Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 585 แดนเผยแพร่อริยชน
ทิวเขาสลับซับซ้อน ป่าโบราณสูงเฉียดฟ้าแดนลับอสูรมารอริยะกว้างใหญ่ไพศาล เรียงรายไปด้วยภูมิทัศน์อย่างหนองน้ำ ทะเลทราย เทือกเขาและทะเลสาบ ประหนึ่งโลกใบน้อยที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งหนึ่งพวกหลินสวินที่เดินทางผ่านมาตลอดทางล้วนรอบคอบระแวดระวังที่นี่อันตรายยิ่งนัก มีสิ่งมีชีวิตและจิตสังหารที่ไม่อาจล่วงรู้ได้มากมายซุ่มซ่อนอยู่ ต้นไม้เก่าแก่ที่ดูไม่สะดุดตาบางต้นอาจแปรสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวตนหนึ่ง กลืนกินชีวิตที่ผ่านทางสัตว์ร้ายบางตัวสร้างรังในหินผา รังเจิดจ้าอวลไปด้วยรัศมีเทพ แสงสมบัติไหลเอ่อ ดูเหมือนเก็บสมบัติที่น่าดึงดูดยิ่งอยู่ แต่เมื่อเข้าใกล้ก็จะถูกสัตว์ร้ายลอบจู่โจม คิดจะรักษาชีวิตล้วนเป็นเรื่องยากระหว่างทางยังเห็นนาคารูปลักษณ์เหมือนเถาวัลย์ใหญ่ยักษ์ เพราะร่างยาวเกินไปจึงไหลตกลงมาจากยอดเขา แผ่นเกล็ดเย็นเยียบ น่าหวาดหวั่นเมื่อได้พบเห็นนอกจากนี้ยังมีแมงมุมสีม่วงที่มีรูปลักษณ์ดุร้ายน่าหวาดหวั่น ตะขาบหลากสียาวหนึ่งจั้งกว่า หนอนน่าพรั่นพรึงที่สูงเท่าคนผลุบโผล่อยู่ตลอดสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นล้วนน่ากลัวถึงที่สุด อันตรายอย่างยิ่ง ทันทีที่เหยียบย่างเข้าอาณาเขตของพวกมันก็อาจจะประสบภัยพิบัติได้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็น ‘ผู้อาศัยเดิม’ ที่ดำรงสืบต่อมาในแดนลับแห่งนี้ โลกภายนอกแทบจะสาบสูญไปนานแล้ว และตอนนี้ยึดครองอาณาเขตแต่ละที่ในแดนลับ พาให้ผู้คนหวาดผวาพวกหลินสวินเคลื่อนไหวอย่างระแวดระวังตลอดทาง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ ‘สิ่งมีชีวิตน่าหวาดผวา’ ตัวหนึ่งตกใจนั่นคือผีเสื้อตัวหนึ่ง ขนาดตัวเท่าใบพัด ปีกทั้งสองปล่อยแสงหลากสีสัน นัยน์ตาสีเขียวมันวาวประหนึ่งไฟวิญญาณแผดเผามันดูเหมือนไม่ดุร้าย ถึงกับมีท่วงท่างดงามประหลาด แต่กลับอันตรายอย่างยิ่งยวด น่าหวาดหวั่นกว่าสิ่งมีชีวิตที่เคยพบเห็นก่อนหน้านั้นเสียอีกหากไม่ใช่ว่าเจ้าคางคกดูสถานการณ์รวดเร็ว ตอบโต้ว่องไว หลบหนีออกจากอาณาเขตนี้อย่างแข็งขัน ไม่แน่ว่าอาจจะประสบเคราะห์เสียชีวิตได้นี่ทำให้พวกเขาล้วนสงสัยว่า บางทีผีเสื้อประหลาดตัวนั้นอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสังสารวัฏตนหนึ่ง!ตูม!ผีเสื้อที่อยู่ไกลออกไปถูกทำให้ตกใจตื่นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ยอมให้พวกหลินสวินหนีไปได้ ปีกทั้งสองพัดโบกเบาๆ กระพือเป็นพายุหลากสีลูกหนึ่ง!