Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 764 งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬ
ศิษย์สำนักมุกวิญญาณอึ้งเข้าจริงๆ แล้ว พวกเขาถึงกับเก็บกลั้นความขุ่นเคืองและอับอายใหญ่หลวงไว้ในใจ ตัดสินใจมา ‘พูดคุย’ กับหลินสวินในสายตาพวกเขาเห็นว่าพวกตนยอมถอยให้มากพอแล้ว และยัง ‘จริงใจ’ อย่างยิ่ง แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธตรงๆ!?ไม่ทันไรแม้แต่โม่เฟิงยังดาลเดือด โกรธจนหน้าเขียวรังแกกันมากไปแล้ว!ด้วยฐานะผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณ ร่วมกันก้มหัวให้เด็กหนุ่มที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าผู้หนึ่งก็อับอายมากพอแล้ว แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับไม่รับน้ำใจแม้แต่นิดเดียว!“ข้าจะฆ่าเจ้า!”ชายหนุ่มมุทะลุคนหนึ่งคำรามออกมา โกรธจนคลุ้มคลั่งโดยสิ้นเชิงแล้ว“คิดว่าสำนักมุกวิญญาณของพวกเราทำอะไรเขาไม่ได้จริงหรือ”คนอื่นก็มีโทสะยากรับได้เช่นกัน“แต่พวกเจ้าคิดว่า พวกเราจะต่อกรกับเขาได้หรือ”เหวินเฟยหรันทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ ถอนใจเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เขาตัดหน้าพวกเราโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวทุกครั้ง แต่ละครั้งสามารถแย่งเหยื่อแล้วจากไปทั้งที่อยู่ใต้จมูกเราแท้ๆ ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่มีใครขวางเขาได้สักครั้ง พวกเจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกปราณธรรมดาๆ จะทำได้หรือ”วาจาเช่นนี้ทำให้ผู้อื่นต่างสีหน้าบิดเบี้ยว ฉงนสนเท่ห์พวกเขาไม่ได้โง่เขลา เพียงแต่ก่อนหน้านี้ถูกไฟโทสะจู่โจมจิตใจ ไม่ได้สงบใจใคร่ครวญ และตอนนี้เมื่อไตร่ตรองโดยละเอียดก็พลันรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างบรรยากาศออกจะห่อเหี่ยวใจในทันใด“ในภูเขาโคม่วงนี้ คิดจะฆ่าเขาให้ตาย…” โม่เฟิงสูดหายใจลึก ริมฝีปากโพล่งเบาๆ ออกมาสองคำว่า “ยากนัก!”นี่เท่ากับยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัยว่าแม้แต่ตัวเขาลงมือเอง ก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ได้!คนอื่นพากับหนาวเยือกในใจ โม่เฟิงเป็นบุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์ของสำนักมุกวิญญาณของพวกเขา ขนาดเจ้าตัวยังทำไม่ได้ แค่คิดก็รู้ว่าพลังของเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งขนาดไหน“ข้าจำได้ว่าห่างจากที่นี่ไปเกือบหกร้อยลี้มีทะเลสาบลึกแห่งหนึ่ง ในทะเลสาบมีอสูรมารงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬตัวหนึ่งยึดครองอยู่ พลังไม่ด้อยกว่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ น่ากลัวถึงที่สุด”ฉับพลันมีบางคนแววตาไหววูบ เสนอความคิดขึ้นมาว่า “ถ้าพวกเราเข้าไปใกล้ อาจจะสามารถ ‘ยืมแรงฆ่าคน’ ได้!”