Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 582 ตัวตนของมือสังหาร
“เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่ลงมือ”เหวินเสียงอึ้งไปซูซิงเฟิงชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหวินเสียงกลับเข้าใจในทันใด สีหน้าอ่านยาก คิดถึงความสามารถของหลินสวินหลังก้าวข้ามด่านเคราะห์อสนีไร้เทียมทานหกรอบก็รู้ว่าเหตุใดซูซิงเฟิงถึงไม่กล้าลงมือแล้วเจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฆ่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าจนเลือดนองเป็นแม่น้ำ ไม่มีใครต่อกรได้ ขนาดบุคคลระดับบุตรเทพยังไม่กล้าต้านคมดาบของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นซูเฟิงซิงก็ไม่อาจลงมือบุ่มบ่ามได้คิดถึงตรงนี้เหวินเสียงก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เอ่ยว่า “แน่นอน หลังจากหลินเสวียนผู้นี้บรรลุระดับหยั่งสัจจะก็เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ขนาดข้ายามเผชิญหน้ากับเขายังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่พูดไม่ถูก”“เคยได้ยินเรื่องมกุฎมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคบรรพกาลหรือไม่”ซูซิงเฟิงพลันพูดขึ้นเหวินเสียงพลันไหวหวั่น “ท่านจะบอกว่าหลินเสวียนผู้นั้นอยู่บนทางสายนี้หรือ ไม่ได้หมายความว่าในปัจจุบันจะไม่มีมรรคาเช่นนี้ปรากฏขึ้นอีกแล้วหรือ”“ร้อยปีหลังจากนี้ พิบัติมหามรรคที่ไม่เคยมีมาก่อนครั้งหนึ่งก็จะปะทุขึ้น เปิดฉากมหาสงคราม ในสถานการณ์เช่นนี้ มกุฎมรรคาจะปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”ซูซิงเฟิงสีหน้านิ่งขึงเจือความหนักอึ้ง “เพียงแต่ข้ากลับไม่เคยคิดว่า ผู้ฝึกปราณเล็กๆ จากโลกชั้นล่างคนหนึ่งกลับได้สัมผัสมรรคานี้ ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ”เท่าที่เขารู้ มกุฎมรรคาเป็นชื่อเรียกโดยทั่วไปของวิถีแห่งการฝึกปราณที่แข็งแกร่งที่สุดสายหนึ่ง ในยุคบรรพกาลก็หายากถึงที่สุด ผู้ที่ได้เหยียบย่างมีน้อยคนยิ่งนักหลินเสวียนผู้นั้นสามารถเหยียบย่างบนวิถีนี้ได้ ก็ดูน่ากลัวและพลิกฟ้ายิ่งนักอย่างไม่ต้องสงสัย“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่ซู พวกเราต้องล้มเลิกแผนชิงเจดีย์สมบัตินั้นแล้วหรือไม่”เหวินเสียงสีหน้าปรวนแปร“ล้มเลิกหรือ”ซูซิงเฟิงส่ายหัว ในดวงตามีเปลวเพลิงไหววูบ “นั่นเป็นถึงเจดีย์สมบัติที่หลอมจากเหล็กเทพศุภโชคเชียวนะ จะยอมแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร”เหวินเสียงดวงตาหดเกร็ง “ศิษย์พี่ซูคิดจะทำเช่นไร”ซูซิงเฟิงกล่าว “เจ้ามองคนชุดดำที่ลอบสังหารหลินเสวียนเมื่อครู่ออกหรือไม่ หากข้าทายไม่ผิด เจ้าหมอนั่นต้องเป็นศิษย์พี่เซียวหรันอย่างไม่ต้องสงสัย!”เหวินเสียงพลันใจเต้นระส่ำ สีหน้าแปลกไป “หรืออาจจะเป็นศิษย์พี่กงหยางอวี่ก็ได้ เท่าที่ข้ารู้ ตอนนี้ศิษย์พี่เซียวหรันกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ภูเขาเทพหมอกม่วงนั่น รอให้แดนแห่งวาสนาอสูรมารอริยะนั่นปรากฏขึ้น ไม่น่าจะ…วิ่งมาที่นี่เพื่อมาต่อกรหลินเสวียนผู้นั้นกระมัง”“กงหยางอวี่หรือ เหอะๆ เขาใช้ ‘คัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา’ ไม่ได้!”