงครามรึแต่ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งซึ่งเข้าร่วมการประลองบนสังเวียนได้ยินดังนั้น แต่ละคนกลับสีหน้าอึมครึม จิตใต้สำนึกคิดว่านี่เป็นการมองข้ามและยั่วยุพวกเขาประการหนึ่ง ซ้ำยังตรงไปตรงมายิ่ง!เพียงชั่วขณะ สายตาที่มองหลินสวินของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนเปลี่ยนเป็นไม่เป็นมิตร เต็ไปด้วยกลิ่นพุ่งปะทะบนสังเวียน เดิมหลินสวินกำลังคำนวณอยู่ในใจอย่างเบิกบาน ว่าหลังรับชัยชนะในการประลองสามสิบสนามตนจะได้รางวัลมากเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทั่วร่างพลันแข็งทื่อชั่วขณะ มุมปากกระตุก“ซย่าเสี่ยวฉง!”หลินสวินหันขวับ ส่งเสียงกรุ่นโกรธ นางเด็กนี่ช่างเป็นตัวดึงความเกลียดชังมือดี ประโยคเดียวก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าโจมตี!ต้องรู้ว่าสาเหตุที่เขาเข้าร่วมการต่อสู้ก็แค่เคี่ยวกรำวิถียุทธ์และถือโอกาสหาแกนวิญญาณเท่านั้น ไม่ได้มาหาโอกาสก่อเรื่อง ดูแคลนและยั่วยุเหล่าผู้กล้าทั้งใต้หล้า!“อ้าว พี่หลินสวิน หรือที่ข้าพูดมันผิดหรือ”ซย่าเสี่ยวฉงทำหน้าตาใสซื่อไม่รู้เรื่องหลินสวินเอามือกุมหน้าผาก อัดอั้นจนอยากกระอักเลือด กับเด็กสาวทึ่มทื่อแบบนี้อธิบายไม่รู้เรื่องแน่!เขาพลันกระโดดลงจากสังเวียน ลากแขนซย่าเสี่ยวฉงจะไปข้างนอกขณะเดียวกันหลินสวินสั่งกำชับเด็กรับใช้ “เจ้านั่นน่ะ วันนี้พอแค่นี้ เจ้าไปรับรางวัลมาให้ข้าหน่อย ให้ไว!”“คุณชาย ข้าน้อยไม่ได้ชื่อ ‘เจ้านั่นน่ะ’ ข้าน้อยชื่อต่งปา” เด็กรับใช้เร่งรุดไปเบื้องหน้าอธิบายอย่างอดทน“อย่าพูดมาก รีบไป!”หลินสวินกลัดกลุ้มนัก เดิมเขายังคิดคว้าชัยเอาแกนวิญญาณอีกหน่อย แต่ตอนนี้ทำได้แค่จากไปก่อน มิฉะนั้นคงกลายเป็นศัตรูของทุกคนแน่!“ขอรับ คุณชายรอสักครู่” ต่งปากระวีกระวาดรับปาก วิ่งหายไปดำเนินการ“สหาย ไม่สู้ต่ออีกหน่อยเล่า สถานการณ์เบื้องหน้าประเสริฐนัก เจ้าเกือบทำลายสถิติเฉิงลี่เสวี่ยนั่นแล้ว หากจากไปเวลานี้ช่างน่าเสียดาย!”บนอัฒจันทร์ เมื่อเห็นหลินสวินหมายจากไป ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งพลันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเหนี่ยวรั้ง“คุณชาย ทำลายสถิติจะได้รางวัลสิบเท่า ซ้ำยังได้หนึ่งร้อยแกนวิญญาณขั้นกลางแยกอีกต่างหาก! คุณชายแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการ”เมื่อได้ยินดังนั้นเบื้องหน้าหลินสวินมืดทะมึน รางวัลสิบเท่า? หนึ่งร้อยแกนวิญญาณขั้นกลาง? นึกไม่ถึงว่าตนจะพลาดพลั้งเช่นนี้“เพิ่งยั่วยุเสร็จเจ้าก็คิดหนีรึ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม”แต่ผู้แข่งขันส่วนหนึ่งที่นึกว่าถูกหลินสวินดูแคลนต่างโกรธแค้นมาก ส่งเสียงถากถางและเย้ยหยัน“ปากเก่งขนาดนี้ ข้านึกว่าจะร้ายกาจขนาดไหน ที่แท้ก็เท่านี้ ได้แค่พูดจาอวดดี!”“ถ้าเจ้ากล้าอยู่ต่อ วันนี้คุณชายอย่างข้าจะมอบบทเรียนยากลืมเลือนชั่วชีวิตแก่เจ้าแน่!”หลินสวินในใจกลัดกลุ้มยิ่งกว่าเดิม หน้ามืดทะมึนไม่เอ่ยวาจา แอบกัดฟันกรอด เจ้าพวกนี้ช่างบังอาจนัก คิดว่าตนหวาดกลัวจึงเดินจากไปรึไงน่าขันนัก!