Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 584 ภาพน่าตื่นตา
ในเตาหลอม ร่างของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งปลั่งผุดผ่อง เกศางามราวธารน้ำตกลู่ลงมา นางหันหลังให้หลินสวิน เผยแผ่นหลังขาวสะอาดละเอียดลออ ไหล่ตรงราวดาบ แขนงามราวหมอกหิมะ คอเรียวระหงขาวผุดผาดน่าดึงดูดเพียงแผ่นหลังที่เผยออกมาเท่านั้น ก็น่าดึงดูดหาใดเทียบก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนแต่งกายเป็นชายมาโดยตลอด รูปลักษณ์งดงามเกลี้ยงเกลา ท่วงท่าสง่างาม แต่นางในตอนนี้ผมยาวสยาย ไหล่งามเปล่าเปลือย ภาพชดช้อยเช่นนั้นย่อมมีพลังสั่นสะท้านเป็นพิเศษหลินสวินในชั่วขณะนี้อดตื่นตะลึงไม่ได้ พลันเคลื่อนสายตาแสร้งวางเฉย แท้จริงในในยังคงตื่นตาอยู่“ชิ! ไม่ให้ข้าดู แต่เจ้าหนูอย่างเจ้ามองจนน้ำลายหกแล้ว หน้าไม่อาย หน้าไม่อายจริงๆ ช่างเป็นเดรัจฉานในคราบมนุษย์เสียจริง!”เจ้าคางคกที่อยู่ข้างๆ ฉวยโอกาสโจมตีอย่างไม่เกรงใจหลินสวินพลันเปลี่ยนจากอายเป็นโกรธ สายตาพุ่งไปที่เจ้าคางคกแล้วเอ่ยว่า “คุณชายอย่างข้าเลวร้ายอย่างที่เจ้าว่าเช่นนั้นหรือ ถ้าเจ้ายังว่าร้ายผู้อื่นอีก ข้าจะปลิดชีพเจ้าก่อนเลย!”เจ้าคางคกกลอกตา เอ่ยอย่างดูถูกว่า “อะไรเล่า ถูกเปิดโปงใบหน้าแท้จริงที่ไร้ยางอายของเจ้า ก็เลยคิดจะฆ่าคนปิดปากหรือ”ยามทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกัน จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ในเตาหลอมก็ใบหน้าแดงแจ๋ ดวงตาสุกใสมีแววอายแกมรำคาญ นางกัดริมฝีปากแดงเปล่งปลั่ง สายตาชำเลืองไปเห็นทั้งสองคนหันหลังให้ตน ก็รีบทำเวลาลุกออกจากเตาหลอมจะสวมเสื้อผ้าแต่ที่เลวร้ายก็คือ ในเวลาเดียวกันนี้หลินสวินก็หันหน้ามา แล้วแจกแจงอย่างรวดเร็วว่า “แม่นางจ้าว เจ้าอย่าไปฟังเจ้าคางคกลายนี่…อึก!”ยังไม่ทันพูดจบเขาก็อึ้งอยู่เช่นนั้น ด้วยเห็นเงาร่างชดช้อยราวปทุมโผล่พ้นน้ำก้าวออกมาจากเตาหลอม สองขาของนางราวหยกมันแพะ เรียวยาวดึงดูดใจหาใดเทียบ เอวบอบบางนั้นมีแสงเรืองกระจ่าง มองลงไปอีกกลับมี…ที่กลมกลึงโค้งเว้าน่าตื่นตา“เจ้า!”ทันใดนั้นเสียงเอ็ดราวสายฟ้าฟาดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาทของหลินสวิน น่าตกใจจนเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว รีบเบนสายตาหนีขณะเดียวกันในใจก็เต้นโครมคราม ภาพที่ชำเลืองเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่ช่างน่าตื่นตะลึง หากเปลี่ยนเป็นบุรุษทั่วไปสักคนก็คงตื่นเต้นจนเลือดลมสูบฉีดแต่ตอนนี้หลินสวินกลับขนหัวลุก ในใจไม่ได้จินตนาการ ด้วยรับรู้ได้ว่ามีจิตสังหารที่เย็นเยียบหาใดเทียบพุ่งเป้ามาทางตน ไม่ต้องคาดเดา ต้องเป็นจ้าวจิ่งเซวียนแน่“ฮ่าๆๆ เจ้าหนูมีมหาเคราะห์มาถึงตัวแล้ว!”