Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 617 วานรเฒ่าผู้น่ากลัว
ภูเขาเทพหมอกม่วงกำลังถล่ม เกิดเป็นคลื่นสั่นสะเทือนน่ากลัวผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าล้วนหลบหนี ไม่กล้าหยุดอยู่ที่นั่น เพียงแต่เมื่อผู้แข็งแกร่งกลุ่มแรกมาถึงตีนเขาและจะพุ่งไปข้างหน้า ก็เกิดเหตุเหนือความคาดหมายแสงทองแวววาวแสงหนึ่งพุ่งขึ้นมา นั่นก็คือปีกสีทองที่ปกคลุมเวิ้งฟ้าคู่หนึ่ง ท่วงทำนองแห่งมรรคน่าหวาดหวั่นไหลเอ่อ ปกคลุมมายังผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นพญาเผิงปีกทองตัวนั้นลงมือ!“สมควรตาย!”เหล่าผู้แข็งแกร่งสีหน้าเปลี่ยนไป ร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก หลบหนีพัลวันตูม!ปีกสีทองทิ้งลู่ลง ใหญ่โตเกินไปแล้ว ปกคลุมฟ้าดิน ทำให้หินผาแหลกสลาย พลังน่ากลัวม้วนกลืน หมายจะกลบทับที่นี่ให้มิดเพียงแต่ยามใกล้จะเข้าปกคลุมผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น คลื่นพลังต้องห้ามสายหนึ่งหนึ่งก็บังเกิดขึ้นจากภูเขาเทพหมอกม่วงที่กำลังถล่มนั้น แล้วสลายทุกอย่างนี้จนสิ้น!พญาเผิงปีกทองตัวนั้นส่งเสียงหวีดร้องราวตกใจระคนโกรธ เงาร่างถึงกับถูกกดทับจนตกลงมายังพื้นดิน!แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งหลายคนก็ยังหนีไม่ทันดังเดิม ถูกพญาเผิงปีกทองอาศัยโอกาสนี้กลืนเข้าไปในคำเดียว“หนี!”“บ้าเอ๊ย พื้นที่ใกล้ๆ กันก็ถูกสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนี้ปิดผนึกไว้แล้ว!”เสียงโวยวายตื่นตระหนกดังขึ้นรอบทิศ ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าหน้าเสีย ด้วยพบว่าบริเวณใกล้เคียงภูเขาเทพหมอกม่วงมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวตัวแล้วตัวเล่ายึดครองอยู่ทั้งพญาเผิงปีกทอง เอกพญางู จิ้งจอกเขียวลี้ลับ ผีเสื้อห้าสี รวมถึงตะขาบหยกมรกตที่ตัวยาวหนึ่งจั้งกว่าพวกมันล้วนมีพลังน่าหวาดหวั่นไม่ด้อยไปกว่าราชันสังสารวัฏ ยึดครองแต่ละทิศ ดวงตาเต็มไปด้วยแววโหดเหี้ยมเห็นได้ชัดว่าพวกมันรออยู่ที่นี่นานแล้ว หมายจะสังหารผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าเพื่อชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวพวกเขา!นี่พาให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าล้วนหน้าเปลี่ยนสี ในใจพรั่นพรึง กระวนกระวายไม่อาจสงบได้แต่ไม่นานนักพวกเขาก็สังเกตได้ว่า แม้ว่าภูเขาเทพหมอกม่วงนี้กำลังถล่ม แต่กลับมีพลังต้องห้ามไหวกระเพื่อมกดข่มให้สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้อยู่“พุ่งไป! หลบพวกมันไปให้ไกล!”ผู้แข็งแกร่งหลายคนรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดนั้น ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้วกัดฟันหลบหลีกออกจากพื้นที่ที่สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นยึดครอง พุ่งตัวไปยังที่ไกลออกไปโครม!