Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 683 สมรภูมิกระหายเลือด เขามาแล้ว
“เตรียมการเสร็จหมดแล้วหรือ” ระหว่างทางจ้าวไท่ไหลถามหลินสวินพยักหน้า เขาจากมาครั้งนี้ สมบัติในตัวมีเพียงสองชิ้น คือธนูคันหนึ่งและดาบหักอีกด้าม นอกจากนี้ยังมีห่อสัมภาระใบหนึ่งในห่อสัมภาระบรรจุผลึกวิญญาณระดับสูงมากมาย และโอสถวิญญาณล้ำค่าที่จำเป็นต่อการรักษาเยียวยานอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอีกสมบัติมีค่าอย่างเจดีย์สมบัติไร้อักษร แหวนประสานมายา น้ำเต้าหลอมวิญญาณที่มีเลือดสีม่วงหยดหนึ่ง รวมทั้งพวกวัตถุดิบวิญญาณมีค่าที่ได้มา ล้วนถูกเก็บไว้ที่ภูเขาชำระจิตเพราะตามที่จ้าวไท่ไหลบอก สมรภูมิกระหายเลือดตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษมาก สมบัติประเภทเอาไว้เก็บของจะไม่สามารถใช้ได้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กลางฟ้าดินสมรภูมิกระหายเลือดไม่มีพลังวิญญาณ!“สมรภูมิกระหายเลือด เป็นแนวหน้าของสงครามการเข่นฆ่าระหว่างจักรวรรดิและเผ่าพ่อมดเถื่อน ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นสิ่งกีดขวางสงครามที่ทำให้จักรวรรดิสามารถตั้งอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ปกป้องจักรวรรดิมาหลายพันปี…”จ้าวไท่ไหลแนะนำสั้นๆ ได้ใจความ“หลายพันปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่นส่วนใหญ่ในค่ายกระหายเลือด ล้วนถูกส่งมาประจำการและต่อสู้ที่สมรภูมิกระหายเลือด”“นอกจากนี้ กองทัพที่โดดเด่นที่สุดของจักรวรรดิ รวมทั้งผู้แข็งแกร่งมากมาย ต่างก็ประจำการอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี”“นั่นคือโลกที่สั่นไหว นองเลือด มืดมนและเต็มไปด้วยการเข่นฆ่า หลายพันปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิถูกฝังอยู่ที่นี่ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”“เรียกได้ว่าความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขของจักรวรรดิวันนี้ ล้วนแลกมาด้วยชีวิตและเลือดของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้!”“เพียงแต่… น้อยคนมากที่จะรู้ก็เท่านั้น”หลินสวินเงียบฟัง อดสะเทือนใจไม่ได้ พอจะเริ่มมองเห็นภาพของสมรภูมิกระหายเลือดในเบื้องต้นแล้ว“คำพูดไม่อาจบรรยายความโหดร้ายของสมรภูมิกระหายเลือดได้ หลังจากไปถึงที่นั่นเจ้าจะเข้าใจเอง”“ข้าเพียงอยากให้เจ้าจำไว้ว่า การมีชีวิตรอดก็เท่ากับชัยชนะ! และเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าอย่างไรอย่ามีความคิดว่าจะโชคดีเด็ดขาด!”“นี่คือสงครามระหว่างจักรวรรดิและเผ่าพ่อมดเถื่อน ดำเนินมานานหลายพันปี ความแค้นที่สร้างขึ้นด้วยเลือดและกระดูกไม่มีที่สิ้นสุด มีเพียงการเข่นฆ่าเท่านั้นที่จะสามารถคลี่คลายได้!”“จักรพรรดิผู้สถาปนาจักรวรรดิเคยกล่าวไว้ว่า ในสมรภูมิกระหายเลือด ความเมตตาเพียงเสี้ยวเดียวของเจ้า บางทีอาจจะทำให้จักรวรรดิสูญเสียอาณาเขตฝั่งหนึ่ง!”“จำไว้ว่าต้องรอด!”