เจ้าคางคกส่งสายตายินดีกับความทุกข์ของผู้อื่น ลิงโลดยิ่งนัก“เจ้าหุบปากไปเลย!”หลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนตวาดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ฝ่ายแรกเดิมอายกลายเป็นโกรธ ฝ่ายหลังกลับสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็งเวลานี้จ้าวจิ่งเซวียนเปลี่ยนเป็นชุดสีม่วง บดบังร่างชดช้อยสูงโปร่งนั้นแล้ว แต่เกศางดงามดำขลับยังไม่ได้เกล้าเป็นมวยจึงตกลงมา รับกับใบหน้างดงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่งขาวกระจ่างของนาง เพิ่มเสน่ห์เพริดแพร้วที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีขึ้นมา“เอ่อ เมื่อกี้ข้าไม่ได้ตั้งใจ”หลินสวินอธิบายอย่างเขินอาย เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ก็ชำระจิตใจตนให้พ้นจากกิเลสมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้พบภาพงดงามยั่วยวนใจเช่นนี้ ในใจนอกจากตื่นตะลึงแล้วยังอดกลัวไม่ได้“ข้าว่าเจ้าจงใจ!”เจ้าคางคกโยยิ่งถือโอกาสใส่ไฟ ทำเอาหลินสวินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะฆ่าเจ้าคางคกนี่ทั้งเป็นแล้วเวลานี้อารมณ์ของจ้าวจิ่งเซวียนก็ซับซ้อนอยู่บ้าง นางสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า “ผู้ฝึกปราณอย่างพวกเรา ไม่ต้องยึดติดกับเรื่องเล็กน้อยพรรค์นี้ เรื่องนี้ภายหลังไม่ต้องยกขึ้นมาอีกแล้ว”เห็นชัดว่านางแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย วาจานี้พูดออกมาอย่างอึดอัดนักหลินสวินกลับรู้สึกโล่งอก พูดพลางยิ้มว่า “เช่นนี้ก็ดียิ่งแล้ว!”ไม่คิดเลยว่าเสียงพูดยังไม่ทันเงียบไป เขาก็ถูกจ้าวจิ่งเซวียนมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ นางริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ฟันงามราวหยก เวลานี้ดวงตากระจ่างใสถลึงขึ้น มีแววอับอายและโมโหเลือนราง ท่าทางงดงามในอีกแบบหนึ่งมองจนหลินสวินก็ทนไม่ได้นัก ก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนแต่งกายเป็นชาย บุคลิกสง่าปราดเปรียว นิสัยตรงไปตรงมา ทำให้แม้หลินสวินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้มีความคิดไปในทางอื่นแต่จ้าวจิ่งเซวียนในเวลานี้ต่างจากแต่ก่อน มีท่าทางของอิสตรี ใบหน้างามน่าตื่นตาเกินธรรมดา เพริศพริ้งราวภาพวาด ประหนึ่งยอดหญิงงามแห่งยุคที่ตัดขาดจากโลกผู้หนึ่ง