พื้นที่แถบนี้ยุ่งเหยิงไปหมด สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นไม่พอใจที่ถูกกดทับ ต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง สำแดงพลานุภาพคับฟ้าออกมาผู้แข็งแกร่งที่หลบหนีไม่ทันบางคนประสบเคราะห์ถูกจับทั้งเป็นคาที่ในทันใดส่วนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกมาหน่อยกลับถือโอกาสนี้หลีกหนีอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า พุ่งทะยานออกไปไกลอย่างบ้าคลั่ง ไม่กล้าหันกลับไปอีกเสียงคำรามดังขึ้นไม่ว่างเว้น ณ ที่แห่งนี้ พญาเผิงปีกทองกระพือปีกหวีดร้องไปทั่วเก้าชั้นฟ้าเอกพญางูม้วนร่างในห้วงอากาศ ปากพ่นกลืนพลังน่าหวาดหวั่นม้วนกลืนไปแปดทิศส่วนจิ้งจอกเขียวลึกลับนั้นกลับหายตัวเคลื่อนที่ไม่ว่างเว้น ไปล่าผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือผีเสื้อห้าสีตัวนั้น มันมีขนาดพอกับใบลาน ปีกทั้งสองกระพือเบาๆ ก็ก่อให้เกิดพายุห้าสีทะลุฟ้า บดขยี้ท้องนภา ผู้แข็งแกร่งที่ถูกม้วนเข้าไปทุกคนไม่มีใครโชคดีรอดชีวิตสักคน!เช่นเดียวกัน ตะขาบหยกมรกตตัวนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ขามากมายแน่นขนัดของมันกวัดไกว ประหนึ่งคมมีดนับร้อยนับพันกำลังเก็บเกี่ยวชีวิตนี่ยังเป็นตอนที่พวกมันถูกพลังต้องห้ามกดทับ หากไม่ใช่เช่นนี้ อาศัยพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าราชันสังสารวัฏของพวกมัน คงสามารถก่อให้เกิดภัยพิบัติน่าหวาดหวั่น ไม่มีทางปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งสักคนหนีไปได้แน่อย่างไรเสียความแตกต่างของพลังก็มากเกินไป“พวกเราก็รีบไป ตอนนี้พลังต้องห้ามนั่นยังอยู่ สามารถกดข่มสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นได้ ทันทีที่ภูเขาเทพหมอกม่วงพังทลายสิ้นแล้ว ก็จะไม่อาจกำราบพวกมันได้อีก!”เจ้าคางคกร้องเสียงดัง“ไป!”หลินสวินนำอยู่ข้างหน้า เวลานี้เขาเรียกดาบหักออกมา สีหน้าระแวดระวัง เคราะห์สังหารระดับนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าไปต่อกรกับพวกหนิวทุนเทียนเสียอีก ทำให้เขาต้องระวังอย่างยิ่งเคร้ง!พวกเขาเพิ่งเคลื่อนไหวก็ถูกโจมตี จิ้งจอกเขียวตัวหนึ่งหายตัว กรงเล็บคมพุ่งทะลวงอากาศ ปลดปล่อยแสงสีครามน่ากลัวสายหนึ่ง ม้วนกลืนออกมาประหนึ่งน้ำตกตูม!กลับเห็นว่าจ้าวจิ่งเซวียนตะคอกเสียงกังวาน เงื้อมือฟาดยันต์หยกสีดำระเบิดออกเสียงดังผัวะ เกิดเป็นสายฟ้าสีดำแล่นปราดทันใดนั้นการปะทะอันน่ากลัวอุบัติขึ้น แสงเทพยิงพุ่ง สั่นสะเทือนจนพวกหลินสวินแทบกระอักเลือด พลังนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขาเองก็หวาดหวั่นยังโชคดีที่ยันต์หยกสีดำที่จ้าวจิ่งเซวียนฟาดออกไปนั้นไม่ธรรมดายิ่งนัก ทำให้พวกเขาฝืนต้านการโจมตีนั้นได้ และฉวยจังหวะนี้หนีไปไกลเพียงแต่เวลาต่อมาก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ตามหลังพวกหลินสวินมาหนีไปไม่ได้ ถูกจิ้งจอกเขียวตัวนั้นจับทั้งเป็น“เมื่อกี้เจ้าเอาสมบัติอะไรออกมา เหตุใดถึงทรงพลังเช่นนี้”เมื่อหนีจากบริเวณนั้นออกมาไกลแล้ว เจ้าคางคกก็โล่งอกยิ่งนัก มองไปยังจ้าวจิ่งเซวียนด้วยสายตาประหลาดใจอย่างอดไม่ได้“วิธีป้องกันตัวที่เสด็จพ่อของข้าให้มา ยันต์อสนีนิลกาฬเทพหยิน สามารถสลายเคราะห์สังหารที่เกิดขึ้นฉับพลันได้ แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว”จ้าวจิ่งเซวียนแจกแจงประโยคหนึ่งที่แท้ก็เป็นสมบัติที่จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมอบให้!