พูดถึงตรงนี้จ้าวไท่ไหลพลันยื่นหนังสือคู่มือหนังสัตว์เล่มหนึ่งให้หลินสวิน “ในนี้เขียนแนะนำเกี่ยวกับสมรภูมิกระหายเลือดไว้ หลังจากไปถึงค่ายสนามรบ ก็จะมีคนมอบหมายภารกิจให้เจ้าเช่นกัน”หลินสวินรับคู่มือไป แต่ไม่ได้เปิดดูในทันที ถามว่า “คราวนี้ต้องไปนานเท่าไหร่”“อย่างน้อยสามเดือน อย่างมากครึ่งปี”จ้าวไท่ไหลพึมพำ “ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจอยากไปดินแดนรกร้างโบราณ หลังจากเจ้ากลับมาคราวนี้ ข้าจะหาช่องทางให้เจ้าไป”“เจ้ายังไม่หายสงสัยว่าเหตุใดข้าจึงเลือกเจ้าใช่หรือไม่” จู่ๆ จ้าวไท่ไหลก็ถามขึ้นหลินสวินพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา“ง่ายมาก นี่เป็นการจัดการของจักรพรรดิ เพียงแค่เจ้าสร้างความดีความชอบทางการทหารที่นี่ จักรวรรดิก็จะสามารถให้การคุ้มครองตระกูลหลินของเจ้าในทุกๆ ด้านได้อย่างถูกต้อง”จ้าวไท่ไหลสีหน้าจริงจัง “ในอนาคตเจ้าจะไปยังดินแดนรกร้างโบราณ หากภูเขาชำระจิตอยากจะอยู่รอดได้ในระยะยาว ก็จำเป็นต้องมีความคุ้มครองจากจักรวรรดิ หลังจากเจ้าจากไป เจ้าก็คงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับตระกูลหลินอีกกระมัง”หลินสวินหรี่ตาลงกล่าง “เหตุผลนี้ไม่เลว”จ้าวไท่ไหลยิ้มมุมปาก “ที่เจ้าเข้าใจยังไม่ลึกซึ้งพอ ความหมายของข้าคือ หากวันหนึ่งแม้อวิ๋นชิ่งไป๋มาเยือนจักรวรรดิ จะเล่นงานตระกูลหลินของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น!”ทันใดนั้นหลินสวินหัวใจสั่นไหว มองตรงไปที่จ้าวไท่ไหล“นี่คือคำมั่นสัญญาของจักรพรรดิต่อเจ้า!” จ้าวไท่ไหลพูด“ได้!”หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ติดใจอะไรอีกต่อไป……เมื่อเดินลงจากเกี้ยวสมบัติ โถงโบราณที่ไม่คุ้นเคยสะท้อนอยู่ในดวงตาเหนือโถงมีป้ายหนึ่งแขวนอยู่… ‘โถงกระหายเลือด’!ภายในโถงมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่แผ่กลิ่นอายโบราณตั้งอยู่หลินสวินตะลึงไปทันที เดินเข้าไปจ้องค่ายกลเคลื่อนย้ายนั่นอย่างละเอียด พักใหญ่จึงพูดว่า “สืบทอดมาตั้งแต่บรรพกาลหรือ”“ตาถึงจริงๆ!” จ้าวไท่ไหลชื่นชม “สมกับที่เป็นเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่อายุน้อยที่สุดในจักรวรรดิ”หลินสวินอดกลอกตาไม่ได้ “ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีเพียงอริยะที่ควบคุมปริศนาแห่งห้วงอากาศว่างเปล่า จึงจะสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ข้ามผ่านความว่างเปล่าได้ จักรวรรดิในตอนนี้น่ากลัวว่าแม้แต่อริยะยังไม่มี บวกกับพลังของค่ายกลนี้ก็เก่าแก่ เกรงว่าใครๆ ก็สามารถดูออกได้”สายตาของจ้าวไท่ไหลดูแปลกประหลาดเล็กน้อย “ใครบอกว่าในจักรวรรดิไม่มีอริยะ”หลินสวินอึ้ง “มีหรือ”จ้าวไท่ไหลส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่เจ้าจะปฏิเสธโดยไม่รู้จริงไม่ได้”ในขณะที่พูดเขาก็โบกมืออย่างเหลืออด “รีบลงมือเถอะ เข้าไปในสมรภูมิกระหายเลือดก่อนพระอาทิตย์ตกจะปลอดภัยกว่า หากเข้าไปยามวิกาล เจ้าต้องประสบภัยอันตรายแน่!”หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งค่อยพูดว่า “ผู้อาวุโส ข้าไม่อยากให้ช่วงที่ข้าจากไปนี้ เกิดเรื่องเหมือนอย่างช่วงก่อนหน้านี้อีกแล้ว”เขาพูดถึงตอนที่ตนกลับมาจากทะเลกลืนวิญญาณ แล้วพบว่าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตประสบวิกฤติคำตอบของจ้าวไท่ไหลดุดันมาก “ไม่ต้องเป็นห่วง หากภูเขาชำระจิตเดือดร้อนแม้แต่น้อย ข้าจะไปเคาะประตูตระกูลจั่วและตระกูลฉินด้วยตัวเอง”หลินสวินอึ้ง ก่อนหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ คำตอบที่ไม่ตรงคำถามนี้ทำให้เขาชอบใจมากหลินสวินถึงขั้นสามารถจินตนาการได้ว่า ต่อให้บางเรื่องที่เกิดขึ้นบนภูเขาชำระจิตจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลจั่วและตระกูลฉิน ทั้งสองตระกูลก็จำต้องยอมรับวู้ม!