แสงเทพหลากสีโชติช่วง แปรสภาพเป็นพายุม้วนกลืนฟ้าดินเสียงดังโครมคราม ทุกที่ที่พัดผ่าน คีรีสลายกลายเป็นฝุ่น ผืนดินแหวกออกจากกัน ห้วงอากาศร้องโหยหวนยุ่งเหยิง สภาพการณ์น่าตื่นตะลึงยิ่งนักมองไปไกลๆ เงาของผีเสื้อตัวนั้นดุจราชันที่ยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน แสงหลากสีปกคลุมแน่นหนาทั้งร่าง ดูแล้วงดงามนัก แต่เมื่อยามกระพือปีกกลับก่อให้เกิดการทำลายล้างราวมลายฟ้าทลายดิน!น่ากลัวเกินไปแล้วพวกหลินสวินเกือบประสบเคราะห์ โชคดีที่พวกเขาหลบหนีมาก่อนแล้วอีกทั้งเพราะผีเสื้อตัวนั้นสร้างพายุระลอกหนึ่ง จึงสร้างความตื่นตระหนกให้จิ้งจอกเขียวตัวหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กันด้วย มันพลันกระโดดออกมา ส่งเสียงคำรามอย่างไม่พอใจปัง!จิ้งจอกเขียวแข็งแรงกำยำ พลังปราดเปรียวราวเซียน ปากพ่นลำแสงกระจ่างดุจจันทราออกมา ประหนึ่งเก้าชั้นฟ้าตกสู่ธารดารา พุ่งไปม้วนกลืนผีเสื้อที่อยู่ไกลออกไปทันใดนั้น บริเวณนั้นปะทุการต่อสู้ดุเดือดขึ้น แรงกำลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน น่ากลัวไม่มีที่สิ้นสุด“นี่ต้องเป็นพญาอสูรมารระดับราชันสังสารวัฏทั้งสองตนแน่!”เจ้าคางคกสูดหายใจยะเยือก“รีบไป!”หลินสวินยังสนใจสังเกตการณ์เสียที่ไหน เคลื่อนกายพุ่งไปไกลออกไปเต็มกำลังเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เขานึกถึงพญาเผิงปีกทองและเอกพญางูที่ได้พบในส่วนลึกของทะเลทรายขึ้นมา ทั้งสองตนก็น่ากลัวเช่นนี้เหมือนกัน“แดนลับอสูรมารอริยะนี้อันตรายเกินไปแล้ว พญาอสูรมารน่ากลัวเห็นได้ทั่วทุกแห่ง หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะเชื่อลง”หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนล้วนรู้สึกว่าแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ไม่ธรรมดายิ่งนัก ที่มาที่ไปไม่อาจคาดเดาได้ ต้องไม่ได้เรียบง่ายเพียงเป็นพื้นที่แห่งมรดกของอสูรมารอริยะแน่“ข้ายังเคยเห็นเกาะอริยะปัญจธาตุ…”หลินสวินเล่าประสบการณ์บางส่วนให้จ้าวจิ่งเซวียนฟัง ร่วมสืบเสาะกับอีกฝ่าย“ก่อนไปภูเขาเทพหมอกม่วงข้าก็เคยเห็นแดนแห่งวาสนาหลายแห่ง ล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอริยะ ทำนองเดียวกับเกาะอริยะปัญจธาตุ เพียงแต่แดนแห่งวาสนาเหล่านั้นถูกเผ่าอื่นยึดครองไปนานแล้ว ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในเก็บซ่อนอะไรไว้กันแน่”เมื่อจ้าวจิ่งเซวียนพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้หลินสวินอดจิตใจสั่นระรัวไม่ได้ ที่แท้ในแดนลับอสูรมารอริยะแหล่งนี้ ยังมีแดนแห่งวาสนาแบบเดียวกับเกาะอริยะปัญจธาตุอีกไม่น้อย!