หลินสวินก็อดไม่ได้ลอบทอดถอนใจ จ้าวจิ่งเซวียนมีฐานะเป็นถึงธิดาของจักรพรรดิ เกรงว่าวิธีป้องกันตัวที่ครอบครองต้องไม่น้อยแน่พวกเขาไม่ได้ร่ำไร หนีออกไปเต็มกำลังเบื้องหลังพวกเขา ภูเขาเทพหมอกม่วงกำลังถล่มต่อไป ใช้เวลาไม่นานนักต้องหายไปจากโลกแน่เสียงร้องโหยหวนดังไม่ว่างเว้น ที่นั่นแสงเทพครั่นครืน ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่ายังคงหนีตายเพียงแต่คนที่สามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือของสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นได้มีราวครึ่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนคนอื่นล้วนถูกจับไว้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไม่เพียงวาสนาที่ได้มาจะถูกชิงไป แม้แต่ชีวิตของพวกเขาก็ยังต้องทิ้งไว้ที่นี่“น่ากลัวเกินไปแล้ว สิ่งมีชีวิตน่ากลัวเหล่านั้นสติปัญญาสูงล้ำ ทั้งพลังก็ไม่ด้อยไปกว่าราชันสังสารวัฏ หากไม่ได้พลังต้องห้ามจากภูเขาเทพหมอกม่วงลูกนั้น เกรงว่าวันนี้คงยากจะหลุดพ้น…”เจ้าคางคกหวาดผวายิ่งนัก แม้ว่าจะหนีออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่เมื่อนึกถึงสิ่งมีชีวิตที่มีพลานุภาพคับฟ้าแต่ละตัวพวกนั้น ก็ยังคงหวาดกลัว“สหายน้อย หากไม่รีบหนีไป ถือโอกาสนี้พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ”เวลานี้จู่ๆ เสียงแก่เฒ่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาท น่าตกใจจนเจ้าคางคกแทบกระโดดเหยง ทั้งยังทำให้หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนแข็งทื่อไปทั้งตัว ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นเงาร่างวานรเฒ่าตัวหนึ่งปรากฏกายขวางทางอยู่ เขามีขนหนาแน่น สายตามีแววกร้านโลก ค้ำไม้เท้าสีเขียวไม้หนึ่ง ท่าทางงกๆ เงิ่นๆเป็นวานรเฒ่าที่ดูแลสวนโอสถในเกาะอริยะปัญจธาตุตัวนั้น!หลินสวินมองปราดเดียวก็จำอีกฝ่ายได้ เขาหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้ ในใจระแวดระวังหาใดเทียบ ตั้งแต่ตอนอยู่บนเกาะอริยะปัญจธาตุเขาก็รู้แล้วว่าวานรเฒ่าตัวนี้น่ากลัว ยากหยั่งถึงยิ่งนักสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้ตัวหนึ่ง พลันปรากฏกายขวางทางอยู่ที่นี่ ทำให้หลินสวินรู้สึกหนักอึ้งในใจอยู่บ้าง“ผู้อาวุโสต้องการจะคุยเรื่องอะไร”หลินสวินสงบใจแล้วเอ่ยถาม“เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้หมายจะมาปองร้ายเจ้า”ใบหน้าชราของวานรเฒ่าบังเกิดแววเมตตาแต่หลินสวินไม่เชื่อ ตอนเขาอยู่ที่เกาะอริยะปัญจธาตุ ไม่เพียงปล้นโอสถสมบัติไร้เทียมทานอย่างโสมราชันโคมสมบัติ หญ้ากิเลน ยังชิงคัมภีร์อริยมรรคเสี้ยวหนึ่งของ ‘คุณชายน้อย’ ผู้นั้นวานรเฒ่าที่มีฐานะเป็นผู้ดูแลเกาะอริยะปัญจธาตุ จะไม่ถือสาเรื่องพวกนี้กับตนได้อย่างไร“อาศัยเจดีย์สมบัติในมือเจ้า ข้าจะไม่ลงมือกับเจ้า อีกทั้งเจ้ายังเคยเข้าไปในโบราณสถานดวงกมลนั้น ได้รับมหาศุภโชคมาอย่างหนึ่ง หากมีวาสนากับเผ่าเราก็ไม่ใช่ศัตรู”วานรเฒ่าน้ำเสียงยิ่งอ่อนโยนเรียบสงบโบราณสถานดวงกมล!หลินสวินจิตใจหวั่นไหว รับรู้ได้ว่าที่วานรเฒ่าพูดนั้น ต้องเป็นภูเขาเทพหมอกม่วงอย่างไม่ต้องสงสัยเห็นได้ชัดว่าวานรเฒ่ารู้หลายเรื่อง ดูออกได้จากการที่เขาเรียกชื่อ ‘โบราณสถานดวงกมล’ ออกมา ทั้งยังรู้ว่าตนได้รับศุภโชคจากที่นั่นทว่าหลินสวินยังคงระวังตัวไม่ว่างเว้น เขาไม่กล้าคลายความระแวดระวัง ด้วยไม่รู้ว่าวานรเฒ่าตนนี้มีชีวิตมานานเพียงไหนแล้ว ท่าทางโชกโชน พลังลึกล้ำยากหยั่งถึง“แย่แล้ว งูตัวนั้นมาแล้ว!”