Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 627 ปฏิบัติการกว้านซื้อ
เกาะโจมเมฆาเจริญรุ่งเรืองดั่งวารี สิ่งปลูกสร้างหลากรูปแบบพิเศษโดดเด่นเรียงราย บ้างโอ่อ่าโอ่โถง บ้างทองอร่ามเรืองรอง บ้างมีกลิ่นอายโบราณ มีมากมายนานัปการที่นี่คือศูนย์กลางการค้าของแต่ละเผ่าพันธุ์แห่งน่านสมุทรทะเลใต้ เผ่าทั้งหลายลงหลักปักฐาน ทำให้ลักษณะอาคารบนท้องถนนเต็มไปด้วยรูปแบบเด่นชัดเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเผ่ายกตัวอย่างเช่นร้านค้าที่เผ่าวัวมารทรงพลังเปิดกิจการ รูปแบบสิ่งปลูกสร้างจะดิบเถื่อนดุดันยิ่งยวด ป้ายหน้าร้านประทับเงามายาวัวมารทรงพลังตนหนึ่ง มองปราดเดียวก็เข้าใจหรืออย่างอาคารใหญ่มหึมาทองอร่ามที่มีลักษณะราวรังนกหลังหนึ่ง ก็เป็นร้านค้าซึ่งเผ่าหงส์หิรัณย์ควบคุมดูแลเวลานี้เป็นยามเช้า แสงจากฟากฟ้ากระจ่างวิจิตรตระการตา บนเกาะโจมเมฆาครึกครื้นเป็นพิเศษ ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าสวนกันไปมา ขวักไขว่คับคั่งแน่นขนัดเสียงร้องคึกคักดังกึกก้องทั่วทุกบริเวณที่นี่ไม่เพียงมีร้านค้าสารพัดสารพัน ยังมีแผงลอยกระจายตัวอยู่มากมาย ยิ่งไม่ขาดสถานที่เริงรมย์อาทิหอสุรา ลานประลองเป็นต้นเดินอยู่ในนี้เสมือนเข้าสู่โลกอัศจรรย์พิลึกกึกกือแห่งหนึ่ง สามารถเห็นสิ่งชีวิตหลากเผ่าได้ทุกที่ มีวาฬมังกร วานรนที หอยกาบทะเล งูปาเสอ และสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นแห่งห้วงสมุทร ทั้งยังมีกลุ่มเผ่าที่ลงหลักปักฐานบนเกาะเช่นสิงห์โลหิต เหยี่ยวมรกต หงส์หิรัณย์ คชามารเป็นต้นถึงขั้นยังมีสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งแปลกประหลาดพิสดารส่วนหนึ่ง เช่นเผ่ามดสำริดที่ลักษณะคล้ายมดแต่กลับสูงราวหนึ่งจั้ง เผ่าวิญญาณอินทรีเหล็กที่เกิดมามีปีกดำสนิท ร่างเป็นคนศีรษะเป็นอินทรีต่างๆ นานาเพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ใด ส่วนใหญ่ล้วนแปลงกลายเป็นผู้ฝึกปราณ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเผยร่างเดิม“ช่างครึกครื้นยิ่งนัก…”บนท้องถนนอันอึกทึกครึกโครม หลินสวินสองมือไพล่หลังก้าวย่างเนิบช้า ประหนึ่งขี่อาชาชมบุปผชาติ มองไปโดยรอบ รู้สึกแปลกใหม่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสรรพชีวิตหลากเผ่าที่นี่มีมากเหลือเกิน ทำให้เขาได้เปิดโลกทัศน์ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ ตลอดทางที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ หลินสวินยังไม่เจอผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์แม้แต่คนเดียวนี่ทำให้เขาแอบคาดเดา ในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณนี้เกรงว่าคงไม่มีอาณาเขตของเผ่ามนุษย์แต่แรก“ลองมาดูลองมาชม ซาลาเปาเนื้อไส้เดือนคางคกจากก้นทะเลลึก เนื้อสดชุ่มฉ่ำ! หนึ่งชิ้นราคาเพียงสิบผลึกสมุทรเท่านั้น!”