ซูซิงเฟิงหัวเราะหยันคัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา!เหวินเสียงพลันหน้าเปลี่ยนสี พูดเสียงหลงว่า “หลายปีก่อน ไม่ใช่ว่าได้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วหรือว่าวิชาลับบรรพกาลนี้ไม่มีจริง”หลายปีก่อน ในเขตหวงห้ามแห่งหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ลือกันว่ามีคัมภีร์ลับสุดยอดที่ขาดการสืบทอดไปนานแล้วเล่มหนึ่งนามว่า ‘คัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา’ พลันปรากฏขึ้น ถูกศิษย์ในสำนักคนหนึ่งได้ไป ตอนนั้นก่อให้เกิดความครึกโครมใหญ่ยิ่งครั้งหนึ่งเพียงแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าวิชาลับสุดยอดนี้ถูกศิษย์คนใดได้ไปครองกันแน่ภายหลังเป็นเจ้าสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณออกหน้าเอง ทำให้ความวุ่นวายนี้สงบลง“ไม่ใช่ไม่มี แต่คัมภีร์ลับนี้มีที่มาใหญ่โตเกินไป ทันทีที่ข่าวรั่วไหลออกไปต้องนำพาความยุ่งยากนับไม่ถ้วนมาแน่ ดังนั้นคนใหญ่คนโตเหล่านั้นจึงตัดสินใจเป็นเสียงเดียวกันว่าจะปิดข่าวนี้ ก็เพื่อปกป้องเซียวหรัน ไม่ต้องการให้เขาทำให้ถูกผู้อื่นจับจ้องและอิจฉาเพราะคัมภีร์ลับนี้”ดวงตาซูซิงเฟิงฉายแววเย็นเยียบ “เดิมทีข้าก็สงสัย ไม่อาจมั่นใจได้ แต่หลังจากได้เห็นวิชาลับที่ชายชุดดำเมื่อครู่สำแดง ข้าก็เชื่ออย่างสนิทใจว่านั่นต้องเป็นคัมภีร์กายมรรคหมื่นมายาแน่นอน!”“และก็มีเพียงวิชาลับชั้นนี้ถึงสามารถแปลงร่างได้หมื่นพัน ไม่มีข้อผิดพลาดให้ติดตามได้ พูดตรงๆ ก็คือมหัศจรรย์ไม่อาจคาดเดา ลึกล้ำไม่มีสิ่งใดเทียบ!”ซูซิงเฟิงพูดถึงตรงนี้ก็กัดฟันกล่าว “รู้หรือยังว่าเหตุใดข้าถึงได้หวาดกลัวเซียวหรันมาโดยตลอด ก็เพราะเจ้าหมอนี่เหลี่ยมจัดนัก ปกติมีท่าทางไม่อยากได้อยากมี ไม่สนใจโลกภายนอกราวเมฆคล้อยกระเรียนป่า มีเพียงข้าที่รู้ดีว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเขานี่ล่ะน่ากลัวที่สุด!”น้ำเสียงมีทั้งความอิจฉา ความหวาดกลัว และความชิงชังที่พูดไม่ถูก“ศิษย์พี่ซู แม้ว่าที่ชายชุดดำคนนั้นสำแดงจะเป็นคัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา ก็แทบจะไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเขาคือศิษย์พี่เซียวหรันกระมัง”เหวินเสียงยังคงไม่เชื่ออยู่บ้าง ในภาพจำของเขา เซียวหรันมีภาพลักษณ์สุภาพอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตัว พาให้ผู้คนรู้สึกราวได้สัมผัสลมวสันต์ มีความเหนือธรรมดาและผ่าเผยประหนึ่งเมฆคล้อยบนท้องนภานี่ก็ทำให้เขาเพิ่มคำว่าเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดให้เซียวหรันได้ยากนัก“หึ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ มีบางเรื่องที่ข้าไม่อาจพูดให้เจ้าเข้าใจได้ แต่เรื่องนี้ข้ากลับสามารถบอกเจ้าได้อย่างมั่นใจว่า ชายชุดดำที่ลอบสังหารหลินเสวียนผู้นั้นต้องเป็นเซียวหรันอย่างไม่ต้องสงสัย!”ซูซิงเฟิงคร้านจะอธิบายต่ออีก“แต่ว่า… นี่เกี่ยวอะไรกับที่พวกเราจะไปชิงเจดีย์สมบัติในมือหลินเสวียนผู้นั้นเล่า”เหวินเสียงถามอย่างอึ้งงัน“ร่วมมือกัน!”