Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 760 สี่แดนวิภู
บนแผ่นดินคดเคี้ยว เขาเขียวกว้างใหญ่ ล้อมด้วยเมฆอันงดงามต้นไม้เก่าแก่รวมตัวเป็นผืนป่า สูงตระหง่านเสียดฟ้า แม้แต่ใบหญ้าบนพื้นดินยังอุดมสมบูรณ์ แผ่พลังชีวิตเปี่ยมล้น ทอดสายตามองไปทุกที่ล้วนปรากฏกลิ่นอายโบราณดั้งเดิมซย่าเสี่ยวฉงถือทวนเงิน ก้าวเท้าแผ่วเบาทะลุผ่านพุ่มหญ้า สดใสและมีชีวิตชีวา ไร้เดียงสาน่าเอ็นดู“มุกควบรวมจิตหรือ”ระหว่างทางหลินสวินอดสงสัยไม่ได้“อืม ก็คืออันนี้”ซย่าเสี่ยวฉงพลิกฝ่ามือ มุกสีฟ้าเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้น ขนาดประมาณไข่ไก่ แวววาวโปร่งแสง อบอวลด้วยแสงประกายเย็นเยียบ“เวลาล่าสัตว์ปีศาจ สามารถใช้สิ่งนี้ดูดกลืนจิตวิญญาณของสัตว์ปีศาจได้ เมื่อจิตวิญญาณที่สะสมถึงระดับใดระดับหนึ่ง มุกควบรวมจิตก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง แปรเป็นหยกควบรวมจิต สามารถนำมาทำยาและสร้างเป็นสมบัติได้”เสียงของซย่าเสี่ยวฉงใสกระจ่าง “มุกควบรวมจิตในมือข้ามีมาตรฐานระดับกลางเท่านั้น ดูดกลืนได้เพียงจิตวิญญาณของสัตว์ปีศาจระดับมหาสมุทรวิญญาณ และภารกิจของข้าในครั้งนี้ก็คือรวบรวมจิตวิญญาณในมุกควบรวมจิตให้เต็ม ทำให้มันกลายเป็นหยกควบรวมจิตระดับกลาง หลังจากนั้นก็จะสามารถกลับสำนักไปส่งมอบให้อาจารย์ได้”“อ้อ”หลินสวินสนใจมาก ยืมมุกควบรวมจิตมาดู และใช้จิตรับรู้สอดส่องภายใน พลันมองเห็นจิตวิญญาณสัตว์ปีศาจมากมายปรากฏอยู่ภายใน มีงูนอแผงเขียว จิ้งจอกดำดินสลาย นกกระจอกเพลิงเหินเมฆา นกกระทานัยน์เนตร และอื่นๆ อีกหลายสิบตัว“สะสมจิตวิญญาณสัตว์ปีศาจ แปรเป็นหยกเทพ สามารถทำยาและหลอมอาวุธ… สมบัติชิ้นนี้มีคุณสมบัติที่สุดยอดเพียงนี้เชียวหรือ”หลินสวินแปลกใจมาก เขาเพิ่งเคยเห็นสมบัติที่วิเศษขนาดนี้เป็นครั้งแรก“ใช่แล้ว ได้ยินอาจารย์ของข้าบอกว่า บนโลกนี้ยังมีมุกควบรวมจิตชั้นดีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอีกด้วย ไม่เพียงสามารถดูดกลืนจิตวิญญาณของสัตว์ปีศาจระดับกระบวนแปรจุติได้ ยังสามารถควบรวมไอแห่งมหามรรค มีประโยชน์ต่อการหยั่งรู้ปริศนามหามรรคอย่างเหลือเชื่อ”ใบหน้าของซย่าเสี่ยวฉงเต็มไปด้วยความมุ่งหวังและหมายปอง“นี่ น้ำลายจะไหลลงมาแล้ว”หลินสวินเตือนซย่าเสี่ยวฉงเช็ดมุมปากแวววาว หัวเราะแฮะๆ แล้วพูด “ทำให้ท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว”แม้จะพูดเช่นนี้นางกลับไม่รู้สึกเคอะเขินเลยสักนิด ท่าทางดูใสซื่อบริสุทธิ์หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็อดหมดคำพูดไม่ได้ ในใจกลับค่อนข้างชอบนิสัยของเด็กสาวคนนี้ ไร้เดียงสาเป็นอิสระ สดใสน่าเอ็นดู“เจ้าต้องการจิตวิญญาณสัตว์ปีศาจอีกเท่าไหร่”หลินสวินถามซย่าเสี่ยวฉงหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที พูดอย่างมีใจแต่ไร้แรง “เยอะมากๆ”“เท่าไหร่กันแน่”“อย่างน้อย… ต้องเป็นพันมั้ง”“มากขนาดนี้เชียว”“ใช่ หากต้องการเปลี่ยนมุกควบรวมจิตระดับกลางเป็นหยกควบรวมจิตระดับกลาง เป็นเรื่องที่ยากมาก อาจารย์บอกว่านี่เป็นบททดสอบของข้า หากไม่สามารถทำได้ก็ไม่อนุญาตให้กลับสำนัก”“เจ้ามาจากสำนักไหน”“เอ้อ ลืมบอกท่านไปเลย ข้ามาจากสำนักยุทธ์กลุ่มดาว”“สำนักยุทธ์กลุ่มดาวหรือ เล่ารายละเอียดให้ข้าฟังได้หรือไม่”“ท่านไม่เคยได้ยินหรือ สำนักยุทธ์กลุ่มดาวของเรามีชื่อเสียงอย่างมากในแคว้นวิญญาณอัคนี”“หืม?”