Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 625 ทั้งหมดล้วนฉงน
พลังฝ่ามือเรียบง่าย เหลือบแสงท่วงทำนองแห่งมรรคสีเขียว พละกำลังไม่อาจต้าน พลานุภาพยากทัดเทียมสีหน้าชิงอวิ๋นหยางปรวนแปรไม่หยุด สำแดงวิชาลับเต็มกำลังมาคลี่คลายแต่ที่ทำให้เขาหวาดผวาคือ พลังฝ่ามือนั่นควบแน่นไม่แตกแยก ราวสิงขรสูงชันยากสั่นคลอน เคลื่อนขวางเข้ามาตลอดทาง ไม่ว่าเขาจะจู่โจมอย่างไรล้วนไม่อาจต้านทานเขาถูกบีบจนไม่ถอยไม่ได้!ทุกคน ณ ที่นั้นส่งเสียงอื้ออึงตื่นตระหนก ลูกตาแทบถลนออกมา ชิงอวิ๋นหยางเป็นถึงบุตรเทพผู้สง่าผ่าเผยของพวกเขาเผ่าตะพาบเขียว กลับรับไม่ไหวแม้แต่ฝ่ามือเดียว?หนึ่งก้าวสองก้าวสามก้าวตามพลังฝ่ามือบีบอัดกึกก้อง ชิงอวิ๋นหยางอึดอัดจนวงหน้าแดงก่ำ ต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง แต่ท้ายที่สุดยังคงถูกบีบจนถอยร่นไม่หยุดนี่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม สีหน้าผิดแปลกหาใดเปรียบจนเกือบจะคลุ้มคลั่งแค่พลังฝ่ามือเดียว! ตนถึงกับไม่อาจขจัดคลี่คลาย?ตูม!ไม่ทันได้คิดมากความ พลังฝ่ามือที่ดูเหมือนกลมเกลี้ยงและเรียบง่ายนั้น กลับอัดแน่นไปด้วยความน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด บดอัดอย่างต่อเนื่องดูเหมือนเชื่องช้า แท้จริงกลับรวดเร็วถึงที่สุด แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ชิงอวิ๋นหยางก็ถูกบีบจนถอยร่นไปสิบกว่าก้าวเห็นว่าพลังฝ่ามือนั่นกำลังครอบคลุมกดอัดลงบนร่างในไม่ช้า ท้ายที่สุดชิงอวิ๋นหยางไม่อาจอดกลั้นความหวาดกลัวภายในใจ พุ่งหลบไปอีกฝั่ง ไม่กล้าฝืนปะทะซึ่งหน้าอีกซ่า!แต่ในเวลาเดียวกับที่เขาหลีกหลบ พลังฝ่ามือนั่นประดุจเกลียวคลื่น สะท้านไหวแผ่วเบา ก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย“ออมมือแล้ว”พร้อมกันนั้นหลินสวินออกปากส่งเสียง สีหน้านิ่งสงบเห็นชัดว่าในช่วงสุดท้ายเขาหยุดมือ เป็นฝ่ายเก็บพลังฝ่ามือเองการควบคุมพลังดั่งใจนึกเช่นนั้น ทำให้ทหารอารักขาซึ่งอยู่ใกล้เคียงพลันหวาดผวาพวกเขางุนงงอีกครา และตระหนักได้ว่าหลินสวินไม่ใช่คนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นไหนเลยจะอาศัยแค่ฝ่ามือเดียวก็บีบจนบุตรเทพของพวกเขาไม่อาจไม่ถอยร่นน่ากลัวเกินไปแล้ว!เขาเป็นใครกันแน่ทุกคนล้วนเงียบสงัด เงียบกริบเป็นเป่าสากชิงอวิ๋นหยางสีหน้าอึมครึม ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ในใจรู้สึกอัดอั้นเหลือจะเอ่ยเขาไม่มีทางยอมรับผลเช่นนี้แน่!