Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 597 มรรคคาถาอันคาดไม่ถึง
การต่อสู้ดุเดือดกลางตำหนักใหญ่มิรู้วาย โลหิตไหลไม่รู้จบหลินสวินในเวลานี้ประดุจเทพมารแห่งการสังหาร เหยียดหยันใต้หล้า ดาบหักเล่มเดียวกรำศึกถ้วนทั่ว แสงดาราเรืองรองเอ่อล้น ไอดาบตัดเคลื่อน แตกพ่ายทุกแห่งนี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีต่างครั่นคร้าม เอ็ดอึงด้วยความขลาดกลัว ต่อต้านสุดแรงเกิดเพียงแต่ทุกอย่างนี้ย่อมเปลืองแรงเปล่า นึกถึงหนทางนองเลือดก่อนหน้านี้อันหาที่เปรียบมิได้ ที่หลินสวินไล่สังหารผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าตลอดทาง แม้แต่บุตรเทพเผ่าต่างๆ ยังยากจะขวางคมดาบของเขาได้ ท้ายที่สุดทุกคนล้วนหนีอุตลุดโดยไม่มีข้อยกเว้นส่วนตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีเหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับหยั่งสัจจะตามมาตรฐาน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้ทันใดนั้นในตำหนักใหญ่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง เสียงโหยหวน และฝนโลหิตดุจน้ำตกแม้แต่เจ้าคางคกก็ยังมองจนอึ้งค้างไป เดิมทีเขายังคิดจะช่วย ใครจะคิดว่ายื่นมือเข้าแทรกไม่ได้เลยแม้แต่น้อยนี่ทำให้เขาลอบด่าทอในใจว่าหลินสวินวิปริต ข่มเหงรังแกมากเกินไปแล้วชัดๆ ศัตรูเหล่านั้นอยู่ในเงื้อมมือของหลินสวิน ก็เหมือนกับการเฉาะแตงหั่นผัก ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิงเพียงชั่วครู่เท่านั้น ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีพวกนั้นต่างถูกหลินสวินสังหารอย่างไร้ไมตรี ทิ้งซากศพขาดวิ่นเกลื่อนกลาด แอ่งเลือดย้อมพื้นดินหลินสวินกลับไร้ราคี ไม่มีบุบสลาย อาภรณ์สีจันทร์ยวงทั้งชุดสะอาดหมดจด แม้แต่บนดาบหักก็ยังไม่เปื้อนเลือดสักหยดเขายืนอยู่ท่ามกลางแอ่งเลือดซากศพ ท่วงท่าโดดเด่น ใครจะคิดว่าการเข่นฆ่านองเลือดอันน่าสะเทือนขวัญปานนรกนี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มรูปงามที่บุคลิกโดดเด่นคนหนึ่งเช่นนี้ได้“ให้ตายเถอะ จะวางมาดอวดภูมิเจ้าหนูนี่ก็ทำไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ข้ายังจะหาความมีตัวตนได้จากที่ไหนกันเล่า”เจ้าคางคกกุมข้อมือถอนใจ ท่าทางเสมือนว่าเกิดมาอาภัพ ไร้โอกาสแสดงความสามารถของตนออกมา“เจ้าคางคก เจ้ายังมีแก่ใจมาโอดโอยอยู่ได้ รีบเข้ามาช่วยเร็วเข้า!”