Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 741 แม้คนจะจากไป ชื่อเสียงยังคงอยู่
วู้ม!ใจกลางค่ายหมายเลขเจ็ด ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่นิ่งสงบมานานถูกเปิดใช้ ปลดปล่อยคลื่นอันคลุมเครือหลินสวินแบกห่อสัมภาระ ยืนรออยู่ด้านหน้าเงียบๆ พร้อมกลุ่มผู้แข็งแกร่งแห่งจักรวรรดิจะจากไปแล้วนึกถึงทุกอย่างที่เจอตั้งแต่เข้ามาในสมรภูมิกระหายเลือดจนถึงตอนนี้ ในใจหลินสวินก็ไม่วายจะรู้สึกหดหู่ในอนาคตจะต้องกลับมาอีกแน่!……“คุณชายหลิน รักษาตัวด้วย!”ห่างออกไป ทหารหาญจักรวรรดิมากมายมาส่ง แต่ละคนต่างอาลัยอาวรณ์“ปฐมาจารย์หลิน ในอนาคตถ้ามีโอกาสต้องกลับมาเยี่ยมพวกเรานะ”กลุ่มนักสลักวิญญาณของกองยุทโธปกรณ์ นำโดยปรมาจารย์อิงก็มาส่งหลินสวิน“ฮ่าๆๆ อย่ากังวลว่าหนทางเบื้องหน้าไร้มิตรรู้ใจ ใต้หล้านี้จะมีผู้ใดมิรู้จักท่าน! น้องชายข้า รอเมื่อไหร่ที่ข้าเบื่อหน่ายชีวิตในสนามรบ จะกลับไปดื่มกับเจ้า!”หลูเหวินถิงหัวเราะเสียงดัง ดื่มเหล้าในกาคราหนึ่งแล้วยื่นให้หลินสวิน“บนเส้นทางการต่อสู้มหามรรคในภายภาคหน้า จะต้องมีที่ยืนสำหรับเจ้าอย่างแน่นอน หวังเพียงว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีก”เหยียนเฟิงที่ปกติเงียบขรึมพูดน้อยก็ส่งเสียงในเวลานี้ มองหลินสวินอย่างตั้งใจหลินสวินกวาดสายตาผ่านใบหน้าของทุกคน ในใจรู้สึกอบอุ่น คนเหล่านี้ล้วนเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา เคยเคียงบ่าเคียงไหล่สู้ศึกกันมา!ทว่าสุดท้ายตอนที่สายตาของหลินสวินมองไปยังจ่างซุนเลี่ยที่อยู่ในระยะไกล อีกฝ่ายกลับสีหน้าหงุดหงิด โบกมือปัดเหมือนไล่แมลงวันพร้อมพูดว่า “รีบไสหัวไปเถอะ อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้ข้าอีก ตั้งแต่เจ้าปรากฏตัว หัวข้าใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว”ทุกคนหัวเราะกันอย่างครื้นเครงทันทีหลินสวินเองก็ไม่วายกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้เปิดออกแล้ว ไม่สามารถยื้อเวลาได้อีกต่อไป ทรัพยากรเสริมจากจักรวรรดิและทหารที่ส่งมาใหม่ ล้วนต้องส่งผ่านช่องทางนี้“ลาก่อนทุกท่าน!”หลินสวินประสานหมัด คารวะไปรอบๆ จากนั้นก้าวเข้าไปภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยกันกับกลุ่มผู้ฝึกปราณที่จะกลับจักรวรรดิเช่นเดียวกับเขา“ลาก่อน!”ห่างออกไป ทุกคนประสานหมัดโดยพร้อมเพรียงจะจากกันแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันอีก หรือบางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้วทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนอัดอั้นตันใจอย่างมากเพราะเห็นความเป็นความตายและการจากลาในสมรภูมิกระหายเลือดมากเกินไป จึงยิ่งเข้าใจความหมายของการจากลา!แม้แต่จ่างซุนเลี่ยยังขยับริมฝีปากเล็กน้อย เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป สุดท้ายเขาเพียงโบกมืออย่างเงียบๆอาปี้ล่ะ?