เจ้าคางคกที่เฝ้าดูมาตลอดแท้จริงแล้วอยากบอกยิ่งนัก ว่าเด็กน้อยเจ้าน่ะรู้จักพอเถอะ ตอนอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ ไม่รู้มีบุตรเทพกี่คนถูกหลินสวินสังหาร นับประสาอะไรกับเจ้าแต่ท้ายที่สุดเจ้าคางคกยังคงอดกลั้นเอาไว้ ไม่อยากยั่วชิงอวิ๋นหยาง เลี่ยงไม่ให้เจ้าหมอนี่เป็นบ้าไปซะก่อน ไม่งั้นสถานการณ์คงย่ำแย่ขึ้นแปะๆๆ!ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดราวป่าช้า เสียงปรบมือพลันดังขึ้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งเดินออกมาจากหอหยกขาวนพนภานั่น เดินไปปรบมือไป ก้าวย่างเนิบช้า นิ่งสงบเหลือจะเอ่ยเจ้าคางคกม่านตาหดรัดชั่วขณะ ในใจสั่นสะท้าน สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบจากร่างเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ราวเผชิญหน้ากับราชันผู้หนึ่งซึ่งทัศนาสรรพสิ่งจากเบื้องบนก็ไม่ปานไม่จำเป็นต้องคาดเดา เด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้ต้องเป็นราชันระดับสังสารวัฏคนหนึ่งอย่างแน่นอน!“ผู้อาวุโส!”เวลานี้ผู้ดูแลใหญ่และทหารอารักขาทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างนิ่งอึ้งตะลึงงัน รู้ฐานะของผู้มาเยือนจึงโค้งคำนับอย่างเป็นระเบียบในใจพวกเขาลอบอุทานว่าแย่แน่ ทั้งตื่นตระหนกอยู่ในใจ การเคลื่อนไหวที่นี่ถึงกับทำให้ผู้อาวุโสออกหน้าด้วยตนเอง ผลที่ตามมาต้องร้ายแรงยิ่งเป็นแน่หากกล่าวโทษลงมา พวกเขาคงขว้างงูไม่พ้นคอ!“คำนับผู้อาวุโส!”ชิงอวิ๋นหยางสีหน้ากลัดกลุ้มและอึมครึม เข้าไปทำความเคารพ “หลานละอายใจยิ่งนัก ทำให้ผู้อาวุโสต้องเห็นเรื่องน่าขัน”“จบกันๆ คราวนี้จบเห่จริงๆ แล้ว…”เจ้าคางคกพึมพำ ราชันระดับสังสารวัฏถูกปลุกให้ตื่น นี่มันรุนแรงเกินไปแล้ว“เรื่องนี้ไม่อาจกล่าวโทษบุตรเทพ ล้วนเป็นเพราะความโง่งมของข้าน้อย ไม่รู้ว่าเจ้าคนเถื่อนสองคนนี่เตรียมการมาก่อน จนกระทั่งรบกวนผู้อาวุโส ขอผู้อาวุโสโปรดลงโทษ!”ผู้ดูแลใหญ่ก้าวไปเบื้องหน้า คุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าตื่นตระหนกส่วนอูยั่งตกใจจนหมอบคลานลงกับพื้น สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เหงื่อกาฬไหลซึมอาภรณ์ หน้าขมวดกันเป็นปม อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออกครั้งนี้เป็นเขาที่นำพวกหลินสวินมา หากกล่าวโทษลงมาเขาต้องรับผิดชอบทั้งหมดอย่างแน่นอน ผลที่ตามมานั้นคงไม่อาจจะคาดคิดแต่สิ่งที่แปลกคือ เวลานี้เด็กหนุ่มชุดเขียวกลับไม่ใส่ใจพวกเขาโดยสิ้นเชิง สายตากลับมองไปยังหลินสวิน พลางกล่าวขุ่นเคือง “เหตุใดจึงหยุดมือลงกลางคัน”ชิงอวิ๋นหยางชะงักงัน ผู้อาวุโสนี่มันหมายความว่าอะไร