ไกลออกไป จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นางใช้กระถางสมบัติเก้ามังกรจัดการกับเหยาซู่ซู่และเหลียนเฟย แต่ในชั่วขณะหนึ่งกลับไม่สามารถกำราบแผนภาพลึกลับนั่นได้ นี่ทำให้นางอดเริ่มเป็นกังวลไม่ได้“ไม่ใช่เจ้าหนูนั่นเข้าไปแล้วหรือ เรื่องสามีว่าภรรยาตามของพวกเจ้า หากข้าไปช่วยจะมิกลายเป็นมือที่สามคั่นกลางหรือไร”เจ้าคางคกหัวเราะร่วนขึ้นมา ทั้งที่มีหน้าตางดงามล่อลวงหาใดเปรียบแท้ๆ แต่กลับหัวเราะได้อย่างสัปดนและวอนโดนต่อยมากเป็นพิเศษ บางทีนี่อาจเป็นมาดของเจ้าคางคกก็เป็นได้เวลานี้หลินสวินเข้าไปช่วยแล้วจริงๆ แต่ครั้นได้ยินน้ำคำสัปดนของเจ้าคางคก ก็ยังทำเอาเขาสีหน้าทะมึน มือที่สามคั่นกลาง?เจ้าคางคกเส็งเคร็งนี่สมควรโดนซัดงามๆ สักเปรี้ยงจริงเชียว!หลินสวินกัดฟันกรอดกล่าวว่า “ดีเลย รอถึงตอนแบ่งสมบัติกัน เจ้ากล้าคั่นกลาง นายน้อยผู้นี้จะตัดขาที่สามของเจ้าทิ้ง!”“เฮ้ย!”จากนั้น ไม่รอให้เจ้าคางคกระเบิดอารมณ์ หลังจากได้ยินคำพูดถึงขาที่สามอันแสนหยาบคายนี้ ดวงหน้างามของจ้าวจิ่งเซวียนก็อดแดงก่ำไม่ได้ ตวัดมองหลินสวินอย่างดุดันปราดหนึ่ง คล้ายกำลังตำหนิว่าเขาเองก็เปลี่ยนเป็นไม่เอาการเอางานแล้วเช่นกันหลินสวินพลันจนคำพูด รู้สึกเหมือนถูกให้ร้ายแล้ว เพราะเจ้าคางคกแต่เดิมก็เป็นคางคกทองสามขาอยู่แล้ว ตัดขาที่สามของเขาผิดตรงไหนเล่า“ดูเอาเถิดๆ นี่กำลังแย่งชิงศุภโชคกันอยู่นะ พวกเจ้ายังเกี้ยวพาราสี เล่นหูเล่นตากันอยู่ได้ จะให้ข้าผู้อ้างว้างเดียวดายไร้รักคนนี้ทนไหวอย่างไรกัน”เจ้าคางคกทำหน้าบูดบึ้งเหยาซู่ซู่และเหลียนเฟยที่แต่เดิมก็สิ้นหวังหาใดเปรียบอยู่แล้ว ยิ่งมีสีหน้าไม่น่าดูมากกว่าเดิมเมื่อเห็นภาพฉากนี้พวกนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่ คุยตลกขบขันกันเอง เห็นพวกเขาไร้ตัวตนเหมือนเป็นอากาศธาตุหรือไรนี่มัน…รังแกกันเกินไปแล้วชัดๆ!เวลานี้ทั้งสองต่างไม่รู้ว่าควรอยู่ในอารมณ์ไหน บันดาลโทสะ? ไม่พอใจ? สิ้นหวัง? หรือเป็นอัปยศ เศร้าโศก?“หลินสวิน พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า ไยต้องหยาบหยามกันเยี่ยงนี้!?”ในที่สุดเหลียนเฟยก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อนเป็นคนแรก ส่งเสียงคำราม ดวงตาแทบถลนเบ้า“อ้อ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของพวกเจ้า ข้าเกือบลืมไปเสียสนิทเชียว พวกเราเป็นถึงศัตรูตัวฉกาจต่อกัน ผูกแค้นกันมานานหลายปี”น้ำเสียงของหลินสวินฟังดูสบายๆ ท่าทางราบเรียบผ่อนคลาย ทำเอาเหลียนเฟยแทบกระอักเลือดออกมา โกรธจนหน้าเขียวแล้วศัตรูตัวฉกาจอยู่ต่อหน้า เจ้าหมอนี่ไม่ไยดีขนาดนี้ได้อย่างไรกันหรือในใจของเขา ตนไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นศัตรูของเขาหรือ“ข้าจะสู้กับเจ้า!”ภายใต้ความร้อนรนและโทสะในใจ เหลียนเฟยแผดเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว พุ่งทะยานเข้าหาหลินสวิน“อย่านะ…!”