Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 608 มรรคาสมบูรณ์
เจ้าคางคกเลิกตามไปโจมตี ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าที่เฝ้าดูอยู่ต่างหมดสนุก และท่าทางเด็ดเดี่ยวของจ้าวจิ่งเซวียนก็ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปสุดท้ายแม้ว่าเรื่องตลกจะจบลง แต่ไม่ว่าจะเป็นจ้าวจิ่งเซวียนหรือพวกเซียวหรันต่างรู้ดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์ร่วมสำนักของพวกเขาได้แตกหักกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว!เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆ ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่เข้าไปในตำหนักโบราณทั้งเก้า ส่วนมากถูกทยอยส่งออกมาแล้ว“ในตำหนักแรก เหลือเพียงหนิวทุนเทียนคนเดียว!”“ในตำหนักที่สาม ก็เหลือเพียงเมิ่งเหลียนชิงคนเดียว”“ในตำหนักที่สี่ ก็เหลือเพียงข่งซิ่ว”……ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างกำลังรอคอย พวกเขารู้ดีว่ายิ่งอยู่ในตำหนักโบราณนั่นได้นานเท่าไหร่ ศุภโชคที่จะได้รับก็ยิ่งมากและเมื่อรู้ว่าเหล่าบุคคลไร้เทียมทานแห่งยุคอย่างพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วพวกนี้ ยามนี้ยังคงยืนหยัดอยู่ ในที่นั้นพลันเกิดเสียงอุทานด้วยความตกใจเป็นระลอกๆ อย่างควบคุมไม่อยู่แต่ละเผ่าล้วนมีบุคคลระดับบุตรเทพ แต่ในบรรดาบุคคลระดับบุตรเทพ ผู้ที่ทำได้โดดเด่นที่สุดคือพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงอย่างไม่ต้องสงสัย!พวกเขาได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนด้วยผลการรบอันดุดันมาตั้งนานแล้ว และตอนนี้ยังสามารถหยั่งรู้อยู่ในตำหนักได้นานเพียงนี้ แค่คิดก็รู้ว่าพรสวรรค์และพลังของพวกเขาน่าทึ่งเพียงใด“ในตำหนักที่เจ็ด เหลือเพียงแค่เสวียนหลัวจื่อคนเดียว”“ในตำหนักที่เก้า… เหลือเพียงแค่เด็กหนุ่มเทพมารเผ่ามนุษย์คนเดียว!”“อะไรนะ เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นยังหยั่งรู้อย่างต่อเนื่อง ยังไม่ถูกส่งออกมางั้นหรือ”“แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะโหดร้ายไร้ที่เปรียบ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีเพียงบุคคลระดับเขาเท่านั้น ที่อาจจะสู้ตัดสินกับพวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงได้กระมัง”เมื่อรู้ว่าหลินสวินยังคงอยู่ในนั้น ไม่เคยถูกขับออกมา สีหน้าของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างสับสนขึ้นมา มีทั้งคนที่ชิงชังเคียดแค้น และคนที่ถอนหายใจและชื่นชมมีเพียงพวกซูซิงเฟิงที่สีหน้าอึมครึม กัดฟันกร่อนพวกเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่า หลินสวินจะสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ นี่ถือว่าเหนือความคาดหมายของพวกเขา และยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวหลินสวินสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ เป็นการยืนยันอย่างไร้ข้อกังขาว่า เขามีพรสวรรค์และความสามารถในการหยั่งรู้ที่เหนือคาด คนที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนเช่นนี้ หากครั้งนี้ได้รับมรดกอันแข็งแกร่งบางอย่างอีก ต่อไปก็จะยิ่งน่าสะพรึงกลัวไม่ใช่หรือเด็กคนนี้จะเก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด!พวกซูซิงเฟิงแอบคิดในใจอย่างโหดร้าย ที่พึ่งเดียวของพวกเขาในตอนนี้ คือเมื่อออกจากที่นี่แล้ว จะยืมพลังของผู้เฒ่าเกาหยางไปคิดบัญชีกับหลินสวินแม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะไม่ถูกต้องนัก แต่ขอเพียงแค่สามารถฆ่าหลินสวินและช่วงชิงสมบัติในตัวเขาได้ พวกเขาก็ไม่เสียดาย!“นอกจากที่พวกเขาอยู่ห้าตำหนัก สี่ตำหนักที่เหลือบนภูเขาอื่นๆ ว่างเปล่าไปแล้ว…”“นี่ไม่ใช่การยืนยันหรือว่า มรดกในตำหนักทั้งสี่นั่นไม่มีใครสามารถรับการถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์ น่าเสียดายจริงๆ!”“ใช่ เสียดายจริงๆ”ในลานมีเสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นระลอกๆผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างพบว่า นอกจากตำหนักโบราณที่หลินสวินและพวกหนิวทุนเทียนห้าคนยึดครอง ภายในตำหนักโบราณอื่นๆ อีกสี่ตำหนัก ไม่มีผู้แข็งแกร่งมาตั้งนานแล้วมีความหมายชัดเจนว่ามรดกในตำหนักทั้งสี่นี้จะไร้ซึ่งคนได้เชยชม ทำให้อดถอนหายใจด้วยความเสียดายไม่ได้‘น่าเสียดายจริงๆ…’เซียวหรันพึมพำในใจ วันนี้เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย เกิดความผันผวนมากมาย แม้เขาอยากข่มกลั้น ยังยากที่จะทำได้และทั้งหมดนี้ ล้วนผิดที่ออกจากยอดเขาก่อนเวลาอันควร!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เซียวหรันก็ยิ่งอัดอั้น ตอนนั้นไม่มีใครบังคับให้เขาออกมา แต่เป็นตัวเขาออกมาเอง ใครจะคิดว่าจะพลาดศุภโชคไปเพราะเหตุนี้นี่ก็เหมือนการเข้าสู่ภูเขาสมบัติแต่กลับมามือเปล่า เป็นใครก็คงไม่สามารถรักษาความสงบได้ตามความคิดของเซียวหรัน หากเขายังอยู่ในตำหนักโบราณนั่น ย่อมไม่ด้อยไปกว่าพวกหลินสวิน หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงอย่างแน่นอน!น่าเสียดาย นี่ก็คือวาสนา ผิดพลาดเพียงก้าวเดียว ผลลัพธ์ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง……‘แม่นางจ้าว เจ้าหยั่งถึงสิ่งใด’เจ้าคางคกสื่อจิตถาม เขาเบิกบานใจมาก แม้ว่าไม่สามารถยืนหยัดจนจบได้ แต่จากการหยั่งรู้เมื่อครู่นี้ เขาได้ความทรงจำที่เลือนลางหลายอย่างในอดีตกลับคืนมาโดยบังเอิญสิ่งที่หายากที่สุดคือ เขายังควบคุมวิชาลับพรสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือด ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาลับฝึกปราณของเผ่าคางคกทองสามขาอย่างพวกเขา!สำหรับเจ้าคางคกแล้ว นี่เหมือนกับการค้นพบมรรคาที่แท้จริงของตนอย่างไม่ต้องสงสัย ในอนาคตขอเพียงแค่เขาฝึกฝนให้หนักขึ้น ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถทะยานไปสู่มหามรรคได้‘ข้าได้รับวิชาลับบรรพกาลวิชาหนึ่ง ชื่อว่า ‘วิชากลุ่มดาวสี่ลักษณ์’’จ้าวจิ่งเซวียนตอบสั้นๆ ได้ใจความ ทว่าน้ำเสียงกลับเผยความดีใจ เห็นได้ชัดว่ามรดกนี้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่หาได้ยากสำหรับนาง‘ในสมัยบรรพกาล เทพได้แบ่งปวงสวรรค์หมื่นพิภพ จำแนกกลุ่มดาวออกเป็นยี่สิบแปดกลุ่ม แบ่งออกเป็นสี่ลักษณ์ หนึ่งลักษณ์มีเจ็ดกลุ่มดาว ตั้งชื่อตามสัตว์เทพบรรพกาลอันได้แก่ วิหคชาด มังกรเขียว เสือขาว เต่าดำ เบื้องบนชิงพลังสวรรค์ เบื้องล่างยึดครองสี่ทิศ… วิชานี้กล้าใช้ชื่อว่ากลุ่มดาวสี่ลักษณ์ ต้องเป็นมรดกที่ยอดเยี่ยมวิชาหนึ่งอย่างแน่นอน!’