Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 580 พบการลอบสังหารอีกครั้ง
กลางทิวเขาคละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือด มีซากศพขาดวิ่นให้เห็นทุกหัวระแหง หยาดโลหิตย้อมพื้นดินเป็นสีแดง ดึงดูดสัตว์ร้ายที่ยึดครองพื้นที่ละแวกใกล้เคียงเข้ามาเป็นระยะ กลืนกินซากศพอย่างไร้ความปรานีการต่อสู้ครั้งนี้มีผู้แข็งแกร่งตายไปเท่าใดกันแน่ไม่อาจนับได้!แต่การเข่นฆ่าแบบทำลายย่อยยับตลอดทางของหลินสวินนั้น กลับเป็นดั่งฝันร้ายซึ่งทำให้ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากล้วนจำขึ้นใจไม่ลืมเลือนไปชั่วชีวิต“แย่แล้ว! เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นยังไม่ตาย ขะเขา… เขากำลังฆ่าผู้แข็งแกร่งจากทุกเผ่าอยู่!”“น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาเป็นราชาปีศาจชัดๆ สองมือเปื้อนคาวเลือด ไม่อาจพิชิตชัยได้!”นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ บนท้องทะเลอันตระการตา เสียงร้องที่โกรธเกรี้ยวและตื่นตระหนกดังก้องขึ้นชั่วขณะนั้นแต่ละเผ่าที่รออยู่ละแวกใกล้เคียงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันตกตะลึง แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากการข้ามด่านเคราะห์อสนี ทั้งที่ถูกไล่สังหารตลอดทางจนเกือบสิ้นท่าแล้วแท้ๆ เหตุใดผลลัพธ์ถึงพลิกผันไปเสียได้เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ถึงขั้นทำให้เขาสามารถลุยเดี่ยวขับเคี่ยวกับเหล่าผู้แข็งแกร่ง และโต้กลับอย่างทรงพลังแกร่งกล้าตลอดทาง“พวกเด็กๆ เผ่าของข้าเหล่านั้น… ตายกันหมดแล้ว!?”ทันใดนั้นมีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งคำรามอย่างดุร้าย ดวงตาแทบถลนเบ้า สุดท้ายถึงขั้นโกรธจนกระอักเลือดออกมา เกือบจะหมดสติไปนี่คือบุคคลสำคัญแห่งเผ่าสิงห์โลหิต ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ เดิมทีก็ถูกทำลายราบคาบไปแล้ว เหลือแค่ธิดาเทพหลินหลางเพียงคนเดียวเท่านั้นใครเลยจะคาดคิด ครั้งนี้แม้แต่ธิดาเทพหลินหลางก็ประสบเคราะห์ เหลือเพียงจิตวิญญาณกลุ่มหนึ่งถูกเคลื่อนย้ายกลับมาเท่านั้น กระทั่งศุภโชคที่นางชิงมาจากเกาะอริยะปัญจธาตุก็ตกหล่นสูญหายไปสิ้น สิ่งนี้จะไม่ทำให้บุคคลสำคัญของเผ่าพวกเขาบันดาลโทสะได้อย่างไร“น่าชังนัก! เจ้าเหลือเดินเผ่ามนุษย์คนนี้อาละวาดเกินไปแล้ว ไม่ว่าเขาเป็นใคร จะต้องไม่ปล่อยให้เขารอดชีวิตออกไปเป็นอันขาด!”บุคคลสำคัญรุ่นอาวุโสอีกคนแผดเสียงคำราม แทบจะบ้าคลั่ง สถานการณ์ที่ทั้งเผ่าของพวกเขาพบเจอนั้น แทบจะไม่ต่างอะไรจากเผ่าสิงห์โลหิตเลย ถูกสังหารทำลายราบเช่นเดียวกัน“อ๊าก สมควรตายนัก ข้าแทบอยากจะพุ่งเข้าแดนลับอสูรมารอริยะนั่น ไปทำลายล้างเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ไร้มโนธรรมคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอด!”