ที่ซย่าเสี่ยวฉงพูดเมื่อครู่แม้ตรงไปตรงมาเกินไปอยู่บ้าง แต่จากมุมมองหลินสวิน บนสังเวียนต่อสู้ระดับเดียวกันของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งซึ่งก้าวสู่มกุฎมรรคาแบบเดียวกันมาเยือน คนอื่นๆ คงไม่อาจทำให้หลินสวินรู้สึกถึงแรงคุกคามอันใดได้!นี่ก็คือความมั่นใจของหลินสวิน ที่น่าเสียดายคือ หากเขากล้าพูดคำเหล่านี้ออกไป เกรงว่าคงนำมาซึ่งการวิจารณ์โจมตีและคับแค้นมากกว่าเดิม และไม่อาจทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณนั้นนับถือเชื่อมั่นนี่คือความจริง มีแต่ลมปากไร้หลักฐาน ใครจะเชื่อเล่านอกเสียจากคว่ำพวกเขาทุกคน บางทีอาจพิสูจน์ทุกอย่างนี้ได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นคงสะดุดตาเกินไป เคลื่อนไหวก่อเรื่องใหญ่โตเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินต้องการท้ายที่สุดหลินสวินยังคงสะกดกลั้นความกลัดกลุ้มสุมอก ตัดสินใจจากไปเลี่ยงปัญหา“คุณชาย พรุ่งนี้ยังมาไหมขอรับ”ก่อนจากไปเด็กรับใช้ต่งปาส่งมอบรางวัลทั้งหมดแก่หลินสวิน นี่ทำให้หลินสวินอารมณ์ดีไม่น้อย“ดูสถานการณ์” หลินสวินกล่าวเรียบง่าย“หึ พรุ่งนี้มาก็ไม่สนุก ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินนี่ไม่มีใครสู้พี่หลินสวินได้ มันช่าง…”ซย่าเสี่ยวฉงเบะปากน้อยอวบอิ่ม ไม่พอใจนักทว่ายังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลินสวินผู้มีสีหน้าแทบดำทะมึนปิดปากทันใด จากนั้นรีบลากนางจากไป“คุณชาย เถ้าแก่เราบอกว่า หากพรุ่งนี้ท่านขึ้นสังเวียนประลองต่อ ค่าดำเนินการที่เก็บจะลดให้ครึ่งหนึ่ง!”ต่งปาตะโกนบอกอยู่เบื้องหลัง…ในโรงเตี๊ยมหลังกลับมาแล้วหลินสวินถึงแอบเป่าปากโล่งอก จากนั้นมองตัวการอย่างซย่าเสี่ยวฉงด้วยสีหน้าไม่ดีนัก กล่าวว่า “เสี่ยวฉง เจ้าอยากให้มีคนชนะข้ารึ”ซย่าเสี่ยวฉงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ใช้สองมือยันใบหน้าเล็กไร้เดียงสา กล่าวซึมเซาไม่ยินดี “ข้าแค่ไม่อยากเป็นแมลงฤดูร้อน”“แมลงฤดูร้อน?” หลินสวินชะงัก นี่มันเหตุผลบ้าอะไรกัน“ก่อนหน้านี้ท่านพูดไว้นี่ ว่าแมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดถึงน้ำแข็ง!”ซย่าเสี่ยวฉงกล่าวอย่างโมโห “ข้าชื่อซย่าเสี่ยวฉง ไม่ใช่แมลงฤดูร้อน!”หลินสวินตะลึงงันก่อน จากนั้นก็เป็นสุขอย่างยิ่ง กุมท้องหัวเราะลั่น แมลงฤดูร้อน? ซย่าเสี่ยวฉง? ช่างเป็นคู่แท้หนุนส่งเด่นชัดซะจริง!“มีอะไรน่าขันรึไง” ซย่าเสี่ยวฉงขึ้งโกรธ ดวงตาโตใสสะอาดจ้องหลินสวินอย่างเหี้ยมเกรียม ฟันทั้งปากเป็นประกายขาวดุจหิมะหมายกัดหลินสวินสักที“เอ่อ ข้าแค่รู้สึกว่าชื่อเจ้าตั้งได้ไม่เลว” หลินสวินพูดพลางหัวเราะอีกคราอย่างอดไม่อยู่นางหนูนี่จิตใจบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว สำหรับบางด้านก็เหมาะกับคำว่าแมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดถึงน้ำแข็งจริงๆแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการจุดไฟเผาตนเอง หลินสวินย่อมไม่กล่าวถึงประเด็นนี้อีกอย่างมีสมอง“สหาย วันนี้เจ้าเห็นบุตรเทพคนปัจจุบันที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะอวี่หลิงคงหรือไม่”ทันใดนั้นน้ำเสียงอิสระและสบายๆ ดังขึ้นนอกประตูโรงเตี๊ยม เงาร่างฟางหลินหานซึ่งสูงโปร่งผึ่งผ่ายก้าวสวบๆ เข้ามา สายตามองมายังหลินสวิน……………….
คอมเม้นต์