Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ตอนที่ 571 ท่วงท่าสง่างามไร้มลทิน
ตูม!หลินสวินเหยียบย่างออกไปก้าวหนึ่ง แล้วสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ลมหมัดแวววาวอวลด้วยท่วงทำนองมรรคไหลพุ่งออกมา เกิดเป็นปรากฏการณ์ประหลาดน่าหวาดหวั่นอย่างธาราขุนเขาถล่ม ฟ้าทลายพื้นดินแยกออก“อ๊าก…”ผู้แข็งแกร่งเผ่ากวางหยกสี่คนที่พุ่งมาหน้าสุดล้วนร้องเสียงดัง สีหน้าพรั่นพรึงและหดหู่ ทรวงอกของพวกเขาสลายกลายเป็นจุณ อวัยวะภายในระเบิดเป็นชิ้นๆ เลือดสดๆ ไหลรินนี่ทำให้ผู้คนสิ้นหวังและหวาดหวั่น การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้นก็ทำลายผู้แข็งแกร่งไปสี่คนแล้ว!ฮูม!ในขณะเดียวกัน ใต้เท้าของหลินสวินปรากฏเงามายาของชือน้ำแข็งมหึมาตัวหนึ่ง ขาวราวหิมะใสราวน้ำแข็ง ชูคอร้องครวญ ม้วนตัวในห้วงอากาศ ดวงตาเย็นชาราวน้ำแข็งไร้อารมณ์ เหยียดมองลงมายังฝูงชนตู้ม!ชือน้ำแข็งทะยานขึ้นฟ้า พาให้ห้วงอากาศระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แกว่งหางครั้งเดียวก็มีผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนถูกกวาดโดนในทันใด ร่างกายระเบิดแหลกราวเศษกระดาษ ได้แต่ตายไปพร้อมความเคียดแค้นอยู่ตรงนั้นนี่ก็คือก้าวย่างชือน้ำแข็ง เป็นวิชาเคลื่อนไหวร่างกายที่ลึกลับยากคาดเดาวิชาหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นวิชาลับด้วย หากฝึกถึงขั้นสูงสุด เหยียบย่างออกไปก้าวเดียวชือน้ำแข็งก็จะออกมาห้อมล้อมปกป้อง สามารถกำราบศัตรูรอบทิศ ไม่อาจให้อริภายนอกกล้ำกราย!เมื่อผ่านการชำระล้างเป็นตายของด่านเคราะห์อสนี ทำให้หลินสวินใช้ความอัศจรรย์ของก้าวย่างชือน้ำแข็งถึงขีดสุดได้นานแล้ว ตอนนี้ยามสำแดงพลังออกไป ก็ระเบิดพลังสะท้านโลกาในทันใด!“เร็วเข้า ลงมือฆ่ามันด้วยกัน!”“ฆ่า! ชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเด็กนี่มา!”ผู้แข็งแกร่งหลายคนตะคอกดัง ครั้งนี้เป็นศัตรูรอบด้านอย่างแท้จริง ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าที่กระจายโดยรอบต่างลงมือแล้ว เงาร่างไหววูบพุ่งเข้ามาจากทั่วสารทิศในชั่วขณะเดียวแสงสมบัติก็ท่วมทะลักฟ้าดิน อาวุธวิญญาณปลิวว่อนยุ่งเหยิง แสงน่าหวาดหวั่นเกี่ยวกระหวัดไปทั่ว แผ่ขยายประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยวสภาพการณ์น่ากลัวยิ่งแล้ว!ที่ต้องรู้ก็คือ ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าในที่นี้แทบจะครอบครองพลังปราณระดับหยั่งสัจจะทั้งหมด ในกลุ่มนี้ไม่ขาดผู้กล้ารุ่นเยาว์ รวมถึงผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสหลายคนและตอนนี้พวกเขาร่วมมือกันล้อมโจมตีหลินสวินเพียงผู้เดียว แค่คิดก็รู้ว่าจะสะท้านโลกาขนาดไหนฟ้าดินเปลี่ยนสี สภาพอากาศแปรปรวน