ชั่วขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายขับเคลื่อน สุดท้ายหลินสวินก็ไม่ได้เห็นอาปี้ จึงอดชะงักไม่ได้‘ก็จริง ด้วยนิสัยของนางย่อมไม่ยอมมาส่งแน่’ในเวลาเดียวกัน ภายในบ้านหินหลังหนึ่งในค่าย อาปี้นั่งอยู่คนเดียว นิ้วทั้งสิบประสานกัน หน้าอกขยับเคลื่อนอย่างไม่สงบ ดูเหมือนนั่งนอนไม่เป็นสุขอยู่บ้างนอกหน้าต่างเสียงอำลาดังขึ้นเป็นระลอกๆ ดังก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ในใจอาปี้ยิ่งลนลานและดิ้นรนจะไปพบเขาเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ฟันขาวของอาปี้กัดริมฝีปาก สุดท้ายก็สับเท้าแรงๆ ลุกขึ้นพุ่งออกจากห้องราวกับสายลมเพียงแต่ตอนที่นางพุ่งออกจากประตูห้อง ตรงบริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ว่างเปล่า ไม่มีเงาร่างนั้นแล้วไปแล้วหรืออาปี้สั่นเทาไปทั้งตัว ในใจรู้สึกหดหู่อย่างรุนแรง“เจ้าหน้ามน ต่อไป… จำไว้ว่าอย่าไปทำดีแบบนี้กับผู้หญิงอีกล่ะ พวกนางหวั่นไหวง่าย จะจำความดีของเจ้า อยากลืมเจ้าคงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว…”ครู่ใหญ่อาปี้จึงพึมพำ น้ำตาไหลรินอย่างเงียบงัน……วันนี้สมรภูมิกระหายเลือดได้เปิดเส้นทางสู่จักรวรรดิ ภายในค่ายทั้งแปดของจักรวรรดิ ล้วนกำลังดำเนินฉากบอกลากันในทำนองเดียวกันมีผู้คนหน้าใหม่ ทหารจักรวรรดิกลุ่มใหม่ถูกส่งไปยังสมรภูมิกระหายเลือดอย่างต่อเนื่องกลุ่มคนใหม่เข้ามาเปลี่ยนคนเก่า ประจำการในแนวหน้าของจักรวรรดิตลอดปี ศัตรูไม่ตาย สงครามก็ไม่หยุด!“พวกมือใหม่เห็นหรือยัง นี่คือกระดานอันดับเหรียญกล้าหาญ! สามารถมีชื่อด้านบนได้ ก็จะเป็นผู้มีชื่อเสียงในค่ายของเรา”“กระดานอันดับนี้หมายถึงเกียรติยศอันไร้เทียมทาน แต่พวกเขายิ่งควรจะเข้าใจว่า เบื้องหลังของทุกเกียรติยศ ล้วนมาพร้อมกับเลือดและน้ำตาที่ไม่รู้จบ!”ทหารอาวุโสคนหนึ่งนำผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิกลุ่มใหม่ชื่นชมกระดานอันดับเหรียญกล้าหาญในค่ายอยู่“หลินสือเอ้อร์เป็นใคร ถึงกับสามารถอยู่ในอันดับสามของอันดับเหรียญกล้าหาญได้ด้วยพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ? นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น กลุ่มคนใหม่ถูกดึงดูด จากนั้นต่างฮือฮา ยากจะเชื่อผู้ฝึกปราณหนึ่งร้อยอันดับแรกในกระดานเหรียญกล้าหาญ แทบจะเป็นบุคคลชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติทั้งหมดและผู้ฝึกปราณสิบอันดับแรก เก้าคนล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสราชันกึ่งระดับ มีเพียงชื่อ ‘หลินสือเอ้อร์’ ที่ดูผิดปกติและสะดุดตาเกินไปเพราะเขาเป็นผู้ฝึกปราณเพียงคนเดียวที่เบียดตัวเข้ามาอยู่ในสิบอันดับแรกด้วยพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ ทั้งยังถูกจัดอยู่ในอันดับที่สาม!มองสีหน้าตกใจของกลุ่มมือใหม่ ทหารอาวุโสก็หลุดขำออกมา ทหารใหม่เหล่านี้ช่างไม่เคยเปิดโลกจริงๆ เลยจากนั้นเขาพลันแค่นเสียงกระแอมคราหนึ่ง แล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า “จำไว้ว่า อย่าเอาสายตาของพวกเจ้าไปประเมินใต้เท้าหลินสือเอ้อร์ เขาแตกต่างจากผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะที่พวกเจ้ารู้จักอย่างสิ้นเชิง ถ้าจะพูดถึงตำนานของเขา พูดทั้งวันทั้งคืนก็พูดไม่จบ ข้าเพียงอยากบอกพวกเจ้าว่า…”เสียงของทหารอาวุโสทุ้มต่ำ แฝงความเคารพยำเกรงและคลั่งไคล้จากใจจริง