ทันใดนั้นเจ้าคางคกก็หน้าเปลี่ยนสี ร้องออกมาเสียงดังดังคาด ห่างออกไปเอกพญางูตัวนั้นไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใดถึงได้สลัดแรงกดทับของภูเขาเทพหมอกม่วงออกได้ เคลื่อนกายพุ่งมาทางนี้“เจ้ามนุษย์ เป็นเจ้าที่ได้รับศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโบราณสถานดวงกมลหรือ รีบส่งมาเร็วซะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”เอกพญางูมาถึงในชั่วพริบตา มันม้วนตัวกลางห้วงอากาศ ร่างใหญ่โตโอฬารบดบังท้องฟ้าทาบทับดวงตะวัน หัวงูประหนึ่งภูผา นัยน์ตากระหายเลือดมีขนาดเท่าทะเลสาบ เหลือบแลมายังหลินสวินคำพูดประโยคเดียวก็ทำให้หลินสวินรู้ว่ามีคนแพร่งพรายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตน ทำให้เอกพญางูตัวนี้ทิ้งผู้แข็งแกร่งคนอื่น แล้วมาหาตนเพื่อชิงศุภโชคของตนก่อน!“เจ้าหนอนน้อยตัวยาว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะสอดปาก รีบหายไปเสีย”เวลานี้วานรเฒ่าชำเลืองมองเอกพญางูตัวนั้นคราหนึ่ง เอ่ยส่งแขกด้วยวาจาไม่ไว้ไมตรี“เจ้ากล้าพูดกับข้าหรือ”เกล็ดสีเขียวทั่วตัวของเอกพญางูส่องแสงเยียบเย็นราวโลหะ นัยน์ตาสีเลือดเต็มไปด้วยจิตสังหารมันมีความสามารถที่มากพอให้โอหังได้ พลังเหนือกว่าผู้มีปราณระดับสังสารวัฏทั่วไปนัก เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในแดนลับแห่งนี้“ฮ่า เงียบหายไปนาน ขนาดหนอนน้อยตัวยาวตัวหนึ่งยังกล้าท้าทายข้า น่าสนใจ”วานรเฒ่าพลันหัวเราะ เขาในตอนนั้นไม่ใช่ผู้ที่ต่อกรได้ง่ายอะไร ที่ในแดนลับไม่มีข่าวคราว ก็เพราะเขาเก็บตัวคุ้มครองเกาะอริยะปัญจธาตุที่เจ้านายของเขาทิ้งเอาไว้มาโดยตลอด ไม่ได้ออกไปโลกภายนอกก็เท่านั้นตูม!เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งเดียว แสงธรรมแถบหนึ่งก็เคลื่อนออกมาพร้อมกับสายฟ้าสีทองน่าหวาดหวั่น เสียงดังกัมปนาทจนหูแทบดับเอกพญางูพลันหน้าเปลี่ยนสีในทันใด สังเกตได้ถึงอันตราย“โฮก!” มันส่งเสียงคำรามออกมา โจมตีเต็มแรง ร่างที่ใหญ่หนาราวบรรพตเหยียดยาวปะทุรัศมีเทพ หางงูเคลื่อนกวาดไปในห้วงอากาศถึงกระนั้นก็ได้ยินเสียงกระแทกดังโครม หางงูราวแส้เทพหางนั้นกลับมีแผลเหวอะหวะแล้วขาดออก เลือดสดๆ ไหลเป็นสายวานรเฒ่าโบกมืออย่างง่ายๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้นก็ตัดหางของเอกพญางูขาด นี่ทำให้มันหวาดหวั่น รับรู้ได้ว่าพลังของคู่ต่อสู้น่ากลัวอย่างไร้ที่สิ้นสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลับนี้!ถึงขนาดที่ว่า อาจจะเป็นอริยะที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้หนึ่ง!“แคว้ก!”ที่ไกลออกไปมีเสียงร้องแหลมดังขึ้น ที่แท้พญาเผิงปีกทองตัวนั้นก็พุ่งมาทางนี้ เพียงแต่เมื่อเห็นภาพนี้มันก็หวาดผวาตื่นตระหนกพลังแท้จริงของเอกพญางูนั้นมันรู้ดีนัก แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเดียว วานรเฒ่าตัวนั้นน่าพรั่นพรึงถึงขั้นไหนกันแน่เอกพญางูกับพญาเผิงปีกทองล้วนเลือกถอยหนีโดยไม่ลังเล ไม่กล้าเข้าใกล้ที่นี่อีกพวกหลินสวินกลับสูดหายใจเย็นเยียบ ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง วานรเฒ่าตัวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว น่ากลัวกว่าราชันระดับสังสารวัฏไม่รู้กี่เท่า!หรือว่าเขาจะเป็นอริยะที่ก้าวข้ามอมตะนพเคราะห์?__
คอมเม้นต์