“ไม่ต้องเดาแล้ว ข้าพอจะรู้แล้วว่าที่นี่คือที่ใด”ฉับพลันเจ้าคางคกสีหน้าฮึกเหิม นัยน์ตาสีทองเจิดจ้า เอ่ยว่า “ที่นี่ก็คือแดนเผยแพร่อริยชน! เป็นอาศรมฝึกปราณที่บรรดาอริยะเตรียมไว้ให้ทายาทของพวกเขา หวังใจสักวันเมื่อลูกหลานถือกำเนิด จะสามารถก้าวล้ำอดีตและสร้างปาฏิหาริย์ใหม่ได้!”เสียงเร้าใจเจือไปด้วยความตื่นเต้น “อลังการ! อลังการอย่างที่สุด หากข้าเดาถูก ผู้สรรสร้างแดนลับแห่งนี้ ต้องไม่ใช่คนคนเดียว แต่เป็นราชันแห่งอริยมรรคผู้หนึ่งนำหมู่อริยะมาร่วมมือกันบุกเบิก! หาไม่แล้ว ย่อมไม่สามารถดำรงอยู่ตั้งแต่ยุคบรรพกาลล่วงเลยมาถึงปัจจุบันได้แน่”“สวรรค์ นี่เป็นถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล เป็นพื้นที่ต้องห้ามและน่ากลัวขนาดไหน แต่พวกเขากลับบุกเบิกแดนลับที่นี่ได้ ต้องการช่วงชิงมหาศุภโชคครั้งหนึ่งให้ลูกหลาน อลังการเช่นนี้ช่างน่าตื่นตะลึงเหนือโลกา!”หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนสบตากัน ในใจก็ลอบตะลึงพรึงเพริดไม่ว่างเว้นในยุคบรรพกาล ราชันอริยมรรคผู้หนึ่งนำหมู่อริยะมุ่งหน้าเข้าสู่ภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ บุกเบิกแดนลับ สร้างอาศรม ล้วนเตรียมการเพื่อลูกหลาน หวังว่ายามพวกเขาตื่นขึ้นจะสามารถก้าวล้ำอดีต สร้างปาฏิหาริย์ใหม่…หากเรื่องนี้เป็นความจริง นั่นย่อมน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่งเหตุใดพวกเขาต้องทำเช่นนี้หรือว่าจะคาดการณ์อะไรได้ ถึงตั้งมั่นว่าจะจัดแจงให้ลูกหลานของตน ไม่ต้องการให้ลูกหลานเหล่านี้ซ้ำรอยเดิมกับพวกเขาหรือยิ่งคิดโดยละเอียดก็ยิ่งน่าสะท้านขวัญ อริยะยุคบรรพกาล น่าหวาดหวั่นคับฟ้าขนาดไหน แต่ขนาดพวกเขายังเหมือนกับประสบปัญหาที่รับมือยาก ต้องเริ่มเตรียมลู่ทางใหม่ให้ลูกหลานของตน นี่ก็น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว“ยังจำ ‘คุณชายน้อย’ ผู้นั้นที่เจ้าเคยพูดถึงได้ไหม เขาต้องเป็นลูกหลานของอริยะผู้หนึ่งแน่ เจ้าชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขามา เมื่อเขาถือกำเนิดขึ้นต้องไม่ปล่อยเจ้าแน่ ลูกหลานของอริยะเชียวนะ พวกนั้นต้องล้วนเป็นปีศาจน้อยที่ไม่ธรรมดา พลิกฟ้าหาใดเทียบ!”