“น่าชังนัก! เผ่าของข้าเคยต้องประสบกับความอัปยศอดสูถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เกือบถูกเจ้าเด็กเผ่ามนุษย์คนหนึ่งล้างบาง ไม่อาจให้อภัยได้แล้ว!”ณ ที่นั้น เสียงตะคอกคำราม เสียงตะโกนเดือดดาลดังอย่างต่อเนื่องเป็นระลอกสั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ขุมกำลังแต่ละเผ่าต่างมองหน้าสบสายตากัน ภายในใจหวาดผวาและงงงันเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ไม่ถูกฆ่าตาย ตรงกันข้ามกลับกวาดล้างเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหมด โหมกระพือพายุคาวเลือดเพียงลำพัง!ครั้นข่าวนี้แพร่ออกมา ไม่ว่าใครต่างก็บันดาลโทสะ ทำให้ขุมกำลังแต่ละเผ่าในที่นั้นต่างอยู่ไม่สุข อึงคะนึงไม่สิ้นใครจะกล้าเชื่อเพิ่งจะบรรลุระดับหยั่งสัจจะก็น่ากลัวถึงเพียงนี้ แข็งกร้าวพลิกฟ้า สิ่งนี้จะให้ผู้ใดเชื่อถือได้ลงกันเล่าทว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอนเนื่องจากในวันนั้น บนแท่นบูชาวิญญาณที่สร้างขึ้นโดยเผ่าต่างๆ แทบจะมีความเคลื่อนไหวทุกชั่วขณะ เคลื่อนย้ายจิตวิญญาณชุดแล้วชุดเล่าออกมา ล้วนเป็นคนสำคัญของแต่ละเผ่าที่ถูกหลินสวินสังหารด้วยตัวคนเดียวทั้งสิ้น!โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามธิดาเทพหลินหลางปรากฏขึ้น ยิ่งเรียกความตื่นตะลึงไปทั่ว เพราะนั่นมีนัยว่าพลังต่อสู้ในปัจจุบันของหลินสวินมีอานุภาพในการกำราบและสังหารบุคคลระดับบุตรเทพธิดาเทพแล้ว!พื้นที่ทะเลแห่งนี้ไม่อาจสงบได้อีกต่อไป คนใหญ่คนโตแทบทั้งหมดโกรธจนเต้นเร่า และมีบางส่วนที่สงสัยระคนตกใจไม่คลายลองคาดเดา ทุกคนล้วนถูกพายุนองเลือดฉากนี้เขย่าขวัญ สับสนอลหม่านไปหมด“เด็กนี่ก้าวข้ามด่านเคราะห์อสนีไร้เทียมทานหกรอบโดยไม่ตาย เรียกได้ว่าหาตัวจับยากนับแต่บรรพกาล ซ้ำตอนนี้ยังพลิกสถานการณ์จากที่บาดเจ็บเจียนตาย กลายเป็นเปิดฉากตอบโต้รุนแรง กวาดล้างสังหาร เขา… เกรงว่าอาจจะเหยียบอยู่บนมรรคาในตำนานแล้ว!”มีอาวุโสบางคนคาดการณ์เช่นนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ได้“มรรคาแห่งมกุฎที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนานบรรพกาลหรือ เป็นไปไม่ได้ มรรคาสายนี้ฝืนฟ้าตัดวิถี ไม่รู้ว่ามีผู้กล้าไร้เทียมทานตั้งเท่าไรต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำบนหนทางสายนี้ แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นจะทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไร”มีคนใหญ่คนโตหลายคนไม่เชื่อ“แม้จะเป็นมรรคาแห่งมกุฎ แต่อย่างไรเสียเขาก็เพิ่งบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ ไม่มีทางครอบครองพลังต่อสู้ที่แข็งกร้าวขนาดนี้ ต้องมีอะไรแปลกๆ ในนี้เป็นแน่!”