Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 759 ซย่าเสี่ยวฉง [ภาค สายลมเริ่มปรากฏในดินแดนรกร้างโบราณ]
ดินแดนรกร้างโบราณ ในที่สุดข้าหลินสวินก็มาแล้ว!นอกจากตื่นเต้น ในใจหลินสวินก็มีความรู้สึกหวาดผวาหลังจากรอดพ้นพิบัติเคราะห์ เมื่อครู่นี้อันตรายเกินไปแล้ว อีกเพียงนิดดวงจิตก็เกือบจะสลายแล้วแต่แม้จะเป็นเช่นนี้เขาก็ยังบาดเจ็บ สูญเสียพลังกายอย่างหนัก‘สัตว์ปีศาจเร้นลับที่ห่อหุ้มดวงดาวนับหมื่นพัน ทะยานข้ามความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุดเข้ามาตัวนั้นก็ไม่รู้ว่าอยู่ในระดับใด น่ากลัวเกินไปแล้ว…’หลินสวินนึกถึงตอนที่ข้ามทางเดินมายาอีกครั้งก็ยังคงหวาดหวั่นเขารู้มานานแล้วว่าในห้วงอากาศว่างเปล่ามีความน่าสะพรึงซ่อนอยู่ มีเพียงไปถึงระดับอริยะเท่านั้น จึงจะสามารถหยั่งรู้และควบคุมปริศนาของมันได้ เคลื่อนย้ายข้ามผ่านห้วงอากาศว่างเปล่าที่กีดขวางอยู่ได้ตอนนี้หลังจากผ่านอันตรายเมื่อครู่นี้ หลินสวินก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของการเคลื่อนย้ายห้วงอากาศบริเวณรอบๆ เงียบมาก คงจะเป็นถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง ร่องรอยผู้คนบางตาห่างออกไปเทือกเขายักษ์ใหญ่ทอดตัวในแนวราบคดเคี้ยว ต้นไม้โบราณผงาดจากพื้นดินทะลวงฟ้า เปรียบเสมือนเสาค้ำจุนสวรรค์ เป็นภาพดึกดำบรรพ์ไร้ที่สิ้นสุดบนเวิ้งฟ้า อาทิตย์ดวงโตลอยสูง ร้อนแรงเจิดจ้า อานุภาพราวหลอมสรรพสิ่ง ทว่ากลับมีสารพลังแห่งสุริยาที่บางเบายิ่งล่องลอยออกมา!นี่กับจักรวรรดิจื่อเย่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนอกจากนี้จิตรับรู้ของหลินสวินยังสามารถรับรู้ได้อย่างว่องไวว่า ฟ้าดินผืนนี้กว้างใหญ่ไพศาลอย่างมาก ในอากาศสั่งสมไอวิญญาณเข้มข้น เพียงแค่หายใจเท่านั้นก็ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง‘มิน่าผู้ฝึกปราณของดินแดนรกร้างโบราณถึงมองว่าโลกชั้นล่างเป็นดินแดนแห้งแล้ง เมื่อเทียบกันแล้ว ดินแดนรกร้างโบราณวิเศษมากจริงๆ’หลินสวินแอบทอดถอนใจ ตามการคาดเดาของเขา แม้เป็นเพียงคนธรรมดา หากได้ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ ได้สูบไอวิญญาณในระยะยาว จะต้องอายุยืนนาน ร่างกายแข็งแกร่ง กำลังวังชาเต็มเปี่ยมอย่างแน่นอน ต่อให้ก้าวสู่หนทางมหามรรคก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายแต่โลกชั้นล่างกลับแตกต่าง ไอวิญญาณในฟ้าดินแห้งเหือด ทำให้คนธรรมดาส่วนใหญ่ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถก้าวสู่เส้นทางการฝึกปราณนอกจากนี้ความแตกต่างที่สุดของดินแดนรกร้างโบราณกับโลกชั้นล่างคือ มหามรรคแห่งฟ้าดินสมบูรณ์ไร้จุดบกพร่อง!ข้อดีนี้ยอดเยี่ยมมากเกินไปแล้วการฝึกปราณในโลกชั้นล่างที่มหามรรคบกพร่อง ท่องทำนองแห่งมรรคที่หยั่งถึงย่อมไม่สมบูรณ์ นี่จะส่งผลกระทบต่อการฝึกปราณของผู้ฝึกปราณ ทำให้พวกเขาไม่มีความหวังจะไต่สู่ระดับการฝึกปราณที่สูงยิ่งกว่าไปชั่วชีวิตแต่ถ้าฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ ก็จะไม่ประสบปัญหานี้‘ชิงเจ๋อนั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่เหตุผลที่เขาสามารถสยบเหล่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติของจักรวรรดิได้อย่างง่ายดาย คงไม่ได้อยู่ที่พลังที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่อยู่ที่เส้นทางฝึกปราณของเขาไม่เคยบกพร่อง!’