ทุกคนอึ้งไปเป็นอย่างแรก แต่ไม่ช้าก็แจ้งแก่ใจ ล้วนตื่นเต้นขึ้นมา“เยี่ยม เจ้าเด็กนั่นชิงเหยื่อของพวกเราไปก่อนก้าวหนึ่งอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็แสร้งทำเป็นไปต่อกรงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬนั่น ดูซิว่าเขาจะกล้าท้าทายสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่มีพลังเทียบได้กับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหรือไม่!”มีคนตบเข่าฉาด เอ่ยปากชม“แต่ถ้าเขาเห็นท่าไม่ดีแล้วไม่กล้าปรากฏตัวอีกล่ะ”มีคนเอ่ยถาม “อย่างไรเสียเจ้าเด็กนั่นก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อสังเกตได้ถึงการมีอยู่ของงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬ ยังจะปรากฏตัวอีกหรือ”กลับเห็นดวงตาโม่เฟิงวาวโรจน์ กัดฟันเอ่ยว่า “นั่นก็เป็นการพิสูจน์ว่าเขากลัว! เขาไม่ปรากฏตัวยิ่งดี พวกเราจะได้ถือโอกาสนี้ร่วมกันสังหารงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬนั่น!”“อะไรนะ”คนอื่นๆ ล้วนตกใจ พวกเขาไม่คิดจะทำเช่นนี้มาก่อน“สองสามวันมานี้พวกเรายังไม่ได้จิตวิญญาณสัตว์ปีศาจเลยสักตัว แม้ในการเคลื่อนไหวต่อมาไม่มีเด็กนั่นมาขัดขวางพวกเรา เกรงว่ายามการทดสอบจบลง พวกเราคงไม่มีทางได้อันดับสูงใดๆ”โม่เฟิงสายตาสุขุม “ดังนั้นพวกเราต้องเปลี่ยนแปลง และถ้าสามารถฆ่างูเหลือมยักษ์วารีทมิฬแล้วชิงเอาจิตวิญญาณมันมาได้ เช่นนั้นมูลค่าที่ได้จะมากกว่าพวกเราฆ่าสัตว์ปีศาจระดับหยั่งสัจจะหลายสิบตัวเสียอีก!”“นอกจากนี้พวกเราร่วมมือกัน แม้อาจประสบอันตรายอยู่บ้าง แต่ข้าเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้”โม่เฟิงพูดถึงตอนท้าย หว่างคิ้วก็ปรากฏความเชื่อมั่นในตนเอง ดูอวดดีนัก“เช่นนั้นก็เอาตามนี้!”คนอื่นเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ลังเลเล็กน้อย แต่ก็กัดฟันตอบรับ ลาภยศมั่งมีต้องเสี่ยงภัยถึงได้มา นับประสาอะไรกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ที่เกี่ยวโยงกับอันดับในการทดสอบ จะไม่สู้ได้อย่างไร…….ทะเลสาบที่งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬยึดครองเข้าใกล้ส่วนลึกของภูเขาโคม่วงแล้ว ที่นี่ไม่เหมือนรอบนอก มีกลิ่นอายน่าอึดอัดอบอวลอยู่เมื่อพวกโม่เฟิงมาถึงก็ตึงเครียดไม่ว่างเว้นทะเลสาบมีขอบเขตถึงร้อยจั้ง น้ำทะเลสาบสีดำสนิทราวหมึก ผิวน้ำปกคลุมไปด้วยหมอกขาวเย็นเยียบเสียดกระดูกเป็นชั้นๆยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ทำให้หนาวยะเยือกไปทั้งตัวพวกโม่เฟิงล้วนเตรียมตัวตั้งรับ เรียกสมบัติก้นกรุออกมา