“คุณชายท่านนี้ อยากลิ้มลอง ‘สุราน้ำค้างหยกนภารัญจวน’ ที่เผ่าผึ้งมรกตของข้าบ่มเป็นพิเศษดูหรือไม่ นี่น่ะรวบรวมจากเกสรบุปผาวิญญาณกว่าร้อยชนิด หลอมโดยนักบ่มสุราเผ่าข้าด้วยตนเอง ราคายุติธรรม ไม่ลวงหลอกแม้กับเด็กและคนชรา!”“ลดราคาครั้งใหญ่! ลดแหลกแหกกระเจิง! ถุงหนังร้อยทรัพย์เครื่องสานงานฝีมือจำเพาะเผ่าวิญญาณโลหิต ภายในเป็นที่นาวิญญาณชั้นเลิศหนึ่งหมู่ บ่อเก็บทรัพย์ขนาดแปดร้อยฉื่อสามแห่ง เป็นภาชนะศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านพึงมีเมื่อออกเดินทางไกลอย่างแน่นอน!”…เสียงร้องเร่ขายสินค้านานัปการดังก้องต่อเนื่องเป็นระลอกทำให้ชั่วขณะที่หลินสวินมึนงง ยังนึกว่ากลับมายังเมืองที่วุ่นวายแห่งจักรวรรดิจื่อเย่าแล้ว กลิ่นอายโลกีย์พุ่งปะทะใบหน้า“เจ้ามีผลึกสมุทรหรือไม่” หลินสวินหยุดเดิน หันกลับไปถามชิงอวิ๋นหยางที่อยู่ด้านข้างชิงอวิ๋นหยางมุมปากพลันกระตุก โยนถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาพลางกล่าว “ในนี้มีหนึ่งหมื่นผลึกสมุทร เพียงพอให้เจ้าใช้สอย”“ขอบคุณมาก” หลินสวินยิ้มพลางรับมาต่อจากนั้น เขาเริ่มปฏิบัติการกว้านซื้อสินค้าเฉพาะถิ่น แปดเซียนเคลือบน้ำตาลของเผ่ารุ้งหมอกชาด ซาลาเปานึ่งเนื้อไส้เดือนคางคกเผ่างูคาดทอง สุราน้ำค้างหยกนภารัญจวนของเผ่าผึ้งมรกต…อาหารเลิศรส อาหารน่าอร่อย สุรา อาหารว่าง ของกินเล่นแปลกประหลาดพิสดารทุกชนิด… ล้วนถูกหลินสวินซื้อกองพะเนินอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อยหรือพูดได้ว่าตลอดทางขอเพียงเป็นของแปลกที่ถูกหลินสวินมองเห็น ล้วนถูกเขากว้านซื้อเรียบของพวกนี้ต่างเป็นสินค้าเฉพาะถิ่นของแต่ละเผ่าแห่งทะเลกลืนวิญญาณ ไม่มีทางพบเห็นได้ในจักรวรรดิจื่อเย่าโดยสิ้นเชิง มูลค่าไม่ถึงขั้นสูงมาก แต่กลับสดใหม่และแปลกพิสดารเพียงพอหลินสวินเองไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้ยังมีโอกาสมาเยือนทะเลกลืนวิญญาณอีกหรือไม่ ฉะนั้นเขาจึงคิดฉวยโอกาสนี้รวบรวมอย่างบ้าคลั่งสักหนแน่นอน ส่วนมากเขาซื้อไปให้พวกเพื่อนสนิทอย่างซย่าจื้อ เสี่ยวเคอพวกนี้“คุณชาย นี่คือน้ำโป่งรากสนชะลอวัยของเผ่าคีรีพิสุทธิ์ของข้า เด็กหญิงใช้แล้วใบหน้าอ่อนเยาว์ตลอดกาลชั่วชีวิต หากท่านไม่ใช้ก็สามารถตระเตรียมให้แก่คนรักศรีภรรยาที่บ้านสักชุด”“ซื้อ!”“เท่าไหร่”“เอามาก่อนร้อยขวด!”“ตกลง!”