‘ส่วนเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิแม้ระดับปราณอาจจะสูงกว่าเขา แต่มรรคาที่หยั่งรู้จากการฝึกปราณกลับบกพร่อง ทำให้พลังของพวกเขามีจุดที่ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้อานุภาพที่สำแดงออกมาตอนต่อสู้ สู้ผู้ฝึกปราณที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณอย่างชิงเจ๋อไม่ได้’‘โชดดีที่ตอนอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ข้าได้ซ่อมเสริมข้อบกพร่องของการฝึกปราณแล้ว ฝึกปราณทั้งสี่ระดับอย่างระดับกำลังภายใน จิตผสานวิญญาณ มหาสมุทรวิญญาณและหยั่งสัจจะใหม่รอบหนึ่ง มิฉะนั้นคงแพ้ผู้ฝึกปราณจากดินแดนรกร้างโบราณไปขั้นหนึ่ง…’ในใจหลินสวินพลันตระหนักได้หลายอย่างสวบ!ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้นหลินสวินลุกจากท่านั่งขัดสมาธิแล้วเก็บยานขนส่งอวกาศ‘ต้องรีบไปจากที่นี่ก่อน เมื่อครู่นี้เกิดเสียงดังมากเกินไป ยากจะรับประกันว่าจะไม่ดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตใกล้ๆ…’ผ่านการปรับพลัง หลินสวินก็ฟื้นคืนพลังปราณส่วนหนึ่งแล้ว จึงตัดสินใจออกจากที่นี่ก่อน‘พลังกดข่มฟ้าดินรุนแรงมาก!’เพียงแต่ทันทีที่หลินสวินเคลื่อนไหวก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ระหว่างที่ทะยานอยู่กลับรู้สึกเหมือนถูกมัดมือมัดเท้า ราวกับถูกสยบกดดันนี่ทำให้หลินสวินตกใจ มิน่าตอนที่ผู้ฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณปรากฏตัวในโลกชั้นล่าง พลังจึงแข็งแกร่งขึ้น เพราะพวกเขาไม่ถูก ‘จำกัด’ และ ‘กดข่ม’ อีกต่อไป สามารถปลดปล่อยพลังได้มากกว่าที่ผ่านมา สัมผัสถึงความรู้สึกที่ว่าสามารถกระทำได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครทันใดนั้นหลินสวินพลันหรี่ตา ในจิตรับรู้พลันสัมผัสได้ว่า ในจุดที่ห่างไปไกลโพ้นมีเงาร่างหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้อย่างลับๆ ล่อๆนั่นเป็นเด็กสาวอายุประมาณสิบกว่าปี สวมชุดกระโปรงเรียบๆ ผมยาวสีฟ้าอ่อนมัดเป็นมวยสองข้าง คิ้วโค้งงอ ตาโตดำสนิท ท่าทางดูบริสุทธิ์น่าเอ็นดู มีกลิ่นอายไร้เดียงสาอย่างหนึ่งเพียงแต่ตอนนี้ท่าทางของนางกลับดูลับๆ ล่อๆ เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง มือขาวเนียนถือทวนยาวสีเงินยวง“อา เจอแล้ว อยู่ตรงนั้น!”ไม่นานดวงตาสีดำของเด็กสาวพลันทอประกาย เห็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นไกลๆ ก็อดกำหมัดเล็กสีชมพูขึ้นมาไม่ได้“แฮะๆๆ เมื่อครู่นี้เสียงดังขนาดนั้น ต้องมีสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้นแน่ๆ ฮู้ว นี่อาจจะเป็นมหาศุภโชคของข้าซย่าเสี่ยวฉง!”เด็กสาวยังไม่ทันเข้ามาใกล้ก็พึมพำเอาเอง ท่าทางดูมุ่งมั่นและดีใจ มุมปากฉ่ำวาวมีน้ำลายไหลออกมาแล้ว เมื่อบวกกับท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสาน่ารักของนาง ก็เพิ่มความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาสามส่วน ดูน่าเอ็นดูนัก“อะแฮ่มๆ”หลินสวินกระแอมแห้งๆ สองทีพร้อมปรากฏตัว เขาเห็นแล้วว่าสาวน้อยคนนี้ไม่มีอันตราย“อ๊าก!”