ซูซิงเฟิงตอบทันควัน “พวกเราไปหาเซียวหรัน ร่วมมือกับเขา เชื่อว่าเพื่อชิงศุภโชคที่อยู่กับหลินเสวียน เขาก็ต้องไม่ปฏิเสธแน่!”“แต่ถ้าศิษย์พี่เซียวหรันก็อยากได้เจดีย์สมบัตินั่นจะทำอย่างไร”เหวินเสียงเอ่ยอย่างวิตกกังวลยิ่ง เขาไม่มีความมั่นใจว่าแย่งชิงวาสนาครั้งนี้กับเซียวหรันได้“เหอะๆ บนตัวหลินเสวียนคงไม่ได้มีเพียงเจดีย์สมบัตินั่นหรอก ยังมีศุภโชคที่ได้มาจากเกาะอริยะปัญจธาตุด้วย ในเมื่อร่วมมือกัน เซียวหรันก็ไม่อาจกินรวบคนเดียวได้หรอกกระมัง”ซูซิงเฟิงยิ้มบางๆ “อีกทั้ง หากเขาไม่ตอบรับ ข้าก็จะเปิดโปงฐานะเขา บอกศิษย์น้องจิ่งเซวียนว่าศิษย์พี่เซียวหรันที่นางเคารพนับถือที่สุดก็คือคนร้ายตัวจริงที่ลอบสังหารหลินเสวียนหลายครั้งหลายคราคนนั้น!”เหวินเสียงสูดหายใจเย็นเยียบ แผนนี้…ช่างร้ายกาจเสียจริง!……ส่วนลึกของไหล่เขาแห่งหนึ่ง ถูกหลินสวินขุดถ้ำขึ้นแห่งหนึ่งและวางกระบวนรอยสลักวิญญาณอำพรางพลังปราณ‘ไม่ใช่ซูซิงเฟิงกับเหวินเสียง เช่นนั้นก็เป็นหนึ่งในพวกเซียวหรัน กงหยางอวี่ และอวิ๋นเช่อสามคนนี้’‘ที่อวิ๋นเช่อฝึกก็คือมหามรรคปลิดชีพ แม้พลังต่อสู้จะน่ากลัวถึงที่สุด แต่อย่างไรก็เป็นระดับมหาสมุทรวิญญาณ ต่อให้ตอนนี้ก็บรรลุระดับหยั่งสัจจะเหมือนกับเรา ก็ไม่น่ามีวิชาลับไร้เทียมทานแปลงร่างเป็นหมื่นพันได้เช่นนี้แน่’‘ตัดออกไปเช่นนี้ ก็เหลือเพียงเซียวหรันและกงหยางอวี่ ถ้าอย่างนั้นเป็นคนไหนกันแน่”หลินสวินนั่งขัดสมาธิอยู่เช่นนั้น ในสมองยังคงตรึกตรองถูกลอบสังหารสองครั้งติดๆ กัน อีกทั้งอีกฝ่ายยังหนีไปอย่างง่ายดาย นี่ทำให้หลินสวินอดระแวดระวังขึ้นมาไม่ได้ในภาพจำของเขา เซียวหรันเป็นผู้ที่เลื่อนลอยราวควันเมฆ แยกตัวออกจากผู้อื่น ไม่แก่งแย่งกับใคร ให้ความรู้สึกไม่ยินดียินร้ายและเหินห่างส่วนกงหยางอวี่ กลับเป็นอนุชนเผ่าวิญญาณแกะเขียว สง่างาม สูงส่ง หยิ่งทระนงตามคำพูดของจ้าวจิ่งเซวียน ภายใต้ลักษณะภายนอกที่หยิ่งทระนง แท้จริงกลับมีจิตใจที่บริสุทธิ์ดีงาม ไม่ได้หยิ่งผยองอย่างแท้จริงไม่ว่าจะดูอย่างไร เซียวหรันกับกงหยางอวี่ล้วนไม่เหมือนมือสังหารลึกลับและร้ายกาจคนนั้น รูปลักษณ์ต่างกันมากเกินไป ยากนักที่จะทำให้ผู้อื่นคิดเชื่อมโยงมือสังหารกับพวกเขาได้แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ทำให้หลินสวินยิ่งไม่กล้าชะล่าใจ เพราะเขารู้ดีว่า คู่ต่อสู้ที่ชำนาญเรื่องการปลอมตัวปิดบังฐานะเช่นนี้จึงจะอันตรายและน่ากลัวที่สุด!‘ไม่ว่าเป็นใคร เมื่อได้พบอีกครั้ง ข้าจะต้องทำให้มันไม่มีที่ให้หลบหนี!’ครู่ใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึก ในดวงตาสีดำลุ่มลึกฉายแววแน่วแน่เขาเรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมาโดยไม่คิดอะไรมากอีก แล้วสัมผัสถึงชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัตินั้นจ้าวจิ่งเซวียนกำลังนั่งขัดสมาธิไม่ไหวติง อาการบาดเจ็บทั่วร่างแม้กำลังสมาน แต่หลินสวินกลับสังเกตได้อย่างเฉียบแหลมว่าสภาพภายในร่างกายนางยังคงไม่สู้ดีดังเดิมเห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อาการบาดเจ็บที่นางได้รับรุนแรงกว่าที่คาดคิดไว้มาก