Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 598 ศุภโชคดั่งภาพฝัน มายาดุจเงาลวง
การตายของเหยาซู่ซู่ ไม่ได้ทำให้หลินสวินรู้สึกหดหู่มากนัก แม้ว่านางจะไม่ฆ่าตัวตายเอง สุดท้ายก็ต้องถูกฆ่าตายอยู่ดี ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นสิ่งที่ทำให้หลินสวินสนใจจริงๆ คือ เจดีย์สมบัติไร้อักษรและแผนภาพปริศนาม้วนนั้นออกมาจากตำหนักใหญ่ลึกลับแห่งนี้จริงๆ ใช่หรือไม่ทว่าตอนแรก ใครเป็นคนนำพวกมันออกมากันเล่าแล้วเกิดเหตุบังเอิญแบบไหนกัน ท้ายที่สุดถึงได้ถูกเหยาทั่วไห่ถือครองฟังจากคำพูดที่เหยาซู่ซู่กล่าวมาเมื่อครู่แล้ว สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือ แม้แต่เหยาทั่วไห่ก็ไม่อาจสืบเสาะความเร้นลับแท้จริงของแผนภาพปริศนาและเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมาได้!ตอนนี้แผนภาพปริศนานั้นอันตรธานหายไป กลายเป็นมรรคคาถาหนึ่งบทประทับอยู่กลางอากาศ แต่ละอักษรล้วนงดงาม แย้มบานกลิ่นอายเจิดจรัสศักดิ์สิทธิ์ ลึกลับยากหยั่งถึงอย่างเห็นได้ชัด“นี่ก็คือศุภโชค นี่แหละคือวาสนาชะตาลิขิต!”จู่ๆ เจ้าคางคกพลันส่งเสียงทอดถอนใจ ท่าทีเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ยาก “หากมีเพียงแค่แผนภาพปริศนาก็ไม่อาจประจักษ์แจ้งถึงภาพเบื้องหน้านี้ได้โดยเด็ดขาด เหตุผลเดียวกัน หากไร้ซึ่งเจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือเจ้า ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ปรากฏขึ้นได้”เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง สายตากวาดมองตำหนักใหญ่แห่งนี้แล้วค่อยกล่าวต่อ “สิ่งสำคัญที่สุดคือ แม้จะครอบครองเจดีย์สมบัติไร้อักษรและแผนภาพปริศนาม้วนนั้นแล้ว หากไม่ได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ ก็ไม่สามารถทำให้จิตรกรรมเก่าแก่โบราณบนผนังรอบทิศนั้นปรากฏขึ้นได้ และคงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะเกิดเรื่องเหลือเชื่อระดับนี้ได้”“หรือกล่าวอีกนัยว่า ตำหนักใหญ่ เจดีย์สมบัติไร้อักษรและแผนภาพปริศนาม้วนนั้น ระหว่างสามสิ่งนี้เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ต่างก็สัมพันธ์กันเหมือนดั่งสลักดาลและกุญแจ มีเพียงยามที่ปรากฏขึ้นพร้อมกันเท่านั้น จึงจะสามารถเผยให้เห็นภาพเบื้องหน้าพวกเราได้”ครั้นได้ยินดังนี้ หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนล้วนเห็นพ้องพวกเขาทอดสายตามองไปยังมรรคคาถาสีเขียวเจิดจ้าที่อยู่กลางอากาศนั้น แต่ละคำล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ปลดปล่อยความหมายอันลึกซึ้งแห่งมหามรรค อัศจรรย์อย่างที่พรรณนามิได้“มรรคคาถาบทนี้ก็ไม่เรียบง่าย น่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าของตำหนักใหญ่แห่งนี้ทิ้งเอาไว้ ในนั้นยังซ่อนความลึกลับที่คาดเดาไม่ได้เอาไว้นานัปการ”นัยน์ตาสีทองของเจ้าคางคกทอประกาย สังเกตอย่างถี่ถ้วน “อย่าลืมว่าจิตรกรรมเก่าแก่ทุกภาพบนผนังหินของตำหนักใหญ่นี้ต่างรวมอยู่ในอักษรมรรคเหล่านี้ ในนี้ต้องซ่อนเร้นความหมายลุ่มลึกเป็นแน่!”