กลิ่นอายทำลายล้างกำเริบเสิบสาน เปิดฉากมหาสงครามสะเทือนใต้หล้าครั้งหนึ่งไม่ว่าจะเพื่อฆ่าหลินสวินหรือเพื่อช่วงชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขาไป ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าล้วนไม่ออมมือ จิตสังหารพลุ่งพล่าน พลานุภาพเหลือคณาหากเปลี่ยนเป็นผู้มีปราณระดับหยั่งสัจจะทั่วไปคนอื่น เกรงว่าจะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ อกสั่นขวัญหายแต่แรกแล้วอย่างไรเสียแค่คนตัวคนเดียว เมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้หวาดผวาหมดหวังแต่หลินสวินเป็นตัวอย่างที่พิเศษอย่างเห็นได้ชัดเขาไม่หลบหนี ถึงกับเป็นฝ่ายออกตัวรับการต่อสู้!เปรี้ยง!แสงเทพซัดสาดทั่วร่างเขา ท่วงทำนองมรรคโอบล้อมราวแสงอุษาศักดิ์สิทธิ์ ในมือถือดาบหักเล่มหนึ่ง ดุจเซียนประทับดาบ โอหังและเหนือธรรมดา ท่วงท่าสง่างามไร้มลทินสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งที่ขั้นสุดยอด ทำให้เงาร่างของเขารวดเร็วอย่างไม่อาจคาดคิด เคลื่อนไหวหายตัวต่อเนื่องราวภาพมายาทุกครั้งที่หายตัวจะก่อให้เกิดการนองเลือดครั้งหนึ่ง!ในลานเลือดสาดราวสายฝน ผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าล้วนไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกสังหารคาที่ ไม่ก็ถูกฟันผ่าท้องเปิดอก ไม่ก็ถูกฟันคอขาด หรือไม่ก็ถูกบดขยี้ร่างกายเข้าอย่างจัง…ภาพนองเลือดน่าหดหู่ สะท้านขวัญติดตาผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าเหล่านี้ล้วนมาเพราะเขา ด้วยเหตุนี้หลินสวินจึงไม่ออมมือแต่อย่างไร สังหารเลือดสาดตลอดทาง กระตุ้นพลังยุทธ์ของตัวเองถึงขีดสุด พลังรุนแรงทำลายราบเป็นหน้ากลอง โจมตีจนบรรพตราบเรียบไอเลือดลอยอ้อยอิ่งทั่วฟ้าดิน เสียงฆ่าฟันสะท้านฟ้า แม้มีตัวคนเดียวแต่กลับเหมือนพยัคฆ์ฝ่าเข้าฝูงหมาป่า ห่าโลหิตพัดโหม“เขา… เขาไม่ได้โดนอสนีวิบัติจนได้รับบาดเจ็บปางตายหรือ เหตุใดถึงน่ากลัวขนาดนี้”ในลานเริ่มมีเสียงร้องอย่างไม่พอใจและพรั่นพรึงดังขึ้นตามการต่อสู้ที่ดำเนินไปเห็นชัดว่าความแข็งแกร่งและดุดันของหลินสวินเกินเลยไปจากที่พวกเขาทุกคนคาดไว้โดยสิ้นเชิง เดิมนึกว่าเป็นแพะรอเชือดตัวหนึ่ง ใครจะคิดว่าชั่วพริบตาจะกลายเป็นเทพมารหนุ่มน้อยองค์หนึ่งไปเสียแล้ว!ที่ต้องรู้ก็คือ เขาเพิ่งบรรลุเข้าระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น ภายใต้การล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ไม่เพียงไม่เพลี่ยงพล้ำ กลับถูกเขาสังหารจนห่าเลือดพัดว่อนราบเป็นหน้ากลองตลอดทาง จะไม่ทำให้ผู้คนสะท้านขวัญได้อย่างไรมองไปทั่วโลกา มีใครทำเช่นนี้ได้อีกหรือเกรงว่าต่อให้เป็นบุคคลระดับบุตรเทพ ธิดาเทพของแต่ละเผ่ามาเยือน ก็ยังต่อกรกับคมดาบของเขาได้ยากกระมัง“ฆ่า! หากเด็กนี่ไม่ถูกกำจัด วันหน้าต้องกลายเป็นหนามยอกอกชิ้นใหญ่แน่!”มีผู้แข็งแกร่งคำรามเดือดดาล ในสายตารับรู้ได้ถึงปัญหา หลินสวินมีพลังต่อสู้พลิกฟ้าเช่นนี้ทั้งที่บาดเจ็บสาหัส หากเขาฟื้นตัวจนอยู่ในสภาพดีที่สุดจะน่าสยดสยองปานไหนการสังหารยังคงดำเนินต่อไป ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น คาวเลือดเข้มข้นและเสียงร้องโหยหวนปะปนกันราวภาพในนรกตูม!ในที่สุดมีผู้แข็งแกร่งร้ายกาจออกโจมตี เรียกตราประทับโบราณชิ้นหนึ่งออกมา สาดแสงสุวรรณเจิดจ้า กำราบออกไปอย่างร้ายกาจเห็นได้ชัดว่าตราประทับนั้นเป็นสมบัติลับชิ้นหนึ่ง พลานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทันทีที่เผยตัวก็เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดอย่างผีครวญครางหมาป่าโหยหวน ห่าเลือดปลิวว่อนตราโบราณสังหารมาร!อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาในเผ่ากาฬพฤกษ์!ผู้แข็งแกร่งหลายคนล้วนจำได้ แต่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกหนาวเยือกในใจก็คือ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ผู้นั้นไม่หลบไม่หนี ดาบหักตัดขวางห้วงอากาศ เพียงการโจมตีเดียวถึงกับซัดตราโบราณสังหารมารนั่นกระเด็นออกไป ส่งเสียงครวญคร่ำโหยหวนไม่ว่างเว้น!ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ดาบหักนั่นก็เป็นสมบัติลับที่ไม่ด้อยไปกว่าตราโบราณสังหารมาร หาไม่แล้วจะตีให้แตกพ่ายด้วยการโจมตีเดียวอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้หรือเมื่อรับรู้ถึงจุดนี้ ผู้แข็งแกร่งหลายคนก็ล้วนขนลุกขนพอง เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ผู้นี้ไม่เพียงมีพลังต่อสู้พลิกฟ้า ขนาดสมบัติในมือยังเป็นสมบัติลับที่ไม่อาจคาดคิดได้!หลินสวินเมินทุกสิ่งนี้ สีหน้านิ่งสงบ ตัวเขาประหนึ่งดวงตะวันแผดเผาโชติช่วง ส่องแสงสว่างยิ่งเขาอาศัยศึกนี้หยั่งรู้พลังของระดับหยั่งสัจจะในร่าง ฝึกฝนและตรวจสอบความแข็งแกร่งของตน ใช้สิ่งนี้มาสร้างเสริมและเคี่ยวกรำพลังของตัวเองอย่างไรเสียระดับหยั่งสัจจะก็เป็นระดับใหม่ทั้งหมด ต่อให้เป็นหลินสวินก็ต้องปรับตัวและควบคุมพลังใหม่เอี่ยมนี้อีกครั้งฆ่า!พลังหยั่งสัจจะในกายหลินสวินร้องครั่นครืน เลือดลมทั้งกายดุจมังกรโผนทะยาน เมื่อยกมือวาดเท้าก็ปลดปล่อยอานุภาพเหนือธรรมดา เหมือนเทพไท้องค์หนึ่ง ในมือถือดาบหักสังหารรอบทิศนี่ก็คือหนทางแห่งมกุฎหลังจากการยกระดับถึงที่สุด เป็นหนึ่งในมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ยุคบรรพกาล ยากพบเห็นอย่างหาใดเทียบ ประหนึ่งฝืนฟ้าตัดวิถี หาได้ยากในโลกาตั้งแต่บรรพกาลกระทั่งตอนนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้กล้าที่โดดเด่นน่าตื่นตาถือกำเนิดมาแล้วกี่คน แต่คนที่สามารถเหยียบย่างลงบนมรรคาที่ทรงพลังที่สุดเช่นนี้มีเพียงหยิบมือเท่านั้นผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ล้วนยากจะบรรลุถึงเส้นทางนี้แต่ขอเพียงเหยียบย่างลงบนเส้นทางนี้ได้ ย่อมไม่เหมือนผู้ใด ทั้งไม่มีผู้ใดเหมือน นี่จึงจะเป็นหนทางแห่งผู้กล้าไร้เทียมทานตามความหมายอย่างแท้จริงบนมรรคาชั้นนี้ ผู้กล้าที่คนอื่นเรียกขานกันต่างซีดจางหม่นหมองมกุฎ!