เจ้าคางคกพูดถึงตรงนี้ก็มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นบ้างแล้ว ท่าทางคึกคักอยากดูเรื่องสนุกอย่างยิ่ง“อ้อ”หลินสวินเลิกคิ้ว ยิ้มเย็นพูดว่า “ข้ารอให้เขามาหาข้าจะแย่ ข้าจะได้ชิงคัมภีร์อริยมรรคส่วนสุดท้ายมา”“เจ้าไม่กลัวหรือ” เจ้าคางคกถลึงตา“เจ้าว่าอย่างไรล่ะ” หลินสวินตบเข้าที่ท้ายทอยของเจ้าคางคก ตีจนฝ่ายหลังแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บปวด โมโหไปครู่หนึ่ง“ถ้าพูดเช่นนี้ สิ่งที่ซ่อนอยู่บนภูเขาเทพหมอกม่วงนั่น อาจจะเป็นแดนแห่งวาสนาที่ราชันอริยมรรคผู้หนึ่งทิ้งไว้หรือ”จ้าวจิ่งเซวียนพลันเอ่ยปาก ดวงตาสดใสเต็มไปด้วยแววประหลาด“ต้องเป็นเช่นนี้แน่” เจ้าคางคกพยักหน้า “ทว่าพวกเจ้าต้องระวังตัวยิ่งแล้ว ไม่แน่ว่าลูกหลานของราชันอริยะผู้นั้นก็หลับใหลอยู่ภายใน ที่มาของบุคคลชั้นนี้ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น พวกเจ้ายื่นมือไปหาวาสนาที่นั่น ต้องยิ่งอันตรายแน่!”“หากเป็นเช่นนี้ ข้าว่ายอมทิ้งวาสนานี้ไปเสียดีกว่า”จ้าวจิ่งเซวียนพึมพำว่า “อย่างไรเสีย เมื่อเข้าไปพัวพันกับลูกหลานของราชันอริยะผู้หนึ่งแล้ว ผลลัพธ์ก็ต้องรุนแรงมากแน่”หลินสวินยังไม่ทันเอ่ยปาก เจ้าคางคกกลับชิงกังวลก่อนแล้วร้องว่า “อย่านะ มาก็มาแล้ว จะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร ลูกหลานของราชันอริยะบ้าบออะไรกัน ข้าก็เพียงสันนิษฐานไปมั่วๆ มาคิดเป็นจริงไม่ได้ พวกเจ้าอย่ากลัวจนถอยสิ”หลินสวินพลันหัวเราะ เจ้าคางคกบ้าจอมละโมบนี่ เพื่อวาสนา อะไรก็ไม่สนจริงๆ“ข้าจริงจังนะ รู้ไหมว่าแดนเผยแพร่อริยชนคืออะไร พูดง่ายๆ ก็คือแปดคำนี้ ‘สืบทอดวิชา ไม่มีดับสูญ’ เหล่าอริยะพวกนี้จะเฉิดฉายปานใดก็ล้วนตายไปตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว วาสนาที่เหลือทิ้งไว้จะให้ลูกหลานของพวกเขาครอบครองอยู่กลุ่มเดียวได้ที่ไหน”เจ้าคางคกสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าลุ่มลึก “วาสนาที่ว่าฟ้าลิขิต หากวาสนาเช่นนั้นถูกพวกเราชิงมาไว้ในมือได้ก่อน เช่นนั้นก็เป็นการพิสูจน์ว่าวาสนาไม่ใช่ของของลูกหลานเหล่านั้นก็เท่านั้น”ดูเอาเถิด เจ้าคางคกนี่หมายมั่นปั้นมือจะช่วงชิงวาสนาแล้วหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนพากันบื้อใบ้แต่พูดตามจริง ให้พวกเขาละทิ้งวาสนาแล้วจากไปเช่นนี้ ในใจย่อมไม่พอใจเช่นกัน ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไร ไปดูความจริงให้เห็นกับตาแล้วค่อยตัดสินใจก็ไม่สาย……หลังจากตัดสินใจแล้วพวกเขาก็เดินหน้าต่อ แดนลับแห่งนี้มีโอสถวิญญาณ วัตถุดิบวิญญาณ แร่ธาตุหายากนานาชนิดกระจายอยู่มากมายยิ่งนัก หากอยู่ในโลกภายนอกล้วนเป็นสมบัติที่แทบสาบสูญ ราคาสูงลิ่วจนน่าตระหนกตลอดทางที่พวกหลินสวินเดินทางก็เก็บของดีได้ไม่น้อยแน่นอนว่าเมื่อพบเจอพื้นที่อันตรายหาใดเปรียบบางที่ พวกเขาก็ยังรีบหนีออกมา ไม่กล้าเข้าใกล้เสี่ยงภัยกระทั่งจวนจะเข้าใกล้ภูเขาเทพหมอกม่วงลูกนั้น ในแหวนเก็บของของหลินสวินก็มีโอสถวิญญาณเป็นกอง ส่งกลิ่นหอมหาใดเทียม วัตถุดิบวิญญาณสุมเป็นเนิน แสงสมบัติอบอวล อีกทั้งยังมีแร่ธาตุและของล้ำค่าต่างๆ ไม่อาจประเมินราคาได้หากไม่ใช่ว่าแดนลับนี้อันตรายและไม่เป็นที่ล่วงรู้เกินไป หลินสวินก็อยากจะอยู่ฝึกปราณที่นี่ต่อไปตลอดทางจ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคกก็ต่างได้ทรัพย์ไปเหมือนกัน ทั้งสองคนทอดถอนใจยิ่ง แดนลับแห่งนี้ก็เหมือนคลังสมบัติธรรมชาติคลังหนึ่ง เป็นสวรรค์ของการฝึกปราณ เสียดายที่อันตรายเกินไป ทันทีที่ไม่ระวังก็จะสิ้นชีพวายปราณได้ไม่นานนักภูเขายักษ์สีม่วงลูกหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา มันสูงตระหง่านยิ่งใหญ่ถึงที่สุด พุ่งทะลุเหนือเวิ้งฟ้า ภูเขาทั้งลูกมีดวงไฟสีม่วงพวยพุ่งราวแสงเมฆาไหลหลั่ง ดูเก่าแก่เป็นอมตะ ยิ่งใหญ่ไพศาลนี่ต้องเป็นดั่งคีรีเทพ ประหนึ่งร่องรอยแห่งเทวดา เพียงมองปราดเดียวก็พาให้ตกตะลึง ไม่อาจคาดคิดได้ว่ามันดำรงอยู่นานเพียงใดกันแน่“ไอม่วงจากบูรพาทิศ แสงเทวาคลุมฟ้า เพลิงวิถีไม่มอดดับ ดำรงชั่วนิรันดร์!”เจ้าคางคกแข็งทื่อไปทั้งร่างอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาสีทองทั้งสองโชติช่วง ท่วมท้นไปด้วยรังสีแห่งความตกตะลึง “ที่นี่บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์เหลือคณา ต้องมีวาสนายิ่งใหญ่ราวฟ้าเก็บไว้อยู่แน่”“ไม่ธรรมดาจริงๆ”หลินสวินอดตระหนกไม่ได้เช่นกัน ภูเขาเทพหมอกม่วงนั้นอวลไปด้วยพลังสูงส่งเกรียงไกร พาให้เขากริ่งเกรง“ไปเถอะ พวกเขารออยู่ที่นั่นนานแล้ว”จ้าวจิ่งเซวียนนำทาง เงาร่างเคลื่อนโฉบไปยังภูเขาเทพหมอกม่วงที่อยู่ไกลออกไป นางเคยมาที่นี่ก่อนแล้วจนกระทั่งเวลานี้หลินสวินถึงพลันสังเกตได้ว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่บริเวณใกล้เคียงมีเงาร่างของผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่นก่อนแล้ว เป้าหมายล้วนเหมือนกัน พุ่งตะบึงไปยังภูเขาเทพหมอกม่วงที่อยู่ไกลออกไปวาสนานี้ยังไม่ทันอุบัติก็ดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจมากมายขนาดนี้ เห็นได้ว่ายามวาสนานี้อุบัติขึ้นจริง บนภูเขาเทพหมอกม่วงนี้ต้องเกิดความวุ่นวายคับฟ้าขึ้นครั้งหนึ่งแน่ การแก่งแย่งและสังหารกันก็ต้องไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!——
คอมเม้นต์