กอปรกับภาพน่าตื่นตาที่ชำเลืองเห็นโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่ ทำให้เมื่อหลินสวินเผชิญหน้ากับนางย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเจ้าคางคกลูบคางพลางประเมินทั้งสองด้วยดวงตาสีทองเจิดจ้าปริบๆ แล้วพึมพำว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าสองคนออกจะแปลกประหลาด ในการต่อสู้ไม่กี่วันก่อน เพื่อช่วยหลินสวิน แม่หนูถึงกับไม่คิดเสียดายชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้กลับอยากจะฆ่าเขาให้ตาย ชอบกลเสียจริง”พูดถึงตรงนี้เขาเหมือนรู้แจ้งแล้ว ตบหน้าผากแล้วพูดว่า “หรือนี่ก็คือทั้งรักทั้งแค้นที่เขาว่ากัน”มุมปากหลินสวินกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง เจ้าคางคกถูกเขาถีบเข้าดังปึ้กจนกระเด็นออกไปจ้าวจิ่งเซวียนวิจารณ์ออกมาประโยคหนึ่ง “ลูกถีบนี้ไม่เลวนี่ สาแก่ใจนัก”หลินสวินพูดพลางหัวเราะ “กำจัดเภทภัยให้ปวงชนเป็นเกียรติที่ข้าละทิ้งไม่ได้”เจ้าคางคกนั่งยองอยู่มุมกำแพงอย่างเดือดดาล กัดฟันกรอดแล้วหลุดปากด่าทอว่า “เป็นผีเน่ากับโลงผุที่ช่างเออออส่งเสริมกันเสียจริง ถือว่าข้ามองโฉมหน้าน่าเกลียดของพวกเจ้าออก…”ไม่ทันพูดจบจ้าวจิ่งเซวียนก็ทนไม่ได้แล้ว พุ่งต่อยเจ้าคางคกอย่างรุนแรงยกหนึ่ง เวลานี้ถึงค่อยรู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ยิ้มพลางถามว่า “เจ้าหมอนี่เจ้าไปหามาจากไหนกัน ดูท่าชอบหาเรื่อง”หลินสวินมองเจ้าคางคกที่หน้าตาคล้ำเขียว ร้องโอดโอยลอดไรฟันอยู่กับพื้นก็อดหัวเราะร่าไม่ได้จ้าวจิ่งเซวียนเมื่อเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ยิ้มละไมออกมามีเพียงเจ้าคางคกเท่านั้นที่แทบน้ำตานองหน้า ในใจลอบสาบานว่าต้องแยกชายหญิงบ้าความรุนแรงที่พากันเออออส่งเสริมกันคู่นี้ออกจากกันให้ได้ หาไม่ชีวิตของเขาในภายภาคหน้าต้องมืดมนแน่แล้ว!……ในการปิดด่านเก็บตัวคราวนี้ บาดแผลของจ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคกสมานโดยสมบูรณ์ ทั้งมรรควิถียังต่างพัฒนาขึ้นด้วยโดยเฉพาะจ้าวจิ่งเซวียน พลังปราณของนางถูกจักรพรรดิองค์ปัจจุบันกดทับให้อยู่ที่ระดับหยั่งสัจจะขั้นต้นมานานถึงสิบปีเต็ม เดิมทีตามพื้นฐานพลังของนาง สามารถโจมตีระดับกระบวนแปรจุติได้นานแล้ว!