หลินสวินแบกดาบหิ้วคันธนูอย่างไม่ลังเล หยิบห่อสัมภาระก้าวขึ้นไปบนค่ายกลเคลื่อนย้าย จากนั้นเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้องครู่หนึ่ง“เจ้าหนู ต้องเล่นใหญ่หน่อยนะ มิเช่นนั้นค่าอาหารของตาเฒ่าโดดเดี่ยวแห่งเรือนโอบดารานิทราบุหลันคงไม่สามารถคืนได้ง่ายๆ…”จ้าวไท่ไหลพึมพำ หลังจากนั้นเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว……ส่วนลึกของพระราชวังชายชุดขาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังตวัดมือเขียนอักษร หลังไหล่ตั้งตรง สง่าผ่าเผย ดูยิ่งใหญ่อย่างบอกไม่ถูกบุคลิกแห่งหงส์มังกรก็เป็นเช่นนี้!“ส่งตัวไปแล้วหรือ”ชายชุดขาวถามโดยไม่เงยมองภายในตำหนัก จ้าวไท่ไหลเดินเข้าไปช้าๆ แล้วพยักหน้าพูด “เพิ่งไป คงจะถึงค่ายก่อนพระอาทิตย์ตก”ชายชุดขาวขานรับว่าอ้อคำหนึ่ง แล้วหยิบภาพอักษรที่เขียนเสร็จขึ้นมา “เจ้าว่าคำนี้เป็นอย่างไร”จ้าวไท่ไหลมองดู เห็นเพียงว่าบนกระดาษเซวียนจื่อ[1]ที่มีลายเมฆและดอกจื่อเย่าเป็นพื้นหลัง เขียนอักษรตัวใหญ่ไว้บรรทัดหนึ่ง…เสียงจากหงส์ดรุณชัดเจนกว่าหงส์เฒ่า!อักษรแต่ละตัวแข็งแกร่งงดงามดุจดั่งมังกร แรงกดทะลุหลังกระดาษ ดูทรงพลังราวกับจะโผบินออกจากกระดาษ ตั้งตระหง่านราวภูผาธารา สั่นสะเทือนใจคน“ยอดเยี่ยม!”จ้าวไท่ไหลตาเป็นประกาย ด้วยสายตาของเขาย่อมสามารถดูออกว่า ในภาพอักษรนี้ได้ประทับตราจักรพรรดิประจำตัวของชายชุดขาวเอาไว้!ปึง!ชายชุดขาวหยิบตราหยกสีทองม่วงขนาดใหญ่ออกมาประทับที่มุมของภาพอักษร จากนั้นส่งให้จ้าวไท่ไหลพร้อมเอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าเอาไปส่งให้ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต”จ้าวไท่ไหลถอนหายใจ “คราวนี้เจ้าหนูนั่นจะได้วางใจได้จริงๆ สักที”ชายชุดขาวยิ้มทันที “ดูท่าก่อนหน้านี้เขาจะยังไม่สามารถเชื่อคำมั่นที่จักรวรรดิมีต่อเขาได้อย่างหมดใจ นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้โตในจักรวรรดิ ด้วยนิสัยของลู่ป๋อหยา ย่อมไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับจักรวรรดิให้เขาฟังอย่างแน่นอน”จนกระทั่งก่อนจากไป จ้าวไท่ไหลอดถามไม่ได้ “เสด็จพี่ ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเหตุใดต้องยืนกรานส่งเขาไปยังสมรภูมิกระหายเลือด”ชายชุดขาวแววตาราวกับมหาสมุทรลึกที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทอดมองออกไปยังท้องฟ้านอกตำหนักแล้วถอนหายใจกล่าว “หลายพันปีมานี้ อาณาเขตของจักรวรรดิเราถูกเผ่าพ่อมดเถื่อนทำลายให้เสียหายมาโดยตลอด ในทุกๆ ปีผู้ชายในจักรวรรดินับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิตในสนามรบ เสียสละและสูญเสียมามากเกินไป กว่าจะแลกมาซึ่งความสงบสุขอย่างทุกวันนี้”หยุดไปครู่ เขาก็พูดออกมาทีละคำว่า “ข้าอยากเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เช่นนี้ให้หมดจด! นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าให้หลินสวินไปสมรภูมิกระหายเลือด!”