ยิ่งมีความรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจร่วมด้วยทีแรกกลุ่มทหารใหม่กึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แต่ฟังถึงตอนท้ายก็ถูกดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ตื่นเต้นอย่างมาก ในหัวต่างมีภาพอันสะดุดตาของผู้กล้ารุ่นเยาว์คนหนึ่งปรากฏขึ้นมาโดยมิได้นัดหมายครู่ใหญ่ทหารอาวุโสจึงเปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ เล่าถึงตรงนี้ก่อน ต่อไปพวกเจ้ามีเวลาอีกมากในการทำความเข้าใจประวัติของใต้เท้าหลินสือเอ้อร์ ไปเถอะ ข้าพาพวกเจ้าไปกองยุทโธปกรณ์ อ้อจริงสิ ลืมบอกพวกเจ้าไป ใต้เท้าหลินสือเอ้อร์ยังเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งด้วย รู้สึกเหลือเชื่อมากใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอึ้งกันหมดเลย ช่างไม่เคยเปิดโลกเลยจริงๆ…”พลางพากลุ่มทหารใหม่เดินหน้า ทหารอาวุโสหัวเราะเสียงดังไปพลาง แน่นอนว่าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี เพราะครั้งแรกที่เขารู้เรื่องเหล่านี้ สีหน้าดูแย่กว่าทหารใหม่เหล่านี้ด้วยซ้ำ‘ทุกยุคสมัยในแผ่นดินล้วนมีอัจฉริยบุคคล ผลงานของพวกเขาถูกเล่าขานนับร้อยปี หลินสือเอ้อร์ ข้าจะต้องทุบสถิติที่เจ้าสร้าง และแทนที่เจ้าในกระดานอันดับเหรียญกล้าหาญให้ได้!’ในบรรดาทหารใหม่ มีเพียงเด็กหนุ่มที่รูปร่างผอมบางคนหนึ่งหันกลับมา สายตามองกระดานอันดับเหรียญกล้าหาญที่ห่างออกไปเรื่อยๆ สีหน้าแฝงความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเด็กหนุ่มนามว่าเย่ฝาน เป็นชื่อที่… ไม่เลวเลยในตำนานที่นักเล่าเรื่องมากมายในจักรวรรดิเล่ากัน ตัวเอกของเรื่องหลายคนก็ชื่อว่าเย่ฝาน………ค่ายทัพพ่อมดเถื่อนในวันนี้ก็มีทหารใหม่มากมายมาเสริมทัพเช่นเดียวกับค่ายจักรวรรดิ“ใต้เท้า หลินสือเอ้อร์คนนี้เป็นใคร ถึงกับอยู่ในอันดับสามของหมายจับกระดานโลหิต เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น ประเมินเขาสูงเกินไปหรือเปล่า”“เหลวไหล! หลินสือเอ้อร์นั่นนับเป็นตัวอะไร ควรค่าแก่การถูกเผ่าพ่อมดเถื่อนของเราให้ความสำคัญและระวังขนาดนี้เชียวหรือ”ตอนที่เห็นชื่อบนหมายจับกระดานโลหิต กลุ่มทหารใหม่ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที ต่างแสดงความขุ่นเคืองและดูถูกผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่นำกลุ่มทหารใหม่สีหน้าดูย่ำแย่ขึ้นมาทันที อึมครึมไม่นิ่ง ครู่หนึ่งจึงขบเคี้ยวเขี้ยวฟันคำราม “หุบปากให้หมด!”กลุ่มทหารใหม่เงียบกริบผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนนั้นชี้ชื่อของหลินสือเอ้อร์บนหมายจับกระดานโลหิต แล้วพูดออกมาทีละคำ “พวกเจ้าต้องจำชื่อนี้เอาไว้! เขานำพาความอับอายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมาให้เผ่าพ่อมดเถื่อนของเรา เป็นศัตรูคนหนึ่งที่เราต้องกำจัด!”กลุ่มทหารใหม่พลันตระหนักได้ว่า เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ชื่อหลินสือเอ้อร์คนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!