ซย่าเสี่ยวฉงเบิกตาโต ปากเล็กอ้าออกเล็กน้อย จ้องแขกไม่ได้รับเชิญที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวไม่วางตา ท่าทางเหมือนจะตาค้างไปแล้วจากนั้นนางถึงเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนอง ตะโกนว่า “อย่าฆ่าข้า ท่านเอาวาสนาไป ข้าไม่เอาแล้ว ลาก่อน!”พูดจบนางก็พุ่งหนีไปตามทางเดิมเหมือนกระต่ายน้อยที่ตระหนกตกใจหลินสวินอึ้งเล็กน้อย ลูบแก้มตัวเองตามโดยไม่รู้ตัว แอบพูดว่าเมื่อครู่นี้ตนไม่ได้แสดงตัวเป็นศัตรูเลยแท้ๆ ก็น่าตกใจขนาดนี้แล้วหรือ“นี่ อย่าวิ่งสิ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย”หลินสวินพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นมิตรที่สุดแล้วไล่ตามไป“อาจารย์ของข้าบอกว่าไม่ให้ข้าคุยกับคนแปลกหน้า ท่านอย่าเข้ามา ไม่อย่างนั้นข้าเอาจริงขึ้นมาก็ฆ่าคนได้เลยนะ!”ห่างออกไปซย่าเสี่ยวฉงกรีดร้อง นางเหมือนยิ่งตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก“ข้าบอกแล้วว่ามาดี เพียงแค่หลงทางอยากถามทางเจ้า”หลินสวินจนปัญญา“ท่านโตขนาดนี้แล้วยังหลงทาง ข้าไม่เชื่อหรอก ต้องหลอกข้าแน่ ท่านๆๆ… หยุดตามได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะโกรธจริงๆ แล้วนะ!”ซย่าเสี่ยวฉงหันกลับมา กัดฟันแสร้งทำท่าดุร้าย ทว่าท่าทางของนางใสซื่อเกินไป ทำเช่นนี้กลับเหมือนกำลังทำหน้าทะเล้น ไม่สามารถข่มขวัญได้เลยสักนิดโดยเฉพาะตอนที่เห็นว่าเงาร่างของหลินสวินใกล้เข้ามาแล้ว นางพลันตกใจจนร้องเสียงดังหันหลังหนีทันทีหลินสวินดูออกอย่างสิ้นเชิงแล้ว ว่านี่คือเด็กสาวที่ยังอ่อนต่อโลกคนหนึ่งสวบ!เงาร่างหลินสวินไหววูบ เข้าไปขวางซย่าเสี่ยวฉงแล้วพลันพูด “แม่นางน้อย ข้า…”ไม่รอให้เขาพูดจบก็เห็นซย่าเสี่ยวฉงชนเข้ามาราวกับหยุดร่างกายไม่ทัน หลินสวินยื่นมือข้างหนึ่งออกไปหยุดศีรษะของซย่าเสี่ยวฉงไว้ทันควัน มือซ้ายโอบตรงเอว แล้วค่อย ‘วาง’ นางไว้ตรงหน้าซย่าเสี่ยวฉงคล้ายมึนงงเล็กน้อย พูดซื่อๆ ออกมา “เหตุใดจู่ๆ ท่านจึงมาอยู่ข้างหน้าข้าเล่า”ทันใดนั้นนางน้ำตาคลอ มองหลินสวินอย่างน่าสงสารพร้อมเอ่ย “ขอร้องท่านล่ะ อย่าฆ่าข้าเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาฝึกข้างนอก หากตายไปอาจารย์ข้าต้องเสียใจมากแน่”หลินสวินกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกันและไม่รู้จักกันมาก่อน เหตุใดข้าต้องฆ่าเจ้า”“หา?”ซย่าเสี่ยวฉงอึ้ง เกาหัวแกรกๆ พลันพูด “ที่ท่านพูดเหมือนจะมีเหตุผลมาก”นางสวมชุดกระโปรงเรียบๆ ผมยาวสีฟ้าอ่อนม้วนมวยสองข้าง ท่าทางใสซื่อน่ามอง เพียงแต่เห็นได้ชัดว่านางเลอะเลือนเล็กน้อย เหมือนเด็กน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่รู้ความอย่างไรอย่างนั้น“เช่นนั้นท่านหลงทางจริงๆ หรือ”ซย่าเสี่ยวฉงมองหลินสวิน ดวงตาสีดำอ่อนเยาว์บริสุทธิ์ ท่าทางเหมือนแปลกใจอย่างมากเหตุผลที่ว่าหลงทางแม้แต่หลินสวินเองยังรู้สึกไม่เข้าท่า แต่เขาก็ยังพยักหน้าอย่างจริงจัง ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดินแดนที่ตนอยู่เลย