เจ้าคางคกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที เพียงจากชื่อเขาก็รู้แล้วว่าวิชาลับนี้จะต้องไม่ธรรมดา‘ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ของเจ้าก็ไม่น้อยเลย’จ้าวจิ่งเซวียนเหลือบมองเขาปราดหนึ่งเจ้าคางคกได้ใจขึ้นมาทันที ยิ้มพูด ‘แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ด้อยไปกว่าเจ้าแน่’‘แล้วเทียบกับหลินสวินล่ะ’จ้าวจิ่งเซวียนกะพริบตาปริบๆเจ้าคางคกรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาทันที พลันพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ‘ให้ข้าดีใจสักพักไม่ได้หรือไง เหตุใดเจ้าจึงชอบทำลายขวัญกำลังใจของคนอื่นเหมือนเจ้าหนูคนนั้น นิสัยแย่ๆ เช่นนี้ต้องปรับปรุง!’พูดถึงตรงนี้เขาพลันลูบคางโดยไม่รู้ตัว แหงนหน้าขึ้นมองบนยอดเขา พึมพำว่า ‘จะว่าไป ข้าสงสัยจริงๆ ว่า ท้ายที่สุดเด็กหมอนั่นจะได้รับศุภโชคอะไร…’จ้าวจิ่งเซวียนเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน นัยน์ตาคู่ใสมองไปที่ยอดเขาไม่เพียงแค่พวกเขาสองคน ยามนี้จุดสนใจของทุกคนในที่นั้นล้วนอยู่ที่ผู้แข็งแกร่งทั้งห้าอย่างหลินสวิน หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อเพราะจวบจนถึงตอนนี้ มีเพียงพวกเขาทั้งห้าที่ยังไม่ถูกส่งกลับมา แต่ยังคงอยู่ในระหว่างการหยั่งรู้อย่างต่อเนื่อง น่าทึ่งเกินไปแล้วและนี่ก็หมายความว่า ศุภโชคที่พวกเขาจะได้ตอนท้ายสุด จะต้องไม่ธรรมดาใช่หรือไม่……ภายในตำหนักโบราณหลังศีรษะของหลินสวิน จานหมุนศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนแสงสว่างไสว สะท้อนภาพถ้ำสวรรค์แท่นมรรค แสงสมบัติล้อมรอบ แผ่กระจายหมอกศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นอายท่วงทำนองมรรคเก่าแก่และเรียบง่ายก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หลินสวินลืมตาขึ้นกะทันหัน จนถึงตอนนี้เขาได้สร้างมรรคาของตัวเองขึ้นมาใหม่ ทะลวงผ่านอย่างสิ้นเชิง ในใจปลอดโปร่งร่าเริงเขาสัมผัสได้อย่างเต็มที่ว่ามรรคาของตนเปลี่ยนไปอีกแล้ว!ก่อนหน้านี้ตอนที่บรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ เพียงเพราะในระดับปราณนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด ทำให้เขาก้าวไปสู่มกุฎมรรคาที่ทรงพลังที่สุดนับตั้งแต่บรรพกาลจวบจนปัจจุบันได้แต่ตอนนี้เมื่อผ่านการรับฟังความจริงอันลึกลับของเสียงธรรมนั้น ทำให้เขาก้าวเดินสู่มรรคาอีกครั้งในระหว่างการหยั่งรู้ สรรค์สร้างขอบเขตระดับของตนใหม่ ทำให้ระดับที่มีในอดีตเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดของมรรคานับตั้งแต่ฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้ ราวกับเป็นการหวนกลับไปฝึกใหม่ ทำให้มรรคาที่หลินสวินควบคุมได้ไม่มีความผิดพลาดและจุดบกพร่องอีกต่อไป สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด!‘มิน่าใครๆ ถึงกล่าวว่าโลกชั้นล่างมรรคบกพร่อง หากไม่ใช่เพราะได้รับศุภโชคในวันนี้ ทำให้ข้าได้ชดเชยจุดบกพร่อง เกรงว่าคงไม่สามารถทำให้มรรคาของข้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดเช่นนี้ได้…’หลินสวินตระหนักรู้ในใจก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะรู้ว่าโลกชั้นล่างมรรคบกพร่อง แต่กลับไม่รู้ว่า ‘บกพร่อง’ ตรงไหนวันนี้เมื่อผ่านการหยั่งรู้มหามรรคอย่างลึกซึ้ง ในที่สุดเขาก็มองเห็นแล้วว่ามรรคที่ ‘บกพร่อง’ นี้อยู่ที่ไหน และฉวยโอกาสนี้ทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ ทำให้มรรคาเปลี่ยนแปลงถึงที่สุดอย่างแท้จริง!