Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 682 ต้นสายปลายเหตุ
“เมื่อสิบกว่าปีก่อน อวิ๋นชิ่งไป๋มาเยือนโลกชั้นล่างเพียงลำพัง เพราะได้ยินว่าในโลกชั้นล่าง มีเด็กทารกคนหนึ่งถือกำเนิด”“ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างทารกคนนี้กับทารกคนอื่นๆ คือ เขาเกิดมาพร้อมกับชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดที่สามารถจัดอยู่ในคุณลักษณะพรสวรรค์ชั้นหนึ่งได้”“เจ้าก็คงเดาออกว่า ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดนี้เรียกว่าหุบเหวกลืนกิน!”เกี้ยวสมบัติคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนออกจากสำนักศึกษามฤคมรกต บนเกี้ยวสมบัติเสียงของจ้าวไท่ไหลทุ้มต่ำและราบเรียบ เล่าถึงเรื่องในอดีตข้างๆ กันนั้นมีหลินสวินเงียบฟังอยู่“การต่อสู้มหามรรคเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่าเรื่องใดในโลก โดยเฉพาะกับผู้ฝึกปราณ เพื่อความสำเร็จที่สูงกว่าบนเส้นทางมหามรรค แทบจะไม่มีอะไรที่พวกเขาทำไม่ได้”“แต่เดิมอวิ๋นชิ่งไป๋ก็เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานอยู่แล้ว พรสวรรค์ ความสามารถ สติปัญญาและคุณสมบัติของเขาล้วนอยู่ในระดับสูงสุด บุคคลระดับเขาแม้แต่ในยุคบรรพกาลก็เรียกได้ว่าหายากมาก สามารถเรียกได้ว่าโดดเด่นเหนือผู้คน ไม่เป็นสองรองใคร”“เพียงแต่เมื่อเทียบกับบุตรเทพและร่างวิญญาณที่ถือกำเนิดตามชะตาฟ้าดิน รวมถึงบรรดาเทวบุตรที่มีที่มาน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เขากลับด้อยกว่าเล็กน้อย”“ตอนแรกนี่ยังไม่ถือเป็นปัญหาอะไร แต่อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นคนที่แสวงหามหามรรคที่สมบูรณ์อย่างที่สุด เขาไม่สามารถทนให้ตัวเองมีจุดบกพร่องแม้แต่เสี้ยวเดียว ดังนั้น…”หลินสวินที่เงียบมาโดยตลอดพูดขึ้น “ดังนั้นจึงเพ่งเล็งมาที่ข้า”จ้าวไท่ไหลจ้องหลินสวินครู่หนึ่ง พบว่าอารมณ์และสีหน้าของอีกฝ่ายไร้คลื่นลม จึงค่อยพูดว่า “ไม่ผิด”“หุบเหวกลืนกิน เป็นคุณลักษณะพรสวรรค์ที่ลึกลับและน่ากลัวมาตั้งแต่บรรพกาล น้อยมากที่มันจะปรากฏ บันทึกและคำอธิบายเกี่ยวกับมันก็มีน้อยมาก แต่ในตำนาน พรสวรรค์เช่นนี้แม้แต่เหล่าเทวบุตรและบุตรเทพแต่กำเนิดก็ล้วนอิจฉา!”จ้าวไท่ไหลสีหน้าแฝงความซับซ้อน “สำหรับอวิ๋นชิ่งไป๋ หากสามารถช่วงชิงพรสวรรค์ระดับนี้ไปเป็นของเขาได้ ก็สามารถชดเชยจุดบกพร่องเสี้ยวสุดท้ายในตัวเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นมรรคาที่สมบูรณ์แบบขั้นสุดตั้งแต่ที่เคยมีมา”ดวงตาดำขลับของหลินสวินเย็นชา สีหน้านิ่งสงบจนน่ากลัว กล่าวว่า “เพราะฉะนั้น เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาก็สามารถช่วงชิงพรสวรรค์ของคนอื่นมาเป็นของตนได้งั้นหรือ”จ้าวไท่ไหลยิ้มเศร้า “นี่ก็คือความน่ากลัวของการต่อสู้มหามรรค ในสถานการณ์ที่ไม่มีความแค้นต่อกัน ด้วยเหตุผลบางอย่างก็อาจจะนำพาหายนะที่คาดไม่ถึงมาได้ ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะพรสวรรค์ที่เจ้ามีมาตั้งแต่เกิดพลิกฟ้าและหายากเกินไป”หลินสวินใบหน้าไร้อารมณ์ “ผู้อาวุโส ท่านผิดแล้ว สาเหตุไม่ได้อยู่ที่ว่าข้ามีพรสวรรค์ที่ร้ายกาจเพียงใด แต่เป็นเพราะอวิ๋นชิ่งไป๋นั่น! คนคนนี้ทำร้ายข้า ถึงขั้นฆ่าคนตระกูลหลินสายตรงของข้าเพื่อมหามรรคที่สมบูรณ์แบบ คนสารเลวแบบนี้ ต่อให้ขึ้นสู่ระดับสูงสุดแห่งมหามรรค ก็เป็นเพียงแค่คนต่ำช้าคนหนึ่งเท่านั้น”เขาหยุดไปครู่ค่อยพูดด้วยใบหน้าที่เผยความเยียบเย็น “สักวัน ข้าจะทำให้เจ้าคนต่ำช้าคนนั้นชดใช้อย่างไม่อาจต้านทานได้!”