เหยาซู่ซู่ตกใจจนดวงหน้าซีดเผือด ก่อนหน้านี้มีการคุ้มกันจากแผนภาพปริศนาในมือนาง จึงทำให้ตอนที่พวกเขาเผชิญกับการโจมตี ยังพอสกัดกั้นและต้านทานได้ทว่าเวลานี้เหลียนเฟยกลับเป็นฝ่ายออกไปโจมตีเอง นี่มันจะต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปทิ้งกันเล่า“ความแค้นระหว่างพวกเรา ก็ยุติลง ณ บัดนี้เช่นกัน!”นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินฉายแววเย็นเยียบ สิ่งที่เขารอก็คือโอกาสนี้ ดาบหักซัดโจมตี เพียงชั่วแล่นเท่านั้น ศีรษะโชกเลือดก็ถูกตัดกระเด็นออกไปก่อนตาย บนหน้าของเหลียนเฟยยังคงมีความโกรธเกรี้ยว อดสู และไม่ยินยอมฉายอยู่ทั่ว ตายตาไม่หลับ“เจ้าก็ช่างเฉียบขาดตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว ข้ายังนึกว่าเจ้าจะบรรจงเชื่องช้าสักหน่อย ทรมานเจ้านี่สักพักเพื่อระบายความแค้นในใจ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการแก้แค้นนะ ย่อมควรทบทวนบุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้กันก่อน ระบายความหดหู่และอดกลั้นภายในใจเสียหน่อย แต่เจ้าหนูอย่างเจ้ากลับไม่สัญจรเส้นทางปกติ ดาบเดียวก็ฆ่าเสียแล้ว น่าเบื่อจริงๆ”เจ้าคางคกยิ้มพิกลขึ้นมา วิจารณ์วิธีการแก้แค้นของหลินสวิน“พูดตามตรง หากไม่ใช่เขาเป็นฝ่ายกระโจนออกมาเอง ข้าก็เกือบลืมไปแล้วว่ายังมีศัตรูเช่นนี้อยู่ทั้งคน”หลินสวินไหวไหล่ ทำหน้าไร้เดียงสานับตั้งแต่เข้าสู่นครต้องห้าม หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำจากอันตรายและความลำบากเหลือคณาแล้ว เรื่องบาดหมางกับเหลียนเฟยในปีนั้นก็เจือจางลงมากในสายตาของหลินสวิน กระทั่งไม่ได้มีความคิดจะไปกำจัดอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำใครจะไปคิด เหลียนเฟยกลับมองเขาเป็นศัตรูมาโดยตลอด จดจำฝังใจ กระทั่งวางหมากดำเนินการ คิดจะใช้ความช่วยเหลือจากเหยาทั่วไห่และตระกูลเหยาทั้งตระกูลมาจัดการกับเขาผลลัพธ์ตัดสินออกมาแล้ว ตระกูลเหยาพินาศ เหยาทั่วไห่ก็ตายเช่นกัน แม้แต่ ‘สุ่ยเชียนซาน’ ราชันระดับสังสารวัฏของคนเถื่อนวารีที่พวกเขาเชิญมาผู้นั้น ก็ถูกราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยพิชิตชัยจนต้องหนีอุตลุดตอนนี้ได้เห็นปลาลอดตาข่ายอย่างเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่สองคนนี้แล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่หลินสวินจะให้ทางรอดแก่พวกเขาอีกครั้ง ต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นหาใช่หลินสวินโหดเหี้ยมอำมหิต เข่นฆ่าเหมือนบ้าคลั่ง แต่เพราะครั้งนี้เมื่อได้เห็นเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ กระทั่งยังอาศัยแผนภาพปริศนาม้วนนี้มาถึงตำหนักใหญ่ลึกลับที่ซ่อนวาสนาเอาไว้แห่งนี้แล้ว หลินสวินก็เริ่มจะหวั่นใจขึ้นมาจริงๆเขาไม่ต้องคิดก็รู้ หากถูกทั้งสองช่วงชิงวาสนานี้ไป ต่อจากนี้รอจนพวกเขาแกร่งกล้าขึ้น จะต้องเริ่มแก้แค้นตนเป็นคนแรกอย่างแน่นอน!