ผู้อาวุโสส่วนหนึ่งสัมผัสถึงความผิดปกติได้อย่างเฉียบคมเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นโหดเหี้ยมเหลือล้น ประดุจมารบาปที่ไม่ยี่หระใต้หล้า ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับหยั่งสัจจะมานานส่วนหนึ่งล้วนถูกเขาสังหาร นี่เป็นการทำลายความรู้ความเข้าใจที่คุ้นเคยกันมาแต่โบราณ เห็นชัดว่าผิดประหลาดมากเกินไป“สนใจไปไยว่าเขาก้าวสู่มรรคาอะไร ตัวหายนะที่สร้างความเคียดแค้นชิงชังพรรค์นี้ ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!”นี่คือความในใจของบุคคลสำคัญจำนวนมาก ผู้แข็งแกร่งในเผ่าของพวกเขาได้รับความสูญเสียหนักหนาสาหัสเกินไป นี่เป็นความอัปยศอดสู หนี้แค้นโลหิต ไหนเลยพวกเขาจะยอมปล่อยให้หลินสวินมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ในที่นั้นมีเพียงผู้เฒ่าเกาหยางเท่านั้นที่นิ่งเงียบอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เปล่งเสียงสักคำผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะในครั้งนี้ มีเพียงผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเขาและผู้ติดตามส่วนหนึ่งเท่านั้นสิ่งนี้ทำให้ผู้เฒ่าเกาหยางมั่นใจมากว่า ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ ที่ก่อเรื่องจนเดือดร้อนไปทั่วคนนั้น จะต้องมาจากฝั่งของตนอย่างแน่นอนกระนั้นในใจเขายังสงสัยยิ่งว่า ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ ผู้นี้คือผู้ติดตามที่มีนามว่าหลินเสวียนคนนั้น!เพียงแต่เขาไม่กล้าปักใจเชื่อ เนื่องจากเขาเองก็ค่อนข้างงุนงงเช่นเดียวกัน พลังต่อสู้ของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นแข็งกร้าวและเย้ยฟ้าเกินไป ถ้าเป็นหลินเสวียนจริงๆ ก็เหลือเชื่อเกินไปแล้วอย่างไรเสียหลินเสวียนก็ไม่ใช่ผู้ฝึกปราณของดินแดนรกร้องโบราณ เขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มจากจักรวรรดิจื่อเย่าผู้เติบโตขึ้นมาในโลกชั้นล่างที่แห้งแล้งคนหนึ่งเท่านั้นเด็กหนุ่มเช่นนี้ จะมีพรสวรรค์และพลังที่พลิกฟ้าเยี่ยงนี้ได้หรือ กระทั่ง… เป็นไปได้ว่าจะก้าวลงบนมกุฎมรรคาอันแข็งแกร่งที่สุดด้วยไม่นานผู้เฒ่าเกาหยางก็ไม่อาจคิดมากได้อีกต่อไป เนื่องด้วยบุคคลสำคัญจำนวนมากต่างจ้องเขาด้วยความโกรธ หันปลายหอกพุ่งมาที่ตัวเขา ทยอยข่มขู่และซักไซ้ไล่เลียงที่มาของ ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ คนนี้ถึงขั้นที่เผยจิตสังหารอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย แสดงออกว่าจะไม่ปล่อยให้ ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ มีชีวิตรอดออกไปจากทะเลกลืนวิญญาณสิ่งนี้นอกจากทำให้ผู้เฒ่าเกาหยางปวดหัวแล้ว ในใจยังมีความภาคภูมิประหลาดอย่างหนึ่งไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มคนนี้ก็มาจากเผ่ามนุษย์ เขาตัวคนเดียวกลับสามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งเผ่าใหญ่อื่นๆ นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากทีเดียว!