Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 681 ภายในมีความลึกลับซ่อนอยู่
หลินสวินมองอย่างเยียบเย็น การกระทำของจ้าวจิ่งเจินทำให้เขายิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ“ว่ามา!”เยวี่ยซิวใบหน้าไร้อารมณ์ รอยยิ้มได้หายไปแล้ว สายตาแฝงอาการหมดความอดทนเป็นแค่องค์ชายโลกชั้นล่าง กลับขัดขวางเขาเชิญชวนอัจฉริยะที่ก้าวสู่มกุฎมรรคา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ได้กระตุ้นความระแวงของเขาแล้วหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้า เขาคงตบอีกฝ่ายกระเด็นไปนานแล้วจ้าวจิ่งเจินเองก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเหลืออดของเยวี่ยซิวแล้ว จึงพูดไปตามตรงว่า “ผู้อาวุโส ท่านคงเคยได้ยินชื่ออวิ๋นชิ่งไป๋ใช่หรือไม่”อวิ๋นชิ่งไป๋!หลินสวินหัวใจสั่นสะท้าน ดวงตาดำขลับเผยประกายอันเย็นเยียบที่ยากจะสังเกตเห็น เขาพอรู้แล้วว่าจ้าวจิ่งเจินจะพูดอะไรกลับเห็นเยวี่ยซิวเองก็หวั่นไหวอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด “อวิ๋นชิ่งไป๋หรือ ผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้าน่ะหรือ”“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสอวิ๋นชิ่งไป๋ผู้ได้รับขนานนามว่าเป็น ‘ผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณ’ คนนั้น”สีหน้าของจ้าวจิ่งเจินพลันแฝงความลึกลับ “แล้วผู้อาวุโสท่านรู้หรือไม่ว่า หลินสวินคนนี้คือศัตรูของผู้อาวุโสอวิ๋นชิ่งไป๋?”“อะไรนะ”ตอนนี้เยวี่ยซิวเองก็ตกใจ ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่ออวิ๋นชิ่งไป๋ ผู้ฝึกปราณสายกระบี่ระดับตำนานคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณ ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งมรรค ก็กวาดล้างโลกาโดยที่แทบไม่มีใครเทียบได้จนถึงตอนนี้ คนคนนี้ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ฝึกกระบี่ที่บุคคลระดับต่ำกว่าราชันระดับสังสารวัฏไม่สามารถเทียบได้!แม้แต่เยวี่ยซิวยังต้องยอมรับ ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นบุคคลไร้เทียมทานที่หายาก เกิดมาพร้อมพรแห่งฟ้าดิน คุณสมบัติโดดเด่นแทบไม่มีใครเทียบได้!เพียงแต่เยวี่ยซิวคิดไม่ถึงเลยว่า บุคคลระดับอวิ๋นชิ่งไป๋ มีความแค้นกับเด็กหนุ่มโลกชั้นล่างคนหนึ่งได้อย่างไร เรื่องนี้ดูแปลกมากเขามองไปทางหลินสวินหลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยสบตาเยวี่ยซิวอย่างตรงไปตรงมาพร้อมพูดว่า “เรื่องนี้เป็นความจริง”“เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่”เยวี่ยซิวขมวดคิ้ว จ้องจ้าวจิ่งเจินเหล่าอาจารย์และศิษย์ ณ ที่นั้นต่างก็ประหลาดใจ จับต้นชนปลายไม่ได้ พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจ แต่กลับตระหนักได้ว่า ราชันระดับสังสารวัฏอย่างเยวี่ยซิวดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับคนที่ชื่อว่าอวิ๋นชิ่งไป๋อย่างมาก“สิบกว่าปีที่แล้ว ผู้อาวุโสอวิ๋นชิ่งไป๋เคยมาเยือนโลกชั้นล่าง…”จ้าวจิ่นเจินเล่าเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นบนภูเขาชำระจิตในตอนนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่ได้พูดถึงความผิดถูกของเรื่องเฮือก!เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ สีหน้าของอาจารย์และลูกศิษย์หลายคนเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่า ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตจะเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอาจารย์รุ่นอาวุโสบางคนลอบถอนหายใจ เหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว พวกเขาเองก็เคยได้ยิน“นี่มัน…” เยวี่ยซิวเงียบไปนาน ค่อยมองหลินสวินด้วยสายตาแปลกๆ “นี่คือเรื่องจริงหรือ”ยามนี้หลินสวินดูนิ่งสงบอย่างที่สุด เอ่ยว่า “ไม่ผิด เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ตอนนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋ฆ่าทุกคนในตระกูลหลินสายตรง รวมทั้งบิดามารดาของข้า”จ้าวจิ่งเจินอึ้ง ไม่เคยคิดเลยว่าหลินสวินจะยอมรับออกมาเอง และท่าทางยังนิ่งสงบเช่นนี้ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสอดคล้องกันอยู่บ้าง“เพราะอะไร” เยวี่ยซิวขมวดคิ้วแน่น“ใช่แล้ว เพราะอะไร ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน” หลินสวินสายตาราบเรียบ หันมองจ้าวจิ่งเจินที่อยู่ห่างออกไป“ข้าก็ไม่รู้”จ้าวจิ่งเจินส่ายหัว “แต่คิดว่าการที่ผู้อาวุโสอวิ๋นชิ่งไป๋ทำเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล มิฉะนั้นด้วยตำแหน่งฐานะของเขา จะฆ่าคนโดยใช่เหตุได้อย่างไร”คำพูดนี้เท่ากับกำลังแก้ตัวแทนอวิ๋นชิ่งไป๋!สายตาของหลินสวินเย็นเยียบขึ้นมาทันที “พูดเช่นนี้ แปลว่าเจ้าคิดว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ทำอะไรก็ถูก ส่วนคนตระกูลหลินพวกนั้นของข้า… ล้วนสมควรตาย?”เสียงเย็นยะเยือกแฝงไอสังหารจ้าวจิ่งเจินหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย พลันแค่นเสียงเย็น “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่ทุกอย่างย่อมต้องมีเหตุผล เจ้ากล้ารับประกันหรือไม่ว่า คนตระกูลหลินพวกนั้นของเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”ตอนนี้ทุกคนรับรู้ได้ว่า บนร่างหลินสวินมีจิตสังหารที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด พาให้คนใจสั่นไหวบรรยากาศเงียบสงัด กดดันจนหายใจไม่ออกเพียงแต่ไม่นานก็เห็นหลินสวินเก็บอาการทั้งหมด มองจ้าวจิ่งเจินด้วยสายตาเรียบเฉยพร้อมเอ่ย “เจ้าจำคำพูดวันนี้ให้ดี”จ้าวจิ่งเจินหัวใจสะท้าน แต่ปากกลับแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ “ข้าเป็นถึงองค์ชายแห่งจักรวรรดิ ย่อมรับผิดชอบต่อคำพูดของตนอยู่แล้ว!”หลินสวินไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น สีหน้ายิ่งทวีความนิ่งสงบไม่ต้องเดาทุกคนก็รู้ ว่าการกระทำทั้งหมดของจ้าวจิ่งเจินได้กระตุ้นความโกรธของหลินสวินอย่างสิ้นเชิงแล้ว!“ผู้อาวุโส นี่ก็คือความจริงที่ข้าอยากบอก”จ้าวจิ่งเจินประสานมือพูดจบก็เหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่ง มุมปากโค้งขึ้นเหมือนดูถูกเยวี่ยซิวเงียบแค่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอาจจะไม่สามารถทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอะไรได้ แต่พอมีอวิ๋นชิ่งไป๋เพิ่มเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้เขาจำต้องใคร่ครวญอย่างรอบคอบถึงอย่างไรอวิ๋นชิ่งไป๋คนนี้ก็โดดเด่นและไร้เทียมทานเกินไป ไม่เร็วก็ช้าย่อมต้องก้าวสู่ระดับที่เหนือกว่าสังสารวัฏ ความสำเร็จไร้ขีดจำกัดอีกอย่างเบื้องหลังของคนคนนี้ยังมีสำนักกระบี่เทียมฟ้า นั่นก็เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ด้อยไปกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ถ้าเพราะหลินสวินคนเดียว ทำให้ต้องรับแรงกดดันจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ สำนักกระบี่เทียมฟ้าและอวิ๋นชิ่งไป๋ทั้งสามด้าน สิ่งที่ต้องแลกก็ถือว่ารุนแรงไปแม้แต่เยวี่ยซิวยังต้องพิจารณาผลที่ตามมาเหล่าอาจารย์และศิษย์ ณ ที่นั้นหัวใจเย็นเยียบขึ้นมา เดือดดาลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มีหรือที่พวกเขาจะดูไม่ออก ว่าเยวี่ยซิวที่เมื่อครู่นี้ชื่นชมหลินสวินอย่างมาก ท่าทางค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้วถึงขั้นที่อาจจะทำให้หลินสวินสูญเสียโอกาสไปฝึกปราณยังสำนักโบราณแห่งดินแดนรกร้างโบราณเพราะเรื่องนี้!