จึงต้องการทำความเข้าใจทุกอย่างโดยเร็วที่สุด“เช่นนั้นมีอะไรที่ข้าช่วยท่านได้หรือ” ซย่าเสี่ยวฉงถาม เหมือนไม่ได้ระแวงและหวาดกลัวแล้ว ท่าทางดูห่วงใยมากนี่ทำให้หลินสวินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทำให้เด็กสาวไม่รู้ความคนหนึ่งมาปฏิบัติกับตนเหมือนสงสารคนเสียสติเช่นนี้ เป็นความรู้สึกที่แปลกมากจริงๆ“แน่นอนว่าเจ้าช่วยข้าได้”จากนั้นหลินสวินก็ถามคำถามที่สนใจที่สุด “ที่นี่คือที่ไหน”ซย่าเสี่ยวฉงกะพริบตาปริบ พูดเสียงกังวาน “ภูเขาโคม่วงไง ท่านไม่รู้หรือ แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ตนเพิ่งถามไปคำถามเดียว ยัยหนูนี่ก็ตอบเสียหลายประโยค นี่ทำให้หน้าผากหลินสวินปรากฏเส้นเลือดนูนขึ้นมา พูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าถาม เจ้าตอบก็พอ”ซย่าเสี่ยวฉงว่าง่ายมากจริงๆ พลันตอบรับทันที “ได้ ท่านถามเถอะ”“เมืองที่ใกล้ภูเขาโคม่วงที่สุดอยู่ที่ไหน”“ไม่รู้”“ไม่รู้หรือ”หลินสวินพูดไม่ออก เด็กสาวคนนี้เลอะเลือนเกินไปแล้วหรือเปล่า“ใช่ เพราะภูเขาโคม่วงกินพื้นที่หลายหมื่นลี้ ไม่มีเมือง แค่นี้ท่านก็ไม่รู้หรือ”คำพูดนี้ของซย่าเสี่ยวฉงทำให้หลินสวินอักอ่วนขึ้นมาทันที ใบหน้าแทบจะแขวนไว้ไม่อยู่ ที่แท้ไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนี้เลอะเลือน แต่เป็นเพราะตนถามคำถามที่เหมือนคนโง่“เฮ้อ ท่านน่าสงสารเกินไปแล้ว ไม่เพียงแค่หลงทาง ดูเหมือนว่าสมองก็มีปัญหาด้วย” ในดวงตาคู่โตใสของซย่าเสี่ยวฉงเต็มไปด้วยความสงสาร “ไม่งั้นท่านไปกับข้าเถอะ ข้าพาท่านไปหาอาจารย์ของข้า ให้อาจารย์ข้าดูอาการ”สมองมีปัญหา?ดูอาการ?หลินสวินค้นพบอย่างกะทันหันว่ายามที่ตนอยู่ต่อหน้ายัยหนูคนนี้ มักรู้สึกเหมือนอยากจะบ้า“ข้าถาม เจ้าตอบ!” หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เน้นเสียงให้หนักขึ้นซย่าเสี่ยวฉงขานรับว่าอ้อคำหนึ่ง ดวงตาเล็กใสบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความจริงใจ “เอาเถอะ ดูท่าท่านคงยังไม่ตายใจ ไม่ยอมรับว่าสมองตนมีปัญหา แต่ไม่เป็นไร ท่านน่าสงสารขนาดนี้แล้ว ข้าจะไม่หัวเราะเยาะท่านหรอก”“…”หลินสวินพูดอะไรไม่ออกจริงๆ แล้วหากผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิจื่อเย่ารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้กล้าที่ ‘อำนาจทั่วนครหลวง’ ในใจพวกเขา เพิ่งมาถึงดินแดนรกร้างโบราณก็ถูกเด็กสาวที่บริสุทธิ์น่าเอ็นดูและไร้เดียงสาเลอะเลือนคนหนึ่งบีบจนแทบจะพูดไม่ออก เสียการควบคุมและบ้าคลั่ง ก็ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรสุดท้ายหลินสวินยอมประนีประนอมแล้ว ตัดสินใจจะไปกับซย่าเสี่ยวฉงโดยไม่ถามอะไรอีก เพราะคำตอบของยัยหนูคนนี้มักจะ ‘ทำร้ายจิตใจ’ ขนาดนั้น“นี่ พวกเราไปกันเถอะ รอมุกควบรวมจิตในมือข้าสะสมพลังจิตวิญญาณเต็มก่อน ก็จะพาท่านไปพบอาจารย์ของข้าด้วยกัน!”เด็กสาวในชุดกระโปรงเรียบๆ นำทางอยู่ข้างหน้าด้วยฝีเท้าแผ่วเบา เส้นผมสีฟ้าอ่อนพลิ้วไปตามสายลมราวกับผีเสื้อตัวน้อยที่ไร้ความกังวล บริสุทธิ์ไร้เสียงสานี่ก็คือซย่าเสี่ยวฉงผู้ฝึกปราณคนแรกที่หลินสวินเจอหลังจากมาถึงดินแดนรกร้างโบราณ เด็กสาวใสซื่อที่เลอะเลือนไร้เดียงสา จิตใจบริสุทธิ์เมตตา——
คอมเม้นต์