หากแพร่สู่ดินแดนรกร้างโบราณ ต้องถึงขั้นที่ทำให้ขุมกำลังสำคัญแต่ละแห่งของเผ่ามนุษย์ต่างแซ่ซ้องและภาคภูมิใจ!ถึงอย่างไรดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นดินแดนไพศาลที่หมื่นเผ่าพันธุ์ขับเคี่ยวกันเอง กำลังของเผ่ามนุษย์แม้จะแข็งแกร่ง แต่ท่ามกลางอิทธิพลหมื่นเผ่า กลับได้แต่ถูกมองว่าแสนธรรมดา เทียบกับเผ่าที่มีความเป็นมาน่ากลัวแล้วยังห่างชั้นอยู่มาก‘ยังดี ยังมีเวลาสักพักกว่าแดนลับอสูรมารอริยะจะหายไป หวังแต่ว่าเด็กคนนั้นจะเพลาๆ ลงหน่อย อย่าได้ก่อเรื่องจนสร้างความโกรธเกรี้ยวไปทั่วอีก มิเช่นนั้น… ต่อให้ใช้ชื่อของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณก็กลัวแต่ว่าจะปกป้องเขาไว้ไม่ได้…’ผู้เฒ่าเกาหยางพึมพำในใจ ในท่าทีเรียบเฉยนั้นแฝงความซับซ้อนอยู่ด้วย……แดนลับอสูรมารอริยะหลินสวินหยุดเท้าอยู่เบื้องหน้าเทือกเขาที่เปื้อนเลือดผืนนั้น ไม่ได้ไล่ล่าอีกต่อไปแง่หนึ่งก็เพราะเวลานี้เขาเสียพลังกายมากเกินไป อีกแง่หนึ่งก็คือมีความหวาดเกรงอย่างลึกล้ำต่อพื้นที่ส่วนอื่นๆที่นี่เป็นถึงแดนลับอสูรมารอริยะ เปี่ยมด้วยอันตรายและสิ่งที่ไม่ล่วงรู้มากมายเหลือคณาเมื่อเทียบกันแล้วทิวเขาที่เปื้อนเลือดผืนนี้กลับค่อนข้างปลอดภัย ส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากแล้วสุดท้าย หลินสวินหมุนกายกลับไปในเทือกเขานั้นอีกครั้งเขาเพิ่งจะเลื่อนระดับ กอปรกับเพิ่งสลายโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นไปได้ เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ก็คือการฝึกฝนให้ดีสักรอบ เพื่อเคี่ยวกรำและทำให้พลังปราณในระดับนี้มั่นคงในขณะเดียวกันเขาก็ต้องตรึกตรองเกี่ยวกับมรรคาของตนขึ้นอีกหนึ่งก้าว ถึงอย่างไรเหตุสุดวิสัยและความปราชัยที่ประสบในการทะลวงระดับครั้งนี้ก็มีมากเกินไป เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายหน เขาจำต้องสงบจิตใจเพื่อแสวงหามรรคาของตนสวบ!ทุกหย่อมหญ้าในเทือกเขารกชัฏ เงาร่างหลินสวินไหววูบ กำลังมองหาสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับการทำสมาธิเพียงแต่หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว หลินสวินพลันหยุดชะงักอยู่เบื้องหน้ายอดเขาที่พังถล่มลูกหนึ่งทันควัน นัยน์ดำสนิทดุจสายฟ้าเย็นเยียบ มองผ่านห้วงอากาศ กวาดสายตาไปยังจุดที่ห่างไกลโดยพลันพริบตาเมื่อครู่นี่เอง เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่คล้ายมีคล้ายไม่มีสายหนึ่งอย่างชัดเจน ทว่ายามที่ค้นหาอย่างละเอียดกลับไม่พบอะไรเลยสิ่งนี้ทำให้หลินสวินอดมุ่นคิ้วไม่ได้ เขาเข้าใจผิดหรือโดยไม่คิดอะไรมาก เขารุดหน้าต่อไป หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูปเขาก็หยุดอยู่หน้าทะเลสาบใสสะอาดผืนหนึ่ง ทะเลสาบกว้างใหญ่รายล้อมด้วยหมอกสีขาวขุ่น ไอน้ำพวยพุ่งหลินสวินมาถึงที่แห่งนี้ก็กระโจนลงสู่ทะเลสาบ เริ่มต้นชำระคราบเลือดตามตัว การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้ทั่วสรรพางค์กายของเขาชุ่มโลหิต เปื้อนเลือดของศัตรูมากเกินไปฟู่~ร่างแช่อยู่ในทะเลสาบฉ่ำเย็น หลินสวินรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยอย่างหาได้ยาก เสมือนว่ากลิ่นคาวเลือดและการเข่นฆ่าทั่วร่างก็พลอยถูกชะล้างไปสิ้น ภายในใจสงบนิ่งราบเรียบไม่นานนักเขาเดินออกจากทะเลสาบ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งสะอาด ก่อนดึงต้นหญ้ามาลวกๆ ต้นหนึ่ง บิดเกลียวฟั่นเป็นเชือกใช้มัดผมดำไว้หลังศีรษะเขาในขณะนี้สวมชุดสีจันทร์ยวง ดวงหน้าเกลี้ยงเกลา นัยน์ตาดำกระจ่างลึกล้ำ ยืนอยู่เบื้องหน้าทะเลสาบพยับหมอกงดงาม ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายแปลกแยก หลุดพ้น และสันโดษหากไม่พินิจให้ถ้วนถี่ เกรงว่าใครก็คงไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับเด็กหนุ่มโหดเหี้ยมที่ก่อพายุนองเลือดคนนั้นเข้าด้วยกันได้เป็นแน่ไม่นานนักหลินสวินตกได้ปลาหนวดทองอ้วนพีสองตัวจากทะเลสาบ ก่อกองไฟแล้วเริ่มย่างทันใดปลาย่างสุกเร็ว ส่งกลิ่นหอมกรุ่นเย้ายวนหลินสวินเคี้ยวปลาสดนุ่มสีเหลืองเกรียมไปพลาง ทอดมองทะเลสาบที่อยู่ห่างๆ ไปพลาง รู้สึกเบิกบานใจสุดจะพรรณนา ดุจดั่งนักเดินทางที่มาท่องเที่ยวนอกบ้านอย่างไรอย่างนั้นจนกระทั่งพลบค่ำมาเยือน หลินสวินหยัดกายเต็มความสูง บิดขี้เกียจเล็กน้อยอย่างสบายๆ‘ดูเหมือนว่ามือสังหารคนนั้นจากไปแล้วจริงๆ…’หลินสวินรำพัน เขาเตรียมตัวจะจากไปแล้วพรึ่บ!ในขณะที่ความคิดนี้เพิ่งแวบขึ้นในใจของเขา กลางอากาศ แสงเย็นเยียบสายหนึ่งแล่นพุ่งออกมาอย่างไร้สุ้มเสียงด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ พุ่งแทงใส่ศีรษะหลินสวินจากด้านหลังโดยพลัน!เป็นจิตกระบี่สายหนึ่ง!ปรากฏขึ้นฉับพลัน ไร้สุ้มเสียง ทั้งยังเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เกรงว่าคงไม่รู้ตัวและตอบสนองไม่ทันด้วยซ้ำด้วยเพราะจิตกระบี่นี้เรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ ไร้เทียมทานหาตัวจับยาก แม่นยำ หมดจด ตรงไปตรงมา และน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด!แต่กลิ่นอายของมันถูกกดไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงเงียบเชียบไร้เสียงอย่างเห็นได้ชัด ประดุจเงาทะมึนแห่งมฤตยู ระหว่างที่ไม่ทันระวังก็ถูกครอบงำไว้แล้วฟุ่บ!กระหม่อมของหลินสวินถูกแทงทะลุตรงๆ แต่สิ่งที่น่าพิศวงคือ เงาร่างของเขาดุจดั่งฟองสบู่ อันตรธานหายไปในชั่วพริบตานี่เป็นเพียงแค่เศษเงาสายหนึ่งเท่านั้น สาเหตุก็อยู่ที่การเคลื่อนไหวของหลินสวินเร็วเกินไป ชิงหลบไปก่อนที่จิตกระบี่สายนั้นจะพุ่งมาถึง!“แย่แล้ว!”ทันใดนั้นเสียงร้องอุทานดังขึ้นในห้วงอากาศที่ห่างออกไปในเวลาเดียวกันนั่นเอง หลินสวินปรากฏตัวขึ้นทันใด ซัดหมัดกระแทกใส่กลางห้วงอากาศนั้นเต็มเหนี่ยว!——
คอมเม้นต์