โอกาสแบบนี้ สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณในโลกชั้นล่างคนหนึ่งประหนึ่งก้าวเดียวทะยานฟ้า แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเลือนรางขึ้นมา และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะจ้าวจิ่งเจิน!จะไม่ให้เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์เดือดดาลได้อย่างไรหันกลับไปมองจ้าวจิ่วเจิน มุมปากเหยียดขึ้นอย่างย่ามใจ ไม่สะทกสะท้านและไม่เกรงกลัวสายตาแห่งความขึ้งโกรธของทุกคนเลยสักนิดเขาถึงขั้นถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ประสานหมัดพูดกับหลินสวิน “ต้องขออภัย แต่ในฐานะองค์ชายแห่งจักรวรรดิ ความจริงบางอย่างก็จำเป็นต้องพูดออกไป มิฉะนั้นหากวันใดเหล่าผู้อาวุโสในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ต้องลำบากเพราะเจ้า ใครจะรับผิดชอบเล่า”น่าขยะแขยง!ลูกศิษย์หลายคนลอบก่นด่าในใจ น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว เป็นถึงองค์ชายแห่งจักรวรรดิ แต่กลับทำเหมือนหวังดีกับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ในเวลาแบบนี้ เสแสร้งเกินไปแล้วหลินสวินเงียบไปครู่ก็พูดขึ้น โดยมองจ้าวจิ่งเจินอย่างนิ่งสงบ “เจ้ามาคราวนี้ ก็เพียงแค่อยากขัดขวางการเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของข้า น่าเสียดายที่เจ้าเข้าใจบางอย่างผิด ในเมื่อข้ากล้าฆ่าผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เจ้าคิดว่า ข้ายังจะสนใจโอกาสที่จะเข้าไปฝึกปราณในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อีกหรือ”หากแม้คำพูดนี้จะเสียดหูสำหรับเยวี่ยซิว แต่ถ้าลองคิดดูก็จะรู้ว่า ด้วยรากฐานและศักยภาพที่หลินสวินมี สักวันก็ต้องสามารถเข้าไปฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณได้!ส่วนเรื่องที่ว่าจะเข้าร่วมในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หรือไม่ สำหรับอัจฉริยะระดับเขาแล้ว ไม่ถึงกับเสียดายอะไรแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เยวี่ยซิวแค้นเคืองจ้าวจิ่งเจิน ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆ เขายื่นปากแทรกเข้ามา เรื่องราวก็คงไม่มาถึงจุดนี้คราวนี้สายตาที่เขามองจ้าวจิ่นเจินแฝงความโกรธและไม่พอใจสายหนึ่งจ้าวจิ่งเจินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องวันนี้ทำให้เขาได้ใจอย่างมาก คิดไปเองว่าได้ตัดโอกาสที่จะทะยานสู่ฟ้าของหลินสวินอย่างสิ้นเชิงแล้วใครจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกว่างเปล่าและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่ทำให้เขาหวาดหวั่นที่สุดคือ แม้แต่เยวี่ยซิวผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ท่านนี้ ก็เหมือนจะไม่พอใจเขาแล้ว…“สหายน้อย ถ้าหาก…”เยวี่ยซิวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วอ้าปาก เขาตั้งใจจะเชิญชวนหลินสวินอีกครั้ง อัจฉริยะที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาแบบนี้ หากปล่อยไปเพียงเพราะมูลเหตุและแรงกดดันบางอย่าง เห็นจะน่าเสียดายเกินไปเพียงแต่ไม่รอให้เขาพูดจบ เสียงหัวเราะเบิกบานก็ดังขึ้น “สหายยุทธ์ เรื่องนี้ดูเหมือนจะยุ่งยากเล็กน้อย ไม่สู้รอคิดให้ถี่ถ้วนอีกหน่อยแล้วค่อยตัดสินใจดีหรือไม่”เงาร่างผอมแห้งปรากฏขึ้นพร้อมเสียง รูปลักษณ์ของเขาเรียบง่าย ไม่ได้ดูโดดเด่นมากนัก แต่พอเขาปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอาจารย์ ลูกศิษย์ หรือหลินสวิน หรือแม้แต่จ้าวจิ่งเจินยังแสดงความเคารพโดยพร้อมเพรียงกัน“คารวะเจ้าสำนัก!”