กำลังพูดกลับกันหรือเปล่าผู้ดูแลใหญ่ซึ่งคุกเข่าอยู่กับพื้นกลับอวดฉลาด กระวีกระวาดประจบสอพลอ “มีผู้อาวุโสอยู่ โจรชั่วเยี่ยงนี้ไหนเลยจะกล้ากระทำการชั่วร้าย”“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสอานุภาพยิ่งใหญ่อัศจรรย์เหนือพิภพ ประหนึ่งเทพมังกรแห่งสรวงสวรรค์ เจ้าโจรชั่วนั่นไยจะกล้าผลีผลามอีก”ทหารอารักขาคนอื่นรีบเอ่ยรับทันใดนั้นสีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น กล่าวว่า “พี่ใหญ่ หากข้ายังสู้ต่อ นั่นคงกลายเป็นว่ามาหาเรื่องจริงๆแล้ว หากเป็นเช่นนั้นท่านจะยินดีจริงหรือ”พี่ใหญ่?ได้ยินคำเรียกขานนี้ชิงอวิ๋นหยางดวงตาเบิกกว้าง เจ้าหมอนี่กล้าเรียกผู้อาวุโสของพวกเขาเช่นนี้ตามอำเภอใจรึมีโทษสมควรตายซะจริง!แต่ผู้ดูแลใหญ่นั่นยิ่งโกรธจนแทบบ้า ตวาดเสียงกร้าว “บังอาจ! ถึงกับกล้าดูหมิ่นผู้อาวุโสเผ่าข้า! โจรระยำเยี่ยงเจ้าต้องลงโทษด้วยความตาย!”เห็นจะมีเพียงเจ้าคางคกที่รู้สึกประหลาดใจสงสัยอยู่บ้าง ลูกตาหมุนติ้วไปมาระหว่างร่างเด็กหนุ่มชุดเขียวและหลินสวินไม่หยุด“ไสหัวไปให้พ้น! โจรระยำอะไรกัน เจ้าสุนัขรับใช้นี่มีตาหามีแววไม่!”กลับเห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวดูเหมือนรู้สึกทนไม่ได้อยู่บ้าง ขาข้างหนึ่งพลันถีบลงบนตัวผู้ดูแลใหญ่นั่นเพียงตูมเดียวผู้ดูแลใหญ่ก็ถูกเตะลอยละล่อง ร่างกายราวกระสอบทรายแตก ตกลงสู่ห้วงน้ำห่างไปนับร้อยจั้ง ร้องโอดโอยทุรนทุรายไม่หยุดภาพเหตุการณ์ที่เห็นกับตานี้ทำเอาชิงอวิ๋นหยางตะลึงงัน ทหารอารักขาเหล่านั้นก็ต่างนิ่งอึ้งกันเป็นแถบ มึนงงไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกันทำไมจู่ๆ ผู้อาวุโสถึงลงมือกับคนของตนเอง“ผู้อาวุโส นี่ท่าน?” ชิงอวิ๋นหยางร้อนอกร้อนใจอยู่บ้าง“หึ! เจ้าคนไม่เอาอ่าว ประเดี๋ยวค่อยจัดการกับเจ้า!”เด็กหนุ่มชุดเขียวถลึงตามองเขาคราหนึ่ง ขู่จนฝ่ายหลังแข็งทื่อไปทั้งตัว ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น นี่… นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?แต่ขณะนี้เด็กหนุ่มชุดเขียวหาได้ใส่ใจเขาอีก ยิ้มร่าก้าวไปเบื้องหน้า มือข้างหนึ่งตบลงบนบ่าหลินสวินพลางกล่าว “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าจะปรากฏตัวที่นี่กะทันหัน ทำเอาข้าผิดคาดยิ่งนัก”กระดูกไหล่หลินสวินแทบหัก กล่าวแยกเขี้ยวยิงฟัน “พี่ใหญ่ เบาหน่อย!”เด็กหนุ่มชุดเขียวพลันหัวเราะตัวโยนทันที “วางใจเถอะ ไม่ทำเจ้าตายหรอก ไปๆๆ รีบตามข้ามา ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุยสะดวกนัก”เขาพูดพลางเกี่ยวบ่าหลินสวินไว้ ไม่อธิบายอะไรก็มุ่งเดินไปยังหอหยกขาวนพนภาที่ห่างไป“เด็กๆ จัดเตรียมงานเลี้ยง วันนี้ข้าจะต้อนรับน้องร่วมสาบานของข้า จริงสิ นำเหล้า ‘เมฆาจรัสเพลิง’ ที่ข้าเก็บรักษาไว้ออกมาด้วย!”