เพียงแค่คำนี้ก็สามารถขนานนามได้ว่าเป็นราชันในรุ่นเดียวกัน เป็นพลังอันเป็นเอกอุของมหามรรค!การต่อสู้ดำเนินต่ออย่างดุเดือดยิ่งขึ้น ในรัศมีร้อยลี้ ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าถูกถล่มราบ ป่าเก่าแก่ถูกทำลายล้างสิ้น พื้นดินแตกระแหง ห้วงอากาศยุ่งเหยิงเลือดสีแดงสดย้อมผืนดินและห้วงอากาศ เสียงโหยหวนและตะโกนดังท่วมท้นไปทั่วทุกกระเบียด ควันดินอบอวล เลือดนองสะท้านโลกา“ยามอยู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณเขาก็มีพลังที่สู้กับข้าได้ ตอนนี้เขาผ่านด่านเคราะห์อสนีและมีชีวิตอยู่ เหยียบย่างเข้าระดับหยั่งสัจจะแล้ว ในแดนลับอสูรมารอริยะจะมีสักกี่คนที่สามารถต้านทานเขาได้”ไกลออกไปจากลาน ธิดาเทพหลินหลางขมขื่น“รับมือยากอยู่บ้างจริงๆ ไม่สิ รับมือยากมาก เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้น่าจะเป็นบุคคลระดับเอกอุที่ล่ำลือกันในบรรพกาล ในระดับเดียวกันไร้ศัตรูประหนึ่งราชัน สามารถกำราบศัตรูทั้งมวล หากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป หนทางของเขาในภายภาคหน้าต้องก้าวล้ำผู้กล้าทุกคนแน่”บุตรเทพอวี่เซียวเซิงสีหน้าอึมครึมหาใดเทียบ เขาเคยอ่านทำความเข้าใจตำราโบราณมาบ้าง รู้จักความลับบางอย่าง ดังนั้นจึงพอจะเดาได้ว่าหลินสวินในตอนนี้มีศักยภาพแฝงเช่นไรนี่ทำให้ใจเขาหนาวสะท้านและหวาดหวั่นที่เขากับธิดาเทพหลินหลางไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ เดิมทีก็เกิดจากความระมัดระวัง ไม่อยากเปิดเผยฐานะเร็วเกินไปแต่เมื่อได้เห็นแสนยานุภาพที่หลินสวินสำแดงออกมาในการต่อสู้ ทั้งสองคนก็อดยินดีในใจไม่ได้ ยังดีที่ไม่บุ่มบ่ามเข้าไปร่วมด้วย หาไม่แล้วขนาดพวกเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสังหารหลินสวินอย่างไรเพียงแต่นอกจากยินดี ในใจพวกเขาก็หนักอึ้งอย่างหาใดเทียบ เป็นบุคคลระดับผู้กล้าเช่นกัน เดิมทีพวกเขาก็ต่างเป็นบุตรเทพและธิดาเทพในเผ่าของตัวเอง รุ่งเรืองเจิดจ้าไร้ขอบเขต ในระดับเดียวกันหาคู่ต่อสู้ได้ยากแต่เมื่อเทียบกับหลินสวิน กลับทำให้ทั้งสองคนมีความกดดันและหวั่นเกรงแรงกล้า‘ต้องรีบยกระดับตัวเองแล้ว!’