สุดท้ายผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนนั้นก็ไม่ได้อธิบายเรื่องที่หลินสวินเคยทำ เพราะมันน่าอับอายและเหลือเชื่อเกินไป จะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารใหม่เหล่านี้อย่างรุนแรง“ต่อไปพวกเจ้าก็จะเข้าใจความหมายของชื่อนี้เอง” สุดท้ายผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนนั้นถอนหายใจ หมุนตัวออกไปหลินสือเอ้อร์ เด็กหนุ่มที่เป็นเหมือนเทพมาร ว่ากันว่าจะจากไปวันนี้แล้ว แต่ผลกระทบอย่างร้ายแรงที่เขานำพามาสู่ค่ายทัพพ่อมดเถื่อนย่อมไม่สามารถลบล้างได้ภายในเวลาอันสั้น…ความจริงก็เป็นเช่นนี้ แม้หลินสวินจะสู้รบในสมรภูมิกระหายเลือดเพียงครึ่งปีเท่านั้น แต่ในครึ่งปีนี้เขากลับผงาดขึ้นอย่างแข็งกร้าวราวกับดาวหางดวงหนึ่ง กลายเป็นดาวเด่นที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งสมรภูมิกระหายเลือด ส่องสว่างไปไกลหมื่นจั้ง!เรื่องที่เกิดขึ้นบนตัวเขาเหมือนปาฏิหาริย์ เต็มไปด้วยตำนานมหัศจรรย์ อยากจะลบล้างพลังอิทธิพลที่เขาหลงเหลือเอาไว้ ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆทว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับหลินสวินในตอนนี้แล้ว……เมืองมหัตหลวง จักรวรรดิในฐานะที่เป็นหนึ่งในเมืองที่โอบล้อมพิทักษ์นครต้องห้าม เมืองมหัตหลวงมีกองทัพที่โดดเด่นที่สุดของจักรวรรดิประจำการอยู่ตลอดทั้งปี โดยมีกรมทหารแห่งจักรวรรดิกำกับและควบคุมโดยตรงพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองมหัตหลวง มีค่ายทหารที่ครอบคลุมพื้นที่ถึงพันหมู่ตั้งอยู่วันนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายสู่สมรภูมิกระหายเลือดทั้งหมดถูกเปิดออกพร้อมเสียงคำรามสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงบริเวณค่ายกลเคลื่อนย้าย เหล่าแม่ทัพยืนอย่างเคร่งขรึม พวกเขาแต่ละคนน่าเกรงขามราวกับมหาสมุทร ทำให้บรรยากาศที่เงียบอยู่แล้ว ยิ่งมีความจริงจังที่พาให้หวาดหวั่นเพิ่มเข้ามาวู้ม!ค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดออกอย่างเต็มที่ พร้อมกับเสียงคำรามอันคลุมเครือ เงาร่างผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิมากมายเดินตามกันออกจากค่ายกลทุกคนในที่นั้นฮือฮาขึ้นมาทันทีเหล่าแม่ทัพจักรวรรดิต่างลอบถอนหายใจ ช่องทางเปิดออกอย่างเต็มที่ มีทหารของจักรวรรดิกลับจากสนามรบอย่างปลอดภัย นี่หมายความว่าสถานการณ์ในสมรภูมิกระหายเลือดถือว่าไม่เลวอย่างไม่ต้องสงสัยหลินสวินเองก็อยู่ในนั้น เมื่อเดินออกจากค่ายกลเคลื่อนย้าย มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าเหนือศีรษะ ก้อนเมฆสีขาวสะอาด สูดพลังวิญญาณบางๆ ที่แทรกตัวอยู่ในอากาศ ในใจหลินสวินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งในสมรภูมิกระหายเลือด พลังวิญญาณแห้งเหือด รกร้างและไร้ซึ่งพลังชีวิต เต็มไปด้วยกลิ่นอายมืดมน การเข่นฆ่าและอันตรายทุกแห่งหนตอนนี้ได้หวนกลับสู่จักรวรรดิ กลับสู่ฟ้าดินที่คุ้นเคยผืนนี้ ไม่ว่าใครก็อดทอดถอนใจไม่ได้กลับมาแล้ว!หลินสวินถอนหายใจยาว ในใจเกิดแรงกระตุ้นอย่างแรงกล้า เขาอยากกลับบ้าน กลับภูเขาชำระจิตแม้จะจากไปแค่ครึ่งปี แต่ราวกับผ่านช่วงเวลาที่ยาวนาน และในครึ่งปีนี้ ญาติมิตรบนภูเขาชำระจิตสบายดีหรือไม่ห่างออกไป ร่างที่คุ้นเคยก้าวเท้ายาวมา ตัวคนยังมาไม่ถึงก็หัวเราะลั่นออกมาแล้ว “ขอต้อนรับกลับมา!”……………….
คอมเม้นต์