เหตุการณ์คล้ายคลึงกันเปิดฉากอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมา‘เจ้าหมอนี่ ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ…’ชิงอวิ๋นหยางติดตามอยู่เบื้องหลังตลอดทาง เมื่อเห็นทุกฉากเหตุการณ์ สายตาเขาเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่นและสับสนยิ่งกว่าเดิมตั้งแต่เข้าสู่ตลาดนัดโจมเมฆาเขาก็พูดน้อยมากโดยเฉพาะท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวิน ยิ่งเห็นได้ว่าผิดปกติยิ่ง ไม่ขัดแย้ง และไม่กลัดกลุ้มหรือคับข้องอีกแต่ขณะเดียวกันในใจเขากลับมีความรู้สึกประหลาดใจสงสัย งุนงง ตื่นตระหนกและหวาดกลัวพวยพุ่ง‘ที่ผู้อาวุโสกล่าวมาเป็นจริงหรือไม่กันแน่ เจ้าหมอนี่คือเด็กหนุ่มเทพมารนั่นจริงรึ’ความสงสัยนี้เสมือนสายฟ้าน่าตะลึงสายหนึ่ง กระหน่ำใส่ส่วนลึกในจิตใจชิงอวิ๋นหยางไม่หยุดหย่อน ทำให้เขาไม่อาจนิ่งสงบในฐานะที่เป็นบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียว แน่นอนว่าเขาเข้าใจเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นใน ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ได้ตั้งแต่แรกเพียงแต่เขาจนปัญญาจะนำหลินสวินและ ‘เด็กหนุ่มเทพมาร’ นั่นมาเชื่อมโยงกันโดยสิ้นเชิง!เด็กหนุ่มเทพมารในข่าวสารเด็ดขาดผงาดผยอง ดุดันน่าประหวั่น เคยสังหารเหล่าผู้กล้าแต่ละเผ่าตลอดทาง ซัดกวาดวีรชนคนกล้าเหลือคณานับ สังหารจนเลือดหลั่งรินดั่งกระแสธารา ทรงพลังไร้เทียมทานถึงขั้นที่ในศึกสุดท้าย เขาต่อสู้หนึ่งต่อสี่ กำราบบุตรเทพชั้นยอดสี่คนอย่างแข็งกร้าว พลานุภาพดุจเทพเซียน องอาจกล้าหาญ!บุคคลระดับนี้ประดุจดั่งตำนานผู้หนึ่งอย่างแท้จริง เต็มไปด้วยสีสันซึ่งเพียงพอให้คนรุ่นราวคราวเดียวกันต่างเคารพยำเกรงและหวาดกลัวแม้แต่ตอนแรกที่ชิงอวิ๋นหยางได้ยินข่าวนี้ก็ตื่นตระหนกจนในใจสั่นสะท้าน แทบไม่กล้าเชื่อทุกอย่างนี่แต่ไม่ว่าอย่างไรชิงอวิ๋นหยางก็จดจำเด็กหนุ่มเทพมารนี้ไว้มั่น ถึงขั้นที่ในใจเห็นอีกฝ่ายเป็นผู้กล้าในตำนานซึ่งไม่อาจเอาชนะได้คนหนึ่งแต่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบท่าทางสงบนิ่งดั่งวารี บุคลิกแม้ไม่ธรรมดา แต่ห่างไกลจากคำว่าเด็ดขาดและดุดันอยู่โข เหมือนเด็กหนุ่มข้างบ้านที่สุภาพเรียบร้อยคนหนึ่ง ไม่เห็นถึงสีสันแห่งตำนานแม้กระผีกที่ทำให้ชิงอวิ๋นหยางหมดคำพูดที่สุดคือ เจ้าหมอนี่ตั้งแต่เข้าสู่ตลาดนัดโจมเมฆาก็ราวกับคนบ้านนอกเข้าเมืองก็ไม่ปาน เดี๋ยวมองซ้ายเดี๋ยวมองขวา เห็นอะไรล้วนออกอาการตะลึงพรึงเพริดไปซะหมด เหมือนกับไม่เคยเห็นโลกกว้าง น่าอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่งเจ้าคนพรรค์นี้จะเป็นเด็กหนุ่มเทพมารผู้ป่าเถื่อนดุดันหาใครเปรียบนั่นได้อย่างไรชิงอวิ๋นหยางยิ่งคิดก็ยิ่งคลางแคลงอยู่ในใจ“ยังมีผลึกสมุทรอีกหรือไม่”ทันใดนั้นเสียงของหลินสวินดังขึ้นข้างหู