ยามนี้รอบตัวของเขาว่างเปล่า กลิ่นอายสมบูรณ์และเต็มเปี่ยมด้วยพลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกการกระทำล้วนนำพาท่วงทำนองที่มองไม่เห็น ประสานเข้ากับฟ้าดิน ยอดเยี่ยมและโดดเด่นแม้พลังปราณยังคงอยู่ในระดับหยั่งสัจจะขั้นต้นสมบูรณ์ แต่หลินสวินกลับรับรู้ได้ว่า การควบคุมพลังและความเข้าใจต่อมหามรรคของตน เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!ในใจเขาพลันปรารถนาจะสู้สักครา ต้องการพิสูจน์ตัวเอง นี่คือท่าทางชั้นยอดอย่างหนึ่ง เต็มไปด้วยความมั่นใจ มีรสชาติแห่งการชิงชัยในมหามรรคการหยั่งรู้จบลงแล้ว แต่หลินสวินกลับสังเกตเห็นว่า ยามนี้กระถางหินที่อยู่กลางตำหนักมีฝนแสงมหามรรคแถบหนึ่งพรั่งพรูออกมาปกคลุมทั้งตัวเขาชั่วพริบตาหลังจากนั้นเขาก็หายแวบไปจากตำหนัก……ในตำหนักที่หนึ่งหนิวทุนเทียนที่นั่งขัดสมาธิพลันลุกขึ้นอย่างกะทันหันร่างกำยำเกรียงไกรของเขาราวกับภูเขาที่สูงตระหง่าน ซัดสาดแสงดำน่ากลัวปานกระแสน้ำเชี่ยว สีหน้าทรงอำนาจเย่อหยิ่ง ดวงตาฉายความเย็นเยียบ มีมาดโอหังดุจดั่งใต้หล้านี้มีเพียงข้าที่ยิ่งใหญ่“โฮก!”เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงยาว ผมสยายปลิวไสว รูปร่างประดุจเทพมารหลังจากผ่านการหยั่งรู้ในครั้งนี้ หนิวทุนเทียนแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!……“ผ่านการหยั่งรู้ครานี้ ภายในสามปีนี้เมื่อก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติ จะต้องชิงชัยในมรรคาที่สูงขึ้น”ภายในตำหนักที่สาม เงาร่างอันสูงโปร่งของเมิ่งเหลียนชิงลอยพลิ้วขึ้นมา เปล่งแสงสีทองอร่ามไปทั่วทั้งร่าง ราวกับทองคำกำลังไหลเวียน รุ่งเรืองสะดุดตาสามารถมองเห็นรางๆ ว่าด้านหลังนางคล้ายมีภาพมายาหงส์หิรัณย์บินอยู่ในท้องฟ้าสีคราม หมายจะเทียบชั้นกับสวรรค์!……“มรรคนี้ช่างลึกลับ ข้าได้ผลเก็บเกี่ยวไม่น้อยเลย!”ภายในตำหนักที่สี่ บุตรเทพข่งซิ่วแห่งเผ่าโห่วเมฆาลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสายฟ้าตัดสับไปมา น่าหวาดผวาอย่างที่สุดบนผมสีดำยาวนุ่มสลวยของเขารอบล้อมไปด้วยรัศมีสายฟ้าสีเงินที่วิบไหวไม่หยุด สะท้อนภาพเขาออกมาประหนึ่งเทพที่กำเนิดจากการอาบไล้สายฟ้า……“การหยั่งรู้ครั้งนี้เหลือเชื่อมากจริงๆ…”ภายในตำหนักที่เจ็ด บุตรเทพเสวียนหลัวจื่อแห่งเผ่าเต่าทมิฬลุกขึ้นและจมอยู่ในภวังค์ความคิดเขามีผมยาวสีฟ้าคราม รูปร่างสูงชะลูดองอาจ มีหมอกควันสีฟ้าราวกับภาพฝันไหลหลั่งทั่วกาย แต่บุคลิกของเขากลับเฉียบคมราวกับหอกไร้เทียมทาน หมายจะแทงทะลุชั้นฟ้า!……ยามนี้ทั้งหลินสวิน หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อล้วนตื่นขึ้นมาแทบจะในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เพราะพวกเขารู้สึกตัวขึ้นมาเองแต่เป็นเพราะเสียงถ่ายทอดมหามรรคนั้นเลื่อนลอยหายไปแล้ว บรรยากาศมรดกอันเป็นเอกลักษณ์ปานท่องอยู่ในยุคบรรพกาลก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอยพวกเขาจึงตื่นจากการหยั่งรู้โดยพร้อมเพรียงกันหลังจากนั้นพวกเขาต่างสังเกตเห็นเช่นเดียวกับหลินสวินว่า กระถางหินกลางตำหนักเกิดเสียงคำราม พ่นฝนแสงมหามรรคออกมาปกคลุมร่างกายพวกเขาเอาไว้ สุดท้ายก็หายไปจากแต่ละตำหนักโดยพร้อมเพรียงกันโครม!ในขณะเดียวกันบนยอดภูเขาทั้งเก้าเกิดคลื่นเคลื่อนไหวอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนตกตะลึงในทันที ดึงดูดทุกสายตาที่อยู่บริเวณเชิงเขาให้หันมองพร้อมกัน……………
คอมเม้นต์