“เจ้ามองอะไรออกบ้าง”หลินสวินเอ่ยถาม เขาย่อมรู้ดีว่ามรรคคาถาบทนี้ไม่เรียบง่าย มิฉะนั้นไหนเลยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันแสนอัศจรรย์เช่นนี้ได้“เจ้าดูประโยคแรก ยาตรานภสินธุ์ ย่ำแดนดินคุนหลุนผา”เจ้าคางคกสีหน้าสุขุม “ยังจำจตุโบราณสถานเก่าแก่ที่ข้าเคยบอกเจ้าได้หรือไม่ หนึ่งในนั้นก็มีแหล่งสถานคุนหลุนด้วย และจากที่เล่าลือกันมาตั้งแต่บรรพกาล หากหมายจะปีนป่ายคุนหลุน จะต้องผ่านเส้นทางโบราณนภสินธุ์ที่ทอดข้ามความว่างเปล่าโดยรอบ!”“ความหมายของเจ้าคือ ประโยคแรกนี้เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่เส้นทางโบราณนภสินธุ์ และรุดหน้าไปยังแหล่งสถานคุนหลุน?”หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างตะลึงงัน นี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยได้ยินความลับบรรพกาลชั้นนี้“แปดเก้าในสิบส่วนเป็นเช่นนี้ เจ้าของตำหนักนี้ถึงกับมองว่าเส้นทางโบราณนภสินธุ์เป็นรองเท้าข้างหนึ่งที่ใช้เยื้องย่างเข้าคุนหลุน จากเจตนารมณ์นี้ก็มองออกแล้วว่าการฝึกปราณของคนผู้นี้น่ากลัวเพียงใด”ในน้ำเสียงของเจ้าคางคกเจือแววทอดถอนใจ “แหล่งสถานคุนหลุนเชียวนะ หนึ่งในจตุโบราณสถานเก่าแก่ เทียบกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วยิ่งเจือสีสันแห่งความลี้ลับถึงสามส่วน ลือกันว่าเกี่ยวข้องกับมรรคาเซียนอันแท้จริง ต่อให้เป็นอริยบุคคลบรรพกาล ก็แทบไม่มีใครได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงแห่งแหล่งสถานคุนหลุนเลย!”“แล้วประโยคที่สองนั่นจะอธิบายว่าอย่างไร”หลินสวินรับฟังจนอารมณ์เริ่มไม่สงบ อดถามขึ้นมาไม่ได้“เกี่ยวตะวันแลจันทรา กอบกุมไว้ทั่วอัมพร…”เจ้าคางคกท่องอย่างถี่ถ้วน กลับใคร่ครวญร้อยหนก็ไม่เข้าใจ กล่าวเนือยๆ ว่า “นี่น่าจะอธิบายถึงระดับการฝึกปราณอย่างหนึ่ง บรรลุถึงระดับนี้ เพียงสะบัดแขนเสื้อก็สามารถเกี่ยวตะวันและจันทราลงมาได้ ทำให้ความนัยอันลึกซึ้งแห่งมหามรรคทั่วฟ้าถูกควบคุมและใช้งานอยู่ในมือ”หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนตะลึงงัน หากเป็นจริงดังที่เจ้าคางคกพูด นั่นก็เป็นระดับปราณที่น่ากลัวและเอกเทศเกินไปแล้ว แทบไม่สามารถวัดประเมินและหยั่งถึงได้เลยแม้แต่น้อย!