ปลุกชิงอวิ๋นหยางให้ตื่นจากความคิดฟุ้งซ่าน“นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่เอง หนึ่งหมื่นผลึกสมุทรใช้หมดแล้วรึ” ชิงอวิ๋นหยางงงงัน“เอ่อ ตลาดนัดโจมเมฆานี่สมคำร่ำลือจริงดังว่า สิ่งดีงามมากเหลือเกิน ข้าเลยควบคุมมือตนเองไม่อยู่น่ะสิ!” หลินสวินทอดถอนใจชิงอวิ๋นหยางแทบจะกลอกตาใส่ ดูของเล่นพวกนั้นที่เจ้าซื้อเข้าสิ ยังเรียกว่าสิ่งดีงามหรือ ไปหลอกเด็กซะยังดีกว่า!ทว่าท้ายที่สุดชิงอวิ๋นหยางยังคงอดกลั้นคำพูดค่อนแคะ มอบอีกหมื่นผลึกสมุทรแก่หลินสวิน ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวหลินสวิน แต่เกรงจะถูกผู้อาวุโสชิงเลี่ยตำหนิต่อว่า“เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว ขอบคุณมาก หากมีโอกาสข้าจะทดแทนบุญคุณเจ้าสักครา”หลินสวินยิ้มระรื่นมองชิงอวิ๋นหยางปราดหนึ่ง แล้วเริ่มหนทางแห่งการ ‘กว้านซื้อ’ อย่างต่อเนื่องบุญคุณ?ขอแค่เจ้าไม่ก่อเรื่องข้าก็จุดธูปบูชาแล้ว!ชิงอวิ๋นหยางแอบบ่นพึมพำอยู่ในใจเพียงแต่ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ หลินสวินไม่ได้ก่อเรื่องอะไรจริงๆ แต่กลับใช้จ่ายราวน้ำไหลแค่เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หลินสวินก็ขอผลึกสมุทรจากเขาสามครั้งติดต่อกัน ไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อยอีกทั้งเรื่องราวเช่นนี้ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง…ถึงแม้ชิงอวิ๋นหยางเป็นบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียว ฐานะมั่งคั่ง แต่เขาก็ไม่ได้พกผลึกสมุทรติดตัวมากเท่าใดนัก เมื่อสังเกตเห็นความเร็วในการใช้จ่ายอันน่ากลัวของหลินสวินเช่นนี้แล้ว เขาพลันรับไม่ไหวอยู่บ้าง“นี่มัน…”ในที่สุดชิงอวิ๋นหยางก็เอ่ยปากอย่างอดไม่อยู่“หืม? ทำไมรึ”หลินสวินกำลังต่อราคากับอาแปะเผ่าเจียวแดงผู้หนึ่งอย่างคึกคัก หมายจะซื้อปิ่นมุกสมบัติคู่หนึ่ง ได้ยินดังนั้นจึงหันกลับมาอย่างสงสัย“ไม่มีอะไร” เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของหลินสวิน ชิงอวิ๋นหยางอดกลั้นไว้อีกครั้ง แท้จริงแล้วยากมากที่เขาจะเปิดปากขัดขวางเขาบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียวผู้สง่าผ่าเผย ยังต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผลึกสมุทรส่วนหนึ่งเชียวรึ หากแพร่งพรายออกไปก็น่าขายหน้าเกินไปแล้วเพียงแต่ ในใจเขาเจ็บปวดอยู่บ้างน่ะสิ!