และทุกอย่างนี้ก็ล้วนเกิดขึ้นเพราะปกป้องเขานี่ทำให้หลินสวินทั้งซาบซึ้งใจและรู้สึกผิดครั้งนี้เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจ้าวจิ่งเซวียนจะปรากฏตัวมาช่วยตน ถึงกับช่วยยื้อเวลาฟื้นฟูให้ตนอย่างไม่คิดชีวิตและก็เพราะคิดไม่ถึงนี่เอง เมื่อได้รู้ทุกอย่างถึงได้ตกใจเป็นพิเศษ ทำให้เขามีความรู้สึกซับซ้อนที่บรรยายไม่ถูกอย่างหนึ่งแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จากนี้ไปเขาจะไม่ยอมให้จ้าวจิ่งเซวียนถูกผู้อื่นรังแกอีกแน่!ในขณะเดียวกันก็ทำให้หลินสวินยิ่งชิงชังพวกอวี่เซียวเซิง ในใจลอบขัดเคือง ‘อย่าให้ข้าได้พบพวกเจ้าอีกเชียว!’“แค่กๆ”เวลานี้จินตู๋อีที่นั่งขัดสมาธิแต่เดิมพลันลืมตาขึ้น พูดพลางไอด้วยสีหน้าอ่อนแรงว่า “หลินสวิน ครั้งนี้ข้าได้รับบาดเจ็บรุนแรงไปแล้ว สภาพไม่สู้ดีนัก”เจ้าคางคกอ้าปากครั้งเดียว หลินสวินก็เห็นถึงลิ้นไก่แล้วเมื่อได้ยินเขาก็ตอบไปตรงๆ ว่า “ขอโทษนะ โสมราชันโคมสมบัติข้าใช้หมดแล้ว”เจ้าคางอารมณ์ขึ้นในทันใด “หญ้ากิเลนก็ได้น่า”หลินสวินตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ต่อให้ต้องใช้หญ้ากิเลน แม่นางจ้าวต้องการยิ่งกว่าเจ้า!”เจ้าคางคกไอขึ้นอีกระลอก ท่าทางจนใจ “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้ามีตำรับยาที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานตำรับหนึ่ง ไม่ได้ใช้หญ้ากิเลน เจ้าเพียงต้องเก็บโอสถวิญญาณแต่ละชนิดตามตำรับ บางทีอาจสามารถทำให้ข้าฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์”เห็นว่าหลินสวินไม่เชื่อ ลูกตาของเขาก็กลิ้งกลอกไปมา เอ่ยว่า “แน่นอนว่าตำรับยานี้มีประโยชน์กับอาการบาดเจ็บของแม่หนูนั่นนะ เจ้าไม่คิดจะลองหรือ นางเกือบทิ้งชีวิตเพราะเจ้า เจ้าก็จะใจดำไม่ช่วยรักษาหรือ”ดังคาด เวลานี้หลินสวินสนใจแล้ว เมื่อได้ตำรับยาไร้เทียมทานที่ว่าจากเจ้าคางคกก็กวาดตาดูคร่าวๆ จากนั้นสีหน้าของเขาก็มืดทะมึนลงโอสถวิญญาณมากกว่าร้อยชนิดที่อยู่ในตำรับยาล้วนเรียกได้ว่าหายากและล้ำค่าถึงที่สุด สิ่งนี้ยังไม่เท่าไร ที่น่าชิงชังที่สุดคือ สมุนไพรเหล่านี้หลินสวินล้วนมีอยู่กับตัวพอดี!นี่ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า เจ้าคางคกได้สัมผัสถึงโอสถวิญญาณที่อยู่กับตัวเขาอย่างชัดเจนนานแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้จงใจเอาตำรับยาเช่นนี้ออกมา เพื่อคิดหลอกเอาโอสถวิญญาณจากตัวเขา“เจ้าคางคก เจ้าได้คำนวณไว้นานแล้วใช่หรือไม่” หลินสวินสีหน้าไม่เป็นมิตรเจ้าคางคกเผยท่าทางสงสัย “คำนวณไว้แล้วอะไรกัน เจ้าอย่าปรักปรำข้านะ”หลินสวินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ถ้าเจ้ายอมรับ ข้าก็คร้านจะเอาความกับเจ้า จะหลอมยาให้เจ้าทันที แต่หากยังดื้อดึงหน้าไม่อาย ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”คางคกตัวนี้แม้รักพวกพ้องยิ่ง แต่นิสัยกลับน่าตีนัก ไม่มีเวลาไหนไม่คิดจะเอาเปรียบปอกลอกสมบัติตอนนี้ยังกล้าคิดอยากได้โอสถวิญญาณที่อยู่กับตัวเขา นี่ก็ทำให้หลินสวินทนไม่ได้บ้างแล้ว____
คอมเม้นต์