“แต่ว่า ประโยคนี้จะต้องไม่ง่ายเหมือนอย่างที่ปรากฏผิวเผินเป็นแน่”เจ้าคางคกเกาศีรษะ “ข้ารู้สึกอยู่เนืองๆ ว่ามรรคคาถาบทนี้มีความหมายเปรียบเปรย ซ่อนความลับยิ่งใหญ่บางอย่างเอาไว้ เพียงแต่อาศัยความสามารถของพวกเราตอนนี้ ยังไม่อาจอนุมานและทำความเข้าใจได้”หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง”เมื่อครู่ที่ข้าประจันหน้ากับผู้หญิงคนนั้น อาศัยเพียงแผนภาพปริศนาม้วนนั้นก็สกัดการโจมตีของข้าได้ เดิมทียังคิดว่านี่เป็นสมบัติอริยมรรคที่น่าทึ่งชิ้นหนึ่งเสียอีก ใครจะไปคิดว่าท้ายที่สุดมันกลับกลายร่างเป็นมรรคคาถาบทหนึ่ง ลำพังจุดนี้ก็มองออกแล้วว่ามรรคคาถาบทนี้เหนือธรรมดาเพียงใด”ดวงตาสุกใสของจ้าวจิ่งเซวียนเอ่อล้นด้วยแสงวาววับ ในน้ำเสียงเจือความรู้สึกทอดถอนใจอย่างที่บอกไม่ถูกทุกสิ่งที่ประจักษ์เบื้องหน้า ล้วนเห็นชัดว่าเอกเทศเกินไปและไร้ใดเทียบ อาศัยเพียงองค์ความรู้ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่สามารถเข้าใจความหมายลึกซึ้งในนั้นได้แค่คิดก็รู้แล้วว่าเจ้าของที่จัดเตรียมทุกสิ่งนี้ ระดับการฝึกปราณจะสูงส่งเพียงใดวู้ม!เวลานี้มรรคคาถาที่ประทับกลางอากาศบทนั้นพลันกระเพื่อมแปรปรวน จากนั้นแปรเป็นแสงพิรุณสีเขียวจรัสจ้าทั้งผืน พุ่งเข้าสู่เจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือหลินสวินหลินสวินตื่นเต้น รีบเร่งไปสืบเสาะ ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้เขาต้องผิดหวังแสงพิรุณที่เกิดจากมรรคคาถาผืนนั้น หลังเข้าสู่เจดีย์สมบัติไร้อักษรแล้วก็อันตรธานอย่างไร้ร่องรอย ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ และมิได้นำพาความเปลี่ยนแปลงอะไรมาสู่เจดีย์สมบัติไร้อักษรเช่นกันกล่าวโดยสรุป ก็เหมือนระเหยหายไปในอากาศภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษรอย่างไรอย่างนั้นแต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้เจ้าคางคกอิจฉาจนน้ำลายหกอยู่ดีนัยน์ตาของเขาถลนออกมา จ้องเจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือหลินสวินอย่างเอาเป็นเอาตาย สีหน้าคลั่งไคล้ ดุจหมาป่าหิวโซจับจ้องเหยื่อ กล่าวงึมงำ “เจ้าระยำนี่ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีต้นกำเนิดเหนือธรรมดาชิ้นหนึ่งเป็นแน่! ไม่เพียงแต่ทุกส่วนหลอมจากเหล็กเทพศุภโชค ด้านในยังซ่อนความลับยิ่งใหญ่แห่งบรรพกาลเอาไว้อีกด้วย!”หากไม่เพราะหลินสวินเก็บเจดีย์องค์นี้เอาไว้อย่างระแวดระวังสุดขีด คนโลภทรัพย์ปานชีวันอย่างเจ้าคางคกผู้นี้ เกรงว่าคงจะพุ่งเข้ามาแย่งชิงกับหลินสวินตั้งแต่ต้นแล้วถูกหลินสวินปัดป้องเหมือนโจร เจ้าคางคกก็มิได้หงุดหงิด เนื่องจากเขาเลื่อนสายตาไปอย่างว่องไว ติดหนับอยู่บนแท่นมรรคสามฉื่อซึ่งอยู่ปลายตำหนักใหญ่นั้นตรงนั้นต่างหากที่เป็นที่ตั้งของ ‘มหาศุภโชค’ ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้!แสงสมบัติบนแท่นมรรคไหลเวียน เปล่งประกายหลากสีสัน มีคัมภีร์มรรคม้วนแล้วม้วนเล่า มีขันสำริด ปลาไม้ แส้หางม้า บรรทัดทัณฑ์ ตะเกียงเขียว…เรียงรายแน่นขนัดตระการตา ล้วนเปล่งประกายพร่างพราว ส่องแสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้คนละลานตาหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างก็ประชิดเข้าไปเบื้องหน้าก่อนหน้านี้ที่พวกเราปรากฏตัว ก็เพราะต้องการขัดขวางมิให้พวกของเหยาซู่ซู่ได้รับวาสนาบนแท่นมรรคนี้ไป ส่วนตอนนี้คู่แข่งไม่เหลืออยู่แล้ว ศุภโชคกองนี้ก็อยู่แค่เพียงเอื้อมมือ!“ไม่แปลกใจเลยที่ทางระเบียงนั้นมีแต่ซากศพอริยะกลุ่มหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่ว พวกเขาแม้ตายก็ต้องรอคอยวาสนาภายในตำหนักใหญ่แห่งนี้ให้ได้ ดูแล้วศุภโชคพวกนี้ต้องเหนือจินตนาการแน่ๆ”จ้าวจิ่งเซวียนกล่าวถอนหายใจหลินสวินก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง สมบัติแต่ละชิ้นบนแท่นมรรคนี้สามารถสั่นคลอนอดีตและปัจจุบันได้ สุ่มหยิบออกมาหนึ่งชิ้นก็ยังทำให้บรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าในโลกภายนอกเหล่านั้นตาร้อน แย่งชิงเข่นฆ่ากันด้วยเหตุนี้แล้ว“อ่าฮู้!”เจ้าคางคกทนรอไม่ไหวแล้ว ลมหายใจถี่กระชั้น ส่งเสียงร้องปานหมาป่าโหยหวนออกมา ราวกับภูตผีหิวโหยจะไปเกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น สาวเท้าหนึ่งก้าวพุ่งเข้าไปทันใดสวบ!เขาสีหน้าตื่นเต้น แขนเสื้อใหญ่โบกสะบัด หมายจะหอบเอาทุกอย่างออกไป แต่กระนั้นแสงสมบัติกลับแตกสลาย หายวับไปราวกับฟองสบู่ ที่ตรงนั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย“อะไรกัน! ภาพมายาหรือ สมบัติบนแท่นมรรคทั้งหมดนี้ถูกคนเอาไปแล้วรึ”เส้นเลือดบนหน้าผากเจ้าคางคกเต้นตุบๆ โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตีอกกระทืบเท้าหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างอึ้งงัน มหาศุภโชคนี้ถึงกับเป็นเงาลวงที่เหมือนฟองสบู่ ถูกคนฉวยเอาไปแต่แรกแล้ว?“น่าชังนัก น่าชิงชังเสียจริง นี่มันกำลังแกล้งกันอยู่ชัดๆ!”เจ้าคางคกส่งเสียงคำรามออกมาอย่างขัดใจพวกเขาผ่านการสืบค้นมาทุกรูปแบบ ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหาเส้นทางลึกลับนี้เจอ ทั้งยังเดินผ่านทางระเบียงที่เต็มไปด้วยซากศพอริยะมาตลอดทางเดิมทีคิดว่าศุภโชคนี้เพียงแค่เอื้อมมือก็ได้ครอบครองแล้ว ใครจะไปคิดว่านี่เป็นแค่เงาลวงฟองอากาศฉากหนึ่งเท่านั้น!หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ศุภโชคลวงคน’?“ดูเร็ว!”จู่ๆ หลินสวินพลันเอ่ยปาก ชี้ไปยังแท่นมรรคอันว่างเปล่านั้น ที่ตามมาคือแสงมรรคไหลเวียน และปรากฏวัตถุดิบเทพกองหนึ่ง“เหล็กนิลมายา ดินปัจญธาตุ ทองเซียนรอยเมฆ…” นัยน์ตาสีทองอร่ามของเจ้าคางคกมีแสงวาววับ ทอประกายร้อนแรงออกมา เริ่มตื่นเต้นอีกครั้งเขาสะบัดแขนเสื้ออีก ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเมื่อครู่ ทุกอย่างอันตรธานหายไปดั่งฟองสบู่จนกระทั่งสักพัก มีแสงมรรคเวียนวนอีกครั้ง กลายเป็นสมบัติหายากซึ่งคละคลุ้งด้วยกลิ่นอายอริยเทพชิ้นแล้วชิ้นอีก เต็มไปด้วยสีสันสดใส“ล้อข้าเล่นเรอะ!”