ขณะหัวเราะร่าอย่างเบิกบานใจ เด็กหนุ่มชุดเขียวและหลินสวินก็หายไปในตำหนักนั้นส่วนในบริเวณนั้น พวกชิงอวิ๋นหยางต่างตะลึงงันอยู่กับที่ อ้าปากค้างราวกับเห็นผีแม้แต่เจ้าคางคกยังตอบสนองไม่ทันอยู่บ้าง ยืนงงชะงักงันอยู่ตรงนั้น“หรือว่า… เขา… เขาคือเพื่อนเก่าของผู้อาวุโสจริงๆ”ครู่ใหญ่ค่อยมีคนเอ่ยปากเสียงสั่นเครือเพียะ!ทันทีที่หลุดจากปาก ฝ่ามือด้านข้างก็ฟาดปะทะ “เจ้าโง่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ ผู้อาวุโสบอกกับปากตัวเอง เด็กหนุ่มนั่น… ไม่สิ ผู้อาวุโสท่านนั้นคือน้องร่วมสาบานของผู้อาวุโส”“สวรรค์!”ทหารอารักขาทั้งหมดมองหน้ากันเลิกลั่ก หน้าตื่นถึงขีดสุด ที่แท้เด็กหนุ่มนั่นไม่ได้โกหก เขามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับผู้อาวุโสจริงๆ ด้วย!ตึง!กลับเห็นอูยั่งพังพาบไปกับพื้น ตาเหลือกลน น้ำลายฟูมปาก ถึงกับตกใจจนเป็นลมไปแล้วนี่ทำเอาผู้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแต่อูยั่งกลับไม่คิดเช่นนั้น เขานึกถึง ‘คำสารภาพ’ อันไร้ความทระนงที่ตนทำไปเมื่อครู่ ถึงได้ทำให้ทุกคนมองพวกหลินสวินเป็นโจรชั่ว ในใจจึงเกิดความคิดอยากตายอย่างหนึ่งนั่นเป็นถึงน้องร่วมสาบานของผู้อาวุโสเชียวนะ!กลับถูกตน ‘หักหลัง’ ซะได้…พอนึกถึงว่าเรื่องนี้จะก่อให้เกิดผลร้ายแรงนานัปการตามมา อูยั่งซึ่งเดิมทีขี้ขลาดอยู่แล้วจึงพังทลายโดยสมบูรณ์ เลือกที่จะหมดสติไป“นึกไม่ถึงว่าเป็นเรื่องจริง…”เวลานี้ชิงอวิ๋นหยางก็ค่อยๆ ได้สติ สีหน้าแข็งทื่อไม่น่าดู“พวกเจ้า… เหตุใดเมื่อครู่ไม่รีบบอกแต่แรก”สายตาเขามองไปยังเจ้าคางคกที่อยู่ห่างไป“ไร้สาระ พวกเราบอกไปไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ประเด็นคือพวกเจ้าไม่เชื่อน่ะสิ!”เจ้าคางคกกลอกตาใส่ หันหลังเดินอาดๆ จิตใจฮึกเหิม ทิ้งให้ชิงอวิ๋นหยางมองตาปริบๆ อยู่ตรงนั้นเวลานี้ในที่สุดเจ้าคางคกก็เข้าใจแล้วว่าหลินสวินเอาความมั่นใจมาจากไหน ที่แท้ก็เป็นน้องร่วมสาบานของผู้อาวุโสเผ่าตะพาบเขียว!ไอ้หมอนี่มันโคตรเจ๋ง!…ชั้นเก้าหอหยกขาวนพนภา ในโถงกว้างขวางและสง่างามแห่งหนึ่ง“ข้าจำได้ ตั้งแต่ออกจากโบราณสถานบรรพกาลจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งสองปีกระมัง น้องชายเจ้าถึงกับเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดด จากผู้ฝึกปราณน้อยคนหนึ่งกลายเป็นมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะ ทำให้ข้าเกินคาดหมายทีเดียว”เด็กหนุ่มชุดเขียวนั่งขัดสมาธิบนที่นั่งประธาน หน้าตาอัศจรรย์ใจแน่นอนว่าเขาคือ ‘ราชาตะพาบเขียว’ ผู้นั้น!