เห็นได้ชัดว่าคนชราผอมแห้งคนนี้ คือเจ้าสำนักแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต!“เฮ้อ ก็คงได้แต่ต้องเป็นเช่นนี้แล้ว”เยวี่ยซิวถอนหายใจ ในใจอึดอัดอย่างที่สุด“จะดีจะเลวล้วนไม่มีใครเดาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคนอื่นๆ ในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์รู้เรื่องนี้ ก็คงคิดให้รอบคอบก่อนค่อยลงมือ”เจ้าสำนักพูดอย่างเรียบเฉย แต่กลับกำลังเตือนเยวี่ยซิวว่า การตัดสินใจนี้ไม่ง่าย หากดันทุรังทำไป อาจโดนวิพากษ์วิจารณ์ได้มากนี่ทำให้อาจารย์และลูกศิษย์ทุกคนต่างอึ้ง ดูจากสถานการณ์ เจ้าสำนักก็ไม่อยากให้หลินสวินเข้าร่วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์งั้นหรือ“ช่างเถอะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันในอนาคต” เยวี่ยซิวส่ายหน้า จากไปอย่างหมดความสนใจ“หลินสวิน ต่อไปถ้ามีโอกาสก็ต้องกลับสำนักศึกษามฤคมรกตบ่อยๆ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาเรา คนที่มีความสามารถอย่างเจ้า ข้าก็ไม่อยากให้ถูกใครดึงไปเจ้าสำนักมองหลินสวินอย่างลึกซึ้งคราหนึ่งก่อนจากไป มาไวไปก็ไว แต่การปรากฏตัวของเขากลับควรแก่การระมัดระวังจ้าวจิ่งเจินอึ้งค้างอยู่กับที่ เขาเองก็อ่านสถานการณ์ไม่ค่อยออก รู้สึกว่าเรื่องวันนี้ดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก‘ดูเหมือนว่า เจ้าสำนักจะเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้…’หลินสวินใคร่ครวญไม่นานจ้าวจิ่งเจินก็อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เพราะเขารับรู้ได้ว่า อาจารย์และลูกศิษย์ในที่นั้นต่างจ้องเขาด้วยสีหน้าไม่หวังดี มีทั้งเกลียดชัง รังเกียจและปฏิเสธต่อให้เขาเจ้าแผนการขนาดไหนก็เริ่มรับไม่ไหวอยู่บ้าง หมุนตัวจะเดินออกไปเพียงแต่เขาเพิ่งจะก้าวออกจากลานแสดงยุทธ์ ก็ถูกเงาร่างหนึ่งขวางเอาไว้ “องค์ชายเก้า บทบาทที่แสดงในวันนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”“ท่านอาเล็ก? ท่าน… มาได้อย่างไร”สีหน้าของจ้าวจิ่งเจินเปลี่ยนไป เสียอาการทันทีและตอนนี้หลินสวินเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เงาร่างที่ขวางจ้าวจิ่งเจินไว้ ก็คือจ้าวไท่ไหลที่ช่วงนี้ประหนึ่งหายตัวไป“หากข้าไม่มา องค์ชายเก้าคงจะก่อเรื่องใหญ่”สีหน้าของจ้าวไท่ไหลเย็นชามาก ในขณะที่พูดเขาก็โบกมือ “เด็กๆ พาองค์ชายเก้ากลับวัง ปรนนิบัติอย่างดี หากระหว่างทางเกิดอะไรผิดพลาด ข้าจะเอาความพวกเจ้า!”ทันใดนั้นกลุ่มคนชุดดำท่าทางนิ่งขรึมเดินออกมา และเข้าไปโอบล้อมองค์ชายเก้าเงียบๆ ก่อนจะพาตัวเขาออกไปทั้งอย่างนั้น“ท่านอาเล็ก ท่านหมายความว่าอย่างไร ใครให้ท่านพา ‘ราชองครักษ์’ มา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”องค์ชายเก้าลนลานอย่างสิ้นเชิง ดิ้นรนตะเบ็งเสียงแต่สุดท้ายจ้าวไท่ไหลก็ไม่ได้สนใจ ส่วนองค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจินก็ถูกยัดเข้าไปในเกี้ยวสมบัติที่เตรียมเอาไว้แล้ว ก่อนจะถูกพาตัวออกไปอย่างรวดเร็วในลานแสดงยุทธ์ เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์เผยสีหน้าตะลึง หัวสมองทื่อไปหมดวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า และพวกผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏตัวคนแล้วคนเล่าเช่นกัน จนถึงตอนนี้ แม้แต่องค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจินยังถูก ‘พาตัวออกไป’…ขอเพียงแค่ไม่โง่ ไม่ว่าใครก็สามารถเดาออกว่า เรื่องนี้มีเลศนัยและความลึกลับมากมายซ่อนอยู่!“คราวนี้จะให้คำอธิบายกับข้าได้หรือยัง” หลินสวินเดินขึ้นหน้า มองจ้าวไท่ไหลแล้วถามตรงๆ——
คอมเม้นต์