ที่ทำให้เขาหมดคำจะพูดที่สุดคือ หลินสวินใช้ผลึกสมุทรมากขนาดนี้ ของที่ซื้อมาล้วนเป็นของปกติธรรมดา ไม่มีสักชิ้นที่เพียงพอจะเข้าตา ราวกับกำลังสิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์‘เจ้าหมอนี่ ดูท่าจะเห็นข้าเป็นแกะอ้วนซะแล้ว…’ชิงอวิ๋นหยางหดหู่ยิ่งนัก เงียบเชียบตลอดทางยิ่งกว่าเดิม“อืม น่าจะพอแล้วกระมัง”ไม่นานนักในที่สุดหลินสวินก็ยุติปฏิบัติการกว้านซื้อลงชิงอวิ๋นหยางก็ลอบเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่อย่างอดไม่อยู่ เมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพียงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หลินสวินถึงกับใช้ไปเกือบแปดหมื่นผลึกสมุทร!นี่ทำเอาเขาตกใจ แปดหมื่นผลึกสมุทรเชียวนะ สามารถซื้อสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ชิ้นหนึ่งได้เลยทีเดียว!“ครั้งนี้ต้องขอบคุณมาก”หลินสวินหน้าตาพึงใจ ยิ้มแย้มออกปาก “ต่อจากนี้พวกเราไปไหนกันดี”“ข้ากำลังบอกเจ้าพอดี ประเดี๋ยวข้าจะไปเข้าร่วมงานชุมนุมหนึ่ง หากเจ้าไม่อยากไปก็สามารถรอข้าอยู่ละแวกใกล้เคียง”ชิงอวิ๋นหยางกล่าวรวดเร็ว ตลอดทางเขาเหมือนผู้ติดตามคนหนึ่งที่คอยเดินตามอยู่ด้านหลัง แท้จริงแล้วเบื่อหน่ายห่อเหี่ยวถึงที่สุดหากสามารถสลัดหลินสวินทิ้งไปได้ แน่นอนว่านั่นคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว“ความคิดนี้ก็ไม่เลว” หลินสวินลูบคางกล่าวเสียงเบาชิงอวิ๋นหยางกระปรี้กระเปร่าทันใด “เจ้าตกลงรึ”หลินสวินกลับส่ายศีรษะพลางกล่าว “แม้ความคิดดี แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับผู้คนที่นี่ ไม่รู้เรื่องราวสถานการณ์โดยรอบ หากว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นก็เห็นจะท่าไม่ดี ดังนั้นข้าไปกับเจ้าก็แล้วกัน”ชิงอวิ๋นหยางมุมปากกระตุกเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น สีหน้าแข็งทื่อ ฝืนยิ้มซึ่งไม่น่าดูยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก พลางกล่าว “ก็ได้ ก็ได้…”“งั้นก็ดี เวลาไม่คอยท่า พวกเราเร่งออกเดินทางกันเถอะ” หลินสวินยิ้มกล่าว ราวกับไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของชิงอวิ๋นหยางสักนิด“ตามข้ามา”ชิงอวิ๋นหยางหมุนตัวกลับ สีหน้าปรากฏความหนักอึ้งวูบหนึ่งอย่างระงับไม่อยู่ ในใจกลัดกลุ้มขึ้นมาอีกครั้ง“จริงสิ คราวนี้เป็นงานชุมนุมอะไร” หลินสวินถาม“เป็นงานชุมนุมครั้งหนึ่งระหว่างลูกหลานคนสำคัญของแต่ละเผ่า ผู้ที่สามารถเข้าร่วมไม่มีสักคนที่เป็นบุคคลธรรมดา”ชิงอวิ๋นหยางตอบอย่างมีใจแต่ไร้พลังแต่ไม่ช้าเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังหาใดเปรียบ จ้องมองหลินสวินก่อนกล่าว “ประเดี๋ยวถึงงานชุมนุมเจ้าอย่าได้ก่อเรื่องเชียว และไม่อาจเปิดเผยฐานะของตนเองเด็ดขาด หากเจ้าไม่รับปาก ถึงแม้ผู้อาวุโสคาดโทษลงมา ข้าก็จะไม่พาเจ้าไปเข้าร่วม!”………………….
คอมเม้นต์