“แฮะๆ ส่วนเหตุผลที่มีชื่อเสียงท่านเดาไม่ออกแน่ เพราะในสำนักยุทธ์กลุ่มดาวของเรามีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น”“สองคน?”“ใช่ ข้ากับอาจารย์ของข้า”“สุดยอด… จริงๆ!”หลินสวินไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะ สำนักหนึ่ง กลับพึ่งการที่มีจำนวนคนน้อยในการสร้างชื่อเสียง ช่างเป็นเรื่องประหลาดจริงๆ“ข้าเองก็รู้สึกว่าสุดยอด”กลับเห็นซย่าเสี่ยวฉงท่าทางภาคภูมิใจ เชยคางขึ้นสูง ดวงตาโตคู่ใสกำลังทอประกาย‘บางที ความไม่รู้ก็อาจจะเป็นความสุขอย่างหนึ่ง…’ หลินสวินแอบทอดถอนใจทั้งสองคุยกันมาตลอดทาง แต่ก็ทำให้หลินสวินเข้าใจหลายๆ อย่างดินแดนรกร้างโบราณนี่เป็นโลกที่กว้างใหญ่งดงาม เก่าแก่และโอ่อ่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสำนักมากมายถือกำเนิดขึ้นในโลกนี้ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน หมื่นเผ่าหยัดยืน วีรชนเปี่ยมล้น ผู้กล้าหนาแน่น มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และรุ่งโรจน์เรืองรองอันยากจะจินตนาการในทำนองเดียวกัน ดินแดนรกร้างโบราณก็มีคำกล่าวที่ว่า ‘หนึ่งดินแดนสี่แดนวิภู หนึ่งแดนวิภูสามพันแคว้น’สี่แดนวิภู หมายถึงแดนชัยบูรพา แดนฐิติประจิม แดนกาฬทักษิณ แดนดาราอุดรในทุกๆ แดนวิภู ล้วนเรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาล ครอบคลุมอาณาเขตไม่มีที่สิ้นสุด ที่เรียกว่าหนึ่งแดนวิภูสามพันแคว้นก็ไม่ใช่การพูดเกินจริงอย่างแน่นอนนอกจากนี้ในสี่แดนวิภูยังมีโลกเล็กๆ จำนวนหนึ่งกระจายอยู่ ความกว้างใหญ่ไพศาลนั่นเหนือจินตนาการในทุกๆ แดนวิภูโลกล้วนมีประวัติศาสตร์การฝึกปราณและสำนักฝึกปราณที่เป็นเอกลักษณ์ โดยในนี้หมายรวมถึงขุมกำลัง เผ่าพันธุ์ และสำนักที่แตกต่างกัน… เรียกได้ว่ามากมายราวกับดวงดาว สีสันเจิดจรัส!เมื่อครั้งอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า ตอนที่หลินสวินได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับดินแดนรกร้างโบราณก็อดตะลึงไม่ได้ภายหลังเขาจึงเข้าใจ บางทีอาจจะเพราะดินแดนรกร้างโบราณกว้างใหญ่ไพศาล ตั้งแต่บรรพกาลจนถึงปัจจุบันจึงได้ให้กำเนิดผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานนับไม่ถ้วน และปรากฏผู้กล้ามากมายตอนนี้หลินสวินเข้าใจแล้วว่า ที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คือแคว้นวิญญาณอัคนี ตั้งอยู่ในแดนฐิติประจิมของดินแดนรกร้างโบราณแดนฐิติประจิมโลกที่แปลกใหม่มากสำหรับหลินสวินก่อนจะมาดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินเคยรู้เพียงคร่าวๆ เกี่ยวกับแดนชัยบูรพาเพราะแดนชัยบูรพาถูกเรียกว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงในดินแดนรกร้างโบราณ!