ทั้งสองคนตั้งมั่นเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย ความรุ่งเรืองของหลินสวินทำให้พวกเขารู้สึกเร่งร้อน ไม่อาจทนให้หลินสวินโดดเด่นแต่เพียงผู้เดียวบนหนทางมหามรรคแท้จริงแล้วยังมีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยที่ไม่ได้ลงมือ ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเช่นพวกเขาสองคน ทุกคนล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดของแต่ละเผ่า พวกเขาไม่ได้กริ่งเกรง แต่ทำเพราะศักดิ์ศรี ดูหมิ่นการเข้าไปแก่งแย่งกับผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ว่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเพียงแต่เมื่อเห็นพลานุภาพโดดเด่นที่หลินสวินระเบิดออกมา ทำให้พวกเขาก็ตกใจอยู่ลึกๆ รับรู้ได้ถึงความคุกคาม“หืม?”ทันใดนั้นอวี่เซียวเซิงสังเกตอะไรได้ ดวงตาพลันเปล่งประประกาย “เจ้าเด็กนั่นเหมือนจะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว!”ในขณะเดียวกัน ธิดาเทพหลินหลางรวมถึงบุคคลชั้นยอดที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ล้วนมองไปยังลานต่อสู้หลินสวินที่เดิมพลานุภาพหาใดเทียมกลับเริ่มกระอักเลือดโดยพลัน หน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าซีดขาว บนร่างปรากฏรอยแผลปริขาด อาการบาดเจ็บรุนแรงหาใดเปรียบนี่ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ของเขา ทำให้สถานการณ์ของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นอันตราย!หลังจากภาพที่แปรเปลี่ยนกะทันหันนี้เกิดขึ้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ทันใดนั้นก็ยินดีขึ้นมาอย่างหาใดเปรียบ เจ้าหมอนี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากด่านเคราะห์อสนี และตอนนี้ก็ทนไม่ไหวแล้วในที่สุดความสามารถของหลินสวินเมื่อครู่ดุดันและโอหังเกินไป ทำให้พวกเขาแทบหมดหวัง จะไปคิดได้อย่างไรว่าสถานการณ์จะพลิกผัน เกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ได้“ฮ่าๆๆ…”ผู้แข็งแกร่งบางคนอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ล้วนถอนหายใจยาว แล้วจึงกัดฟันพุ่งไปหาหลินสวินอย่างบ้าคลั่ง หมายจะถือโอกาสนี้โจมตีสังหารเขา!“ได้เวลาพวกเราเคลื่อนไหวแล้ว!”ไกลออกไป บุตรเทพอวี่เซียวเซิงสายตาเย็นชาน่ากลัว จิตสังหารห้อมล้อม“ไป!”ธิดาเทพหลินหลางเรียกระฆังสำริดสีเลือดออกมา พลิ้วลอยทะยานออกไปแทบจะในเวลาเดียวกัน บุคคลชั้นยอดที่เดิมซุ่มซ่อนอยู่ในความมืดก็ล้วนรับรู้ได้ว่าโอกาสที่แท้จริงมาแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลส่วนในลาน หลินสวินกลับกระโจนขึ้นสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งดุจภูตผีในนิมิตมายา ว่องไวจนไม่อาจคาดคิดได้ หนีห่างออกไปไกลยามภาพนี้ปรากฏสู่สายตาของผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น ยิ่งพิสูจน์ว่าหลินสวินใกล้จะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว ไม่อาจไม่หนีตาย!——
คอมเม้นต์