ในตอนนั้น ระหว่างทางที่หลินสวินมายังนครต้องห้ามเป็นครั้งแรก เขาจับพลัดจับผลูถูกม้วนเข้าสู่วังน้ำวนลวงตาแห่งหนึ่ง และไปปรากฏตัวอยู่ในโบราณสถานบรรพกาลแห่งหนึ่งในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณอย่างน่าอัศจรรย์และเป็นที่นั่น ที่หลินสวินได้พบกับราชาตะพาบเขียวผู้ซึ่งติดอยู่ในนั้นเป็นเวลานานกว่าพันปีท้ายที่สุดด้วยมุกนักบุญอมตะในมือหลินสวิน ทำให้ราชาตะพาบเขียวที่ถูกกักขังมีโอกาสหลุดพ้นออกมาได้“ข้าเองก็คาดไม่ถึง ไม่นึกเลยว่าพี่ใหญ่จะกลายเป็นผู้อาวุโสเผ่าตะพาบเขียว”หลินสวินเองก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่อยู่ตอนแรกในโบราณสถานบรรพกาลนั่น ผู้อาวุโสตะพาบเขียวเคยบอกกับปากตัวเองว่าเขาอายุสองพันหกร้อยกว่าปี แต่ในเผ่าพันธุ์ตะพาบเขียว อายุสองพันปีถือเป็นช่วงกำลังโตเท่านั้นกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์และด้วยประการฉะนี้ หลินสวินจึงนับอีกฝ่ายเป็นพี่เป็นน้องกันอย่างยินดีแต่ต้นกลับคาดไม่ถึงว่าการพบเจอกันครานี้ อีกฝ่ายจะเป็นบุคคลระดับผู้อาวุโสคนหนึ่งแล้ว…“ฮ่าๆๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสเผ่าตะพาบเขียว” เด็กหนุ่มชุดเขียวหัวเราะร่าหลินสวินยิ้มรับ เล่าเรื่องราวที่เค้นถามอูยั่งออกมาจนหมดเปลือกหลังจากนั้นกล่าวว่า “ตอนนั้นข้าเองก็แคลงใจว่าจะใช่พี่ใหญ่หรือไม่กันแน่ ด้วยเหตุนี้จึงลองมาดู คิดไม่ถึงว่าข้าจะเดาถูก”“นี่แหละคือวาสนา!” เด็กหนุ่มชุดเขียวยิ้มต่อจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัน ร่ำสุราไปด้วยคุยถึงเรื่องเก่าไปด้วย บรรยากาศกลมเกลียวนี่ทำให้หลินสวินแอบเป่าปากโล่งอกพูดกันตามตรง ไม่เจอกันสองปี ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยังจดจำมิตรภาพเก่าก่อนได้หรือไม่แต่ดูท่าตอนนี้เขาคงไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ เด็กหนุ่มชุดเขียวนาม ‘ชิงเลี่ย’ ผู้ขนานนามตนเองว่า ‘ราชาตะพาบเขียว’ จิตใจกว้างขวางอิสระเสรี หยิ่งทะนงฮึกเหิม แตกต่างจากพวกคร่ำครึโบราณทั่วไปยิ่ง ดูไม่ต่างอะไรกับพวกเด็กหนุ่มบางทีคงเพราะนิสัยอิสระไม่ยึดติดของเขา ในครั้งแรกที่พบกันจึงระลึกถึงบุญคุณที่หลินสวินช่วยชีวิตไว้ ถึงขั้นร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับหลินสวินไม่เมินเฉยเพราะพลังปราณอันต้อยต่ำของหลินสวิน……………..
คอมเม้นต์