เจ้าคางคกคำรามแกมโมโห ถูกยั่วโทสะจะแย่แล้ว ศุภโชคกองหนึ่ง กลับไม่มีตัวตนแม้แต่น้อย เป็นเพียงเงามายาฉากหนึ่งเท่านั้น เปลี่ยนเป็นคนอื่นใครเล่าจะยินยอมแม้แต่หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนก็นึกเสียใจหาใดเปรียบเช่นกัน เข้าสู่แดนแห่งศุภโชคแล้ว แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ไม่มีเรื่องที่น่าผิดหวังและน่าขัดใจไปมากกว่านี้แล้ว พาให้คนเจ็บช้ำใจนัก“สวรรค์! ยังมีเงินเทพวิญญาณม่วง ขนปีกหงส์วิญญาณอีกด้วย!”ดวงตาเจ้าคางคกถลึงจนกลมโต สมบัติที่ปรากฏขึ้นบนแท่นมรรคช่างตะลึงโลกล้นเหลือ แม้แต่ในสมัยบรรพกาลก็พบเห็นได้ยาก เรียกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจร้องขอได้เลยที่เดียวแต่ที่น่าบัดซบคือ ของพวกนั้นล้วนเป็นเงาลวง!เจ้าคางคกพยายามลองอีกหลายครั้ง ท้ายที่สุดก็วางมือพลางสาปแช่งอย่างขัดใจหนึ่งระลอก ท่าทางท้อแท้และขุ่นเคือง“บ้านยายมันเถอะ ลวงหลอกจริงๆ ด้วย ภูเขาเทพหมอกม่วง คีรีดวงกมลอะไร เสี้ยวจันทร์สามดาราอะไร ปริศนาแห่งโพธิญาณอะไร มรรคประทานผู้มีบุญอะไร ระยำนี่มันไม่มีอยู่จริงทั้งนั้น นี่ไม่ใช่ลวงหลอกแล้วจะเป็นอะไรไปได้”เจ้าคางคกนั่งยองๆ กับพื้น โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปหมด “มิน่าบนแท่นบูชาสี่สิบเก้าแท่นนั้นต่างทิ้งอักษรคล้ายคลึงกันไว้ เห็นชัดถูกหลอกแล้ว ที่น่าขันคือบนทางระเบียงนั่นยังมีซากศพอริยะอยู่เต็มพื้น หากพวกเขารู้ว่าวาสนาที่พวกเขาเฝ้าคอยทั้งดวงใจเป็นเงาลวงที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร…”หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างมองหน้ากัน“ให้ข้าลองดูหน่อย”จ้าวจิ่งเซวียนก็ขัดใจเช่นกัน นางสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ก้าวไปข้างหน้า ยื่นฝ่ามือเรียวเนียนขาวแล้วเอื้อมไปทางแท่นมรรคเคร้งคร้าง!สมบัติเหล่านั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับฟองสบู่ เจ้าคางคกคิดจะเอ่ยเยาะสักสองประโยค ให้จ้าวจิ่งเซวียนถอดใจเสียแต่เนิ่นๆใครเลยจะคาดคิด ในช่วงสุดท้ายนั่นกลับมีหินสีดำทะมึนก้อนหนึ่งไม่ได้หายไป ถูกจ้าวจิ่งเซวียนกุมเอาไว้กลางฝ่ามืออย่างแน่นหนา“หืม?”ดวงตาเจ้าคางคกแทบหลุดออกมา หยัดกายขึ้นดังปึง ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น “เป็นไปไม่ได้ เหตุใดพอเจ้าลงมือก็คว้าสมบัติเอาไว้ได้กัน ไม่ยุติธรรมมากเกินไปแล้ว! เร็วๆๆ ให้ข้าดูหน่อยว่านี่มันสมบัติอะไร”กล่าวพลางเขาก็หมายจะไปฉกฉวยกลับถูกหลินสวินตบเข้าที่ท้ายทอยหนึ่งฉาด ดุด่าว่ากล่าว “ใจเย็นหน่อยได้หรือไม่ เจ้านี่ก็ช่างเก็บอาการไม่อยู่เกินไปแล้ว!”แม้จะเอ่ยเช่นนี้ สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดให้มองไปที่ฝ่ามือของจ้าวจิ่งเซวียนอย่างห้ามไม่ได้เช่นเดียวกัน___
คอมเม้นต์