ที่นั่นมีสำนักที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก รุ่งเรืองและเฟื่องฟู ถือเป็น ‘หัวใจสำคัญ’ ของดินแดนรกร้างโบราณพูดอย่างไม่เกินจริง หากพูดถึงรากฐานอันเก่าแก่ในดินแดนรกร้างโบราณ สำนักที่สามารถย้อนไปถึงสมัยบรรพกาลได้ เกือบครึ่งล้วนอยู่ในแดนชัยบูรพาเท่าที่หลินสวินรู้ สำนักกระบี่เทียมฟ้าที่อวิ๋นชิ่งไป๋อยู่ ก็อยู่ในแดนชัยบูรพา!“เสี่ยวฉง เจ้าเคยได้ยินชื่อแดนชัยบูรพาหรือไม่”หลินสวินถาม“แน่นอนว่าเคยได้ยิน ที่นั่นก็เหมือนแดนฐิติประจิม ล้วนเป็น ‘สถานที่ศักดิ์สิทธิ์’ ที่มีชื่อเสียงของดินแดนรกร้างโบราณ เจริญรุ่งเรืองยิ่ง มีอริยะที่แท้จริงควบคุมดูแล เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้ฝึกปราณทั่วหล้าหมายปองที่สุด”ซย่าเสี่ยวฉงตอบโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำหลินสวินอึ้ง “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าจากแดนฐิติประจิมจะไปแดนชัยบูรพาได้อย่างไร”“ไม่รู้”ซย่าเสี่ยวฉงส่ายหน้า “ไกลเกินไป ตอนข้าเด็กๆ เคยได้ยินอาจารย์บอกว่า แดนชัยบูรพาไม่ใช่ที่ที่ใครจะไปได้ง่ายๆ ไปที่นั่นต้องผ่านแคว้นใหญ่และเขตแดนมากมาย ระยะทางห่างไกล ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาขึ้นสวรรค์”หลินสวินหนักใจ ไกลมากเลยหรือเขาตระหนักได้ถึงปัญหา ตอนที่เขาจากจักรวรรดิมา ปลายทางของทางเดินมายาควรจะเป็นแดนชัยบูรพาถึงจะถูกแต่ระหว่างทางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ทางเดินมายาระเบิดจนตนต้องลำบากไปด้วย ภายใต้ความผิดพลาดทั้งปวงจึงมาที่แดนฐิติประจิมซึ่งไม่คุ้นเคยแห่งนี้“ท่านจะไปแดนชัยบูรพาหรือ” ซย่าเสี่ยวฉงถามอย่างสงสัยหลินสวินพยักหน้า ไม่ได้ปิดบัง ที่เขามาดินแดนรกร้างโบราณ เหตุผลแรกก็เพื่อแก้แค้น และถ้าต้องการแก้แค้นก็ต้องไปที่แดนชัยบูรพาเพราะสำนักกระบี่เทียมฟ้าอยู่ที่นั่น อวิ๋นชิ่งไป๋ก็อยู่ที่นั่น!“ท่านมีความมุ่งมั่นมาก” ซย่าเสี่ยวฉงชื่นชม ดวงหน้าเล็กไร้เดียงสาเต็มไปด้วยความนับถือหลินสวินพูดไม่ออก แค่ไปแดนชัยบูรพาเท่านั้น เกี่ยวกับความมุ่งมั่นได้อย่างไร“จริงสิ อาจารย์เจ้าคงรู้ว่าจะไปแดนชัยบูรพาอย่างไรใช่หรือไม่” หลินสวินอดถามไม่ได้“อาจจะ”ซย่าเสี่ยวฉงลังเลเล็กน้อย “รอข้ากลับสำนักจะถามให้ท่านแล้วกัน”“งั้นรบกวนเจ้าด้วย”ตอนหลินสวินพูดถึงตรงนี้ ห่างไปไกลพลันมีเสียงเคลื่อนทะยาน ผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งเคลื่อนเข้ามาพร้อมเสียงกึกก้องนั่นเป็นกลุ่มผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์ ชายหล่อหญิงงาม สวมใส่ชุดตระการตา บุคลิกแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่ามาจากขุมอำนาจใหญ่ทว่าไม่นานหลินสวินก็เก็บสายตากลับมา ชายหญิงเหล่านี้ส่วนมากเป็นผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ พลังปราณที่สูงที่สุดก็มีเพียงระดับหยั่งสัจจะ สำหรับหลินสวินในตอนนี้ ย่อมไม่สามารถข่มขวัญได้เลยสักนิด“เอ๋ นี่เสี่ยวฉงจื่อ (เจ้าหนอนน้อย) สำนักยุทธ์กลุ่มดาวไม่ใช่หรือ”จู่ๆ ก็มีคนตะโกน น้ำเสียงแฝงความเย้ยหยัน หลังจากคนกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ก็หยุดอยู่กลางอากาศ สายตาจ้องมองมา“หึ! ข้าชื่อซย่าเสี่ยวฉง ไม่ใช่เสี่ยวฉงจื่อ”ซย่าเสี่ยวฉงจ้องเขม็ง โต้อย่างหัวเสีย“ฮ่าๆๆ”ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านั้นหัวเราะครื้นเครง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคุ้นเคยกับซย่าเสี่ยวฉง รู้จักนิสัยของนางเป็นอย่างดี ท่าทีจึงหยิ่งผยองไม่เกรงกลัวท่ามกลางผู้ฝึกปราณกลุ่มนั้นมีผู้หญิงหลายคนยิ่งเผยสีหน้าดูถูก ราวกับไม่พอใจซย่าเสี่ยวฉงอย่างมาก“เสี่ยวฉงจื่อ การฝึกในภูเขาโคม่วงเหลือเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น เจ้ารวบรวมจิตวิญญาณสัตว์ปีศาจครบหรือยัง”ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายิ้มร่าถาม“ยัง” ซย่าเสี่ยวฉงส่ายหน้าหลินสวินเลิกคิ้ว ต้องยอมรับว่าซย่าเสี่ยวฉงเป็นแม่นางที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษสงจริงๆ ฟังความเยาะเย้ยในคำพูดของชายหนุ่มคนนี้ไม่ออกสักนิด คำตอบยังซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาอย่างมาก“ดูท่านใน ‘งานประลองใหญ่รวมสำนัก’ ของแคว้นวิญญาณอัคนี สำนักยุทธ์กลุ่มดาวของพวกเจ้าจะต้องขายหน้าเสียแล้ว ถึงตอนนั้นอาจารย์ของเจ้าจะต้องเสียหน้าเพราะเจ้าแน่”คำพูดของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“ศิษย์พี่โม่เฟิง กับคนโง่อย่างนางมีอะไรน่าคุย พวกเรารีบลงมือกันเถอะ งานประลองใหญ่รวมสำนักครั้งนี้ สำนักวิญญาณอิงเมฆาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด”ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะหงุดหงิดไม่น้อย ส่งเสียงเตือน“ก็จริง!”โม่เฟิงพยักหน้า แล้วพาชายหญิงกลุ่มนี้เคลื่อนตัวไปยังเทือกเขาที่ทอดยาวเหยียดห่างออกไปตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมองหลินสวินแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียวหลินสวินไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ซย่าเสี่ยวฉงกลับดูผิดปกติเล็กน้อย ขอบตาของนางแดงเรื่อขึ้นมา ดวงตาโตใสน้ำตาคลอคล้ายจะร้องไห้ ดูเหมือนเสียใจมาก“ท่าทีของเจ้าพวกนั้นร้ายกาจจริงๆ ให้ข้าสั่งสอนพวกเขาให้เจ้าหรือไม่” หลินสวินถาม ท่าทางน่าสงสารของเด็กสาวทำให้เขาเห็นแล้วรู้สึกสงสารไม่น้อยซย่าเสี่ยวฉงส่ายหน้า จิตใจหดหู่มาก “ข้าไม่สนใจที่พวกเขาหัวเราะเยาะ เพียงแต่กังวลว่าการฝึกครั้งนี้จะทำให้อาจารย์ขายหน้า อาจารย์ดีกับข้ามาโดยตลอด ข้าไม่อยากให้ท่านผิดหวัง”หลินสวินคิดๆ แล้วพูดว่า “เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่างานประลองใหญ่รวมสำนักเป็นอย่างไร”ในใจเขาได้แอบตัดสินใจแล้วว่า ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่ถือสาที่จะช่วยเด็กสาวคนนี้สักครั้งซย่าเสี่ยวฉงสูดหายใจเข้า ใช้มือขยี้ตา พยายามทำให้ตัวเองสงบ แล้วจึงเล่าเรื่องงานประลองใหญ่รวมสำนักออกมา——
คอมเม้นต์