เคราะห์ดี ครั้งนี้ก็สมน้ำหน้าเหยาซู่ซู่กับเหลียนเฟยที่ดวงซวย มาพบหลินสวินเข้า ทำให้หลินสวินมีโอกาสยุติความแค้นฉากนี้ลงโดยสิ้นเชิง“พี่เฟย…!”เห็นเหลียนเฟยถูกสังหารต่อหน้าต่อตา เหยาซู่ซู่ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเศร้าโศกหาใดเปรียบ ดวงหน้าบิดบี้ยว “พวกเจ้า…พวกเจ้าสมควรตายกันให้หมด!”น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเคียดแค้น จากนั้นก็เห็นแผนภาพปริศนาในมือนางระเบิดแสงพิสุทธิ์เจิดจ้าออกมา มีพลังที่เป็นของอริยะไหวเคลื่อนอยู่รางๆ คล้ายจะปะทุออกมา“แย่แล้ว ผู้หญิงคนนี้จะทำลายแผนภาพปริศนานี้และตายไปพร้อมกับพวกเรา! เร็วเข้า รีบแย่งแผนภาพปริศนานั้นมา!”เจ้าคางคกสะดุ้งทันที ส่งเสียงตะโกนลั่นวู้ม!แทบไม่ต้องให้เจ้าคางคกเตือนสักนิด หลินสวินก็ตระหนึกถึงความไม่เข้าที เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด แสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งกวาดม้วนออกไปในชั่วขณะนี้ วิธีชิงสมบัติที่หลินสวินพอจะคิดออก ก็มีแต่แสงมรรคทองนิลกาฬเท่านั้นแล้วตูม!แสงมรรคทองนิลกาฬไหลเวียน ชั่วพริบตาก็รัดรึงแผนภาพปริศนาในมือเหยาซู่ซู่เอาไว้ทว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงขึ้น ทันทีที่แผนภาพปริศนานั้นสัมผัสแสงมรรคทองนิลกาฬ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันใด รวมตัวออกมาเป็นอักษรฝนแสงผืนหนึ่งทุกตัวอักษรล้วนมีสีเขียวเจิดจรัสราวกับแสงมรรคก่อตัว สว่างไสวไพศาล เปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งอริยมรรค โอฬารเหลือคณนาพวกมันว่ายเวียนอยู่กลางห้วงอากาศ แต่ละอักษรเหมือนกำลังถอดความนัยอันลึกซึ้งของมหามรรค“นี่…”หลินสวินตกตะลึง จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกก็ตะลึงเช่นเดียวกันมีเพียงเหยาซู่ซู่ที่จมสู่ความโกรธแค้นและเศร้าโศกเท่านั้นที่หมายจะสู้สุดแรง เมื่อเหลือบเห็นเจดีย์สมบัติในมือของหลินสวิน ดวงหน้าฉายแววไม่อยากเชื่อ กล่าวเสียงหลง “เจดีย์สมบัติของท่านพ่อข้าตกไปอยู่ในมือเจ้าได้อย่างไรกัน!?”ไม่มีใครสนใจนางด้วยเวลานี้พวกหลินสวินต่างตกตะลึงเมื่อพบว่า ชั่วขณะนี้ตำหนักใหญ่แห่งนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน บนผนังจตุรทิศ จิตรกรรมเก่าแก่แต่ละภาพนั้นราวกับตื่นขึ้นมาจากกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด ลอยออกมาจากผนังหินจากนั้นต่างหลั่งไหลเข้าสู่อักษรมรรคสีเขียวเจิดจ้านั้น!