ไม่กล้าชะล่าใจราวเผชิญหน้ากับมหาศัตรูที่ก้นทะเลสาบแห่งนี้มีงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬที่มีพลังเทียบเท่ากับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติตัวหนึ่งยึดครองอยู่เชียวนะ! ผู้ฝึกปราณทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้สักนิดแม้แต่ผู้สืบทอดเจ็ดขุมอำนาจ ‘สี่สำนักสามตระกูล’ นี้ หากไม่จำเป็นก็จะไม่เสี่ยงมาที่นี่อย่างง่ายดายแน่“เหอะๆ เจ้าเด็กนั่นต้องกลัวแน่แล้ว ครั้งนี้ไม่กล้าปรากฏตัวอีก” บางคนยิ้มหยัน ใบหน้าแสดงความดูถูกคนอื่นก็ยิ้มตามไปด้วยมีเพียงเหวินเฟยหรันที่ลอบถอนใจไม่หยุดหย่อน ผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณทั้งกลุ่ม ตอนนี้กลับต้องพึ่งพิงอสูรมารตัวหนึ่งมากู้หน้า เช่นนี้จะไม่น่าสลดใจได้อย่างไร“ทุกคนระวังตัว อีกเดี๋ยวต้องมีการต่อสู้ดุเดือดแน่!”โม่เฟิงสายตาระแวดระวัง เตือนทุกคนให้เตรียมพร้อมต่อสู้ จากนั้นเขาก็เดินนำหน้าเข้าไปใกล้ทะเลสาบลึกแห่งนั้นตู้ม!ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะเข้าใกล้ ในทะเลสาบเงียบเชียบนั้นพลันพลุ่งพล่านขึ้นมา ผิวน้ำซัดสาดซู่ซ่าเงาร่างอสูรมารมหึมาตัวหนึ่งกระโจนขึ้นมา ยาวประมาณร้อยจั้ง ร่างกายดำสนิทราวหมึก คดเคี้ยวดุจน้ำตกสีนิล แค่หัวก็ใหญ่โตเหมือนภูเขาลูกย่อมๆ แล้ว!นัยน์ตาของมันเหมือนโคมไฟยักษ์สีแดงสดราวโลหิตคู่หนึ่ง เขี้ยวขาวราวหิมะประหนึ่งดาบคมคู่หนึ่ง ส่องแสงเยียบเย็นวูบวาบน่าหวาดหวั่นร่างยาวเฟื้อยมหึมาของมันยึดครองห้วงอากาศ แสงวารีล้อมรอบกาย กลิ่นอายดุร้ายบดบังฟ้าดินในบริเวณนี้งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬ!มันถึงกับชิงปรากฏตัวก่อน!ทันใดนั้นพวกโม่เฟิงก็หน้าเปลี่ยนสียิ่ง เดิมทีพวกเขาคิดจะซุ่มโจมตี แต่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน“ไอ้พวกสวะ ตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ ก็เลยมาหาที่ตายกับข้ารึ” มันเอ่ยเสียงแหบแห้งเย็นชา นัยน์ตาสีโลหิตมีแต่ความดูถูกความหมายในวาจานี้เหตุใดจึงแปลกพิกล…พวกโม่เฟิงต่างนิ่งอึ้ง พวกเขากล้าสาบานว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยพบอสูรมารตัวนี้มาก่อน แต่ว่า… มันรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาสู้คนอื่นไม่ได้หรือเจ้าเด็กนั่นผ่านมาแล้ว หนำซ้ำยังพูดถึงพวกเขาอย่างเสียๆ หายๆ ต่อหน้างูเหลือมยักษ์วารีทมิฬตัวใหญ่ตัวนี้?เมื่อคิดถึงตรงนี้พวกเขาก็โกรธจนควันออกหู สีหน้าหลากอารมณ์นัก“ทำไม จะบอกว่าสวะอย่างพวกเจ้าไม่พอใจหรือ อาศัยอำนาจสำนักมาทำตัวหยิ่งผยองไม่เห็นหัวผู้ใด คนอย่างพวกเจ้าขนาดสวะยังดีกว่าเลย!”งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬส่งเสียงกึกก้องราวอสนีบาตดังไปทั่วฟ้าดินบริเวณนี้ กระจายไปไกล ราวหมายจะให้ทั้งใต้หล้าได้ยิน“หุบปาก! เจ้าเดรัจฉานรนหาที่ตาย!”โม่เฟิงเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง โกรธจนอกแทบระเบิดออก เขามั่นใจได้ว่าต้องเป็นหลินสวินมาถึงก่อน แล้วได้สนทนากับงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬตัวนี้แน่“หึ วันนี้ข้าไม่สบอารมณ์อยู่พอดี เอาพวกเจ้ามาช่วยระบายก็ดีเหมือนกัน!”ระหว่างที่งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬพูด เสียงโครมก็ดังขึ้น ร่างกายอวบหนาเท่าถังน้ำก็ทำลายห้วงอากาศ กดทับลงมาดุจแส้เหล็กทรงพลังสายหนึ่งทันใดนั้นภูเขาที่อยู่ใกล้กันก็พังทลาย หินผาซัดสาด ห้วงอากาศสลายเป็นกระแสน้ำยุ่งเหยิงบ้าคลั่ง สภาพอากาศแปรเปลี่ยน ฟ้าดินมืดครึ้มแย่แล้ว!โม่เฟิงขนหัวลุก รับรู้ได้ว่าไม่เข้าที การตัดสินใจของพวกเขาคลาดเคลื่อน พลังของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้น่าตื่นตระหนกเกินไปแล้ว ไม่อาจเทียบกับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั่วไปได้เลย แม้กระทั่งในหมู่ผู้มีปราณระดับกระบวนแปรจุติ ก็ยังถือเป็นยอดฝีมือที่ดุดัน“หนี!”โม่เฟิงคำรามกราดเกรี้ยว เขาคับแค้นใจจนแทบจะระเบิดแล้ว เดิมคิดว่าครั้งนี้ในที่สุดก็ไม่มีหลินสวินคอยขัดขวาง สามารถถือโอกาสนี้ฆ่า ‘เหยื่อตัวใหญ่’ สักตัวหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์การทดสอบของพวกเขาจะคิดได้อย่างไรว่าสถานการณ์จะพลิกผันต่อเนื่อง งูเหลือมยักษ์ตัวนี้ไม่เพียงแต่ปรากฏกายขึ้นล่วงหน้า ทั้งยังเหมือนเคยพูดคุยกับหลินสวิน พลันเข้าเล่นงานพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัวโดยเฉพาะที่ทำให้พวกเขาแทบหมดอาลัยตายอยากที่สุดก็คือ พลังของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้ช่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!หนี!ในใจโม่เฟิงขัดเคืองหาใดเทียบ รู้สึกว่าช่างโชคร้ายนักเพียงแต่งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬตัวนั้นกลับหัวเราะประหลาดอย่างดูถูก “วันนี้ถ้าพวกเจ้าไปแล้ว ใครจะเป็นที่ระบายอารมณ์ให้ข้าเล่า”โครม!งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬอ้าปากพ่นแสงวารีออกมาราวธารดารา แปรสภาพบริเวณนี้ให้เป็นมหาสมุทรในพริบตา พร้อมกับเสียงหัวเราะประหลาดสะท้านฟ้าดิน!ส่วนพวกโม่เฟิงล้วนหนีไม่ทัน ร่างจมอยู่ภายในนั้นหลังจากนั้นก็เห็นเงาร่างของงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬหายวับ แปลงกายเป็นชายกักขฬะที่สูงแปดฉื่อคนหนึ่ง หนวดเคราเผ้าผมยุ่งเหยิง มีดวงตาโตราวระฆังคู่หนึ่ง พุ่งเข้าไปในคลื่นน้ำไหลเชี่ยวเพี๊ยะ!เขายกมือขึ้นตบศิษย์สำนักมุกวิญญาณคนหนึ่งจนกระเด็นออกไป ฝ่ายหลังร้องโหยหวน ฟันร่วงหล่น กระอักเลือดออกทางจมูกและปาก“มีฝีมือแค่นี้ยังกล้ารังแกผู้อื่นรึ ถุย! หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน จะเอาชนะคนอย่างพวกเจ้าไม่เปลืองแรงเลยสักนิด!”งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬถ่มน้ำลายดุดัน เต็มไปด้วยความดูถูกจากนั้นเงาร่างเขาก็ไหววูบ ทั้งเตะทั้งต่อย สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นกลางคลื่นน้ำ เล่นงานผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณเหล่านั้นทีละคนจนปลิวว่อนกระจัดกระจายไปในอากาศ พากันร้องโหยหวนเรียกหาบิดามารดาในชั่วครู่เดียว เสียงโหยหวนน่าหดหู่กับเสียงหัวเราะประหลาดที่ดูแคลนและหยิ่งผยองของงูเหลือมยักษ์วารีทมิฬก็ระงมไปทั่วฟ้าดินบริเวณนี้ น่าพรั่นพรึงจนขนลุกโม่เฟิงมีฝีมือจริง แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจผิดพลาด ไม่คิดเลยว่างูเหลือมยักษ์วารีทมิฬจะเป็นตัวร้ายในระดับกระบวนแปรจุติตัวหนึ่ง ชั่วครู่เดียวก็ถูกเล่นงานจนหมดสติที่ทำให้เขาคลั่งที่สุดก็คือ งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬตัวนี้ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ ถึงตบหน้าเขาโดยเฉพาะ เสียงตบหน้าเผียะๆๆ ดังขึ้นไม่ขาดสายเหล่าศิษย์สำนักมุกวิญญาณเหล่านั้นล้วนถูกตบหน้าจนบวมแดงเหมือนหัวหมู น้ำหูน้ำตาไหลเป็นสาย ศีรษะบวมขึ้นมากรวมถึงโม่เฟิงก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ตัวเขาก่อนหน้านี้ท่าทางสง่างาม รูปลักษณ์โดดเด่น และถือเป็นคนที่มีบุคลิกงดงาม แต่ตอนนี้กลับหน้าบวมจมูกเขียว ผมเผ้ายุ่งเหยิง เกรงว่าแม้แต่บิดามารดาบังเกิดเกล้าของเขามาแล้วก็คงจำเขาไม่ได้นี่เป็นความอัปยศอย่างไม่ต้องสงสัย!ใช้พลังอันดุดันลบหลู่และทรมานพวกเขา เหยียบย่ำศักดิ์ศรีและหน้าตาของพวกเขาพวกโม่เฟิงทั้งโกรธทั้งอายจนอยากตาย โกรธจนคลุ้มคลั่ง แต่ตอนนี้กลับไม่มีแรงพลิกสถานการณ์ ถูกย่ำยีจนจะร้องไห้แล้วเมื่อเทียบกับบาดแผลบนร่าง ความอับอายในใจพวกเขารุนแรงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ความรู้สึกอัปยศอดสูที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้พวกเขาแทบอยากปาดคอตายขายหน้าเกินไปแล้ว!เดิมทีมาทดสอบที่ภูเขาโคม่วง ออกล่าสัตว์ปีศาจ แต่ตอนนี้กลับถูกงูเหลือมยักษ์วิปริตตัวหนึ่งตะบันหน้า ทำให้อับอายและย่ำยียิ่งขึ้นไปอีก ความรู้สึกนี้ คนที่ก่อนหน้านี้มีฐานะเป็นผู้สืบทอดสำนักมุกวิญญาณอย่างพวกเขาไม่เคยได้ประสบมาก่อน!งูเหลือมยักษ์วารีทมิฬเหมือนตบตีจนเหนื่อยแล้ว มันสะบัดแขนลูบนิ้วมือแล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ให้ตายสิ หนังหน้าพวกเจ้าหนาเสียจริง ข้าตบจนเจ็บมือไปหมดแล้ว พวกเจ้าไสหัวไปเถอะ จำไว้ ทีหลังก็ถ่อมตัวหน่อย เห็นหัวชาวบ้านเสียบ้าง หาไม่แล้วขนาดตายยังไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรเลย!”__
คอมเม้นต์