เพลิงโกรธและความชิงชังในใจเขากำลังจะสกัดกั้นไม่อยู่แล้วเขาเพิ่งรู้ว่า ที่แท้การตายของบิดามารดาและญาติๆ ล้วนมีสาเหตุมาจากตน ทำให้เขายิ่งคับแค้นอวิ๋นชิ่งไป๋!เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กลับทำเรื่องที่ต่ำช้าและคาวเลือดเช่นนี้ คนแบบนี้ต่อให้โดนพันมีดหมื่นแล่ ทำลายกระดูกบดขยี้เถ้าถ่านก็ยังถือว่าน้อยไป“หลินสวิน…”จ้าวไท่ไหลสีหน้าจริงจัง “เจ้าอย่าให้อารมณ์เป็นใหญ่เด็ดขาด การกระทำของอวิ๋นชิ่งไป๋อาจจะต่ำทราม แต่เขาในตอนนี้ เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลซึ่งโดดเด่นที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณไปแล้ว เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ต่ำกว่าราชันระดับสังสารวัฏลงไปไม่มีใครสู้ได้ อีกทั้งเบื้องหลังยังมีสำนักกระบี่เทียมฟ้า…”ไม่รอให้พูดจบ ก็ถูกหลินสวินตัดบทเสียก่อน “ผู้อาวุโสวางใจได้ ข้ารอมานานเพียงนี้แล้ว ก็จะไม่รีบร้อนหรอก จริงสิ พูดถึงเรื่องขององค์ชายเก้าให้ฟังหน่อยเถิด”หลินสวินเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกจ้าวไท่ไหลเองก็รู้ แม้ตอนนี้หลินสวินจะดูสงบนิ่ง แต่ในใจคงกำลังสกัดกั้นความชิงชังและเพลิงโกรธที่สลักลึก“องค์ชายเก้า…”จ้าวไท่ไหลยิ้มเยาะตรงมุมปาก “ก็แค่คนน่าสงสารที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือก็เท่านั้น”จากนั้นจ้าวไท่ไหลก็เล่าถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่แท้มารดาขององค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจินก็คือกุ้ยเฟย[1]คนหนึ่งข้างกายจักรพรรดิ นามว่าเหมิงหรง ชาติกำเนิดของเหมิงหรงคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เป็นถึงบุตรสาวของผู้อาวุโสคนหนึ่งในสำนักกระบี่เทียมฟ้าตอนนั้นที่อวิ๋นชิ่งไป๋รู้เรื่องที่ตระกูลหลินให้กำเนิดทารกซึ่งมีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน ก็เพราะกุ้ยเฟยคนนี้แจ้งเบาะแสกว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะรู้เรื่องก็ช้าไปก้าวหนึ่ง อยากจะแก้ไขก็สายไปเสียแล้วเพราะเรื่องนี้ทำให้จักรพรรดิพิโรธอย่างมาก จึงปลดฐานันดรศักดิ์กุ้ยเฟยผู้นี้ ด้วยเหตุผลว่าแอบติดต่อกับบุคคลภายนอก ทำลายขุนนางผู้ซื่อสัตย์ของจักรวรรดิทว่าด้วยอิทธิพลของสำนักกระบี่เทียมฟ้า จักรพรรดิจึงทำได้แค่นี้ สุดท้ายเหมิงหรงถูกบิดา ซึ่งก็คือผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้า พาออกจากจักรวรรดิไปยังดินแดนรกร้างโบราณส่วนองค์ชายเก้าก็ถูกจักรพรรดิทอดทิ้งเพราะเรื่องนี้ ทำให้เขาสะสมความโกรธอย่างเต็มล้น ลอบติดต่อกับมารดาของเขาเหมิงหรงเรื่อยมา เขาในฐานะองค์ชาย ไม่สามารถต่อสู้กับอำนาจของจักรพรรดิได้ จึงโยนความแค้นทั้งหมดไปที่ตระกูลหลินเมื่อหลินสวินรู้เรื่องทั้งหมดนี้ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดวันนี้จู่ๆ จ้าวจิ่งเจินจึงกระโดดออกมาขัดขวาง ไม่ให้ตนกราบอาจารย์เข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์“จำได้ว่าครั้งแรกที่เจ้าเข้ามาในนครต้องห้าม ระหว่างทางพบเจอการลอบสังหารใช่ไหม” จู่ๆ จ้าวไท่ไหลก็พูดขึ้น“ท่านหมายถึงตระกูลฉือหรือ” หลินสวินขมวดคิ้ว“ใช่แล้ว”จ้าวไท่ไหลถอนหายใจเบาๆ “ตระกูลฉือกับตระกูลหลินของพวกเจ้าไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะถูกองค์ชายเก้าล่อลวง”“องค์ชายที่ถูกทอดทิ้งอย่างเขา จะออกคำสั่งกับตระกูลฉือได้หรือ” หลินสวินไม่เข้าใจ“หากเพียงแค่เขาย่อมไม่มีความสามารถขนาดนั้น แต่อย่าลืมว่ามารดาขององค์ชายเก้ามาจากดินแดนรกร้างโบราณ ตาของเขายิ่งเป็นถึงผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้า”จ้าวไท่ไหลอธิบายอย่างใจเย็น “หลายปีมานี้ คนตระกูลฉือจำนวนไม่น้อยถูกส่งไปฝึกปราณยังสำนักกระบี่เทียมฟ้า เพื่อให้ได้รับการดูแลจากตาขององค์ชายเก้า พวกเขาย่อมต้องทำดีกับองค์ชายเก้า”“มิน่า…”หลินสวินเข้าใจอย่างแจ่มเจ้งแล้ว หากไม่ใช่เพราะจ้าวไท่ไหลเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ เขาคงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เรื่องนี้จะมีเลศนัยและความลึกลับเช่นนี้ซ่อนอยู่“ตาของเขาชื่ออะไรหรือ” จู่ๆ หลินสวินก็ถามขึ้นจ้าวไท่ไหลอึ้ง “เจ้ายังจะไปแก้แค้นเขาอีกหรือ”หลินสวินพูดนิ่งๆ “หาเขาให้เจอ จึงจะตามหามารดาขององค์ชายเก้าเหมิงหรงเจอได้”จ้าวไท่ไหลหัวใจสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตระหนักได้ว่าศัตรูที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นองเลือดในตอนนั้น หลินสวินไม่คิดจะให้อภัยเลยแม้แต่คนเดียว!แต่เมื่อใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว หากเหมิงหรงไม่แจ้งเบาะแส อวิ๋นชิ่งไป๋ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณ จะรู้ได้อย่างไรว่าในโลกชั้นล่างมีเด็กทารกที่มีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินถือกำเนิดจ้าวไท่ไหลถอนหายใจเบาๆ บอกชื่อผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนนั้น… เหมิงไห่จิ้ง!“ผู้อาวุโส พวกท่านจะลงโทษองค์ชายเก้าอย่างไร” หลินสวินถามคราวนี้จ้าวไท่ไหลดูผ่อนคลายมาก พูดว่า “ถ้าไม่ถูกฆ่าตาย ก็ให้มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น”นี่กลับทำให้หลินสวินตะลึงเขาไม่ได้มีความเมตตาอะไร แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าด้วยฐานะองค์ชายแห่งจักรวรรดิ ทายาทของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน หากองค์ชายเก้าถูกประหารชีวิตจริงๆ จะต้องสร้างความฮือฮาให้กับจักรวรรดิอย่างแน่นอน!แต่เพื่อให้ความเป็นธรรมกับตน จักรพรรดิถึงขั้นมีบัญชาสังหารบุตรชายคนหนึ่ง นี่… เห็นได้ชัดว่าไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างหลินสวินไม่เชื่อว่าตนจะมีเกียรติขนาดนี้“ตอนนั้นมารดาของเขาทำให้จักรพรรดิเสียใจ และตอนนี้เขาก็เลือกทางผิดเหมือนมารดาของเขา ทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยไปไม่น้อย หากไม่ลงโทษเขา จักรพรรดินีย่อมไม่ยอมให้อภัยแน่”“จักรพรรดินีหรือ”จ้าวไท่ไหลยกยิ้มมุมปากอย่างลึกลับ มองหลินสวินพร้อมพูดว่า “ไม่ผิด องค์ชายเก้าไม่ใช่ลูกชายของจักรพรรดินี แต่เจ้ากลับเป็น… ‘สหายรัก’ ของลูกสาวเพียงคนเดียวของจักรพรรดินี!”