ภาพฉากนี้เหนือคาดเกินไป จิตรกรรมบนผนังรอบด้านกลับถูกอักษรมรรคที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันกลืนกิน การเปลี่ยนแปลงระดับนี้ไม่มีใครคาดคิดถึงในที่สุดจิตรกรรมเก่าแก่บนผนังหินต่างก็ถูกอักษรมรรคสีเขียวเจิดจ้าเหล่านั้นดูดกลืน และขณะเดียวกัน อักษรมรรคเหล่านั้นเริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง ปรากฏเป็นมรรคคาถาบทหนึ่งขึ้นกลางอากาศ‘ยาตรานภสินธุ์ย่ำแดนดินคุนหลุนผาเกี่ยวตะวันแลจันทรากอบกุมไว้ทั่วอัมพรข้าจากมรรตยะเคาะประตูสู่อมรทางเร้นเห็นสันดรมรรคประทานผู้มีบุญ’อักษรมรรคเจิดจรัส คละคลุ้งด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ประทับกลางอากาศ ทุกตัวอักษรกึกก้องกัมปนาท มีกลิ่นอายแห่งอริยเทพที่สะท้านสะเทือนจิตใจผู้คนชั่วขณะนั้นในตำหนักใหญ่เงียบสงัดใครก็คาดไม่ถึงว่าหลังจากแผนภาพลับในมือเหยาซู่ซู่และแสงมรรคทองนิลกาฬสัมผัสกัน จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันเหลือเชื่อเช่นนี้ไม่เพียงวิวัฒน์กลายเป็นอักษรมรรคที่อัศจรรย์ยากจะพรรณนาเท่านั้น ยังทำให้จิตรกรรมโบราณบนผนังรอบทิศของตำหนักใหญ่ลอยออกมา ท้ายที่สุดก็ผสานเข้ากับอักษรมรรค แปรเป็นมรรคคาถาบทหนึ่ง!“ข้าเข้าใจแล้ว มิน่าท่านพ่อจึงพูดอยู่เสมอว่าแผนภาพปริศนาไม่สมบูรณ์ เกรงจะไม่สามารถแสวงหาวาสนาแท้จริงได้ ที่แท้ความลับนั้นซ่อนอยู่ในเจดีย์องค์นั้นมาตลอด น่าเสียดาย แต่ไรมาท่านพ่อไม่เคยเชื่อมโยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน…”เหยาซู่ซู่เหม่อลอย ท่าทางเหมือนถูกซัดโจมตีเข้าอย่างจังดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว“เจดีย์องค์นี้กับแผนภาพปริศนานั้นพ่อเจ้าได้มาจากที่แห่งนี้ทั้งหมดหรือ”ฉับพลันหลินสวินก็ตระหนักถึงบางอย่างเช่นเดียวกัน ส่งเสียงตะโกนถามออกไปเหยาซู่ซู่ยิ้มอย่างโทมนัส นัยน์ตาทอประกายวาววับแปลกประหลาด “เจ้าอยากรู้? ข้าไม่ยอมให้เจ้าสมใจหรอก!”ทันใดนั้นมุมปากของนางมีคราบเลือดไหลซึมออกมา พลังชีวิตทั้งร่างถดถอยลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็ทรุดลงกับพื้นเจ้าคางคกรุดหน้าไปตรวจสอบ จากนั้นจึงส่ายหน้า “หมดทางช่วยแล้ว นางตายจากการตัดทำลายเส้นปราณหัวใจด้วยตัวเอง ต่อให้เทพเซียนมาก็ช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้”“ผู้หญิงคนนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก น่าเสียดายที่โง่เขลาเกินไป ต่อให้นางไม่พูดก็พอจะเดาออก แผนภาพปริศนาในมือนางจะต้องเชื่อมโยงกับเจดีย์สมบัติในมือหลินสวินอย่างแยกจากกันมิได้เป็นแน่ อีกทั้งสมบัติสองชิ้นนี้ น่าจะสืบทอดมาจากตำหนักใหญ่แห่งนี้ทั้งคู่”จ้าวจิ่งเซวียนเก็บกระถางสมบัติเก้ามังกร ท่าทางคล้ายขบคิด——
คอมเม้นต์