จ้าวไท่ไหลหัวใจสั่นสะท้าน “เสด็จพี่หมายความว่า หลินสวินมีความสามารถมากพอจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เช่นนี้ได้งั้นหรือ”ชายชุดขาวส่ายหน้า “เป็นเพียงความหวังเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรการมีความหวังย่อมดีกว่าไม่มี”ตอนที่จ้าวไท่ไหลออกจากพระราชวัง อารมณ์ก็ยังคงไม่สามารถสงบลงได้ และใคร่ครวญเรื่องหนึ่งตลอดทาง…เสด็จพี่ทำเช่นนี้ เป็นการประเมินหลินสวินสูงเกินไปหรือไม่สถานการณ์ที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดหลายพันปี เขาคนเดียว… จะเปลี่ยนได้หรือจ้าวไท่ไหลคิดคำตอบไม่ออก……ณ ภูเขาชำระจิต“เสียงจากหงส์ดรุณชัดเจนกว่าหงส์เฒ่า!”ตอนที่เห็นภาพอักษรที่ถูกส่งมาจากส่วนลึกของพระราชวัง พญาแร้งก็ยิ้มแล้ว ส่วนหลินจงนั้นตื่นเต้นจนไม่สามารถสงบได้เขาจำลายมือนี้ได้ เพราะในอดีตเขาเองก็เคยได้รับภาพอักษรเช่นนี้ เพียงแต่เนื้อหามีเพียงสี่ตัว ‘ทั่นฮวาม้าขาว’“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ภูเขาชำระจิตไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” พญาแร้งเอ่ยพลางถอนหายใจพวกเสี่ยวเคอ จูเหล่าซาน ราชันอินทรีแดง หลินไหวหย่วนเองก็รู้สึกทอดถอนใจ ที่ตระกูลหลินมีวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะหลินสวิน!“เสี่ยวเคอ จำไว้ว่าต้องดูแลซย่าจื้อให้ดี”จู่ๆ พญาแร้งก็กำชับเสี่ยวเคอพยักหน้ายิ้มพูด “วางใจเถิด ซย่าจื้อเป็นเลือดในอกของหลินสวิน ครั้งนี้ไม่ได้บอกลาซยาจื้อด้วยตัวเอง ก่อนไปหลินสวินยังคงพะวงไม่น้อยเลย”ทุกคนต่างเงียบซยาจื้อ เด็กผู้หญิงที่ลึกลับและเหลือเชื่อคนหนึ่ง ตอนนี้ยังคงหลับใหลอยู่ และไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษร เจ้าคางคกเองก็กำลังนั่งขัดสมาธิปิดด่าน……ปึง!เมื่อเท้าถึงพื้น ฝุ่นควันพวยพุ่งออกมาระลอกหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกผสมกับกลิ่นเหม็นของซากศพหลินสวินสะพายดาบหักไว้ข้างหลัง แขวนธนูวิญญาณไร้แก่นสารไว้ข้างเอว หิ้วห่อสัมภาระปรากฏตัวในโลกที่ไม่คุ้นเคยเขาเงยหน้าขึ้นมองโดยรอบ เห็นว่าฟ้าดินมืดครึ้ม พื้นที่โล่งกว้างใหญ่ไพศาล ภูเขาสลับทับซ้อน มองไปทางไหนแทบไม่มีพืชพรรณ แห้งแล้งและมืดมิดบนพื้นดิน ซากศพที่เน่าเสียและแตกสลายถูกฝังอยู่ท่ามกลางฝุ่นควันและกรวดหิน ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าที่ไม่จางหายไปฟ้าดินของที่นี่ มืดครึ้ม เงียบเหงา และเต็มไปด้วยสีเทาที่พาให้ใจหดหู่ฮู่ว…หลินสวินคายอากาศเสียออกมา เขาตระหนักได้ทันทีว่าฟ้าดินตรงนี้ไม่มีพลังชีวิตเลยสักนิด เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอความตายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีพลังวิญญาณ!“สมรภูมิกระหายเลือด… ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะโหดร้ายและนองเลือดเพียงใด!”ร่างกายหลินสวินไหววูบราวกับชือน้ำแข็งที่ท่องทะยาน เคลื่อนจากหน้าผาที่ยืนอยู่ตอนนี้ไปทางทิศที่อยู่ตรงข้ามกับตะวันตกอย่างรวดเร็ว‘ทิศตรงข้ามกับตะวันตก ที่ดวงอาทิตย์ทะยานฟ้า ก็คือค่ายของจักรวรรดิ’นี่คือประโยคแรกในตำราคู่มือหนังสัตว์ที่จ้าวไท่ไหลให้หลินสวินมาส่วนประโยคที่สองคือ…‘ท้องฟ้าคือพื้นที่ต้องห้าม หากทะยานตัวขึ้นไป จะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน!’เพราะฉะนั้นหลินสวินจึงเลือกจะเดินทางบนพื้นดิน——[1] กระดาษเซวียนจื่อเป็นกระดาษคุณภาพสูง เนื้อกระดาษนิ่มเหนียวไม่ขาดง่ายดูดซึมหมึกสม่ำเสมอ
คอมเม้นต์