เขาจงใจเน้นเสียงคำว่าสหายรัก ท่าทางดูหยอกเย้าเล่นลิ้นคลุมเครือ ทำให้หลินสวินปวดหัวขึ้นมาทันที“ในสถานการณ์เช่นนี้ จักรพรรดินีย่อมต้องทวงความเป็นธรรมให้กับเจ้า”จ้าวไท่ไหลสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือ การกระทำขององค์ชายเก้าได้ละเมิดข้อห้ามและขีดความอดทนเส้นสุดท้ายของจักรพรรดิ แม้จะเป็นพ่อลูกกันก็ไม่สามารถให้อภัยได้อีก!”แววตาของเขาแฝงความยะเยือกเย็น“ตามคาด ข้ารู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้มีเกียรติขนาดนั้น…” หลินสวินลูบจมูกป้อยๆจ้าวไท่ไหลอดกลอกตาไม่ได้“กลับไปเตรียมตัวเถอะ อีกสามวันข้าจะมารับเจ้าไปสมรภูมิกระหายเลือด!”เมื่อส่งหลินสวินกลับถึงหน้าภูเขาชำระจิต จ้าวไท่ไหลก็บอกจุดประสงค์“เป็นเพราะหนี้ที่ติดค้างค่าอาหารหนึ่งมื้อบนเรือนโอบดารานิทราบุหลันหรือ” หลินสวินถามหาเหตุผลจ้าวไท่ไหลสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ไม่ เป็นเพราะเจ้าคือลูกศิษย์คนหนึ่งของค่ายกระหายเลือด! ต้องไปที่นั่นเท่านั้น เจ้าจึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดนั้น”“คำพูดใด”“ดอกจื่อเย่าด้วยกระหายเลือดจึงมิพ่าย จักรวรรดิด้วยกรำศึกจึงอยู่ตราบนิรันดร์!”“ได้!”……ช่วงบ่ายวันที่หลินสวินกลับภูเขาชำระจิต มีข่าวจากพระราชวังว่าองค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจินถูกถอนฐานันดรศักดิ์ และถูกคุมตัวไปยังพื้นที่ต้องห้ามในส่วนลึกของราชวัง เพื่อเฝ้าสุสานบรรพบุรุษราชวงศ์จวบจนสิ้นอายุขัย!ยามข่าวนี้แพร่ออกมา ก็สร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งนครต้องห้าม ตื่นตะลึงไปทั่วหล้าผ่านไปกี่ปีแล้ว จักรวรรดิเพิ่งจะมีการปลดองค์ชายเป็นครั้งแรก องค์ชายเก้าก่อความผิดใหญ่หลวงอะไร จึงทำให้จักรพรรดิเดือดดาลถึงเพียงนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่เหล่าอาจารย์และศิษย์ในสำนักศึกษามฤคมรกตที่เคยเห็นจ้าวจิ่งเจินเป็นครั้งสุดท้าย ก็ยากจะเชื่อมโยงเรื่องที่องค์ชายเก้าถูกปลดฐานันดรศักดิ์กับหลินสวินถึงอย่างไร แม้จ้าวจิ่งเจินจะล่วงเกินหลินสวิน แต่สำหรับทุกคน ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้จักรพรรดิเดือดดาลถึงเพียงนี้มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่รู้ความจริงเป็นอย่างดี แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดอะไรมากเพียงแต่ตอนที่หลินสวินรู้ข่าวนี้กลับอดทอดถอนใจไม่ได้ องค์ชายเก้าคนนี้ เป็นเพียงคนน่าสงสารคนหนึ่งอย่างที่จ้าวไท่ไหลพูดจริงๆ…สามวันหลังจากนั้น…จ้าวไท่ไหลมาตามนัดหมาย หลินสวินที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้วบอกลาทุกคนในภูเขาชำระจิต และจากไปพร้อมกับจ้าวไท่ไหลสมรภูมิกระหายเลือดจะเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่หลินสวินคิดเช่นนี้มาตลอดทาง——[1] กุ้ยเฟย ตำแหน่งมเหสีขององค์จักรพรรดิ ลำดับศักดิ์สูงกว่าสนมชั้นเฟยอื่นๆ แต่ต่ำกว่าจักรพรรดินี
คอมเม้นต์