ทว่าตอนนี้นางได้ผ่านความยากลำบากครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็ก้าวออกมาได้ก้าวหนึ่ง บรรลุระดับหยั่งสัจจะขั้นกลาง แม้เลื่อนขึ้นเพียงขั้นเล็กขั้นเดียว แต่ทำให้นางเกิดความเปลี่ยนแปลงราวเกิดใหม่อย่างไม่ต้องสงสัยตามการสันนิษฐานของนางเอง บุคคลระดับบุตรเทพทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแล้วนี่ทำให้หลินสวินพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ก่อนเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ จ้าวจิ่งเซวียนก็เคยพูดว่าหากอาศัยกระถางสมบัติเก้ามังกร นางถึงกับมั่นใจว่าจะต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติได้และตอนนี้ พลังปราณของนางบรรลุขึ้นไปอีก เชื่อว่าพลังต่อสู้ย่อมเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย!นี่ดูน่ากลัวแล้ว ทำให้หลินสวินตกตะลึงไม่หยุด“นี่มีอะไรเล่า พวกเจ้าไม่เคยเห็นคนร้ายกาจในยุคบรรพกาล นั่นถึงจะเรียกได้ว่าวิปริตอย่างแท้จริง บ้างถึงกับเพิ่งเกิดมาก็ก้าวเท้าเข้าสู่อริยมรรค ถูกขนานนามให้เป็น ‘อริยะโดยกำเนิด’!”เจ้าคางคกพูดอย่างตื่นเต้น ชี้แนะเรื่องราวในใต้หล้า “เทียบกันแล้ว บุตรเทพกับธิดาเทพที่พวกเจ้ากล่าวกัน ในยุคนี้อาจจะยังเรียกได้ว่าเป็นบุคคลระดับผู้กล้า แต่หากอยู่ในยุคบรรพกาลแล้ว ความสามารถยังน้อยไป”“โม้ให้มันน้อยหน่อย!”หลินสวินตบเข้าที่ท้ายทอยเจ้าคางคกเสียงดังเผียะ ทำให้ฝ่ายหลังพลันบันดาลโทสะ ด่าทอสาปแช่งไม่ว่างเว้น“ข้าก็เคยได้ยินความน่ากลัวของยุคบรรพกาล ยอดฝีมือและสัตว์ประหลาดในตอนนั้นมากมายนับไม่ถ้วน บ้างยังเป็นร่างวิญญาณที่ฟ้าดินให้กำเนิดขึ้นมา ประหนึ่งลูกรักแห่งสวรรค์ ความแข็งแกร่งของรากฐานพลังยิ่งน่าเหลือเชื่อ”จ้าวจิ่งเซวียนพูดประโยคนี้ออกมา ทำให้เจ้าคางคกได้ใจขึ้นมาในทันใด เอ่ยว่า “แม่หนูนี่มีความรู้ ตามที่ข้ารู้บรรพบุรุษของเผ่าวานรหกหู ก็ออกมาจากก้อนหินมหัศจรรย์ที่ฟ้าดินให้กำเนิดก้อนหนึ่ง ทันทีที่อุบัติขึ้นบนโลกา ก็มีญาณน่าตื่นตะลึง น่ากลัวถึงที่สุด”พูดถึงตรงนี้เจ้าคางคกก็กระแอมขึ้นครั้งหนึ่ง สีหน้าหยิ่งผยองและอวดดี “ยังมีเผ่าคางคกทองสามขาของพวกข้า ก็เกิดจากการรับชะตาฟ้าดินเช่นกัน พูดถึงรากฐานพลังแล้ว พวกที่แข็งแกร่งกว่าพวกเราก็มีแค่นับนิ้วได้”“คุยโวอีกแล้ว ข้าก็ไม่เห็นว่าพลังต่อสู้ของเจ้าจะแข็งแกร่งเท่าไรเลย”หลินสวินพูดพลางใช้มือบีบที่ท้ายทอยของเจ้าคางคกอีกเจ้าคางคกโกรธจนร้องเสียงดังว่า “หากไม่ใช่เพราะข้าสูญเสียความทรงจำของชาติก่อน คงขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งมหามรรค อยู่เหนือเหล่าทวยเทพไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว มีหรือจะถูกมนุษย์ใจดำไร้ยางอายอย่างเจ้ารังแกได้”“เจ้าหมอนี่เป็นถึงทายาทคางคกทองสามขา ต้องยอดเยี่ยมนัก เผ่าพวกเขาในยุคบรรพกาลไม่ธรรมดาจริงๆ สามารถเรียกโชคลาภหลีกหนีภัยพิบัติ แยกแยะสรรพสิ่ง เป็นมงคลโดยกำเนิด”จ้าวจิ่งเซวียนครุ่นคิด ในใจนางตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจินตู๋อีจะมาจากเผ่าคางคกทองสามขาบนโลกยุคปัจจุบัน เผ่านี้ใกล้จะสูญพันธุ์ ในดินแดนรกร้างโบราณแทบจะหาร่องรอยไม่พบแล้ว“สูงส่ง สูงส่งจริง แม่นางจ้าวผู้นี้ตาแหลมนัก” เจ้าคางคกชูนิ้วโป้งให้ “ข้างกายข้ากำลังขาดคู่ฝึกปราณผู้หนึ่งพอดี แม่นางจ้าวจ้าวจะพิจารณาหน่อย…”เสียงตุ้บดังขึ้น เขาถูกหลินสวินชกกระเด็นด้วยหมัดเดียว“คางคกลายยังหมายจะกินเนื้อหงส์ฟ้าหรือ” หลินสวินยิ้มหยันเจ้าคางคกสีหน้าแค้นเคือง ในใจโมโห รอเมื่อตนผงาด ต้องเก็บเจ้าบ้าหลินสวินนี่อย่างไร้ปรานีแน่!ต่อมาพวกเขาก็พูดถึงการตามสังหารหลายวันก่อนหน้านี้ ทั้งพูดถึงมือสังหารที่ลอบสังหารหลินสวินติดต่อกันถึงสองครั้งคนนั้นเมื่อได้รู้ว่ามือสังหารคนนั้นเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นหนึ่งในพวกเซียวหรันและกงหยางอวี่ เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งเซวียนก็อึ้งอยู่บ้าง ตกอยู่ในความเงียบงันครู่ใหญ่ ดวงตาสุกใสของนางราววารี เอ่ยว่า “หากรู้ว่ามือสังหารเป็นใคร เจ้าคิดจะทำเช่นไร”“กำจัดไม่ให้เป็นเภทภัยต่อไปในภายหลัง” หลินสวินตอบอย่างเรียบง่ายทั้งยังแน่วแน่“ข้าจะช่วยเจ้า”ที่เหนือความคาดหมายก็คือจ้าวจิ่งเซวียนไม่ลำบากใจสักนิด แสดงให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าจะร่วมช่วยหลินสวินลงมือ“นี่ดูท่าไม่เหมาะ พวกเจ้าล้วนเป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ มาฆ่ากันเองรังแต่จะทำให้สถานการณ์ของเจ้าไม่ดี ให้ข้าไปจัดการคนเดียวเถอะ”หลินสวินสีหน้าเคร่งขรึม“ข้าได้ไตร่ตรองแล้ว”จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มบางๆ ไม่อธิบายอะไรอีกแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตามที่ข้าสันนิษฐานไว้ ขอเพียงพวกเราไปยังภูเขาเทพหมอกม่วงด้วยกัน อาจจะรู้ก็ได้ว่าใครเป็นมือสังหารตัวจริง”“ภูเขาเทพหมอกม่วงหรือ”“อืม ที่นั่นเป็นพื้นที่แห่งมรดกอสูรมารอริยะ วาสนายิ่งใหญ่ที่แท้จริงที่เก็บซ่อนไว้ในแดนลับแห่งนี้ก็จะอุบัติขึ้นที่นั่น หลายวันก่อนหน้านี้ บุคคลชั้นยอดของแต่ละเผ่าล้วนรอที่นั่นนานแล้ว”“ก็ดี พวกเราก็ไปกันเถอะ!”ดวงตาสีดำของหลินสวินฉายแววเย็นเยียบ จิตต่อสู้พุ่งสูงในวันนั้นเอง พวกเขาสิ้นสุดการปิดด่านเก็บตัวด้วยกัน ออกจากเทือกเขานี้ เดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขาเทพหมอกม่วงอันลึกลับแห่งนั้นภายใต้การนำทางของจ้าวจิ่งเซวียน——
คอมเม้นต์